tag ก็ tag นะ อธิบายเรื่อง tag นิดนึงละกัน ก็ลอกๆ เค้ามาแหละนะtag คือ blogger ที่ถูก tag จะต้องเล่าเรื่องราวของตัวเอง 5 ข้อ จากนั้นก็ต้องส่งให้ blogger อีก 5 คน ...เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่บางบล๊อกก็บอกว่าเป็นความลับ บางบล๊อกก็บอกว่าเป็นเรื่องเล่าของตัวเอง เลยไม่แน่ใจว่า เรื่องที่ต้องบอกเป็น ความลับหรือไม่ลับกันแน่ เอาเป็นบ้างก็ลับ บ้างก็ไม่ลับละกันนะ (ทำเป็นหินลับมีดไปซะงั้น)ได้เข้าไปอ่าน tag ของ พลทหารไรอัน แล้ว มีภาพประกอบด้วย น่ารักมักๆ (โดยเฉพาะแมงป่อง หุหุ) เลยทำให้รู้ว่า ได้รับ tag มาจากกี่คนก็ต้องส่งคนละ 5 ข้อ (เหรอ) โอว์แม่เจ้า เกดจังได้มา 3 คนก็ต้องเป็น 15 ข้อ อะเด่ เอ๊า เอาไงเอากันโอ๊ย ยิ่งปล่อยนาน ยิ่ง มีมาฝาก ก็ดันไปตอบในบล๊อก ไม้หลักปักมั่นคง ว่า ไม่โดนๆ ไรหว่า เลยโดนซะจาก คนดีบ่อทอง เลยซะงั้น เอ๊า จาก 15 ข้อ เป็น 20 ละฟระ (กลัวซะที่ไหน)
บ้านเกดจังอยู่ ต.สัตหีบ จ.ชลบุรี อะนะ ทุกวันศุกร์ที่พัทยาพาลาเดียมเค้าก็จะมี เลดี้ไนท์ ผู้หญิงเข้าฟรี ไม่เสียค่าบัตรประมาณนั้น เอาหละซิ มันส์ข้าพเจ้าหละซิ แอบย่องไปกะพี่สาวและเพื่อนๆ พี่สาว ไปเที่ยวซะงั้นมีอยู่ครั้งนึง พวกวัยรุ่นเค้ามีเรื่องกัน มียิงกันด้วย ทุกคนหลบกันหมด อ้ายเกดจังยืนดูอยู่คนเดียว ตามประสาเด็กซ่าส์ มีไรกันฟระ ดีนะไม่โดนลูกหลง ก็พวกเจือกอยากรู้อยากเห็นนี่นา คิดแล้ว เสียววุ้ย
ก็แหม เงินแม่ก็เหมือนเงินลูก (อ้าวซะงั้น) ก็ตอนเด็กๆ ยังหารับบริโภคเองไม่ได้นี่นา อยากได้นู้น อยากได้นี่ ก็เพื่อนเค้ามีกัน เราก็อยากมีบ้าง แค่นี้เอง ผิดเหรอ (ผิด) เออ รู้แล้วว่าผิด โตมาหน่อยก็ไม่ได้ทำแล้วนะ แล้วก็ตั้งแต่หาเงินเองได้ ก็ให้พ่อ ให้แแม่ตลอดแล้วนะ เงินเดือนขึ้นเท่าไหร่ ส่วนเกินก็ให้พ่อให้แม่ทั้งส่วนเกินนั้นแหละ ถ้าพ่อ แม่มีเรื่องเดือนร้อนต้องใช้เงิน เกดจังให้ได้ทุกบาททุกสตางค์นะ ขอให้บอก โอ๊ย เดี๋ยวนี้เกดจังเป็นเด็กดีมักๆ นะ ขอบอก หุหุหุ
ตอนอายุ 10 ขวบ พ่อให้พี่ชายสอนขับรถ ก็บริเวณที่เค้าใช้ฝึกทหาร เค้าเรียกกันว่า ลานกระทะทองแดง เป็นลานหินทรายกว้างๆ โล่งๆ ขับยังไงก็ไม่ชนอะไรเลย แต่พี่ชายแสนดีกันพาน้องสาวแสนสวย (หุหุหุ) พาไปหัดขับรถจริงบนถนนจริง ถนนใหญ่เสียด้วย (ที่บ้านต่างจังหวัด) บนถนน 2 เลน รถวิ่งสวนไป สวนมา โดยมีสัญญาใจกันว่า "อย่าบอกพ่อนะ" แหม ไอ้เกดก็สนุกละซิ ไม่บอกก็ไม่บอก ชอบอยู่แล้นเรื่องเสี่ยงๆ เนี้ย หนุกเป็นบร้าเลย พอโตมาหน่อย รู้และก็อ้ายที่คุณพี่ชายแสนดีสอนให้ขับรถเป็นเร็ววันนั้นมิใช่ไรดอกหนา ก็เพราะให้น้องสาวขับรถไปตลาดไปส่งแม่ซื้อของ นั้นเอง อืมม์ พี่ชายแสนดีจริ๊งจริง
กลัวเป็นที่สุด เป็นหนักหนา ตอนอยู่บ้านคุณยาย สามสี่ปีที่ผ่านมา แถวบ้านคุณยาย เป็นซอยเล็กๆ (ซอยบ้านหมอ โพธิ์สามต้น) ฝนตกทีไร น้ำชอบขังแถวทางเดิน ทางก็มืด เจ้าพวกเนี้ยก็ชอบมาเดินป่วนเปี้ยนอยู่แถวทางเดิน เลิกงานดึกทีไร เอาล่ะ เกดจังต้องพกไฟฉายทุกวันเลย ไม่ได้เอาไว้ส่องหากบ หาเขียดมาจับต้มยำหรอกนะ ส่องไว้ไม่ได้เดินเหยียบ มีอยู่วันนึง (วันเดียวก็จะแย่ตายแล้ว) โอว์ แม่เจ้า เจ้าคางคกตัวอย่างบึ้มเลย นั่งเล่นขวางอยู่ทางเดิน สงสัยจะจับแมลงที่มาเล่นไฟ เกดจังเห็นแล้ว อืมม์ ยืนรอ 3 นาที 5 นาที ก็แล้ว เมื่อไหร่มันจะไปฟระ 10 นาทีก็แล้ว คนเดินผ่านไป ผ่านมาก็แล้ว มันก็ไม่หลบ (จะเอายังไวกับตรูวะเนี้ย) อยากจะร้องไห้ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน เกดจังถอยหลังไป สามก้าว แล้วก็ใช้วิชากระโดดสูงข้ามมันไปเลย 555+ แล้วก็ผ่านวิกฤตมาจนได้ อ้ายเวง หลบตรูไปซะก็หมดเรื่อง ทุกวันนี้นึก ถึงวันนั้น ยังทุเรศตัวเองไม่หาย ทามปายด้าย กระโดดสูงหนีคางคก ใครรู้อายเค้าแย่เลย อะไรนักหนา ก็แค่สัตว์ตัวเล็กๆ ตัวนึง แค่เค้าเกิดมาหน้าตาน่าเกลียดทั้งตัว ทำเป็นกลัว เค้าก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรเราสักหน่อย กัดก็ไม่กัด หลอกก็ไม่หลอกจะกลัวทำไม ทีกับคนที่มันหลอกเอ๊า หลอกเอา ยังไม่เห็นโกรธ ไม่เห็นเกลียด ชีวิตหนอชีวิต ขอโทษทีนะเจ้าคางคก ไม่ว่าจะยังไง ชาตินี้ทั้งชาติ ฉันก็กลัวแกอยู่ดีอะนะ
ไม่ชอบใส่ชุดชั้นใน (ยกเว้นไปต่างจังหวัดนะ) หรือบางครั้งวันไหนเมากลับมา ก็นอนแก้ผ้า ซะงั้น เย็นดี
ไม่ได้บร้านะเออ แต่ไม่เคยกันเหรอ ชอบพูดกับตัวเองคนเดียว เวลาอยู่คนเดียว บางครั้งก็พูดคนเดียวเวลาทำงาน คนรอบข้างที่ทำานเค้าก็มอง มอง แล้วก็มอง จนตอนนี้เค้าทำใจได้แล้ว เป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วนะ
เมื่อสิบกว่าปีก่อนนู้นนนนน ไปบ้านพี่ชายเพื่อน ก็มีกรอบรูปแต่งงานพี่ชายกะแฟนตั้งอยู่บนโต๊ะ หยิบมาดูไม่รู้หยิบยังไง มันแตกขณะที่อยู่ในมือเรา ซวยอีกแล้วตรู หนูไม่รู้หนูไม่เห็นมันแตกเอง แหะแหะ ไม่ได้บอกเพื่อน ไม่ได้บอกพี่ชายเพื่อน แหะแหะ ขอโทษค่ะ
แหะแหะ แตกอีกแย้ววว เมื่อสามสี่ปีก่อน ไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่ฉะเชิงเทรา ไปช่วยเพื่อนเก็บมะม่วง เพื่อนก็เอากระป๋องพลาสติกมาให้ใส่ ไอ้เกดจังเก็บได้ก็โยนใส่กระป๋อง โบระ โอ๊ะป๋องแตก ซวยซิตรู แต่ไม่ได้บอกใครนะ เพื่อนก็ไม่บอก แหะ แหะ แม่มาเห็นตอนจะเอากระป๋องไปตัดน้ำ "ใครทำแตกเนี้ย สงสัยเด็กแถวนี้เอาไปเล่นอีกแล้ว ซื้อมาตั้งนานไม่เคยแตก เสียดายจริงๆ " แหะแหะ หนูเองค่ะแม่ (พูดในใจ) จนวันนี้ก็ยังไม่ได้บอก แหะ แหะ ขอโทษค่ะแม่
คิดเองเองว่าเราเป็นไม้เลื้อย อยู่ใกล้อะไรก็จะปรับตัว ปรับเปลี่ยนไปตามอย่างนั้น เพื่อนมันเล่นกีต้าร์ เราก็อยากเล่นเป็นบ้าง ซื้อมาเป็นของตัวเองได้เกือบสิบปีแล้วมัง ยังเล่นไม่เป็นเลย ปล่อยให้ฝุ่นจับซะงั้น เพื่อนมันเป่าหีบเพลง ก็อยากซะงั้น เพื่อนให้มาอันนึง ทุกวันนี้ตรูได้แต่ ปิ๊ดปิ้ปิ๊ด ฮ่วย บ่เป็นอิหยังจักอย่าง แต่อย่างน้อยเกดจังก็มีจุดยืนเป็นของตัวเองนะ All Star ชอบมักๆ รักสุดๆ
เวลาดูหนัง ละคร เศร้าทีไร น้ำตาไหลทุกทีเลย หลายเรื่องนะ อย่าง Kill Bill ภาคสุดท้าย สงสาร bill อดีตสามีนางเองจังเลย ต้องถูกผู้หญิงที่ตัวเองรักฆ่า ทั้งๆ ที่เข้าใจผิด เพื่อนมันเห็นเราร้องไห้ มันว่าเราบร้า เรื่องไม่เห็นน่าร้อง ไอ้เกดจังมันก็ร้องได้
แต่เคยมะ ยิ่งกลัวก็ยิ่งอยากฟังเรื่องผีๆ โดยเฉพาะเวลาเดินป่า 555+ อ้ายบร้า กลัวแล้วก็ยังอยากฟัง มีอยู่ครั้งหนึ่งในหลายๆ ครั้ง ไปที่ภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์ ขณะกำลังนั่งจับกลุ่มยามค่ำคืน ผิงกองไฟให้ไออุ่น เพื่อนคนนึงก็เล่าเรื่องเร้นลับ พวกนี้อยู่ หูก็ฟัง แต่สายตาเนี้ยซิ ดันไปเห็นอะไรฟระ ขาวๆ ดำๆ พลุบๆ ปลิวสะบัด โบกหย่อยๆ ตาก็ยิ่งเพ่ง หูมันก็ฟัง กำลังมองแล้วมองอีก อะไรขาวๆ เหมือนสไบผู้หญิงสมัยก่อนเลย กรี๊ดดดดดดดดด อ้ายเพื่อนเวงมันดันทำตกใจกลางวง เกดจังก็ร้องไห้เด่ กลัวก็กลัว อ้ายเวงเจือกทำตกใจ เท่านั้นแหละ เป็นตำนานเลย ก็ไอ้ที่เกดจังมันเห็นขาวๆ ปลิวๆ โบกไสวๆ เหมือนสไบ น่ะ ที่แท้มันก็ใบตองอ่อนดีๆ นี่เองอะนะ เคยเห็นไหมล่ะ ใบตองเขียวอ่อนในความมืดที่มีแสงพระจันทร์สลัวๆ สาดส่องลงมาน่ะว่ามันเป็นยังไง ถ้านึกไม่ออก แนะนำนะ ให้ไปเดินในกลางไร่ กลางสวนเวลายามเที่ยงคืน เดี๋ยวก็ได้เห็นเองอะนะ จากนั้นจนบัดนี้ จับกลุ่มกลางกองไฟทีไรเป็นตำนาน "ผีใบตอง" ซะงั้น เวงกำ
ก้นงอน เอ๊ย นิสัยขี้งอน ใจน้อย น้อยใจ คิดมาก (คิดน้อยก็โง่ซะเออ)
ไม่น่าเชื่อเลยว่าสาวแกร่ง แรงเหลือน้อย อะจ๊ากไม่ใช่ เราก็คิดว่าเราเป็นคนแข็งแรงนะ ออกกำลังกายไม่ได้ออก ที่พักห้องอยู่ชั้น 4 ขึ้นลงไปทำงาน วิ่งตามรถเมล์บ้าง ดักหน้ารถเมล์บ้าง โหนรถเมล์ ขึ้นเรือ โอ๊ย สารพัดสารเพ ไปเที่ยวเดินป่าก็บ่อย อึดจะตาย อืมม์ แต่ก็ไม่เกี่ยวกันนี่นา ก็เพราะนิสัยในการกินมั้งนะ หมอบอกว่า ให้งด เผ็ด ของมัน ของทอด ห้ามเครียด ห้ามนอนดึก แหม คุณหมอที่พูดมาเนี้ย เลิกไม่ได้เลยสักอย่าง แต่ตอนนี้ก็พยายามอยู่ที่จะไม่นอนดึก กินเผ็ดน้อยลง ตอนนี้ไม่กินข้าวขาหมูเฉพาะมันๆ แล้ว เรื่องเครียด ก็จะพยายาม อาศัยมาอ่านบล๊อกคนนู้นบ้าง คนนี้บ้าง ขำ ขำ กันไป น่าจะคลาดเครียดได้บ้างซิน่า
ช่วงเดือนสิงหาคม 2549 ที่ผ่านมา หลังกลับจากไปทริป canon ที่อยุธยา กลับมาก็ปวดท้องเป็นเฉพาะช่วงบ่าย พลาดไปดึก นอนตัวบิดไปบิดมา ทรมานเหลือเกิน แต่ตื่นมาเช้าก็หาย ตกบ่ายเป็นอีกแล้ว เป็นแบบนี้ได้ สาม สี่วัน จนไม่ไหวแล้วต้องไปหาหมอ แล้วก็ "ลำไส้อักเสบ" ถามหมอว่าเป็นได้ยังไง "ก็คงเป็นผลมาจากการสะสมเป็นเวลานาน" คงเป็นเพราะนิสัยที่ชอบกินเผ็ด ช่างสอดคล้องกับอาการทอนซิลเรื้อรังเหลือเกิน ต้องงดเผ็ดแล้วหละ
ตั้งแต่เมื่อไหรนะ เป็นครั้งแรกที่ดอยหลวงเชียงดาว เดินทางครั้งแรกใช่เลย ชอบเลย จากนั้นก็หากมีเวลาและโอกาสก็จะเดินไปทุกที่ที่ไม่มีทาง หากชีวิตยังมีแรงกำลังไหวก็จะไป
ก็หลังจากที่เป็นทั้ง ทอนซิลฯ ลำไสฯ ก็พยายามไม่กินเผ็ดแล้ว กินก็กินน้อยลง เผื่ออะไรนะ มีชีวิตอยู่ให้ทรมานน้อยที่สุด แค่นี้ก็มากพอเหลือเกินแล้ว
ซื้อของทีไร โชคร้ายจังเลย มักได้ของไม่ดี ก็ซื้อไม่เป็น เลือกไม่เป็นนี่นา อาจเป็นเพราะในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยซื้อของด้วยตัวเอง ไม่อยากตัดสินใจ ก็เวลาที่ผ่านมามีคนช่วยตัดสินใจให้ทุกอย่าง ให้ทุกเรื่อง ให้ตลอด พอคราวนี้ต้องได้อยู่คนเดียว ซื้อโทรทัศน์มา ไม่กี่สัปดาห์ก็พังซะงั้น ตอนนี้ก็ต้องตัดสินใจด้วยตัวเองแล้ว ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ได้ซิ ต้องได้
ก็สิ่งที่ยากคือการตัดสินใจ ตัดสินใจทำ ตัดสินใจเลือก ใครจะรู้ล่ะเลือกแล้วจะแล้วจะดีไหม เลือกแล้วจะถูกไหม เลือกแล้วจะผิดไหม แต่ชีวิตอยู่กับการตัดสินใจตลอดเวลา หากไม่กล้าตัดสินใจเราก็จะอยู่กับที่หรือบางทีก็ถอยหลังเข้าคลอง พยายามแล้วหละ พยายามที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง ก็ไม่มีใครตัดสินใจให้แล้วนี่นา
ในชีวิตที่ผ่านมา ไม่อยากหายใจแล้ว ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วบนโลกใบนี้ โลกที่โหดร้าย คิดไปซะงั้น จริงๆ โลกไม่ได้ โหดร้าย ไม่มีใครทำร้ายเรานอกจากเราเอง ไม่มีใครทำให้เราเจ็บปวดนอกจากตัวเรา ความคิดเรา วินาทีนั้นคิดยังไงนะ ก็ชีวิตสมบูรณ์แล้ว เที่ยวก็ได้เที่ยวแล้ว ปริญญาก็ทำให้พ่อแล้ว หลานพ่อ แม่ก็ได้อุ้มแล้วก็ลูกของพี่สาว ไม่มีแล้วชีวิตนี้ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องทำแล้ว ถ้าเราไม่อยู่ แรกๆ ทุกคนคงเสียใจแต่ไม่นาน ไม่นานก็เคยชิน อาจเป็นเพราะเราคงจากคนที่บ้านมาเสียนาน หรือ อาจแค่ให้สะใจ อยากรู้นัก ...ถ้าคนอย่างฉันตายจากไป เธอเศร้าใจหรือปล่า...
ตอนเด็กๆ เวลาหกล้ม เป็นแผล เกดจังชอบเอาปากกาไปจิ้มรอบๆ แผล ได้ยินมาว่ามันจะหายเร็วนะ แหะแหะ เจ็บเป็นบ้าเลย ยิ่งเจ็บก็ยิ่งจิ้ม โตมาหน่อย เวลาเป็นร้อนในที่ปาก โดยเฉพาะบริเวณกระพุ้งแก้ม ชอบกัด ยี้ กัด ยิ่งเจ็บ ยิ่งมันส์ ยิ่งกัด (555+ ซาดิสด์ว่ะ) ยาก็ไม่ทา นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องกิดเผ็ดๆ นะ ก็ไม่ทายาหรอก ถ้าให้เลือก อดกินเผ็ดกับทายา ทายาก็ได้ฟระจะได้กินเผ็ดได้ ประมาณว่าชีวิตนี้ขาดความเผ็ดไม่ได้เลยปัจจุบัน เรื่องบางเรื่องหรือหลายเรื่อง ทั้งๆ ที่รู้ว่า รู้แล้วต้องเจ็บปวดก็ยังอยากรู้ ทั้งๆ ที่รู้ว่า ผลที่ได้รับจะทำให้เจ็บปวด ก็ยังนำพาตัวเองไปพบกับความเจ็บปวดนั้น ทำอย่างไรหนอ เกดจังถึงจะรักตัวเองมากกว่ารักคนอื่นที่ไม่ใช่ พ่อแม่พี่น้อง เมื่อไหร่หนอเกดจังถึงจะเลิกคิดถึงใครคนนั้นที่ทำตัวเป็นแค่สายลมที่พัดผ่านมาให้เราได้เย็นสบายแป๊บเดียว แล้วก็พัดผ่านไป ให้ความเย็นกับคนอื่นอีก เมื่อไหร่
สวัสดีค่ะ
มาเยี่ยมเยียน ค่ะ ได้เวลา
เดินชมบ้านเพื่อน แล้วค่ะ
(@^_^@)
จุ๊ฟๆๆๆ
กลับมาแล้นค่ะ ทุกๆ คน ขอบคุณนะคะที่เข้ามาทำให้บล๊อกไม่เหงากลับมาตั้งแต่เที่ยงคืนของวันอังคารที่ 23/01/2007 กลับมาละก็เหนื่อยเลย ตอนเที่ยวไหง ไม่เหนื่อยเยี่ยงนี้นะ แต่สนุกจัง มีความสุขด้วย แล้วจะนำภาพมาแปะให้ยลกันนะก๊ะ
ผู้คนส่วนมาก
ไม่น่าเชื่อว่าคนชอบกินเผ็ดจะอ่อนไหวขนาดนี้ ( เกี่ยวมั้ย... )
ผมว่าเกดจังเหมาะจะเป็นคนที่ถูกรักนะครับ
ไม่รู้ว่ามีแฟนหรือยัง ถ้าได้แฟนที่รักคุณมากๆ แล้วละก็...
คุณจะมีความสุขมากๆ เลยหละครับ