Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
26 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
Time Trader

Login 'Time Trader'

นานๆ จะเจอ Trader หญิง

อธิบายการใช้เครื่องมือกับกราฟ แชร์ประสบการณ์

เขียน อ่านง่าย คุยกันสไตล์ตรงๆ ไม่ธรรมดา .... ประมาณนั้น


.. ขอบคุณค่ะ ..
--------------------------


"มาแชร์ สไตล์ การเล่นหุ้นกันครับ"
//www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I10324951/I10324951.html
mamavee
เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 05:22:11


ความคิดเห็นที่ 2

เราก็ประสบการณ์ยังน้อยเหมือนกัน

แต่เล่นหลายแนว เก็งกำไรล้วน ๆ แนว VI เราไม่เล่น ( เคยเล่นแล้วเจ๊งมาหลายรอบแล้วง่ะ )

ปัจจุบัน

Daytrade ก็เล่น , เล่นรอบ ก็เล่น , Overnighit ก็เล่น , Scaleper Trading ก็เล่น ( เฉพาะในบางตลาดเท่านั้น )

ซื้อดัก , แทงตาม , ซื้อรับ-ขายต้าน , เล่นรีบาวนด์ , ปล่อยไหลตามเทรน , เทรดกับ Reaction เราเอาหมดล่ะ

ขึ้นอยู่กับสภาพตลาด และก็อารมณ์เราด้วย

หุ้นปั่น บลูชิพ ตัวเล็ก ตัวใหญ่ ตัวกลางเล่นรอบ ถ้าดูแล้วเทรดได้ น่าจะมีกำไรก็เล่นหมดนะ

แต่จะโฟกัสเป็นตัว ๆ ไปมากกว่าเล่นกระจายพอร์ต ในพอร์ต ส่วนมาก ถ้าเป็นหุ้น มักจะมีของอยู่ไม่เกิน 5 ตัว อย่างรอบนี้ มีของอยู่ในพอร์ต 3 ตัว สำหรับถือเล่นรอบ ที่เหลือไว้เล่นเดย์ หรือ Overnighit เราแบ่งเงินไว้คนละส่วนกัน

เทรดแต่ละแบบ เราก็จะใช้กลยุทธ์การเทรดที่ต่างกันไป

อย่างถ้าเล่นสั้น กราฟเดย์ แทงตาม แทงเข้าไปแล้วตอนตลาดปิดพอร์ตต้องเขียวเท่านั้น ดันเขียวต่อ ก็ถือยกตาม แดงสวนเมื่อไหร่ แท่งแรก ออกทันที เปลี่ยนตัวเล่นเลย ถ้าแทงแล้วตอนตลาดปิดพอร์ตแดง เปิดมายังแดงอีก ก็คัท เพราะมันไม่เป็นแบบที่เราหวัง แสดงว่าที่เรามองไว้ว่าถูก ความจริง มันผิด ถ้าฝืนเล่นต่อ มันจะเมาตลาด ต่อให้ฝืนไปได้กำไรมา มันก็เป็นเพราะความฟลุ๊ค เราคิดว่าเราคงจะอยู่ในตลาดนาน ๆ ด้วยความฟลุ๊คไม่ได้แน่ ๆ ถ้าผิดทาง ก็คงต้องยอมรับว่าผิดให้เร็ว ก็จะคัททิ้ง

เวลาเทรดเราเล่นเทคนิคเพียว ๆ สนใจแต่กราฟ กับบิด-ออฟเฟอร์ เราไม่เล่น System Trading ไม่สนข่าว ไม่สนตลาดอื่นที่ไม่ได้เทรด ถ้าเทรดหุ้นในบ้านเรา เราดู SET บ้าง บางกรณี แต่ส่วนมากเวลาเทรดมักจะไม่ค่อยสนใจดัชนีมากนัก ดัชนีกลุ่มก็ไม่ค่อยสนใจ ดูบ้างในบางสถานการณ์เท่านั้น

เราเทรดไปตามกลยุทธ์ที่เราวางไว้ ใครจะว่ายังไง เราไม่ค่อยจะสนใจหรอก เพราะเราคิดว่า คนแต่ละคนถนัดไม่เหมือนกัน สถานการณ์ แรงกดดัน ความมีวินัย อารมณ์ ไม่เหมือนกัน เราไม่ใช่เขา และเขาไม่ใช่เรา สิ่งที่เขาทำได้ เราอาจจะทำไม่ได้ก็ได้ เล่นแบบเดียวกัน หุ้นตัวเดียวกัน เล่นตามกัน คนนึงอาจจะกำไร อีกคนนึงอาจจะขาดทุนก็ได้ เราจะหาอะไรที่เราชอบและคิดว่าเหมาะกับตัวเรามากกว่า


ส่วนมาก เวลาจะเทรด เรามองว่า เราเข้าไปแล้วน่าจะได้กำไร หรือเปล่า เท่านั้นเอง ถ้าดูแล้วเราคิดว่าน่าจะมีกำไรจากส่วนต่างราคาได้ ไม่ว่าจะต้องเล่นแบบซื้อดัก หรือให้แทงตาม เราก็ยอมเล่นหมดล่ะ ไม่ค่อยจะยึดติดมากนักหรอกว่าจะต้องเป็นสไตล์ประจำที่เราใช้อยู่ เราว่าเล่นหุ้น กำไร กับการรักษาพอร์ตให้คงอยู่ เป็นเรื่องสำคัญมากกว่าอย่างอื่น

วิเคราะห์หุ้นมันก็มีถูก มีผิดกันทุกคน เป็นเรื่องปกติ

แต่สำคัญที่ทำยังไงเวลาที่เราผิดพลาดมากกว่า ถ้าผิดแล้วยังยื้อ พอร์ตพัง แบบนี้มันไม่คุ้มที่จะเล่นต่อ เล่นหุ้นแล้วดื้อ เราว่าอยู่ได้ไม่นานอ่ะ

จากคุณ : Time Trader
เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 07:17:42

--------------------------------

"เซ็ตแดงวันนี้รู้จุดอ่อนตัวเองแล้วแต่ดันไม่รู้ว่าจะแก้ยังไง T T "
//www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I10343837/I10343837.html

เล่นหุ้นมา ตั้งแต่ปี 51 ซื้อๆขายๆหลงทางหลงแนวมาตลอด ยังหาแนวทางที่ทำกำไรแน่ๆไม่เจอเลย วันนี้เซ็ตแดงเถือกเลย cut lost มานั่งวิเคราะห์ตัวเองสรุปได้ว่า
ยังไม่รู้ว่าจะเล่นแนวเทคนิคหรือ vi เลย ส่วนตัวอ่านหนังสือหาความรู้ทั้งสองแนว แต่ก็ยังไม่แตกฉานซักแนว พื้นฐานก็งูๆปลาๆ เทคนิคก็เชื่อถือไม่ค่อยจะได้ เดือนนี้กำไรเดือนหน้าขาดทุนหมด T T
เคยเล่นแนวเทคนิคจนบาดเจ็บผิดหวังไปเล่น vi แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ เลยกลับมาเล่นเทคนิคใหม่ ทุกครั้งที่ซื้อหุ้น 7 ใน 10 จะกำไรเสมอ แต่ดันหาแนวต้านไม่เจอ ปล่อยให้มันไปชนแนวต้านแล้วตกจนขาดทุน ที่ขาดทุนเพราะหุ้นขึ้นก็ถัว หุ้นแดงก็ cut lost ไปๆมาๆ กลายเป็นว่า
เล่นหุ้นในรูปแบบ ถ้ากำไรจะซื้อเพิ่มไม่ยอมขาย ถึงมันจะทะลุแนวต้านแรกก็ไปชนแนวต้านสอง แล้วซื้อเพิ่มมาตลอดทางต้นทุนก็เลยไม่ต่ำเท่าไหร่ พอมันร่วงหนักๆ กำรงกำไรก็หายหมดหรือเหลือนิดเดียว ยิ่งถ้าซื้อแล้วขาดทุนก็ cut lost ไป ไปๆมาๆกลยุทธ์ "ขายหุ้นแดง ถัวหุ้นเขียว" มันชักจะไม่ถูกใจซะแล้วแฮะ สงสัยต้องเปลี่ยนรูปแบบใหม่เป็น ซื้อไม้เดียวทำไรกำไรขาดทุนในไม้นั้นๆไปซะแล้วมั้ง ผมคิดถูกมั๊ยเนี่ยยยยย T T

ปล.อยากรบกวนคนใจดีแนะนำวิธีหาแนวต้านให้หน่อยครับ พลาดเรื่องนี้จริงๆ ส่วนใในหนังสือจะสอนแต่สัญญาณขายสัญญาณซื้อ ไม่สอนแนวรับแนวต้าน แต่จากประสบการณ์ ก็หาแนวรับพอจะได้(ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องเข้าไปซื้อ) แต่หาแนวต้านไม่เจออยู่เรื่อย -*-

จากคุณ : ทายาทจูล่ง
เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 13:12:37

ความคิดเห็นที่ 16

แนวรับแนวต้าน หาได้หลายแบบ

ไม่ว่าจะจาก เครื่องมือพวก MA ต่าง ๆ

แนวค่าไฟบอ ,กรอบของพวกแพทเทริน์ , หรือหาจากเส้นเทรนไลน์ หรือ เส้น Channal ที่มีกรอบบนกรอบล่างก็ได้

แต่ที่หาง่าย ใช้ดี ก็จะเป็นแนวต้าน แนวรับจากพวกจุดย่ำฐานเก่า ๆ

ซึ่งส่วนมากมักจะอยู่ที่ไฮ หรือ โลว์ ที่เคยทำไว้ หรือไม่ก็จะเป็นบริเวณ แถวกรอบบน และล่างที่เทรนหุ้นไซด์เวย์

ในกรณีที่หุ้นไซด์เวย์ หุ้นตลาดในเมืองไทยมักจะชอบก่อแพทเทริน์พวก 3 เหลี่ยม

ก็ให้เราตีกรอบขึ้นมา กรอบบนก็เป็นแนวต้าน กรอบล่างจะเป็นแนวรับ

แนวที่หาจากจุดย่ำฐานหรือกรอบแพทเทริน์พวกนี้มักจะเป็นแนวสำคัญ ใช้ง่าย ใช้ดี หาง่าย ไม่ยุ่งยาก

แนวรับ แนวต้านอีกอย่างนึง ที่มักจะเป็นแนวแข็ง ๆ ก็คือ แนว Gap อันนี้ ก็ใช้ดีเหมือนกัน

ปรับระบบเทรด พอร์ตก็น่าจะสวยแล้วล่ะ

เดี๋ยวอีกพักถ้าว่าง จะหารูปมาลงให้เป็นตัวอย่าง ตอนนี้เราดันหิวข้าว ขอตัวไปทำกับข้าวกินก่อน

จากคุณ : Time Trader
เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 04:23:06

-------------------------

<<< ขอถามเรื่อง Fibonacci หน่อยครับ >>>
//www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I10333211/I10333211.html

ว่าเวลาลากเส้นเพื่อนๆลากกันอย่างไร

1. ลากบนลงล่าง หรือล่างขึ้นบน ดูจากอะไร

2. ลากไปทางซ้าย หรือลากไปทางขวา ดูจากอะไรครับ

3. เวลาลากต้องลากจากจุดสูงสุด (High)และต่ำสุด (Low)ภายในช่วงระยะเวลา 1 ลูกคลื่น Elliot Wave ใช่ไหมครับ ห้ามลากครึ่งๆกลางๆคลื่น

ภาย4. Fibonacci ใช้กับกราฟ Day, week, หรือว่า Month ครับ และสมมติเราใช้กับ day ไปแล้ว นำมาใช้กับ week อีก มันจะออกมาลงตัวกันไหมครับ

ขอบคุณครับ

แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 54 13:06:36

จากคุณ : จันทร์พ้นเมฆ
เขียนเมื่อ : 12 มี.ค. 54 12:27:25

ความคิดเห็นที่ 12

ตามที่ท่านถามไว้

1. การใช้ fibonacci Retracement

ถ้าใช้เพื่อวัดการปรับตัวลงของราคาหุ้นจะลากจากล่างขึ้นบน แต่ถ้าใช้เพื่อการดูการเด้งรีบาวน์ดขึ้นของราคาหุ้นจะลากจากบนลงล่าง วิธีสังเกตุง่าย ๆ ว่าเราลากถูกหรือเปล่านั้น ก็ดูได้จาก หากหุ้นมีการปรับตัวหรือเด้งรีบาวนด์แล้ว ราคาจะต้องวิ่งผ่านแนว Fibo ที่มีอัตราส่วนน้อย ไปหามาก โดยจะต้องผ่านแนว Fibo ตามนี้ คือ 23.6 , 38.2 , 50.0 ,78.6 และ 100 % ตามลำดับ หากเราลากแล้ว ราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มีการปรับตัวผ่านแนวที่มีตัวเลขมากก่อน แสดงว่าลากผิด

ดังตัวอย่างตามภาพ



ความคิดเห็นที่ 13

2. งงกับคำถาม แต่เข้าใจ ว่า จขกท น่าจะถามว่า การดึงเส้น Fibo จะต้องดึงจากซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้าย ถ้าท่านถามตามนี้ เราก็ตอบว่า

ต้องลากจากซ้ายไปขวา โดย ถ้าวัดการปรับตัวของราคาหุ้นจะลาก จากล่างไปบน และดึงเส้นจากด้านซ้ายไปทางด้านขวา

แต่ถ้าวัดการเด้งรีบาวน์ดของราคาหุ้นจะลากจาก บนลงล่าง และดึงเส้นจากด้านซ้ายไปด้านขวา

ส่วนดูจากอะไร ก็ตอบง่าย ๆ ว่า กราฟมันเคลื่อนที่จากซ้ายไปขวาเสมอ หากลากจากขวาไปซ้าย แนวไฟบอมันจะสลับด้านจ้า

3. ถ้าใช้ในการวัด Wave ถูกต้องแล้วจ๊ะ เราจะวัด 1 Monowave จากจุด High ไป Low และ Low ไป High ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า เราวัดการปรับตัว หรือวัดการรีบาวน์ด

แต่หากไม่ได้ใช้ Fibo เพื่อการวัดเวฟ แต่ใช้เพื่อเป็นเครื่องมือประยุกต์ทางเทคนิคอย่างอื่น การวัดอาจจะไม่จำเป็นต้องวัด 1 Monowave เสมอไป เพราะเครื่องมือตัวนี้ นอกจากการวัดเวฟแล้ว ยังสามารถประยุกต์ใช้ วัดอย่างอื่นได้อีกด้วย

4. ถ้าเราวัดรอบระยะเวลาเวฟที่เท่ากัน และมองเวฟ เป็นแบบเดียวกัน ไม่ว่าเราจะวัดจากไทม์เฟรมไหนก็ตาม มันก็จะออกมาเท่ากันจ้า


ส่วนคำถามเพิ่มเติมตาม คห. 1

1. โดนส่วนตัวเวลาเทรด เราไม่ใช้เครื่องมือตัวนี้เท่าไหร่นัก เพราะมันไม่ค่อยจำเป็นสำหรับเรา ดังนั้น 161.8 จึงไม่มีความสำคัญสำหรับเรา

แต่โดยส่วนมากคนเล่นเวฟ จะใช้อัตราส่วนตัวเลข 161.8% ในการวัดเพื่อหาเป้าหมายราคาของเวฟเท่านั้น จะไม่ใช้เพื่อการวัดการปรับตัว หรือ รีบาวน์ด จ้า

นอกจากตัวเลข 161.8% ก็ยังจะใช้ตัวเลข 127.2% และตัวเลข 261.8 % อีกด้วย

แต่โดนส่วนตัวถ้าเราจำเป็นต้องวัดเวฟ เราจะใช้ตัวเลขที่มีนัยยะตัวอื่นเพิ่มเข้ามานอกเหนือจากตัวเลข 127.2% กับ 261.8 % อีกด้วย


2. ขึ้นอยู่กับว่าเรามองรอบเวลาระดับไหน แต่เราเข้าใจว่า จขกท ถามถึง รอบ Grand Supercycle เพราะจำนวนหน่วยที่ท่านระบุไว้ ท่านถามมาเป็น ปี

ถ้าเป็นระดับ Grand Supercycle จะกินเวลาประมาณ 45-60 ปี ซึ่งบางครั้งที่รอบเวฟระดับนี้ก็กินเวลา 45 ปี 50 ปี บ้าง 60 ปีบ้าง ไม่มีระยะเวลาที่แน่นอน เนื่องจากว่า รูปแบบแพทเทริน์เวฟ แต่ละรูปแบบจะกินเวลาที่ไม่เท่ากัน ดังนั้น ช่วงเวลา 1 รอบ Grand Supercycle บางแพทเทริน์ อาจจะกินเวลาสั้น ก็จะไปจบที่ 45 ปี แต่ถ้ารูปแบบแพทเทริน์ไหนกินเวลายาว มันก็จะไปจบ ไม่เกิน 60 ปีจ้า ทั้งนี้ ที่เวลาไม่เท่ากันนั้น ก็เกิดจากรูปแบบเวฟที่ก่อตัวนั่นเอง ว่ามันทำแพทเทริน์อะไร

รอบเวฟระดับ Grand Supercycle นั้น ถ้าเรานำไปเทียบกับรอบวัฎจักรธุรกิจ มันก็จะเทียบได้เท่ากับ รอบของ คอนดาเทียฟ นั่นเอง

ส่วนที่ คนมองเวฟ ไม่ตรงกันนั้น ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะเรื่องแบบนี้ แล้วแต่มุมมอง

ดูจากคำถามที่ท่านถามมา เราเดาว่า จขกท น่าจะนั่งดูหุ้น ตั้งแต่รอบตลาดเปิดอยู่ เลยเกิดคำถามเหล่านี้ขึ้นมาใช่หรือเปล่าล่ะจ๊ะ

เลยสงสัยว่า ดัชนีบ้านเรา อยู่เวฟใหญ่ เวฟอะไร

ถ้าเป็นแบบนั้น เราเพิ่มคำตอบให้อีก ตามมุมมองที่คนเล่นเวฟส่วนมากนับกันได้ จะเป็นว่า

เวฟตอนนี้ ของ Set ถ้าดูรอบตั้งแต่ตลาดเปิด ถ้านับตามปกติเลย มันจะนับได้เป็น เวฟ 1-2-3-4-5 ( Impulse )และตอนนี้กำลังอยู่ที่รอบต้นเวฟ 3 ขาขึ้นในระดับรอบเวลาเวฟที่ใหญ่กว่าระดับ Grand Supercycle ประมาณ 3-5 เท่า ( รอบเวลาระดับนี้ ตามตำรามันไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการแล้ว แต่รอบเวลานี้มันจะกินระยะเวลาประมาณ 200 ปี )ซึ่งหมดรอบนี้ ถ้าจบเวฟ 5 ในรอบ 200 ปีจริง ประมาณการได้ว่า ยอดเวฟ 5 ของ Set ที่รอบเวลาระดับ 200 ปี น่าจะอยู่ที่เหนือระดับ 5 พันจุดอัพ ( ตามความเห็นส่วนตัวของเรา คิดว่า 5 พันจุด มันยังเตี้ยไปด้วย เพราะเวฟมันอาจจะเกิดส่วนยืดส่วนขยายได้ และเวลาอีกตั้ง 100 กว่าปี อะไร ๆ มันก็เปลี่ยนไปเยอะ แต่เราคงไม่ได้อยู่ดูยอดเวฟ 5 หรอก คงจะตายก่อนแน่นอน )

แต่อย่างว่าจะไปสนใจอะไรกับรอบเวลาที่ใหญ่ขนาดนี้ เทรดจริง ถือหุ้นเกิน 5 ปี ได้นี่ เราก็ว่า นานมาก ๆ แล้ว

ดูเล่น ๆ สนุก ๆ น่ะดูได้ แต่ดูเพื่อเอามาใช้ เทรดรอบเวลาขนาดนี้ มันไม่ค่อยจะมีประโยชน์เลย

จากคุณ : Time Trader
เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 06:22:43

ความคิดเห็นที่ 16

อันนี้เราตอบคำถามสำหรับ จขกท ที่ถามมาทาง PM นะ

สำหรับโปรแกรม Metastock นั้น มันไม่ได้ล็อก Fibo ไว้ให้เราลากไปทางด้านหลังไม่ได้หรอกจ้า เพราะถ้าเราลองลากดู

เราจะพบว่าในโปรแกรมนี้ มันสามารถลากย้อนได้นะ ซึ่งไม่เพียงเฉพาะแต่โปรแกรม Metastock เท่านั้นที่เป็นแบบนี้ โปรแกรมกราฟอื่น ๆ อีกหลาย ๆ ตัว ที่เป็นแบบนี้เหมือนกัน ก็มีอีกจำนวนมาก

สำหรับ Metastock เมื่อเราลากย้อนดูแล้ว เราก็จะพบว่า แนวตัวเลข Fibo มันจะอยู่กลับด้านกันกับการลากที่ถูกต้อง แล้วด้านที่ไหลไปตามเทรนอยู่ มันก็จะแสดงแนวตัวเลข Fibo ค่า 161.8 กับ 261.8 % ออกมาให้เราเห็นซึ่งมันก็สามารถนำไปใช้วัดเป้าหมายการวิ่งของราคาหุ้นในบางช่วงแบบคร่าว ๆ ได้เช่นกัน ( การวัดแบบนี้ จะไม่ได้เป็นการวัดเวฟในแบบที่ควรจะเป็นนะ มันเป็นเพียงการวัดแนวทั่ว ๆ ไปไม่ใช่การวัดตามหลักของ Elliott Wave จ้า หรือถ้าเราจะใช้เครื่องมือตัวนี้แบบกลับหัว แล้ววัดให้มันตรงตามหลัก Elliott Wave เราต้องเข้าใจการวัดเป้าหมายเวฟก่อน และนำเครื่องมือไปประยุกต์ใช้เอา )

แต่สำหรับโปรแกรม Metastock ถ้าต้องการจะวัดเป้าหมายเวฟจริง ๆ เราแนะนำให้ใช้ Fibonacci Projection จะดีกว่า เพราะเครื่องมือเฉพาะมันมีอยู่แล้ว ใช้สะดวกกว่าเยอะ จะไปใช้ในรูปแบบกลับหัวให้มันยุ่งยากไปทำไม จริงหรือเปล่า

ลองสังเกตตามภาพนะ

เราลากไฟบอย้อนไปทางด้านหลังมาให้ดู ( ลากกลับด้าน ) ตามภาพจะพบได้ว่า ค่าตัวเลขของแนวไฟบอ มันจะกลับด้านกัน ( ซึ่งถ้าเราวัดค่าการปรับตัวตามปกติ การลากแบบนี้จะเป็นการลากที่ผิด เพราะมันจะแสดงแนว Fibo ที่กลับด้านกับที่ควรจะเป็น )

ค่าแนว 23.6% หากเราวัดการปรับตัวตามปกติแบบถูกต้อง ตามความเป็นจริง มันควรจะอยู่เป็นแนวรับแรกที่อยู่ด้านบน แต่เมื่อเราลากย้อน ( ลากผิด ) ค่า 23.6% มันจะไปแสดงเป็นแนวที่อยู่ด้านล่างแทน



ความคิดเห็นที่ 17

และเมื่อเรา Zoom Out ออกมา เราก็จะเห็นได้ว่า มันแสดงค่า 161.8 % กับค่า 261.8 % ออกมาตามภาพนี้



Time Trader
เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 01:15:51

ความคิดเห็นที่ 18

จริง ๆ แล้วเรื่องเวฟ

เวลาเราเรียน ตามตำรา และคนสอน ส่วนมากเขาจะชอบสอนให้วัด สอนให้หาค่าตายตัว ว่าเป็นเวฟอะไร เป้าหมายเท่าไหร่

แต่ถ้าเป็นแบบนั้นเวลาเทรดจริง ลองนำไปใช้ดูสิ จะพบว่า เทรดไปนาน ๆ แล้ว จะขาดทุนมากกว่ากำไร หรือไม่ก็เสมอตัวมีกำไรเล็กน้อยเท่านั้น

เพราะกว่าจะรู้ตัวว่าผิดทาง เวฟไม่ได้เป็นแบบที่เราคิดไว้ มันก็โดนไปเต็ม ๆ เวลาคัทจะเสียเยอะมากกว่า การเทรดด้วยสไตล์อื่น และราคาเป้าหมายที่วัดไว้ ส่วนมากก็จะทำให้ขายหมู หรือไม่ก็ทำให้กำไรหายไปซะมาก

เวฟมันเปลี่ยนตลอด แพทเทริน์ก็เปลี่ยน การสลับที่ก็เกิดได้ ทั้งในเรื่องของเวลา ราคา และรูปแบบ การยืดขยายพวก Dubble Three , Tipple Three และการเกิดพวกเวฟซ้อนอย่าง การเกิดพวก Dubble Wave , Tipple Wave , การเกิดพวกรูปแบบ 11 เวฟ และ13 เวฟ ต่าง ๆ

ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ มันทำให้เป้าหมายคลาดเคลื่อน และเปลี่ยนแปลงตลอด คนเทรด Pure Wave จริง ๆ เท่าที่เรารู้จักส่วนมาก ไม่มีการวัดเป้าหมายราคากันเลย ถ้ามีการวัดก็มักจะเป็นการวัดเพื่อดูเล่นสนุก ๆ มากกว่า แต่การเทรดด้วยเวฟ เวลาเทรดจริง ส่วนมากจะไม่มานั่งวัดเวฟกัน และจะไม่มั่นใจในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเป็นพิเศษ

และคนพวกนี้มักมองรูปแบบเวฟไว้หลากหลายรูปแบบ ตามความน่าจะเป็น ส่วนมากพวกนี้มักจะให้ความสำคัญกับรูปแบบแพทเทริน์เวฟ ,การครบหรือไม่ครบของเวฟ , ตำแหน่งซื้อ-ขาย , ระบบ แผนและกลยุทธ์ที่รองรับมากกว่าเรื่องอื่น ๆ

เราว่า หากจะเทรดด้วยเวฟ ต้องศึกษาให้ลึกซึ้งจริง ๆ และต้องกรองสิ่งที่เราได้ศึกษามาให้เป็นด้วย และนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของเราเองให้ได้ด้วย

ปล. เราต้องขออภัยที่มาตอบกลับในนี้นะ เพราะเราไม่ติดต่อทาง PM กับใครทั้งสิ้น

จากคุณ : Time Trader
เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 01:42:31

ความคิดเห็นที่ 19

อันนี้แถมให้ ด้วยกราฟคู่ใจเราสี Lemon Green

Set ตั้งแต่ตลาดเปิด รูปแบบนึง เขานับกันได้แบบนี้ ( เน้นอีกทีว่าเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เท่านั้นนะจ๊ะ เพียงแต่รูปแบบนี้ หลาย ๆ คนว่ากันว่ามันเป็นรูปแบบที่มีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุด )

ถ้าเป็นแบบนี้จริง ๆ กว่าจะจบเวฟ 5 ในรอบเวลาที่เรานับไว้เป็นตัวเลขวงกลมสีดำ ( มาครบ 5 เวฟ รอบระยะเวลาขนาดนี้ก็จะกินเวลาประมาณ 200 ปีจ้า ) เขาว่ากันว่า น่าจะมีอย่างน้อย 5 พันจุดอัพ

รอบเวลาเราแยกสีไว้ให้เห็นในกราฟแล้วนะ รอดูเอาว่ามันจะทำรูปแบบไหน เพราะเราก็ไม่รู้อนาคตเหมือนกัน




Create Date : 26 มีนาคม 2554
Last Update : 27 มีนาคม 2554 10:35:01 น. 0 comments
Counter : 1230 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

P^_^
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฝึกเขียน เล่าเรื่อง สบายๆ ปนเพ้อเจ้อ...

มีใครสักคน แวะมาอ่านก็ดีใจแล้ว ...จริงๆ นะ

ยิ่งทักทายด้วย ยิ่งปลื้มเข้าไปอีก ...เน๊ะ

เขียนอะไร คุยอะไรมาก็ได้ ...อ่านทั้งน๊านจ้า...

ขอบคุณที่แวะมาค่ะ ^_^

Photobucket

แวะมาแล้ว ฝากให้อาหารปลาด้วยจ้า...
^_^ click ที่ภาพได้เลยค่ะ

Friends' blogs
[Add P^_^'s blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.