(โปรดอ่านบ้าง...อย่าเพียงแต่แวะมาทักทาย) เพียงท่านแวะมาอ่าน เราก็แอบนิยมท่านในใจ
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
29 พฤษภาคม 2554

น่าอ่านแต่ยาว


ทำไมหอยมุขถึงมีเปลือกหนา~เพราะเนืื้อในมันอ่อนบาง ง่ายต่อระคายเคืองเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไป เมื่อก่อนมันเลยตายง่่่าย
แล้วสมัยนี้ล่ะ~ชีวิตต้องดำเนินต่อไป มันรักษาชีวิต ด้วยการหลั่งสารเรืองแสงมาหุ้มสิ่งแปลกปลอมนั้น น่าแปลก ที่สิ่งแปลกปลอมนั้น กลับมีค่าเหลือเกิน
ทำไมคนนั้นภายนอกดูใจร้ายจัง~เพราะเค้าเป็นอ่อนโยน อ่อนไหวนะซิ แต่เมื่อวันเวลาผ่านนะ เค้าจะรักษาความอ่อนโยนภายในนั้น ด้วยสิ่งที่มีค่าเช่นกัน
และเมื่อเราพบคนอ่อนโยน อ่อนไหว แต่ภายนอกแสดงออกมาเข้มแข็ง ให้คบคนไนั้นให้ดี อย่าให้อะไรมาทำให้เสียไป
เพราะภายในเขามีสิ่งที่มีค่ามากเลยทีเดียว... หัวใจไง
(คณิต โฆษิตวัฒนฤกษ์)



- อยากฉลาดไหม
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า ความพยายามบางครั้งก็เป็นแค่ความพยายาม
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า อย่าหวังว่าใครจะเห็นความสำคัญเรามากกว่าตัวเอง
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า คนที่เรารัก บางทีก็มีคนทีี่เขารัก
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า คนที่เราอยู่ใกล้แล้วมีความสุข
อาจเป็นเดียวกันกับที่ทำให้เราเสียใจที่สุด
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า คำหวานจากปากเขา เขาพูดเพียงเพราะ
เขาชอบพูดคำหวานๆกับใครเสมอ
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า การโกหกเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาไม่ว่ากับใคร
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า เวลาที่เราต้องการเขาที่สุด
อาจเป็นเวลาเดียวกันกับที่เขาหมดรักเราแล้ว
ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่า คนที่เรารักอาจเป็นคนเดียวกันกับที่ไม่เคยรักเรา



- ความแตกต่างระหว่างรักกับชอบ…
ต่อหน้าคนที่คุณรักหัวใจคุณจะเต้นรัว ต่อหน้าคนที่คุณชอบคุณจะมีความสุข
ถ้าคุณจ้องหน้าคนที่คุณรักคุณจะหน้าแดง ถ้าคุณจ้องหน้าคนที่คุณชอบคุณจะยิ้มออกมา
ต่อหน้าคนที่คุณรักคุณจะไม่สามารถพูดทุกสิ่งในใจ ต่อหน้าคนที่คุณชอบคุณทำได้
ต่อหน้าคนที่คุณรักคุณจะเขินอาย ต่อหน้าคนที่คุณชอบคุณจะเปิดเผยความเป็นคุณ
เมื่อคนที่คุณรักร้องไห้คุณจะร้องไห้กับเขา เมื่อคนที่คุณชอบร้องไห้คุณจะปลอบเขา
ความรู้สึกรักเริ่มต้นที่ดวงตา (การกระทำ) ความรู้สึกชอบเริ่มต้นที่หู (คำพูด)
ถ้าคุณจะเลิกชอบคนที่คุณชอบคุณก็แค่ปิดหูเท่านั้นก็พอ แต่ถ้าคุณพยายามจะปิดตา รักจะกลายเป็นน้ำตา และเมื่อคุณเปิดตาอีกครั้ง คุณจะรู้สึกว่าสิ่งที่คุณเสียไปคือสิ่งที่คุณรักมากที่สุด




- เคล็ดลับ 7 ประการในการรู้จักคนเจ็ดประการของ ขงเบ้ง
1) ยกปัญหาผิดชอบชั่วดีมาทดสอบอุดมการณ์ของเขา
2) ไล่ให้จนตรอกเพื่อทดสอบความเปลี่ยนแปลง
3) ใช้กลอุบายทดสอบสติปัญญา
4) ทำให้คนนั้นอยู่ในภาวะคับขันเพื่อทดสอบความกล้าหาญ
5) มอมเหล้าเพื่อดูสันดาน
6) ใช้ผลประโยชน์ล่อเพื่อดูคุณธรรม
7) มอบงานให้ทำเพื่อทดสอบศรัทธาและความเชื่อมั่นของเขา




- การที่เราจะคบหาหรือรู้จักกับใครสักคน ไม่ว่าในฐานะใดก็ตาม
สิ่งที่ควรท่องจำอยู่เสมอคือ คนเป็นสิ่งมีชีวิต ที่มีทั้งด้านบวกและด้านลบในตัว
อย่าตั้งใจกับคนหนึ่งคนมากเกินไป เพราะไม่มีใครอยากเป็นต้นเหตุแห่งความล้มเหลว
อย่าคาดหวังกับคนหนึ่งคนมากเกินไป เพราะไม่มีใครเป็นได้อย่างที่คุณต้องการ
อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงคนหนึ่งคนมากเกินไป เพราะนั่นทำให้เขาไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเอง
อย่าให้เวลากับคนหนึ่งคนมากเกินไป เพราะไม่ว่าใครก็อยากมีช่วงเวลาเป็นส่วนตัวคนเดียว
อย่าควบคุมชีวิตคนหนึ่งคนมากเกินไป เพราะมนุษย์มักหาวิธีแทรกตัวเพื่อออกจากกฎที่ถูกกำหนด
อย่าบีบบังคับคนหนึ่งคนมากไปกว่านี้ เพราะถ้าคนคนนั้นหลุดจากการบีบบังคับมาได้ คุณจะกลายเป็นคนที่ถูกหันหลังให้ทันที…อยากรู้จักใครซักคนต้องหัดเรียนรู้ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลง




- ข้อแตกต่างระหว่างผู้ชนะกับผู้แพ้

ผู้ชนะเมื่อผิดพลาดจะบอกว่าเป็นความผิดฉันเอง
ผู้แพ้เมื่อพบความผิดพลาดจะบอกว่าไม่ใช่ความผิดฉัน
ผู้ชนะจะทำงานหนักกว่าปกติ และมีเวลาว่างมากกว่า
ผู้แพ้จะทำงานยุ่งทั้งวัน โดยไม่คิดว่างานไหนควรทำก่อนหลัง
ผู้ชนะจะเผชิญหน้ากับปัญหา และลงมือแก้ปัญหานั้น
ผู้แพ้จะทำตรงข้ามเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานั้น
ผู้ชนะจะลงมือทำงานเพื่อให้เกิดผลงานขึ้น
ผู้แพ้จะให้สัญญาแต่ไม่ลงมือทำงาน
ผู้ชนะจะพูดว่า “ฉันทำงานได้ดี แต่ยังไม่ดีเท่าที่ฉันต้องการ”
ผู้แพ้จะพูดว่า “ยังมีคนอีกหลายคนที่แย่กว่าฉัน”
ผู้ชนะจะตั้งใจฟัง แล้วทำความเข้าใจ และสามารถตอบสนองได้
ผู้แพ้จะรออย่างเดียวโดยไม่ฟัง ไม่ทำความเข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูด จะรอจนกว่าถึงคิวที่ตนพูด
ผู้ชนะยอมรับนับถือคนที่มีความสามารถสูงกว่า
ผู้แพ้จะพยายามหาข้อผิดพลาดของคนที่เหนือกว่าเขา
ผู้ชนะจะมีความรับผิดชอบไม่เพียงแต่งานที่ได้รับมอบหมาย
ผู้แพ้จะไม่กล้าช่วยคนอื่นและมักบอกว่าไม่มีเวลาว่างฉันกำลังทำงานของฉันอยู่
ผู้ชนะจะมีวิธีทำให้ดีขึ้นเสมอ
ผู้แพ้จะพูดว่า “นี่คือวิธีที่ดีที่สุด”
ผู้ชนะจะมองเห็นทางออกในทุกๆปัญหาที่เจอ
ผู้แพ้จะคอยหาเรื่องขัดขวางในทุกๆทางออกที่มีผู้อื่นเสนอ
ผู้ชนะมักเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ
ผู้แพ้มักเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา




ข้อควรจำ

- นึกไว้เสมอว่าการโกรธ 1 ชั่วโมงจะทำให้ความทุกข์อยู่กับคุณ 3 ชั่วโมง
- ถ้ายิ้มให้กับคนในกระจก รับรองว่าเขาจะต้องยิ้มตอบกลับมาทุกครั้ง
- ลองปลูกต้นไม้ดูซักต้น การเติบโตของมันจะบ่งบอกความเป็นคุณ
- ซาลาเปา 1 ลูกกินได้ 2 คน ลูกชิ้นปิ้ง 1 ไม้กินได้ 4 คน…ถ้าคุณคิดจะแบ่งเท่านั้นเอง
- หลับตานิ่งๆสักสามนาทีเมื่อรู้สึกว่าอะไรที่อยู่ตรงหน้ามันช่างยากเย็นซะจริงๆ
- ระหว่างแปลงฟันฮัมเพลงไปด้วย จะทำให้แปลงฟันสะอาดขึ้น
- เคี้ยวข้าวให้ช้าลง แล้วข้าวจะอร่อยขึ้น
- ไม่ว่าผมจะยาวหรือสั้น ก็ต้องการให้หวีอย่างทะนุถนอมเหมือนกันหมด
- การขึ้นบันใดสูงๆแบบไม่ให้เหนื่อยคือ การไม่นับว่ากำลังยืนอยู่ที่บันไดขั้นที่เท่าไหร่
- คนตาบอดจะเห็นคุณสวยทันทีที่คุณถามว่า “ช่วยพาข้ามถนนไหมคะ”
- เมื่อจะหยิบเงินให้ขอทานไม่จำเป็นต้องนับก่อนหรอก
- ควรจะหัดพูดคำว่า “ไม่เป็นไร” ให้ชินปากมากกว่าคำว่า “จะเอาไง”
- สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง เรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้ จึงเล่าให้มันฟัง
- อาหารที่ไม่ชอบกินตอนเด็ก ลองตักเข้าปากอีกที อาจจะเป็นอาหารจานโปรด
- ปล่อยให้น้ำตาไหลลงโดยไม่ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้ง จะดูแทบไม่ออกว่าเพิ่งร้องไห้มา
- ตุ๊กตาและของเล่นเก่าๆจะทำให้เรายิ้มออกเสมอ เมื่อไปหยิบมาเล่นอืกครั้ง
- ก่อนจะซื้ออะไรก็ตาม ต้องคิดหาข้อดีให้ได้ก่อนอย่างน้อยสามข้อ
- ถึงเสื้อ กางเกง ในตู้จะมีอยู่น้อย แต่ใส่สลับกันไปเรื่อยๆจะทำให้ดูเยอะขึ้น
- ในวันที่รู้สึกเศร้าๆเหงาๆ เดินไปซื้อดอกไม้ให้ตัวเองซักดอก จะรู้สึกดีขึ้น
- แอบรักใครซักคน ยังดีกว่าไม่เคยรู้ว่าความรู้สึกมันเป็นอย่างไร
- ถึงไม่ได้ออกไปไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแต่ตัวสวยๆหล่อๆไม่ได้
- ฝึกโรแมนติกง่ายๆคนเดียวบ้าง ด้วยการนับดาวให้ครบร้อยดวงก่อนนอน
- ถ้าคุณเช็ดกระจกที่ขุ่นมัวให้สดใสได้ ทำไมคุณจะทำอะไรให้ดีกว่านี้ไม่ได้
- พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดให้จบเล่ม มันอาจไม่สนุก แต่ก็มีประโยชน์แฝงอยู่
- แค่เอาข้าวที่กินไม่หมดไปให้หมาข้างถนน ก็เป็นการทำบุญแล้ว




ปราชญ์สอนว่า โดยขงจื้อ (บางส่วน)

- ไม่ต้องเป็นห่วงว่าคนอื่นจะไม่เข้าใจเรา แต่ต้องเป็นห่วงว่าเราจะไม่เข้าใจคนอื่น
- การศึกษาถ้าเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง ก็มีแต่ผลเสีย
- การยอมรับว่าไม่รู้ นั่นคือการรู้แล้ว
- ความผิดพลาดอันเนื่อง มาจากความประหยัดนั้นมีน้อยเหลือเกิน
- ผู้มีคุณธรรมไม่มีวันถูกทอดทิ้ง ต้องมีคนมาคบหา
- ทำตัวฉลาดในเรื่องเล็กๆน้อยๆต่อไปจะลำบาก
- บัณฑิตขอร้องกับตนเอง คนพาลขอร้องกับคนอื่น
- เรื่องเล็กน้อยไม่อาจอดกลั่น เรื่องใหญ่จะเสีย
- ถูกคนเกลียดต้องพิจารณา ถูกคนรักก็ต้องพิจารณา
- เพื่อนที่ชอบสอพลอ เพื่อนที่อ่อนน้อมเอาใจ เพื่อนที่ชอบเถียงโดยไม่มีความรู้ สามอย่างนี้เป็นภัยแก่เรา
- นิสัยของคนเหมือนกัน การศึกษาทำให้ต่างกัน
- เฉพาะคนที่มีปัญญาสูงกับคนโง่เท่านั้น ที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเขาได้
- รักความซื่อสัตย์แต่ไม่มีการศึกษา เป็นภัยแก่ตัวโดยง่าย
- มีความรู้แต่ไม่มีการศึกษา ความรู้นั้นกระจัดกระจาย ไม่มีฐานตั้ง
- รักการพูดจริงแต่ไม่มีการศึกษา คำพูดนั้นทำร้ายผู้อื่นโดยง่าย
- รักความกล้าหาญแต่ไม่มีการศึกษา ก่อความไม่สงบโดยง่าย
- รักความเข้มแข็งแต่ไม่มีการศึกษา เป็นคนมุทะลุโดยง่าย
- อ่านหนังสือโดยไม่คิด การอ่านนั้นไม่ได้อะไร
- ค้นคิดโดยไม่อ่านหนังสือ การค้นคิดก็เปล่าประโยชน์
- การนินทาว่าร้ายเป็นเรื่องของเขา การให้อภัยเป็นเรื่องของเรา




หนักหนากว่าความเบื่อ คือ เศร้า
หนักหนากว่าความเศร้า คือ ชีวิตไร้สุข
หนักหนากว่าการที่มีชีวิตไร้สุข คือ ป่วย
หนักหนากว่าความป่วยไข้ คือ ถูกทอดทิ้ง
หนักหนากว่าการถูกทอดทิ้ง คือ อยู่อย่างเปล่าเปลี่ยวบนโลกใบนี้
หนักหนากว่าการอยู่อย่างเปล่าเปลี่ยวบนโลกใบนี้ คือ พลัดพราก
หนักหนากว่าการพลัดพราก คือ ตาย
หนักหนากว่าความตาย คือ การถูกลืม




ฉันได้เรียนรู้ว่า…
ฉันได้เรียนรู้ว่า การฟังเพลงเบาๆในยามเศร้า ช่วยบรรเทาความทุกข์ในใจให้เบาบางลงไปได้อย่างมากมาย
ฉันได้เรียนรู้ว่า สามารถหาเงินได้มากขึ้น แต่ไม่สามารถหาเวลาได้มากขึ้น
ฉันได้เรียนรู้ว่า อาจรักใครบางคนทั้งๆที่ไม่ได้ชอบอะไรเขามากมาย
ฉันได้เรียนรู้ว่า ยังมีสิ่งหนึ่งที่เจ็บปวดไปกว่าการถูกเกลียดชัง นั่นคือการเมินเฉย
ฉันได้เรียนรู้ว่า แม้ต้องเจ็บปวด แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างเจ็บปวด
ฉันได้เรียนรู้ว่า การคาดเดานั้นเลิศหรูกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเสมอ
ฉันได้เรียนรู้ว่า การลืมสิ่งที่ผิดพลาดไปนั้น สำคัญพอๆกับการจดจำในสิ่งที่ดีงามเอาไว้
ฉันได้เรียนรู้ว่า ไม่อาจคาดหวังให้คนอื่นทำในสิ่งที่ฉันต้องการได้
ฉันได้เรียนรู้ว่า เมื่อสิ่งเลวร้ายผ่านเข้ามา คุณจะปล่อยให้มันสร้างความขมขื่นใจให้คุณ หรือใช้มันเป็นพลังในการสร้างความเข้มแข็งให้คุณก็ได้
ฉันได้เรียนรู้ว่า ถ้าต้องการคำตอบที่ดี คำถามก็ต้องดีค้วย
ฉันได้เรียนรู้ว่า อาจมีใครรักคุณอย่างจริงจังอยู่ก็ได้ เพียงแต่เขาไม่รู้จะแสดงออกอย่างไรดี
ฉันได้เรียนรู้ว่า การจะให้อภัยคนเป็นนั้น ต้องการการฝึกฝน
ฉันได้เรียนรู้ว่า ในที่สุดแล้วผู้รับจะกลายเป็นผู้แพ้ ผู้ให้นั่นแหละจึงเป็นผู้ชนะ
ฉันได้เรียนรู้ว่า การซื่อสัตย์ต่อสิ่งเล็กๆน้อยๆไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย
ฉันได้เรียนรู้ว่า สิ่งที่ทำให้เสียเพื่อนง่ายที่สุด คือการให้ยืมเงิน
ฉันได้เรียนรู้ว่า การที่จะรู้ค่าของอะไรซักอย่างต้องเสียมันไปซะก่อน




สิ่งที่เรียนรู้เมื่ออายุปูนนี้ ของ โน๊ต อุดม แต้พาณิช

- มนุษย์ต้องการสิ่งที่ตัวเองไม่มี
- แฟนของคนอื่นมักสวยกว่าเสมอ
- เวลาที่วิ่งมารับโทรศัพท์จากที่ไกลๆ เมื่อมาถึงเสียงโทรศัพท์จะหยุด เรามักจะมาสายไปหนึ่งจังหวะเสมอ
- ถ้าแอบรักใคร อย่าฝากคนอื่นไปบอก บอกเองดีกว่า
- เวลาสั่งอาหารนานแล้วยังไม่ได้ซักที ให้บอกว่าไม่เอาแล้ว จะได้เร็วทันใจ
- ถ้าเรียกเก็บเงินแล้วไม่มีใครมาเก็บซักที ให้ลุกขึ้นทั้งโต๊ะ จะมีพนักงานพุ่งตัวมาทันที
- ปลูกต้นลั่นทมไว้หน้าบ้าน ไม่เกี่ยวอะไรกับความทุกข์ระทมของคนในบ้าน
- ระวังคนขายโรตีที่เพิ่งออกมาจากป่าละเมาะ,พุ่มไม้,ซอกตึก อย่าตัดสินใจซื้อจนกว่าเขาจะล้างมือ
- ไม่มีสัจจะในร้านตัดเสื้อ
- ระวังคนที่แสดงออกว่าเป็นคนดีมากๆ
- หนังสือที่ดีคือหนังสือที่เราชอบอ่าน หนังที่ดีคือหนังที่เราชอบดู
- อยากให้คนอื่นรู้ในเรื่องที่เรานินทามากๆอย่าลืมย้ำบ่อยๆว่า “อย่าบอกใคร”
- อย่าซื้ออะไรที่ต้องเอามาซ้อมต่อ
- อย่าเข้าใกล้หมาตอนกินข้าว
- ตลาด อตก. ย่อมาจาก เอเวอรี่ติง-เกินราคา
- เวลาดูหนังโรงควรจำไว้ว่ากระปุกน้ำอยู่ด้านไหน
- ตัดผมวันพุทธได้ ไม่บาป
- ปูอัดทำมาจากปลา กระเพาะปลาทำมาจากหนังหมู
- อย่าไปตลาดเวลาหิว เพราะจะซื้อของมาเกินความจำเป็นเสมอ
- คนที่เอาชุดตำรวจ หรือหมวกตำรวจไว้หลังรถนี่ไม่ใช่เพราะที่บ้านไม่มีตู้เสื้อผ้า และไม่ได้ลืม แค่กลัวคนอื่นไม่รู้ว่าเขาทำอาชีพอะไร
- คนที่มีเลขทะเบียนรถเลขเดียวเรียงติดๆกันหลายตัว ก็เป็นคนธรรมดาเหมือนเรา
- คนที่มีความรู้มาก มักใช้ความรู้ขังจิตนาการ
- ฟู่ฟ่าเดี๋ยวก็วาย เรียบง่ายอยู่ได้นาน
- จงอย่าอิจฉาคนอื่น แต่จงใช้ชีวิตให้คนอื่นอิจฉา
- ห้องน้ำหญิง ผู้ชายเข้าเรียกโรคจิต ห้องน้ำชาย ผู้หญิงเข้าเรียกแม่บ้าน
- อย่าเอาหัวใจไปผูกไว้ที่เท้าของใครเวลาเขาเดินจากไป เราจะได้ไม่เจ็บ




- ถ้ายานอนหลับกินแล้วง่วงนอน กระทิงแดงกินแล้วตาสว่าง
ผมสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ากินยานอนหลับผสมกระทิงแดง
ผมสงสัยว่าระบบขนส่งมวลชนที่เรียกว่า “รถไฟฟ้า” ทำไมไม่เห็นมีปลั๊กเสียบและสายไฟ
ผมสงสัยว่าทำไมเรียกพนักงานเก็บค่าโดยสารว่า กระเป๋ารถเมย์
ผมสงสัยว่าทำไมเรียกช่วงเวลาที่การจราจร “อืดอาดยืดยาด” ว่าที่สุดในรอบวันว่า “ชั่วโมงเร่งด่วน”
ผมสงสัยว่าหากเปรียบโลกนี้เป็นโรงละครขึ้นมาจริงๆปัญหาคือ แล้วใครละที่เป็นคนดู
ผมสงสัยว่าอาหารสำเร็จรูปสำหรับแมวทำไมจึงไม่ผลิต “รสหนู”
ผมสงสัยว่าเวลาที่มีป้ายประกาศข้อความ “ห้ามเดินลัดสนาม”
หากทุกคนเชื่ออย่างเคร่งครัด แล้วป้ายไปอยู่กลางสนามได้อย่างไร
ผมสงสัยว่าเวลาผู้ชาย “คิดนอกใจแฟน” นั้นต้องคิดในใจ เพื่อไม่ให้ใครรู้
แล้วตกลงจริงๆคิดนอกใจหรือคิดในใจกันแน่





วันเวลาผ่านมาชั่วระยะเวลาชีวิต ผู้คนผ่านเข้ามามากมาย บางคนผ่านมาเพื่อผ่านไป แต่บางคนกลับไม่เป็นเช่นนั้น จากคนแปลกหน้ากลายเป็นรู้จักคุ้นเคย…ล่วงเลยเป็นคนรักกัน เวลาเปลี่ยน สถานะการณ์ก็เปลี่ยน สถานะภาพทางความรู้สึกก็เปลี่ยนตามไปด้วย บางคนคงความเป็นคนแปลกหน้า ยังรักษาระยะห่างของความเป็นคนรู้จัก คนคุ้นเคย หรือคนรักกันไว้อย่างคงที่ บางคนเปลี่ยนจากคนแปลกหน้า กลายเป็นคนคุ้นเคย จากคนคุ้นเคยกลายเป็นคนรักกัน ทำลายระยะของความรู้สึกให้สั้นลงได้ และเมื่อนั้นเรื่องราวดีๆและสวยงามทางความรู้สึกจึงเกิดขึ้น แต่ในทางกลับกัน ระยะห่างของคนบางคน อาจห่างออกไป จากคนเคยรัก คนคุ้นเคยกลายเป็นคนแปลกหน้าทางความรู้สึกไป…แน่นอนว่าระยะห่างของคนรู้จักกับคนรักย่อมไม่เท่ากันแน่ แต่ก็นั่นแหละ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ไม่มีมาตรวัดใดๆที่จะใช้วัดระยะห่างทางความรู้สึกได้ และระยะห่างในแต่ละสภาพทางความรู้สึกของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน และในเมื่อการคบหาเป็นปฎิสัมพันของคนสองคน เราจึงมองเห็นความไม่ลงตัว เห็นระยะที่ไม่เท่ากันของคนสองคนได้เสมอ กับบางคนเราก็อยากให้เป็นมากกว่าคนรู้จัก เราก็พยายามทำให้ระยะห่างสั้นลง กับบางคนอยากให้เป็นน้อยกว่าที่เป็นอยู่ เราก็พยายามทำให้ระยะห่างไกลออกไป แต่กับบางคนเราก็ต้องการระยะห่างตรงกลางเอาไว้คงที่ ไม่จางหายหน่ายหนี หรือเข้ามาใกล้จนอึดอัด เคยรู้สึกใช่ไหมว่าขณะที่เราเดินเข้าหา บางคนกลับเดินหนี กับบางคนเราเดินหนี คนนั้นกลับเดินตาม กับบางคนเราก็ต้องการระยะห่างประมาณหนึ่ง ไม่ต้องใกล้มากแต่ไม่ต้องการหน่ายหนี เคยคิดบ้างไหมว่า ระหว่างคนที่พยายามจะเดินหนี คนที่พยายามจะเดินตาม คนที่พยายามอย่างไรระยะห่างก็ยังเท่าเดิม…คนไหนปวดร้างกว่ากัน หรือก็อาจจะเป็นเพราะว่า โลกกว้างเกินไป หรือหัวใจเราแคบเกินไป




60 ข้อคิดบันทึกจากใจพ่อ

1) ลูกจงจำไว้ว่าการไม่ต่อสู้บางกรณี กลับเป็นวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ กว่าการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย
2) ลูกอย่าเลือกของที่ชอบด้วยความพอใจ แต่จงเลือกด้วยสติปัญญา และพิจารณาถึงประโยชน์ และโทษของมันซะก่อน
3) ลูกจงอย่าโกรธคนไม่ดี ความจริงเขาก็อยากดีเหมือนกัน แต่เขาไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นความดี
4) ลูกตำหนิใคร ให้ลูกดูตัวเองซะก่อน
5) ลูกจะเห็นว่าผู้มีสัมมาคาราวะจะพบแต่ความเจริญ การอ่อนน้อมเป็นคุณสมบัติของสุภาพบุรุษ การยกมือไหว้ผู้อื่นเป็นการทำลาย ตัวกู – ของกู
6) ลูกพ่อต้องเป็นคนแข็งแรงไม่แข็งกระด้าง เรียบง่ายไม่มักง่าย อ่อนโยนไม่อ่อนแอ
7) ลูกของพ่อ ความคล่องแคล่วว่องไว เป็นปัจจัยแห่งความก้าวหน้า
8) เงินทองที่ลูกมี ยิ่งใช้ยิ่งลดลง ปัญญาที่ลูกหาได้ ยิ่งใช้ยิ่งมากขึ้น
9) ถ้าลูกทำเด่นจะถูกเขม่นและสมน้ำหน้า ลูกจะพลาดท่าลงมาเพราะความอยากดัง
10) ลูกจงจำไว้ว่าเงินทองเป็นของนอกกาย
11) ลูกจงอ่อนโยนผ่อนตามคนฉลาดและสุขุม การพ่ายแพ้ด้วยศิลปะดีกว่าชนะด้วยอารมณ์
12) ความกล้าหาญต้องประกอบด้วยสติปัญญา ถ้าลูกกล้าโดยไม่มีสติปัญญาเขาเรียกว่าบ้าบิ่น
13) ลูกต้องทำทุกอย่างด้วยความสุจริต เมื่อสุจริตจิตใจจะผ่องใส เมื่อทุจริตจิตใจหมองไหม้
14) สมบัติ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่พ่อแม่ให้ลูก ความรู้และความประพฤติดีเท่านั้นที่พ่อแม่ควรมอบให้ลูกอันเป็นที่รัก
15) ลูกหลีกทางให้เขา คือหลีกทางให้พ้นจากอันตราย ในที่สุดก็ได้รับผลดีด้วยกันทั้งเขาและเรา
16) ปลายทางที่สุดของความไม่พอ คือทุกข์
17) ลูกจงจำไว้ว่าผู้ที่ไม่ให้อภัย คือผู้อ่อนแอทางจิตใจ การให้อภัยศรัตรูคือการสร้างมิตร
18) ถ้าผู้อื่นหลอกเรา เรารู้ง่าย แก้ไขง่าย แต่ถ้าลูกหลอกตัวเอง รู้ยาก แก้ไขยาก
19) ลูกจงจำสิ่งที่ควรจำ ลืมสิ่งที่ควรลืม ทำสิ่งที่ควรทำ
20) เมื่อลูกสังเกตุดูจะพบว่า ภายหลังเสียงหัวเราะคือน้ำตา ภายหลังเสียน้ำตาจะเห็นแสงธรรม
21) หกล้มเพราะเดินไปข้างหน้า ยังดีกว่ายืยเต๊ะท่าอยู่กับที่ เพราะถ้าลูกยืนไม่ดีก็จะมีคนมาถีบให้ล้มอยู่ดี
22) ลูกจงหาความสุขจากปัจจุบัน อย่าใฝ่ฝันถึงอนาคต อย่าหมกมุ่นกับอดีต
23) ถ้าลูกเป็นผู้น้อยที่นอบน้อมต่อผู้ใหญ่ใครๆก็รัก ถ้าลูกเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจผู้น้อย ผู้น้อยก็จะภักดี
24) ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยาชูกำลัง ขอให้ลูกคิดไว้อยู่เสมอว่า ถ้ามีสิ่งใดในโลกที่ผู้อื่นทำได้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะทำไม่ได้
25) ความเศร้าเสียใจ ไม่ได้ประโยชร์อะไร นอกจากทำให้ศัตรูของเราดีใจและสมน้ำหน้า
26) เมื่อพบภัยที่อยู่ข้างหน้าจงหนีเข้าหาพระดีกว่าเข้าหาโจร
27) คนเรามีความโลภกันทุกคน โลภมากก็ทุกข์มาก โลภน้อยก็ทุกข์น้อย
28) ถ้าลูกประพฤติดีลูกก็จะเจอคนดี ถ้าลูกประพฤติชั่วลูกก็จะเจอคนชั่ว
29) ลูกอย่ากลัวเลยว่าจะได้แต่งงานกับคนไม่ดี ถ้าลูกไม่สูบไม่ดื่มไม่เที่ยว ลูกก็จะไม่พบคู่ครองเช่นนั้น
30) ไม่ว่าคนหรือสัตว์ก็ต้องการคำอ่อนหวาน ลูกก็เช่นกัน ควรพูดคำอ่อนหวานกับผู้อื่น เมื่อลูกอ่อนหวานกับผู้อื่น ผู้อื่นก็จะอ่อนหวานกับลูก
31) ลืมอะไรก็ลืมได้ แต่อย่าลืมตัว เสียอะไรก็เสียได้ แต่อย่าเสียคน
32) ศัตรูวันนี้อาจเป็นมิตรวันหน้า เพราะฉะนั้น อย่าทำอะไรกับเขารุนแรงและเกินเลย
33) ลูกจงสนุกกับการใช้เงิน พร้อมกันนั้นลูกต้องสนุกกับการเก็บเงินด้วย และยิ่งกว่านั้นลูกต้องสนุกกับการหาเงิน
34) การกระทำของลูกบางครั้งยังไม่ถูกใจตัวเอง แล้วจะให้คนอื่นถูกใจเราได้อย่างไร คิดแค่นี้ลูกก็จะไม่โกรธคนอื่น
35) ถ้าลูกกล้าหาญอย่างถูกต้อง ลูกก็จะเป็นคนฉลาด ถ้าลูกกล้าอย่างบ้าบิ่น ลูกก็จะเป็นคนโง่
36) สิ่งที่ลูกได้รับอยู่ทุกวันนี้เป็นผลจากกระทำของลูกทั้งสิ้น
37) ลูกจงจำไว้ว่าธรรมชาติไม่เคยให้อภัยใคร ใครทำอย่างไรต้องได้รับอย่างนั้น แต่ธรรมชาติก็ให้โอกาศทุกคนเสมอ แต่คนเราโดยส่วนมาก ไม่ค่อยยอมรับโอกาศนั้น
38) เมื่อมีปัญหา แก้ให้ถูกจุด จะพ้นทุกข์เร็ว
39) คนเห็นแก่เงินคบยาก คนเห็นแก่งานคบง่าย คนเห็นแก่ผู้อื่นคบสบาย
40) ถ้าลูกปราถนาให้ผู้อื่นรัก ลูกต้องทำตัวให้น่ารัก
41) ไม้ล้มข้ามได้ คนล้มอย่าข้าม ที่สำคัญลูกอย่าข้ามตัวเอง
42) ผู้กล้าหาญคือผู้ที่สามารถควบคุมตนเองได้ ถ้าจักปลูกต้นไม้ต้องบำรุงราก ถ้าจักปลูกจิตใจต้องบำรุงศีลธรรม
43) ลูกเกิดเป็นคนแล้วต้องพยายามให้ถึงที่สุด เมื่อทำดีที่สุดแล้ว นอกนั้นแล้วแต่ฟ้าลิขิต ผลของการกระทำเป็นของฟ้า การกระทำเป็นของคน (ลิขิตเป็นของฟ้า ชะตาเป็นของคน)
44) ลูกควรจะผิดใจกับสุภาพชน ไม่ควรผิดใจกับคนพาล จะเดือดร้อนไม่มีทางหลีกเลี่ยง
45) การไม่ระวังการใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆจะทำให้ล่มจมได้
46) โรคภัยทางร่างกายจะเข้าทางปาก ภัยพิบัติก็จะออกทางปากเช่นกัน ลูกจะพูดสิ่งใดควรจะพิจารณาให้ดี
47) การโกรธเป็นวิสัยของปุถุชน การให้อภัยเป็นวิสัยของบัณฑิต ลูกพ่อจะเป็นบัณฑิตต้องฝึกให้อภัยด้วยความเมตตา เพราะเมตตาแก้ความโกรธได้
48) ยามลูกมีอำนาจอย่าหลงอำนาจ ยามลูกมีความสุขก็อย่าระเริง ระวังทุกข์จะตามมา
49) ถ้าลูกให้เงินเพื่อนยืม ระวังจะเสียทั้งเงิน เสียทั้งเพื่อนจะเสียใจ เพราะฉะนั้นอย่าให้ใครยืมเงินถ้ามีก็ให้ไปเลย
50) ถ้าลูกระแวงใครแล้วอย่าทำธุรกิจร่วมกัน เพราะจะมีแต่ระแวงกัน
51) เรือที่ออกทะเลปฎิเสธคลื่นลมไม่ได้ฉันใด ชีวิตลูกปฎิเสธอุปสรรคไม่ได้ฉันนั้น
52) ผู้เป็นคนดีมักอ่อนน้อมถ่อมตน ผู้ที่โง่เขลามักหยิ่งยโส คนโง่มักอวดฉลาด หรืออยากให้ผู้อื่นรู้ว่าฉลาดจึงมักโอ้อวดคุยเบ่งทับผู้อื่น ส่วนคนฉลาดมักไม่อวดตัว จักเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่หยิ่ง ไม่โอหัง และชอบประกาศความดีของผู้อื่น
53) ขี้เกียจเป็นแมลงวัน ขยันเป็นผึ้ง ผึ้งชอบของหอมหวาน แมลงวันชอบของเน่าเสีย ถ้าลูกเป็นผึ้งลูกจะได้พบดอกไม้ ถ้าลูกเป็นแมลงวันลูกจะได้พบของเน่าเหม็น
54) ผู้ที่รู้จักประมาณตนเป็นคนฉลาด ผู้ที่ใช้จ่ายตามฐานะจะไม่ขัดสนตลอดไป
55) ถ้าลูกมีความถ่อมตนและความเพียรแล้วภายใต้ฟ้านี้ ลูกพ่อทำได้ทุกสิ่ง
56) ถ้าลูกทำงานด้วยความร้อนรนลูกก็จะผิดพลาด ลูกต้องทำงานด้วยความรวดเร็วแบบมีสติ
57) การนินทาว่าร้ายผู้อื่นมันเจ็บปวดกว่าการ เอามีดไปกรีดเนื้อเขามาหลายเท่านัก เมื่อลูกเข้าใจอย่างนี้แล้วอย่านินทาว่าร้ายผู้อื่นเลย เพราะเมื่อเขาเจ็บปวดจากคำพูดเราแล้ว เราก็เดือดร้อนแล้ว
58) คนขี้เกียจมักอ้างว่ายังไม่ต้องทำ เพราะเช้าไป เพราะเย็นไป เพราะร้อนไป เพราะหนาวไป เพราะฝนตก เพราะแดดออก ถ้าลูกอ้างอ่างนี้ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ
59) ลูกพ่ออย่าดีแต่คิด ลูกต้องคิดแต่คิดดีดี ลูกพ่ออย่าดีแต่พูด ลูกจะต้องพูดดีดี ลูกพ่ออย่าดีแต่ทำ ลูกต้องทำดีดี ลูกพ่ออย่าดีแต่คบคน ลูกต้องคบคนดีดี ลูกพ่ออย่าดีแต่จะไป แต่ลูกต้องไปดีดี
60) ถ้าลูกละเลยเรื่องล็กน้อย กระทำผิดเล็กน้อยในปัจจุบัน ลูกอาจต้องเสียใจอย่างใหญ่หลวงในอนาคต




เธอจงระวังความคิดของเธอ
เพราะความคิดของเธอจะกลายเป็นความประพฤติของเธอ
เธอจงระวังความประพฤติของเธอ
เพราะความประพฤติของเธอจะกลายเป็นความเคยชินของเธอ
เธอจงระวังความเคยชินของเธอ
เพราะความเคยชินของเธอจะกลายเป็นอุปนิสัยของเธอ
เธอจงระวังอุปนิสัยของเธอ
เพราะอุปนิสัยของเธอจะกำหนดชะตากรรมของเธอ...ชั่วชีวิต
(หลวงพ่อชา สุภัทโท)




ชีวิตสอนให้รู้ว่า

- คนเก่งไม่ใช่คนที่พูดได้หลายภาษา แต่เป็นคนที่ยอมรับฟังสักภาษา
- คนจนไม่ไช่คนที่มีเงินน้อย แต่เป็นคนที่ต้องการมาก คนรวยไม่ใช่คนที่มีมาก แต่เป็นคนที่ต้องการน้อย
- คนที่ควรคบ คือ คนที่ยอมคบกับคนที่ไม่น่าคบ
- คนมองโลกแง่ดี มักหัวเราะเพื่อลืมเรื่องเศร้า แต่คนมองโลกแง่ร้าย มักลืมหัวเราะ
- คนมองโลกแง่ร้ายคือ ผู้ที่เห็นความยุ่งยากในทุกโอกาส ขณะที่คนมองโลกแง่ดีจะเห็นโอกาสในทุกความยุ่งยาก
- คนรักไม่ใช่แค่คนที่คุณจะใช้ชีวิตอยู่ด้วย แต่เป็นคนที่คุณไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถ้าไม่มีคนคนนี้
- ครู เป็นผู้ที่เปิดประตู แต่นักเรียนต้องเดินเข้าไปเอง
- หากเราควบคุมเงินไม่ได้ เงินมันจะมาควบคุมเราแทน
- ความสามารถทำให้คุณไปถึงจุดสูงสุด แต่ความอ่อนน้อมทำให้คุณอยู่จุดนั้นได้นานสุด
- ความสำเร็จ มาจากส่วนผสมที่ดีระหว่าง “โอกาส” และ “การเตรียมตัว”
- ความสำเร็จของใครบางคนอาจอยู่แค่เอื้อม แต่กลับไม่เคยได้มันมา เพราะไม่รู้จักไขว่คว้า
- ความสุขเกิดกับตัวเองได้ หากทำให้เกิดกับคนอื่นก่อน
- ความสุขมีมากเพียงไรขึ้นอยู่กับว่า มีความทุกข์มาเปรียบเทียบมากแค่ไหน
- ความฉลาด เปรียบประดุจชุดชั้นในที่ทุกคนจำเป็นต้องสวมใส่ แต่ไม่จำเป็นต้องโอ้อวด
- “ความดี” เป็นการลงทุนประเภทเดียวที่ไม่เคยทำให้ใครล้มละลาย
- ความทรงจำ เปรียบดั่งซากศพของเหตุการณ์ที่ตายไปแล้ว แต่มีกลิ่นหอมหวน
- ความผิดพลาด ไม่ใช่ความผิด หากเรายอมรับ
- ความพยายามคือ ความล้มเหลวของการล้มเลิก
- ความพอใจ ไม่ใช่การมีสิ่งที่ต้องการ แต่เป็นการต้องการสิ่งที่ตนได้มี
- ความมืดทั้งโลกก็ดับแสงเทียนเล่มหนึ่งไม่ได้
- ความมืด ยิ่งมากยิ่งทำให้เราเห็นดาวชัดเจนขึ้น
- ความเมตตา เป็นเสียงที่คนหูหนวกได้ยิน เป็นภาพที่คนตาบอดได้เห็น และเป็นภาษาที่คนใบ้สามารถพูดได้
- ความรัก เป็นเกมชนิดเดียวที่ต้องช่วยกันเล่น และจะไม่มีฝ่ายใดแพ้หรือชนะและเพียงผู้เดียว เพราะหากแพ้ก็แพ้ทั้งคู่ ถ้าชนะก็ชนะด้วยกัน
- ความรัก ไม่ใช่งานเลี้ยง ฉะนั้นอย่าได้มีวันเลิกรา
- ความรักไม่ได้ทำให้คนตาบอด แต่คนต่างหากที่ยอมตาบอดเพื่อความรัก
- ความรู้เป็นเสมือนหนังสือที่ไม่มีหน้าสุดท้าย
- คนฉลาด คือ คนยอมรับและรู้ว่าตนเองโง่แค่ไหน



มีเงินนับแสนล้านบาท แต่ใช้จริงวันละไม่เกิน 100 บาท มีไปทำไม​ ?
มีบ้านใหญ่โตเหมือนกับวัง แต่มีกันแค่ 4 คนพ่อแม่ลูก มีไปทำไม ?
มีรถนับสิบคัน แต่ใช้งานจริงแค่คันเดียว มีไปทำไม ?
มีเตียงใหญ่โตมโหฬาร แต่นอนเพียงแค่เต็มแผ่นหลัง มีไปทำไม ?
มีนาฬิกาแสนแพง แต่ไม่เคยทำอะไรตรงเวลา มีไปทำไม ?
มีรองเท้าเป็นพันคู่ แต่ใส่จริงแค่วันละคู่ มีไปทำไม ?
มีเวลาอยู่ในโลกไม่ถึงร้อยปี แต่กลับแบ่งเวลาไปริษยาคนอื่น ทำไปทำไม ?
มีกฎหมายนับพันมาตรา แต่มีอาชญากรอยู่เต็มเมือง มีไปทำไม ?
มีส.ส.อยู่เต็มสภา แต่มาประชุมไม่เคยครบเลย มีไปทำไม ?
มีพ่อแม่อยู่ที่บ้าน แต่ไม่เคยปรนนิบัติท่านเลย มีไปทำไม ?
มีอำนาจอยู่เต็มมือ แต่ไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรเลย มีไปทำไม ?
มีภรรยาที่แสนดี แต่ไม่เคยแบ่งเวลาให้เธอเลย มีไปทำไม ?
มีลูกที่แสนน่ารัก แต่ไม่เคยโอบกอดลูกเลย มีไปทำไม ?
มีพระไตรปิฎกอยู่เต็มตู้ แต่ไม่เคยเปิดออกมาศึกษา มีไปทำไม ?
มีวัดอยู่แทบทุกหมู่บ้าน แต่ศีลธรรมของคนในสังคมแย่ลงทุกวัน มีไปทำไม ?
มีพี่น้้องนับสิบคน แต่แตกสามัคคีกันทุกคน มีไปทำไม ?
มีมือมีเท้าที่สมบูรณ์ แต่ไม่เคยลงแรงทำอะไรเลย มีไปทำไม ?
มีหูอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยฟังธรรมเลย มีไปทำไม ?
มีตาอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยมองหาสิ่งดีๆเลย มีไปทำไม ?
มีเท้าอยู่สองข้างแต่ไม่เคยเข้าหาโอกาศเลย มีไปทำไม ?
มีปัญญาอยู่กับตัว แต่กลับใช้อารมณ์เป็นใหญ่ มีไปทำไม ? (ว.วชิรเมธี)



อย่าทำงานจนป่วยตาย อย่าหลงเสน่ห์กลอุบาย
อย่ามีความสุขที่ผิดศีลธรรม อย่าจำแต่เรื่องเลวร้าย
อย่าสบายจนเคยตัว อย่ากลัวที่จะก้าวไปข้างหน้า
อย่าบ้าฟังคำคนสอพลอ อย่ารอให้พระเจ้ามาช่วย
อย่ารวยบนความฉ้อฉล อย่าเป็นคนเห็นแก่ได้
อย่าใช้คนไม่เหมาะสมกับงาน อย่าปากหวานจนเสียระบบ
อย่าคบคนมองโลกในแง่ร้าย อย่าขายศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์
อย่าเป็นชาวพุทธแต่พึ่งไสย อย่าสนใจแต่เรื่องของตัวเอง
อย่าเก่งอยู่คนเดียว อย่าเที่ยวเกินขอบเขต
อย่าใช้พระเดชจนลืมพระคุณ อย่าพึ่งใบบุญคนอื่นตลอดกาล
อย่าชำนาญในเรื่องชั่วชั่ว อย่าเมามัวกิน กาม เกียรติ
อย่าขึ้งเคียดต่อคนที่คิดต่าง อย่าปลูกต้นกร่างต้นไทร
อย่าลืมใครผู้เคยทำคุณ อย่าสนับสนุนคนพาล
อย่าให้ทานกับคนไม่เห็นคุณค่า อย่ายกเงินตราขึ้นเป็นพระเจ้่า (ว.วชิรเมธี)



รู้รอบมากมาย แต่ไม่รู้ดีชั่ว ก็เสื่อม
รู้เว้นงูเว้นเสือเว้นมีดเว้นปืน แต่ไม่รู้เว้นอบายมุข ก็เสื่อม
รู้ภาษาต่างประเทศ แต่ไม่รู้คุณค่าภาษาไทย ก็เสื่อม
รู้ตอบคำถาม แต่ไม่รู้ตอบแทนคุณแผ่นดิน ก็เสื่อม
รู้ที่กินที่เที่ยว แต่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ก็เสื่อม
รู้วันเดือนปีเกิด แต่ไม่รู้กาลเทศะ ก็เสื่อม
รู้พยากรณ์อากาศ แต่ไม่รู้ว่าชีวิตมีขึ้นมีลง ก็เสื่อม
รู้จักรวาลวิทยานภากาศ แต่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ก็เสื่อม
รู้จักคนมากมายหลายวงการ แต่ไม่รู้จักตัวเอง ก็เสื่อม
รู้จักบริหารคน บริหารางาน แต่ไม่รู้วิธีบริหารใจ ก็เสื่อม
รู้จักตึกสูงนับร้อยชั้น แต่ไม่รู้วิธีฝึกใจให้สูง ก็เสื่อม
รู้คุณค่าของเงินทอง แต่ไม่รู้คุณพ่อแม่ ก็เสื่อม
รู้จักโกรธ แต่ไม่รู้จักอภัย ก็เสื่อม
รู้กฎกติกามารยาท แต่ไม่รู้กฎแห่งกรรม ก็เสื่อม
รู้จักสวมนาฬิกาแพงๆ แต่ไม่รู้จักคุณค่าของเวลา ก็เสื่อม
รู้จักการเข้าสังคม แต่ไม่รู้จักเข้าหาสังฆะ ก็เสื่อม
รู้เรียนเอาปริญญาสูงๆ แต่ไม่รู้จักยกพฤติกรรมให้สูง ก็เสื่อม
รู้ที่จะมีลูก แต่ไม่รู้จักเลี้ยงลูก ก็เสื่อม
รู้ที่จะรัก แต่ไม่รู้จักรับผิดชอบ ก็เสื่อม
รู้ที่จะดู แต่ไม่รู้จักเห็น ก็เสื่อม
รู้ที่จะนับถือ แต่ไม่รู้จะนับถืออย่างไร ก็เสื่อม
รู้ที่จะพูด แต่ไม่รู้จักศิลปะการพูด ก็เสื่อม
รู้ว่าวันหนึ่งจะต้องตาย แต่ไม่รู้วิธีเตรียมตัวตาย ก็เสื่อม (ว.วชิระเมธี)



สิ่งที่เธอควรมี “สติปัญญา”
สิ่งที่เธอควรแสวงหา “กัลยาณมิตร”
สิ่งที่เธอควรคิด “ความดีงาม”
สิ่งที่เธอควรพยายาม “การศึกษา”
สิ่งที่เธอควรเข้าหา “นักปราชญ์”
สิ่งที่เธอควรฉลาด “การเข้าสังคม”
สิ่งที่เธอควรนิยม “ความซื่อสัตย์”
สิ่งที่เธอควรตัด “อกุศลมูล”
สิ่งที่เธอควรเพิ่มพูน “บุญกุศล”
สิ่งที่เธอควรอดทน “การดูหมิ่น”
สิ่งที่ควรได้ยิน “พุทธธรรม”
สิ่งที่เธอควรจดจำ “ผู้มีบุญคุณ”
สิ่งที่เธอควรเทิดทูน “สถาบันกษัตริย์”
สิ่งที่เธอควรขจัด “ความเห็นแก่ตัว”
สิ่งที่เธอควรเลิกมัวเมา “การพนัน”
สิ่งที่เธอควรสร้างสรร “สัมมาชีพ”
สิ่งที่เธอควรเร่งรีบ “การทดแทนคุณบุพการี”
สิ่งที่เธอควรปฎิบัติทันที “ทำวันนี้ให้ดีที่สุด” (ว.วชิรเมธี)




คำสอนท่านจี้กง

ชีวิตย่อมเป็นไปตามลิขิต วอนขออะไร
วันนี้ไม่รู้เหตุการณ์วันพรุ่งนี้ กลุ้มเรื่องอะไร
ไม่เคารพพ่อแม่แต่เคารพพระพุทธองค์ เคารพทำไม
พี่น้องคือผู้ที่เกิดตามกันมา ทะเลาะกันทำไม
ลูกหลานล้วนมีบุญตามลิขิต ห่วงใยทำไม
ชีวิตย่อมมีโอกาศประสบความสำเร็จ ร้อนใจทำไม
ชีวิตใช่ว่าจะพบเห็นรอยยิ้มกันง่ายๆ ทุกข์ใจง่ายๆ
ผ้าขาวปะแล้วกันหนาวได้ อวดโก้กันทำไม
อาหารผ่านลิ้นแล้วกลายเป็นอะไร อร่อยไปไย
ตายแล้วบาทเดียวก็เอาไปไม่ได้ ขี้เหนีบวไปทำไม
ที่ดินคือที่สืบทอดแก่คนรุ่นหลัง โกงกันทำไม
โอกาศจะได้กลายเป็นเสีย โลภมากไปทำไม
สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือศรีษะเพียง 3 ฟุต ข่มเหงกันทำไม
ลาภยศเหมือนดอกไม้ที่บานไม่นาน หยิ่งผยองกันทำไม
ทุกคนย่อมมีลาภยศตามวาสนาที่ลิขิต อิจฉากันทำไม
ชีวิตลำเค็ญเพราะชาติก่อนไม่บำเพ็ญ แค้นใจทำไม
นักเล่นการพนันล้วนตกต่ำ เล่นการพนันทำไม
ครองเรือนด้วยความขยันประหยัดดีกว่าไปขอพึ่งผู้อื่น สุรุ่ยสุร่ายทำไม
จองเวรจองกรรมเมื่อไรจะจบสิ้น อาฆาตทำไม
ชีวิตเหมือนเกมส์หมากรุก คิดลึกทำไม
ฉลาดมากจึงเกิดเสียรู้ รู้มากทำไม
พูดเท็จทอนบุญจนหมดสิ้น โกหกทำไม
ดีชั่วย่อมรู้กันทั่วในที่สุด โต้เถียงกันทำไม
ใครป้องกันไม่ให้เรื่องเกิดได้ตลอดเวลา หัวเราะเยาะกันทำไม
ฮวงซุ้ยที่ดีอยู่ที่จิตใจ ไม่ใช่ภูเขา แสวงหาทำไม
ข่มเหงผู้อื่นคือทุกข์ รู้ให้อภัยคือบุญ ถามโหรเรื่องอะไร
ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2554
8 comments
Last Update : 30 สิงหาคม 2554 12:35:19 น.
Counter : 822 Pageviews.

 

ชอบตั้งแต่บทความแรกแล้ว

ต้องค่อยๆ อ่าน และคิดตามไปด้วย

ขอบคุณนะจ้ะ ที่นำบทความดีๆ มาฝากกัน

จะกลับมาอ่านใหม่อีกหลายๆ รอบ เลย

จำได้เสมอที่เคยบอกไว้ว่า "หลานเข้มแข็งกว่าที่คิดไว้นะ"

มันเป็นจริงตามนั้น ดีใจที่เรารู้จักกัน

และยังคงเป็นเพื่อนกันตลอดไป

 

โดย: kapeak 29 พฤษภาคม 2554 17:29:21 น.  

 

มาอ่านต่อจ้ะ

 

โดย: kapeak 1 มิถุนายน 2554 8:57:19 น.  

 

บทความน่าอ่านมาก ได้ความรู้

 

โดย: K.A IP: 119.31.18.210 1 มิถุนายน 2554 21:34:36 น.  

 

แวะมาเยี่ยมยามค่ำจ้า

ฝันดีนะจ้ะ

 

โดย: kapeak 2 มิถุนายน 2554 22:05:39 น.  

 

 

โดย: kapeak 5 มิถุนายน 2554 7:54:03 น.  

 

หวัดดียามเช้า
มีความสุขในการทำงาน และสุขในทุกๆ วัน นะจ้ะ

ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะจ้ะ

 

โดย: kapeak 10 มิถุนายน 2554 7:54:37 น.  

 

Photobucket

เอาดอกโมกหอมๆ มาฝากจ้ะ
จะได้ชื่นใจๆ

 

โดย: kapeak 14 มิถุนายน 2554 15:35:43 น.  

 

 

โดย: kapeak 16 มิถุนายน 2554 10:33:52 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


kanit2425
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เวลาเราทำดีแล้วคนอื่น
วิจารณ์เราไม่หยุด
เราไปปิดปากเขาก็ไม่ได้
หูเขาอยู่ใกล้ปากมากกว่าหูเรา
เขายังไม่รำคาญ
แล้วเรื่องอะไรเราถึงเอาหูเรา
ไปเสียบระหว่างหูกับปากเขา
...................................
อันของดี มีอยู่แต่รู้ยาก
คนรู้มาก ไม่รู้ดี มีอีกโข
ดีไม่ดี มิใช่อยู่ ที่คำโว
ต้องคนรู้ ดูเป็น จึงเห็นดี
................................
ความสุขที่แท้จริงนั้นราคาถูก
อย่างไรก็ดี
เรามักจ่ายกันแพงๆ
สำหรับของปลอม
[Add kanit2425's blog to your web]