ธารธรรมใสเย็นยิ่ง สุขได้
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
20 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
บางครั้งคนที่เรารังเกียจ อาจเป็นคนๆเดียวกับคนที่เรารักแต่ทำร้ายเรามานาน..

คนที่น่า"รังเกียจ"ที่สุด คือใคร ?

๑.คนที่แต่งตัวสกปรกเมาสุรา ยาเสพติด

๒. คนที่มีโรคติดต่อร้ายแรงแต่กระทำตนเป็นคนแพร่เชื้อโรค

๓. เศรษฐีผู้มีจิตตระหนี่และอิจฉาริษยาแก่คนรอบข้าง

๔. คนที่บอกว่าตัวเองดีแต่การกระทำกลับชั่ว

๕. คนที่คิดว่าตัวเองดี เหนือกว่าทุกๆคน

๖. คนที่มีความ"รังเกียจ" ..นั่นล่ะ น่ารังเกียจที่สุด

๗. ตัวเราเองนี่ล่ะที่น่ารังเกียจ ในสิ่งที่น่ารังเกียจของตัวเรา

๘. ตัวเราที่ยังมีกิเลส นั่นล่ะน่ารังเกียจ

๙. ตัวเราที่ยังมีกิเลส แต่ไม่รังเกียจกิเลส นั่นล่ะน่ารังเกียจ

๑๐. ทุกๆคนที่ยังมีกิเลส นั่นล่ะน่ารังเกียจหมด

____________________________________
วิสัชชนา

ทุกข้อนั้นต่างก็เป็นที่น่าเกียจทั้งนั้น
คือจะตอบอย่างไรก็ไม่ได้ผิด หรือถูก สาระสำคัญคือ
อยู่ที่มุมมอง ของแต่ละบุคคล

ข้อ ๑ ถึง ข้อ ๕ และข้อที่ ๑๐ เป็นบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ตัวเรา
หากเปรียบดั่งพาล ก็เปรียบดั่ง เป็นพาลภายนอก
ส่วนข้อที่เหลือ ก็คือกิเลส เป็นพาลภายใน

๕. คนที่คิดว่าตัวเองดี เหนือกว่าทุกๆคน
แม้บุคคลนั้นจะอาจเป็นที่น่ารังเกียจ แต่เขาก็เป็นคนหนึ่งที่สามารกบอกให้เรารู้ว่าเขาเป็นคนเย่อหยิ่งทะนงตน ทำให้เรารู้ว่านั่นเป็นกิเลส ในใจเขา
อาสามารถมองย้อนกลับมามองดูตัวเรา กิเลสที่เขามีแม้เราก็ถูกทำลายไปบ้างแล้วหรือยัง


๖. คนที่มีความ"รังเกียจ" ..นั่นล่ะ น่ารังเกียจที่สุด
ในข้อนี้ ความหมายก็คือ มีจิตใจยังมีความรังเกียจ ความรังเกียจนี้
ก็เป็นกิเลสตัวหนึ่ง คือความไม่พอใจ ธรรมดาโทสะมีสภาวะคือ ผลักใสเอาอารมณ์นั้นออกไปจากจิตใจ คือรับอารมณ์นั้นมาแล้ว แต่จะปฏิเสธ ซึ่งตรงข้ามกับ โลภะ


๗. ตัวเราเองนี่ล่ะที่น่ารังเกียจ ในสิ่งที่น่ารังเกียจของตัวเรา
ในข้อนี้ ความหมายก็คือ สังขารความสกปรกร่างกาย เลือด ดี เสลด หนอง
กระดูก ขน ผม เล็บ ฟัน อื่นๆ


๘. ตัวเราที่ยังมีกิเลส นั่นล่ะน่ารังเกียจ
ตรงนี้เป็นสติ แต่ยังขาดปัญญา แม้จะน่ารังเกียจ
แต่ก็น่ารังเกียจ น้อยกว่าข้อที่ ๙


๙. ตัวเราที่ยังมีกิเลส แต่ไม่รังเกียจกิเลส นั่นล่ะน่ารังเกียจ
ตรงนี้เป็นสติ แต่ยังขาดปัญญา คือ ยังไม่รังเกียจกิเลส
กิเลสบางอย่าง เช่นสุขในสมาธิ ก็เป็นสุขที่น่ารังเกียจ ของผู้จะพ้นไปจาก
สังสารวัฏ ถ้าไม่รังเกียจ คือยังติดอยู่ ก็จะพ้นไปเสียไม่ได้


๑๐. ทุกๆคนที่ยังมีกิเลส นั่นล่ะน่ารังเกียจหมด
ข้อนี้ เรานี้เอง จะเป็นคนอวดดี เย่อหยิ่ง ความหมายเดียวกันกับ
ข้อที่ ๕ ต่างกันโดยถ้อยคำ เท่านั้น




ธรรมดา คนอื่นย่อมอาจทำอันตรายแรงร้ายให้ถึงแก่ชีวิตเราได้ อาจกำหนดกาลสิ้นสุดได้
แต่กิเลสนี้เมื่อมืดบอดเป็นความไม่รู้ เป็นความทะยานอยาก เป็นความโลภ โกรธ หลง กาลระยะสิ้นสุดแห่งสังสารวัฏแก่บุคคลนั้นย่อมมิอาจสามารถกำหนดได้

แม้กระนั้น คำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ได้สอนให้"รังเกียจ"กิเลส แต่ทรงสอนให้"ละ ทำลายเสีย"
เป็นความเบื่อหน่าย มิใช่ความรังเกียจ
ตราบใดที่ยังมีความรังเกียจ นั่นก็หมายถึงโทสะจิต ยังมิได้ถูกทำลายไปแม้แต่น้อยเลย




Create Date : 20 ธันวาคม 2552
Last Update : 20 ธันวาคม 2552 10:22:23 น. 8 comments
Counter : 703 Pageviews.

 
นั่นสิ ใครหว่า?


โดย: Tukta21 วันที่: 20 ธันวาคม 2552 เวลา:3:17:20 น.  

 
อากาศดี
ข้อความเพราะ


โดย: chabori วันที่: 20 ธันวาคม 2552 เวลา:10:44:40 น.  

 
บางครั้งคนเรา็ก็ออ่นแอเกินไป
เมื่อตกในสภาพแวดล้อมใดๆหนึ่งๆ
ในสถานะใดๆ หนึ่งๆ
การจะละได้เสียสิ้นจึงเป็นเรื่องยาก
สำคัญที่ยังสำนึกรึไม่ว่าสิ่งใด ควร หรือไม่ควร
ก็เรายังปุถุชนนิ ยังวนเวียนๆ
ไมไ่ด้ไปอยู่ป่าตัดเสียสิ้น
จะได้บรรลุ แง่บๆ


โดย: itoursab วันที่: 20 ธันวาคม 2552 เวลา:13:02:05 น.  

 


โดย: Jakaey วันที่: 20 ธันวาคม 2552 เวลา:13:10:10 น.  

 
กิเลสในตัวเราน่ารังเกียจที่สุด แต่ก็ยังไม่ยอมกำจัดออกไป คือว่า....หลงรักเขาซะแล้ว.


โดย: nathanon วันที่: 20 ธันวาคม 2552 เวลา:15:01:32 น.  

 
เพิ่งรู้สึกรังเกียจบางสิ่งอย่างสูงสุด และลดระดับลงเพื่อจิตตัวเอง บางคนบางเรื่องมันช่างทดสอบจิตใจยิ่งนัก


โดย: p_tham วันที่: 21 ธันวาคม 2552 เวลา:3:22:39 น.  

 
สงสารหมา แมวจรจัด จนเป็นภาระใหญ่โต เราจะเรียกว่าเวทนาจนเป็นกิเลสได้ไหม จะตัดกิเลสนี้ได้อย่างไร


โดย: เหลว IP: 125.25.73.64 วันที่: 13 มิถุนายน 2554 เวลา:10:15:04 น.  

 
เป็นเพราะขาดอุเบกขา กำกับจิตใจ
ความเมตตา ความกรุณา ความมีมุฑิตา นั้นต้องมีอุเบกขา
คอยกำกับ ควบคุม รับรองความรู้สึกครับ

เจตนาดีแต่เกิดโทษ เพราะขาดปัญญานี่ล่ะ


โดย: ใจพรานธรรม วันที่: 14 มิถุนายน 2554 เวลา:23:31:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ใจพรานธรรม
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




มีหลายเรื่องที่ควรสงสัย แต่เราไม่สงสัยในสิ่งต่างๆนั้นแล้ว
เราศรัทธาแต่ในพระรัตนตรัย

..แม้เทวดา มารหรือพรหม จะมีหรือไม่มีอยู่จริง
เราก็มีธรรม มีปัญญารู้ในสิ่งต่างๆนั้นด้วยตนเองแล้ว
ทั้งปัญญา ทั้งศรัทธา เป็นสิ่งที่ท่านต้องสร้างให้เกิดขึ้นเอง
ใครสร้างท่านไม่ได้

พระพุทธเจ้า พระองค์ดุจผู้บอกทางให้เท่านั้น
จะเดินหรือไม่ เรามิได้กล่าวโทษตำหนิท่านแต่อย่างใดเลย
ท่านเชื่อ ท่านก็เดิน ท่านไม่เชื่อก็ควรแล้ว ที่ท่านจะสงสัยควรแล้วที่ท่านจะปฏิบัติ เพื่อคลายความสงสัยนั้น
S! Radio
Express 4
เพลง ทานตะวัน ---ฟอร์ด
ศิลปิน รวมศิลปิน : Express
อัลบั้ม Express 4
ดูเนื้อเพลงคัดลอกโค้ดเพลงนี้
ขอบคุณ code และ ภาพ จากคุณ aggie_nan ตามลิงค์ที่อยู่ ด้านล่างครับ
Friends' blogs
[Add ใจพรานธรรม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.