อ่านหนังสือของ Dr. Seuss อีกครั้ง แต่หัดแต่งไฮกุครั้งแรกค่ะ(Again with Dr. Seuss, First with Haiku)
อ่านชื่อบล็อกแล้วก็อาจจะงง ๆ นะคะ ว่าเกี่ยวกันอย่างไร ทุกอย่างเชื่อมโยงกันอยู่แล้วนะคะ ติดตามไปเรื่อย ๆ ก็จะคลี่คลายความสงสัยนะคะ
ก่อนอื่นอยากชวนคุยถึงหนังสือของ Dr. Seuss กันอีกครั้งค่ะ คราวที่แล้วบล็อก อ่านหนังสือของ Dr. Seuss กับลูกค่ะ เขียนไว้ตั้งแต่เริ่มมาเขียนบล็อกใหม่ ๆ คือประมาณสามปีครึ่งแล้วค่ะ ตอนนี้ลูกสาวคนเล็กหยิบมาให้คุณแม่อ่านให้ฟัง อ่านแล้วก็รู้สึกว่าสิ่งที่ Dr. Seuss สื่อมาในหนังสือนั้นช่างร่วมสมัยยิ่งนักค่ะ นั่นก็คือการมีความพอเพียงในหัวใจนั่นเองค่ะ หนังสือที่ว่าชื่อหนังสือ Yertle the Turtle and Other Stories ค่ะ ในเล่มจะมีอีกสองเรื่องค่ะ อ่านดูแล้วเกี่ยวเนื่องกันหมด แต่จะขอนำมาคุยให้ฟังแค่สองเรื่องแรกจากเล่มเดียวกันค่ะ
หนังสือของ Dr. Seuss มักจะเขียนเป็นร้อยกรอง(คำคล้องจอง) ทำให้อ่านสนุก มีตัวการ์ตูนที่แปลกตาที่หลายคนติงว่าไม่เห็นน่ารักเลย แต่จขบ. ว่ามีเอกลักษณ์และสร้างสรรค์เป็นอย่างยิ่งค่ะ รวมทั้งเนื้อหาก็ยังแฝงตรรกะ อ่านแล้วมักจะได้พบกับความจริงของชีวิตที่แฝงมาในเนื้อเรื่อง
"I like nonsense, it wakes up the brain cells. Fantasy is a necessary ingredient in living, it's a way of looking at life through the wrong end of the telescope. Which is what I do, and that enables you to laugh at life's realities."
-Dr. Seuss
เรื่องแรกคือเรื่อง "Yertle the Turtle" ค่ะ
เนื้อเรื่องโดยย่อก็มีอยู่ว่ามีเจ้าแห่งสระน้ำ นั่นก็คือเต่าที่ชื่อ Yertle นั่งปกครองประชากรเต่าอยู่บนก้อนหินเล็ก ๆ อย่างมีความสุข ทุกตัวมีชีวิตที่ดี มีของกินพอเพียง สระน้ำใสสะอาด อุณหภูมิของน้ำก็อบอุ่น แต่มาวันหนึ่งเจ้าแเห่งเต่า Yertle กลับต้องการยิ่งใหญ่ขึ้น อยากจะปกครองอาณาจักรที่ใหญ่ขึ้น โดยมันคิดว่าสิ่งที่มันสามารถมองเห็นล้วนอยู่ใต้การปกครองของมันทั้งสิ้น จึงเรียกเต่ามาเก้าตัวเพื่อต่อตัวกัน แล้วมันก็ขึ้นไปยืนอยู่ด้านบน มันสามารถมองออกไปไกลไปในท้องทุ่งกว้าง มันมองเห็นบ้าน พืช และสัตว์มากมาย มันคิดว่ามันเป็นเจ้าของทุกสิ่งที่มันเห็น
"All mine! Yertle cried. "Oh, the things I now rule! I'm the king of a cow! And I'm King of a mule! I'm king of a house! And, what 's more, beyond that, I'm king of a blueberry bush and a cat! I'm Yertle the Turtle! Oh, marvelous me! For I am the ruler of all that I see!"
ตลอดช่วงเช้ามันเฝ้าบอกตัวเองถึงความยิ่งใหญ่ จนกระทั่งเที่ยงเจ้าเต่าตัวที่อยู่ด้านล่างสุดก็ขอความเห็นใจว่ามันทั้งเมื่อยทั้งหิว แต่เจ้าแห่งเต่ากับตะโกนใส่มันและบอกให้มันเงียบ บอกว่ามันไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดหรือบ่นอะไรทั้งสิ้น เพราะมันเป็นแค่เต่าธรรมดา ๆ ตัวหนึ่งที่ชื่อ Mack "เป็นแค่ส่วนหนึ่งของบัลลังก์ของฉัน ไม่เหมือนฉันที่มีความสามารถไม่จำกัด เพราะฉะนั้นฉันต้องการอีกสองร้อยตัวเพื่อที่ฉันจะได้สูงขึ้น มองเห็นได้ไกลขึ้น" เต่าทุกตัวพากันกลัวและปีนเหยียบหัวเจ้า Mack ขึ้นไป ทำให้เจ้าแห่งเต่าพอใจมาก
"Hooray! shouted Yertle. I'm king of the trees! I'm king of the birds! And I'm king of the bees! I'm king of the butterflies! King of the air! Ah, mine! What a throne! What a wonderful chair! I'm Yertle the Turtle! Oh, marvelous me! For I am the ruler of all that I see!"
มิไยที่เจ้า Mack เต่าธรรมดา ๆ จะร้องขอเช่นใด เจ้าแห่งเต่าก็ยังคงเห่อเหิมทะเยอทะยานใฝ่สูง จนกระทั่งพลบค่ำ พระจันทร์เคลื่อนขึ้นมาสู่ท้องฟ้าเหนือหัวเจ้าแห่งเต่า สร้างความประหลาดใจให้มันเป็นอันมาก "ใครกันนะที่กล้าอยู่สูงกว่าฉัน ฉันยอมไม่ได้" มันจึงคิดจะร้องเรียกให้เพิ่มจำนวนเต่ามากชึ้น แต่ยังไม่ทันที่มันจะได้สั่งการ เจ้าเต่าธรรมดา ๆ ก็ได้ทำสิ่งที่แสนจะธรรมดาด้วยการ "เรอ" ออกมา และทำให้บัลลังก์ของเจ้าเต่าสั่นสะเทือนจนล้มคลืนลงมา
That plain little turtel below in the stack, That plain little turtle whose name was just Mack, Decide he'd taken enough. And he had. And that plain little lad got a little bit mad And that plain little Mack did a plain little thing. He burped! And his burp shook the throne of the king!
เจ้าแห่งเต่าจึงตกลงมาจมโคลน ได้เป็นแค่เจ้าแห่งโคลน
And today the great yertle, that Marvelous he, Is King of the Mud. That is all he can see.
จะเห็นได้ว่าเรื่องนี้แฝงคุณค่าของการรู้จักพอ การมีเมตตา และยิ่งไปกว่านั้นสรรพสิ่งในโลกล้วนมีสิทธิ เสรีภาพเท่าเทียมกันค่ะ
เรื่องที่สองในเล่มเดียวกันคือเรื่อง "Gertrude McFuzz" ค่ะ
เนื้อเรื่องโดยย่อก็มีอยู่ว่ามีนกสาวน้อยตัวหนึ่งชื่อว่า Gertrude McFuzz เป็นนกที่มีหางเล็กและไม่งามเอาเสียเลย และทุกครั้งที่เธอเห็นเพื่อนที่ชื่อ Lolla-Lee-Lou บินผ่าน เธอก็แสนจะเศร้าและอิจฉาเพื่อนยิ่งนัก เพราะเพื่อนของเธอนั้นมีหางที่แสนจะสวยงามถึงสองหางด้วยกัน
"This just isn't fair! I have one! She has two! I MUST have a tail just like Lolla-Lee-Lou!"
วันหนึ่งเธออดรนทนไม่ได้ จึงไปหาลุงที่เป็นหมอชื่อ Dake และถามลุงพร้อมกับน้ำตา ว่ามียาอะไรที่กินแล้วทำให้หางงอกบ้างไหม คุณลุงตอบว่าอย่าพูดอย่างนั้น หางนั่นเหมาะกับเธออยู่แล้ว แต่ Gertrude ไม่ยอมเข้าใจ ในที่สุดลุงทนการรบเร้าของเธอไม่ได้ จึงได้ชี้แนะให้ไปกินยาเม็ดจากต้น pill-berry vine ซึ่งอยู่บนยอดเขา(ยาวิเศษตัวนี้มีที่อยุ่คล้ายในวรรณกรรมไทยกับจีนเลยนะคะ) เธอจึงรีบรุดไปบนยอดเขา และชิมดูหนึ่งเม็ด มันช่างมีรสชาติที่แย่จริง ๆ แต่แล้วหางก็งอกออกมาหนึ่งหางอย่างสวยงาม ตอนนี้เธอมีสองหางเท่า Lolla-Lee-Lou แล้ว แต่เธออยากมีมากกว่า เธอก็เลยกินอีกเม็ด แล้วหางเธอก็งอกเป็นสามหาง เธอดีใจมากเพราะตอนนี้เธอมีหางมากกว่าแล้ว แต่เธอไม่หยุดแค่นั้นเธอกินเพิ่มไปเรื่อย ๆ จนหมดต้นเลย หางงอกออกมามามากมาย เธอปลื้มสุด ๆ คิดว่าจะต้องไปเย้ยเพื่อนให้จงได้
They blossom like flowers that bloom in the spring. All fit for a queen! What a sight to behold! They sparkled like diamonds and gumdrops and gold! Like silk! Like spaghetti! Like satin! Like lace! They burst out like rockets all over the place! They waved in the air and they swished in the breeze! And some were as long as the branches of trees. And still they kept growing! They popped and they popped Until, 'long about sundown when, finally, they stopped.
แต่พอเธอกางปีกจะบิน เธอบินไม่ขึ้นเพราะมันหนักเกินไป อย่าว่าแต่จะบินเลยค่ะ แม้แต่วิ่งหรือเดินเธอยังทำไม่ได้ เธอก็เลยติดอยู่บนเขาทั้งคืน จนกระทั่งลุงพานกตัวอื่นมาช่วยกันพาเธอบินกลับบ้าน ซึ่งต้องใช้เวลาบินถึงสองอาทิตย์ และอีกหนึ่งอาทิตย์ในการถอนหางทั้งหมดให้เหลือหนึ่งอันเท่าเดิม จนเธอปวดไปหมด แต่เมื่อเธอมองหางอันเดียวของเธอ ตอนนี้เธอกลับรู้สึกพึพอใจกับมัน เพราะว่าเธอฉลาดขึ้นนั่นเองค่ะ
And , finally, when all of the pulling was done, Gertrude, behind her, again had just one... That one little feather she had as a starter. But now that's enough, because now she is smarter..
เรื่องนี้ก็ต้องการปลูกฝังให้เรารู้จักประมาณตน ไม่อยากมีอยากได้ จนเดือดร้อนทั้งกับตนเองและผู้อื่น สิ่งที่เหมาะสมกับคนอื่นนั้นอาจไม่เหมาะสมกับเราก็ได้ ความสมดุลย์นั้นเป็นสิ่งสำคัญ และโดยปรกติแล้วธรรมชาติก็สร้างสรรค์มาให้ทุกอย่างนั้นลงตัวอยู่แล้วค่ะ
เคยได้อ่านบล็อก ความหมายของไฮกุ ของคุณ haiku เมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นก็ได้แต่แนะนำให้ลูกสาวได้รู้จักไฮกุ จนกระทั่งมาเห็นบล็อก บทกวีไฮกุ ๙ จึงได้พิมพ์ออกมาให้ลูกสาวอ่าน และบอกให้ลองแต่งดูบ้าง แกก็เลยแต่งมาให้บทหนึ่ง คุณแม่เห็นว่าใช้ได้และเข้ากับบล็อกนี้จึงเอามาแปะท้ายบล็อกนี้ค่ะ ขอขอบคุณคุณ haiku สำหรับบล็อกดีๆ และคำแนะนำ มา ณ ที่นี้ ค่ะ
Young girl goes fishing get big fish wants bigger fish no more fish that day
“...การจะเป็นเสือนั้นไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่เรามีเศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินนั้น หมายความว่า อุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตนเอง ความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัวเอง จะต้องทอผ้าใส่เอง อย่างนั้นมันเกินไป แต่ว่าในหมู่บ้านหรือในอำเภอ จะต้องมีความพอเพียงพอสมควร บางสิ่งบางอย่างผลิตได้มากกว่าความต้องการก็ขายได้ แต่ขายในที่ไม่ห่างไกลเท่าไร ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก...” พระราชดำรัส เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๙. คัดลอกจากเวปของมูลนิธิชัยพัฒนา ขอขอบคุณคุณมา ณ ที่นี้ ค่ะ
ขอขอบคุณ BG สวย ๆ จากคุณกบูร ค่ะ
Create Date : 19 กันยายน 2554 |
|
14 comments |
Last Update : 22 กันยายน 2554 23:18:24 น. |
Counter : 1645 Pageviews. |
|
|
|
เก็บดอกไม้มาฝาก หวังว่าคุณเค็น คงสบายดีนะคะ