"หล่อนน่ะหรือเปรี้ยว ชั้นว่าหล่อนน่ะสุกงอมจนจะร่วงแล้วมากกว่านะยะ"
เพื่อนรักแสนดีได้ย้อนคำนี้มาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตอนที่เราชวนไปเที่ยวหลังจากพายุฝนเริ่มซาๆ ลงไปค่ะ 555+
อันที่จริงก่อนไปเที่ยว โคราช ครั้งนี้ เราก็ไม่รู้จักที่นี่มาก่อนหรอกค่ะ เพราะไม่ได้ไปโคราชบ้านเองหลายปีแล้ว ตอนแรกเพื่อนเราก็เรียกชื่อวัดนี้ว่าอะไรสักอย่างหนึ่งจำไม่ได้ (ซึ่งก็เรียกผิดวัดน่ะ)เราก็นึกว่าเออดีเหมือนกัน ชื่อไม่คุ้น ลองไปวัดที่ไม่เคยไปมั่ง ก็เลยพากันไปเที่ยวที่นี่ ขับรถไปไม่นานเท่าไรพอเพลินๆ เพราะคนขับก็ขับไป คนนั่งอย่างเราก็หลับสบาย กรั๊กๆๆๆ
อันที่จริง "วัดสรพงษ์" นี่ไม่ใช่วัดนะคะ แต่เป็น อุทยานมูลนิธิสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งก่อตั้งโดยแรงศรัทธาของคุณ สรพงษ์ ชาตรี มหาเถรคันฉ่องในภาพยนต์สมเด็จพระนเรศวรแห่งสยามประเทศ ดาราที่ใครๆ ก็รู้จักค่ะ ผู้คนเลยเรียกชื่อที่นี่ว่า วัดสรพงษ์ ซะเลย สะดวกปากดีค่ะ แห่ะแห่ะ
สถานที่ตั้งอยู่ริมถนนมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว ก่อนถึงโคราช 45 กิโลฯ ค่ะ
พอพวกเราจอดรถที่ลานจอดอันกว้างขวางใหญ่โตแล้ว ก่อนจะเข้าไปทำบุญอันใด แทบทุกคนต้องแวะที่นี่ก่อนค่ะ โรงทาน หรือ โรงอาหาร ที่ลือลั่นสนั่นเมือง ที่แจก "ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าชาววัง" ที่แสนอร่อยบาดจิตให้แขกทุกคนที่มาเยือนได้กินกันให้อิ่มหนำสำราญกันก่อนค่ะ
โอวส์ ขอบอกว่าของเขาดีจริงๆ ค่ะ ไม่ใช่ของแจกที่สักแต่ว่าแจก หมูเป็นหมู น้ำราดหน้าเป็นน้ำ(ไม่เป็นน้ำแล้วจะเป็นอะไรยะ)คุณสรพงษ์ประกาศออกไมค์เจื้อยแจ้วว่าทานให้ได้คนละ 9 จาน ฮ่าๆๆ เรารับท้า กินไป 3 จานจุกแอ๊กเลยค่ะ เอิ๊กๆๆ ทานเสร็จมีตู้บริจาคเพื่อต่อยอดให้ผู้มาทำบุญวันต่อๆ ไปได้ทานกันอีกนะคะ
กินราดหน้าแสนอร่อยไป ตาก็มองไปรอบๆ โรงอาหาร เห็นโต๊ะวางเครื่องปรุง ซึ่งเครื่องปรุงก็ไม่ได้ใส่ถ้วยอันใด เพราะใส่ถ้วยก็คงไม่พอกับจำนวนคน แต่เขาใส่อยู่ในโอ่งเคลือบใบย่อมๆ เลยทีเดียวล่ะค่ะ ใจก็แอบคำนวณไปว่าวันเสาร์-อาทิตย์แบบนี้ มีคนเยือนที่นี่วันละหลักหมื่น จะหมดค่าทำราดหน้านี่วันละเท่าไรกันเนี่ย เหอๆ เค้าเลี้ยงกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็นเลยนะคะ
ตอนไปถ่ายรูปคุณพี่ที่ทำราดหน้านี้ เห็นคุณพี่มองเหล่ๆ ผ่านมาร์คที่คาดปากกันเชื้อโรคอยู่นี่ นึกว่าคุณพี่แกจะด่าเราที่ไปเกะกะตอนทำงาน เพราะมีคนมารับจานราดหน้าตลอดเวลา ที่ไหนได้ คุณพี่แกพูดผ่านมาร์คครอบปากออกมาว่า
"หนูๆ ก่อนจะถ่ายรูป บอกพี่ก่อนซิจ๊ะ คุณพี่จะได้ยิ้มให้ จะได้ออกมาสวยๆ"
เอ่อ...คุณพี่คะ แล้วพอคุณพี่ยิ้ม หนูจะมองเห็นไหมคะเนี่ยว่าคุณพี่ยิ้มแล้วอ๊ะ คิกๆๆ
จัดการเรื่องปากเรื่องท้องเสร็จสรรพ ก็ออกมาจากโรงอาหาร ได้ยินเสียงคุณสรพงษ์ประกาศออกไมค์แซวแฟนเขา คือคุณ ดวงเดือน จิไธสงค์ คุณสรพงษ์แซวว่าคุณดวงเดือนอยู่ในซุ้มกาแฟในเกาะกลางน้ำนี่ แกชอบชงกาแฟกับทำโดนัท เราเลยแวะเข้าไปชิมกาแฟคุณดวงเดือนซักหน่อย อยากเห็นตัวจริงน่ะค่ะ
คุณ ดวงเดือน จิไธสงค์ นางงามรองอันดับ 1 มิสไทยแลนด์เวิลด์ พ.ศ.2529 ปีที่ แสงระวี อัศวรักษ์ ได้เป็นและมีการแย่งมงกุฏกันน่ะค่ะ มีคนแย่งเอามงกุฏออกจากหัวคุณแสงระวี ซึ่งยืนยิ้มแป้นไม่รู้ไม่ชี้ถ่ายรูปอยู่ และเอามงกุฏมาครอบหัวคุณดวงเดือน ซึ่งเธอก็ร้องไห้และพยายามเอามงกุฏออกไป วันรุ่งขึ้นเป็นข่าวลงหนังสือพิมพ์ครึกโครม
คุณดวงเดือนในวันนี้ยังรูปร่างดีอยู่เลย ถึงจะผอมไปหน่อยแต่ก็ยังดูหุ่นเป็นนางงามอยู่เลยนะคะ
เอาล่ะ ทีนี้เราจะเข้าไปบริเวณวิหารสมเด็จโตสักที จะมีศาลาหลังใหญ่ๆ อยู่ก่อนถึงวิหารใหญ่ค่ะ คุณสรพงษ์ใส่ชุดขาวนั่งต้อนรับอยู่ที่กลางอาคารนี้
ส่วนใหญ่คนที่มาทำบุญที่นี่ ก็จะบริจาคกันตรงนี้ เพราะจะได้วัตถุมงคลกลับไปด้วย ได้ถ่ายรูปกับคุณสรพงษ์ และได้ลายเซ็นด้วยค่ะ คุณสรพงษ์ก็ถ่ายรูปไป เซ็นไป พร้อมกับสลับพูดผ่านไมค์ลอยดังไปทั่ววัดค่ะ ใครถามอะไรใกล้ๆ แก แกก็ตอบผ่านออกไมค์ดังไปทั่วคุ้งน้ำเลยทีเดียวเชียว อิอิ
แกเล่าผ่านไมค์ เมื่อเราไปถาม ว่าจุดเริ่มที่นี่ คือเมื่อปี 2541 ด้วยแรงศรัทธา และนับถือต่อสมเด็จพุฒาจารย์ โต พรหมรังสีที่แกมีอยู่เต็มเปี่ยมหัวใจ จากเงินเพียงศูนย์บาท และตั้งใจจะสร้างให้ใหญ่ที่สุดในโลก (ปัจจุบันถูกล้มแชมป์ไปแล้ว)
แกตั้งใจจะสร้างให้เป็นมูลนิธิ ไม่มีวัด ไม่มีพระสงฆ์ สร้างขึ้นเพื่อให้คนที่เคารพบูชาสมเด็จโตเข้าไปกราบไว้ สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการบำเพ็ญประโยชน์ ช่วยเหลือสังคม เป็นมูลนิธิที่ส่งเสริมการเรียนการสอนของเด็กด้อยโอกาสค่ะ
จบการสนทนากับคุณสรพงษ์แล้ว(มีแซวออกไมค์ด้วยว่ากล้องเราใหญ่ดี มาจ่อๆ หน้าแก แกชอบ อิอิ เราใช้เลนส์ 10-20 มม.ต้องจ่อๆ อ่ะ)เราก็เดินผ่าความร้อน ซึ่งจริงๆ เขามีร่มให้หยิบกางไปถึงวิหารสมเด็จโตได้เลย
วิหารใหญ่โต สวยงาม อลังการดีนะคะ
นี่เป็นโมเดลของวิหารแบบสมบูรณ์ ก็งดงามสมราคาจากเงินบริจาคกว่า 300 ล้านบาทค่ะ เริ่มจากบนพื้นที่โล่งๆ 15 ไร่เมื่อสิบปีที่แล้ว จนมาถึงวันนี้ใกล้จะสมบูรณ์แล้วค่ะ
องค์สมเด็จโตนี้ หล่อมาจากทองเหลืองหนัก 61 ตันนะคะ สูงเท่าตึก 2 ชั้น ตอนหล่อทองเหลือง หล่อเป็นชิ้นๆ ทั้งหมด 127 ชิ้น แล้วนำมาเชื่อมต่อกันภายหลังค่ะ
คุณสรพงษ์เคยให้สัมภาษณ์ว่า
"ผมผ่านทั้งความเหน็ดเหนื่อย ความท้อ ก็จุดธูปอธิษฐานขอพรว่าหลวงพ่อโต ถ้าดี ขอให้มีคนช่วย ถ้าไม่ดี ขอให้สร้างไม่สำเร็จ และสุดท้ายก็ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาได้ด้วยดี ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปนั้นคุ้มค่า เกิดมาชาติหนึ่งร่างกายเราสมบูรณ์ได้ ทำอะไรช่วยเหลือสังคม ประเทศชาติได้ อุทิศตนได้ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว 10 ปีที่ผ่านมา ได้ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ เพื่อให้ได้เห็นหลวงปู่ได้เห็นความเจริญงอกงามของงานที่ตนทำ"
ก่อนจะปิดท้ายว่า
"เราไม่จำเป็นต้องเป็นพระเอก ไม่ต้องมีเงินถึง 300 ล้าน แต่ก็สามารถช่วยเหลือ ทำประโยชน์ให้แก่สังคมได้ แค่เป็นคนดีก็เพียงพอ"
เจ้าของบล๊อกนี้ยังไม่แก่มากถึงขนาดต้องเข้าวัดทุกบ่อยๆ นะเค๊อะ อิอิ แต่ชอบไปเพื่อเปิดโลกกว้างในแนววัฒนธรรม จริงๆ ภาคดึกก็ยังตกอยู่ในวังน้ำวนสายชลวนเชี่ยวเป็นเกลียวลึกลง...ของกิเลสตัณหาอยู่ คิกๆๆ
แต่บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป อยู่คนละกองกันค่ะ เอิ๊กๆๆ สวรรค์หรือนรก สองเท้ากับหนึ่งใจของตัวเราเท่านั้น ที่จะพาก้าว "ขึ้น" หรือ "ลง" เนอะ
เป็นอันว่าจบทริปครึ่งวันแรกที่วิหารสมเด็จโตนี่ก่อนนะคะ จริงๆ ภาคบ่ายได้ไปต่อกันที่ปราสาทหินอีก2-3 ที่(ปราสาทเล็กๆ)ที่โคราชนี้ ก็ขอยกยอดไปเป็นบล๊อกหน้าแล้วกันค่ะ
ได้โพสต์เรื่องบุญๆ นี้ใน สัปดาห์วิสาขบูชาโลก พอดี ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงดลบันดาลให้เหตุการณ์ร้ายๆ ทางภาคใต้ของเราหมดสิ้นไปเสียที และขอให้ทุกท่านใน Bloggang รวมทั้งเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่าน มีความสุข กินอิ่ม นอนหลับ และแวดล้อมไปด้วยคนดีที่รักของทุกท่านนะเจ้าคะ
สวัสดีค่ะ
ฟาดราดหน้าเหมือนกัน อร่อยมาก ของโปรดค่ะ
แต่ยังไม่สวยขนาดนี้เลย ตอนนี้สวยมากเลยหม่อมป้า
ตอนไปร้อนมั๊กๆๆ
อ่ะไรก็ยังไม่เสร็จ
แต่ก็ได้เข้าไปกราบไว้มีอุทยานหินด้วยค่ะ ก้อนใหญ่ๆๆ
แต่ไม่รู้รายละเอียดเพิ่งจะทราบก็ตอนอ่านนี่แหละค้า...