ดูหนังการ์ตูนของ Studio Ghibli กับลูกกันค่ะ




คราวนี้มาชวนดูหนังการ์ตูนของ Studio Ghibli กับลูกกันบ้างค่ะ หนังการ์ตูนค่ายนี้ดิฉันได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่คนเดิมซึ่งบอกและสอนอะไรดี ๆ มากมาย แต่ไม่อยากเอ่ยชื่อเขาบ่อยค่ะ จึงขออนุญาตขอบคุณในใจนะคะ และพอจะเรียบเรียงมาเขียนลงบล็อก ก็ได้บล็อกของคุณ bigwores ในเรื่องรูปประกอบและเวปไซต์ที่เกี่ยวข้อง ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

หนังของ Studio Ghibli จะเป็นหนังการ์ตูนที่ภาพสวย มีสัญลักษณ์ของความดีงามในตัวการ์ตูนที่สร้างสรรค์ และมีการเพิ่มแฟนตาซีเข้าไปในเนื้อเรื่องและตัวละคร มักจะจบลงแบบมีความสุข ไม่ต้องมีตัวร้ายเป็นตัวเพิ่มรสชาติ เพลงประกอบไพเราะ ส่วนใหญ่จะดูได้ทุกเพศ ทุกวัยค่ะ ลูกสาวตัวเล็กก็ดูไม่เบื่อเลยค่ะ ถึงแม้แผ่นที่เราได้มาจะเป็นภาษาญี่ปุ่นที่ฟังไม่เข้าใจ ดูจบแล้วจะพากันชื่นใจทั้งกับภาพประกอบ กับตัวแสดง(ที่มักจะมีเด็กผู้หญิงเป็นตัวแสดงนำ) สิ่งที่ตัวแสดงคิด สิ่งที่ตัวแสดงกระทำ และสุดท้ายผลลัพธ์ที่สวยงามของการกระทำนั้น ๆ

รวมทั้งเนื้อหาก็ยังแฝงตรรกะในการดำเนินชีวิตที่ควรเป็น ส่วนใหญ่มักจะเน้นเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม และการรู้จักตนเอง ดูแล้วมักได้พบกับความดีงามที่มีอยู่ในตัวมนุษย์และธรรมชาติทำให้เกิดแรงบันดาลใจและมีความเข้าใจตนเองมากขึ้น

และเช่นเคยค่ะบล็อกนี้จะขอยกมาคุยให้ฟังสองเรื่องค่ะ ซึ่งคิดว่าเป็นเรื่องที่สอดคล้องกับวิถีชีวิต การเลี้ยงดูลูกและเป้าหมายการให้การศึกษากับลูกสาวค่ะ

เรื่องแรกคือเรื่อง "My Neighbor Totoro" ค่ะ ผลงานเขียนเรื่อง กำกับ และควบคุมการผลิตโดย Hayao Miyazaki

เนื้อเรื่องโดยย่อก็เริ่มที่พี่น้องสองสาว(Mei and Satsuki ซัทสึกิ อายุ 14 ปี และเม อายุ 4 ปี) ได้ย้ายบ้านมาอยู่ในชนบทพร้อมกับพ่อ เพื่อให้อยู่ใกล้โรงพยาบาลที่แม่ของสองสาวรักษาตัวอยู่ ทั้งสองพี่น้องนอกจากจะได้มาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ก็ยังได้รับน้ำใจจากเพื่อนบ้านเป็นอย่างดีค่ะ






เมได้มีโอกาสพบกับเจ้าป่า(Totoro)ก่อน ซึ่งอยู่ในต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในแถวนั้น และวันหนึ่งที่เธอสองคนนำร่มไปยืนรอรับพ่อกลับจากที่ทำงานเพราะฝนตกที่ป้ายรถเมล์ ซัทสึกิก็ได้พบกับ Totoro และได้หยิบยื่นน้ำใจให้ Totoro ยืมร่ม และเจ้าป่าก็ได้ให้เมล็ดพืชกับเธอเป็นการตอบแทนความมีน้ำใจของเธอ






ทั้งสองสาวก็ได้นำเมล็ดพืชไปปลูก และเฝ้ามองให้เมล็ดเหล่านั้นเติบโต ค่ำคืนนั้น Totoro ก็มาพบกับสองสาวและทำให้ต้นไม้โตขึ้นสูงใหญ่ พร้อมกับให้พวกเธอเกาะขนของเขาแล้วพาบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างสนุกสนาน(ในทุกเรื่องของ Studio Ghibli จะมีฉากบินค่ะ ที่ให้ความรู้สึกถึงอิสรภาพ)






เธอสองคนได้เรียนรู้วิถีชนบทกับคุณยายใจดี คุณยายใจดีบอกถึงประโยชน์ของพืชผักที่ปลูก เมจึงคิดจะนำข้าวโพดที่เธอเก็บเองในไร่ไปให้แม่ที่ป่วยอยู่ แต่ขณะนั้นก็มีข่าวว่าแม่ของเธออาการไม่ดี เมจึงนำข้าวโพดวิ่งไปหาแม่ที่โรงพยาบาลเพียงลำพังในขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวาย ชาวบ้านและซัทสึกิออกตามหาเมแต่ไม่เจอ ซัทสึกิ จึงไปหาโตโตโร่ ให้ช่วย โตโตโรเรียกเจ้ารถเมล์แมว(catbus) มานำเธอไปพบเมที่กำลังร้องไห้หาพี่สาวเพราะหลงทาง แล้วเจ้ารถเมล์แมวก็ใจดีพาทั้งสองไปแอบดูแม่ที่โรงพยาบาลบนต้นไม้ พร้อมกับนำข้าวโพดไปวางอยู่ที่หน้าต่างใกล้กับเตียงของแม่ เป็นที่ประหลาดใจของพ่อและแม่มาก






เรื่องนี้ออกมาในปี 1988 และสามารถฝากรอยประทับใจให้กับผู้ชมได้ถ้วนหน้าค่ะ เนื้อเรื่องแฝงคุณค่าของการให้ การแบ่งปันและเกื้อกูลกัน(โดยใช้ร่มเป็นสัญลักษณ์) รวมทั้งการรักธรรมชาติ และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์กับธรรมชาติค่ะ


เรื่องที่สองที่อยากจะพูดถึงคือเรื่อง " Kiki's Delivery Service" ค่ะ ออกมาในปี 1989 กำกับเขียนบท ควบคุมการผลิตโดย Hayao Miyazaki ซึ่งดัดแปลงจากหนังสือของ Eiko KADONO แต่เพิ่มความรู้สึกโดดเดี่ยวและอุปสรรคสำคัญคือการบินไม่ได้เข้าไปค่ะ






เนื้อเรื่องโดยย่อก็มีอยู่ว่ามีแม่มดน้อยอายุ 13 ปีนามว่า Kiki ต้องออกหาเมืองที่ไม่มีแม่มดอยู่มาก่อน เพื่อฝึกฝนและค้นพบตัวเองให้เจอว่าจะดำรงอยู่ในสังคมเมืองนั้นได้อย่างไร Kiki เตรียมตัวออกเดินทางโดยแม่ของเธอช่วยแต่งตัวให้ในชุดสีดำ แต่เธอบ่นกับแม่ว่าอยากใส่สีอื่น แม่ของเธอจึงอธิบายว่า รูปลักษณ์ภายนอกนั้นไม่สำคัญเท่าสิ่งที่อยู่ภายในตัวเธอ





Kikiออกเดินทางพร้อมกับแมวคู่ใจชื่อ Jiji ทั้งที่เธอยังบินไม่คล่อง และไม่รู้ตัวว่าตนเองนั้นจะดำรงชีวิตในเมืองใหม่ด้วยอาชีพใด เธอมุ่งมั่นจะไปยังเมืองชายทะเลที่สวยงาม พอเธอไปถึงก็พบกับเรื่องวุ่นวายมากมาย แต่แล้วเธอก็มีโอกาสได้อาสาที่จะช่วยเจ้าของร้านขนมปังที่กำลังท้องแก่ เพื่อนำจุกนมหลอกไปคืนให้กับทารกน้อยซึ่งเป็นลูกของลูกค้าที่ลืมไว้โดยการเหาะไปด้วยไม้กวาดของเธอ เจ้าของร้านจึงขอบคุณเธอและเสนอให้ Kiki อยู่ที่ร้าน และKikiก็คิดได้ว่าเธอจะเปิดบริการรับส่งพัสดุทางอากาศ

ระหว่างนั้น Kiki ก็ได้เจอเพื่อนที่เป็นเด็กชายชื่อ Tombo ที่ชื่นชอบการบิน เจอคุณยายใจดีที่ห่วงใยเธอ ซึ่งเคยเป็นลูกค้าที่จะจ้างวานให้ Kiki ไปส่งเค้กที่เธออบให้หลานสาว แต่บังเอิญเตาอบไฟฟ้าเสีย คุณยายยินดีที่จะจ่ายเงินให้กับ Kiki ตามที่ตกลงไว้ แต่ Kiki รับอาสาจะช่วยเธออบด้วยเตาอบโบราณที่ใช้ฟืนแทน เพราะไม่อยากรับเงินเธอโดยที่ยังไม่ได้ทำงานให้

แต่มาวันหนึ่งเธอสูญเสียพลังแม่มดไม่สามารถเข้าใจภาษาพูดของแมว JiJi และไม่สามารถบินได้ เธอตกใจมากพยายามบินจนไม้กวาดของเธอหัก






เธอจึงต้องหยุดกิจการชั่วคราว และได้ไปพักกับเพื่อนที่เคยพบกันโดยบังเอิญในป่าชื่อ Ursula เพื่อนของKiki บอกว่า Kiki เป็นแรงบันดาลใจให้วาดภาพที่สวยงามที่วางเด่นอยู่ในห้องนั้น เธอยังเล่าให้ Kiki ฟังว่าเธอก็เคยวาดภาพเลียนแบบผู้อื่น ทั้งที่มีพรสวรรค์ในการวาดภาพ และเคยวาดภาพไม่ได้เลยเหมือนกัน แต่หลังจากเลิกวุ่นวายใจ หันไปสนใจอย่างอื่นสักพัก ก็กลับมาวาดได้อีก Kiki จึงสบายใจขึ้นมาก

วันหนึ่ง Tombo ติดกับ Airship ลอยขึ้นไปในอากาศ กำลังจะตกลงมา Kiki เห็นข่าวในโทรทัศน์ จึงรีบไปช่วย โดยขอยืมไม้กวาดถูพื้นของคนทำความสะอาด และสามารถบินขึ้นไปช่วยเพื่อนกลับลงมาบนพื้นได้โดยปลอดภัย





เรื่องนี้ก็ต้องการปลูกฝังให้เยาวชนค้นหาตนเองให้เจอ รู้ให้จริง นำคุณค่าในตัวเองออกมาใช้ให้ถูกทาง และเห็นคุณค่าของเพื่อน ของการดำรงอยู่ในสังคมที่เกื้อกูลกัน

จากเวป //www.nausicaa.net คุณ Hayao Miyazaki ยังกล่าวไว้ว่าชีวิตของ Kiki นั้นสะท้อนให้เห็นปัญหาวัยรุ่นของญี่ปุ่นที่ตีความหมายของคำว่า "เป็นตัวของตัวเอง" หรือ "อิสรภาพ" เพี้ยนไปด้วยความคิดที่ตื้นเขินและอ่อนประสบการณ์ในการมองปัญหา และคิดว่าการเข้ามาในเมืองหลวงเป็นคำตอบของพวกเขาและเธอ

จะเห็นว่าทั้งสองเรื่องนี้ใช้ฝนมาเชื่อมโยงตัวละคร เรื่อง Totoro มีร่ม(การให้)มาช่วยแก้ปัญหา ส่วนเรื่อ Kiki delivery services ฝนเป็นอุปสรรคที่เธอพบเจอ เธอมีเจ้าของร้านขนมปัง คุณยายใจดี Tombo และ Ursula เป็นกำลังใจให้เธอข้ามพ้นอุปสรรค และค้นหาตัวเองเจอในที่สุด


ขอขอบคุณ BG สวย ๆ จากคุณลิตช์ค่ะ และภาพพร้อมบทสัมภาษณ์คุณ Miyazaki จากจากเวป //www.nausicaa.net ค่ะ


Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 2 ตุลาคม 2556 22:15:39 น. 10 comments
Counter : 2412 Pageviews.

 


เอาเพลง I'm gonna fly จากเรื่อง Kiki's Delivery service มาฝากคุณเค็นค่ะ

Kiki's Delivery Se...


เพลงนี้เป็นเพลงประกอบเรื่อง Kiki ภาคภาษาอังกฤษค่ะ
เรื่องนี้แป๋วชอบมากๆเลยค่ะ ได้ดูพากย์อังกฤษด้วยเพราะทาง Disney ซื้อลิขสิทธิ์มาทุกเรื่องเลย แม่มดน้อยน่ารักมากๆเลยนะคะ เหมาะที่จะดูกับเด็กๆเลยค่ะ เพลงประกอบคิกขุทั้งเรื่อง แต่เลยอดฟังเพลงภาษาญี่ปุ่นเลยอ่ะ
เคยอ่านเบื้องหลังเรื่องนี้ เห็นบอกว่ามิยาซาเกะลงทุนไปเดินในยุโรปเพื่อวาดฉากด้วยล่ะค่ะ มิน่าการ์ตูนสวยมากๆเลย

เรื่อง my neighbour totoro เป็นเรื่องแรกของจิบลี่ที่ได้ดูค่ะ เป็นเรื่องที่ดูแล้วต้องอมยิ้ม เพราะน่ารัก และใสมากๆ Totoro เป็นมิตรและใจดีอย่างนี้นี่เองถึงได้รับเลือกเป็นโลโก้ของจิบลี่ด้วย

เดี๋ยวคุณเค็นเอาเรื่องอื่นมาคุยแล้วจะแวะมาคุยด้วยอีกค่ะ..


โดย: SevenDaffodils IP: 65.203.0.242 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:57:01 น.  

 
ขอบคุณมากมากเลยค่ะคุณแป๋ว อยากมีเสียงเพลงในบล็อกมานานแล้วค่ะ

ก่อนเขียนได้หยิบแผ่นมาชวนลูกดูอีกหน อ่านบทสัมภาษณ์และเรื่องย่ออีกครั้ง ดูโน่นดูนี่ไปหลายวันเลยค่ะ อยากไป Ghibli Museum จังเลยค่ะ

แต่เรื่องขายให้ disney นี่ ดู disney น่าจะอยากให้ Ghibli หาย ๆ ไปมากว่าจะ promote นะคะ

และอ่านเจอแบบที่คุณแป๋วบอกค่ะว่าคุณ Miyazaki แกไปเดินดูในยุโรปรู้สึกว่าจะเป็นฝรั่งเศสค่ะ ทำให้นึกถึงหนังสือที่เคยอ่านเรื่อง a year in Provence อ่านตามไม่เห็นภาพยังรู้สึกว่าสวยมากเลยค่ะ


โดย: chinging วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:59:09 น.  

 
ขอบคุณครับ

ผมอยากดู Totoro มานานแล้ว
ไว้จะหามาดูซะที


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:28:32 น.  

 
ยินดีค่ะ ถ้าหาไม่ได้บอกนะคะ จะส่งไปให้ค่ะ


โดย: chinging วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:15:04 น.  

 
กระตูนเรื่องอ่านแล้วได้ความคิดดีๆมากมายคับผมอ่านแล้วดีใจมากตลกและสนุกน่าสงสารอีกด้วยได้รู้ความรักของคนเราตอนนี้ผมเรียน รร.ขจรทรัพยือำรุงครับ


โดย: ด.ช.อริยะ ขุนสะอาด IP: 124.121.183.118 วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:16:38:52 น.  

 
สวัสดีค่ะ น้องอริยะ แล้ว รร. ขจรทรัพย์บำรุง อยู่ที่ไหนเอ่ย


โดย: chinging วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:22:10:27 น.  

 
คริๆ คุณเค็น

คอเดียวกันค่ะ Totoro ดูแล้วเหมือนกันค่ะ นานแล้ว

ถึงแม้ เรื่องราวดูเรียบๆ แต่ทำได้น่าติดตามตลอด เลยจริงๆ ค่ะ ^^


โดย: PS325 วันที่: 21 สิงหาคม 2551 เวลา:10:56:18 น.  

 
คุณมิยาซากิเขาสุดยอดค่ะ ดีและสวยทุกเรื่องค่ะ


โดย: chinging วันที่: 21 สิงหาคม 2551 เวลา:12:26:03 น.  

 
ผมว่าเรื่อง grave of the fireflise แหล่มสุดคับดูแล้วรู้สึกตื้นตันกับมิตรภาพของพี่และน้องสาวครับ


โดย: lll IP: 171.6.157.189 วันที่: 4 กรกฎาคม 2556 เวลา:19:05:47 น.  

 
จริง ๆ แล้วของสตูดิโอนี้เรียกว่าแหล่มทุกเรื่อง แต่คุณพ่อว่าเรื่องนี้มีฉากดุไปสำหรับเด็ก ๆ ค่ะ


โดย: chinging วันที่: 6 กรกฎาคม 2556 เวลา:9:45:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

chinging
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]








INVITING THE BELL TO SOUND


Body, speech, and mind in perfect oneness-
I send my heart along with the sound of the bell,
May the hearers awaken from forgetfulness
and transcend all anxiety and sorrow.


HEARING THE BELL


Listen, listen,
this wonderful sound
bring me back
to my true self.


THICH NHAT HANH






9 Latest Blogs
ขอขอบคุณ คุณSevenDaffodils
ในคำแนะนำวิธีการทำ Latest Blogs ค่ะ



New Comments
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
19 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add chinging's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.