 |
 |
 |
 |
 |
|
 |
 |
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
 |
30 กรกฏาคม 2550 |
|
 |
 |
|
 |
|
|
|
 |
 |
 |
 |
|
 |
 |
 |
 |
|
มันอะไรกันนักกันหนาเนี้ย
แหะแหะ หายไปนาน กลับมาอีกทีมีเรื่องแย่ๆของตัวเองมาเล่าให้ฟังอีกแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเย็นที่ผ่านมานี่เอง แต่ก่อนอี่นขอเล่าตั้งแต่วันเสาร์เลยก็แล้วกันนะ
เรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาที่ญี่ปุ่นมีการจัดงานดอกไม้ไฟที่ใหญ่มากแถวๆวัดasakusa แล้วก็บังเอิญว่าวันเสาร์เป็นวันหยุดพอดี(คือว่าทำงานทุกวันหยุดแค่เสาร์กับจันทร์อ่ะ) เราก็เลยมีโอกาสได้ไปงานกะเค้าด้วย ตั้งใจว่าจะไปถ่ายรูปเต็มที่เลย แต่ไม่ได้ใส่ยูคาตะไปนะ เพราะตอนงานทานาบาตะใส่ไปแล้วรู้เลยว่า พอเจอกะคนเยอะๆในชุดแบบนั้นมันลำบากมากๆ เดินก็ลำบากแถมยังร้อนอีก
ไปถึงประมาณห้าโมงเย็นกะว่าจะเดินไปเที่ยวที่วัดก่อน คนล้านแปดมากๆ แถมนายกญี่ปุ่นยังมาพูดหาเสียงที่หน้าวัดอีก คนก็เลยยิ่งเยอะเข้าไปใหญ่ แต่เรากะเพื่อนก็เดินฝ่าฝูงชนเข้าไปจนได้ เดืนไปถึงข้างใน ก็รู้สึกเซ็งมากเพราะวัดข้างในปิด (ง่ะ เดินมาตั้งไกลปิดได้ไงฟะเนี้ย) ก็เลยเดินไปซื้อของกินกะเอาไปนั่งกินตอนดูดอกไม้ไฟ เพราะคราวที่แล้วที่ไปดูดอกไม้ไฟก็นั่งกินขนมกันได้บรรยากาศมากๆ
แล้วก็เดินๆๆๆๆ เดินไปไหนหนะเหรอ ไม่รู้อ่ะ ก็รู้แค่ว่ามันจะจุดดอกไม้ไฟที่แม่น้ำ แต่แหม แม่น้ำก็ตั้งยาว มันจุดกันตรงไหนละคะคุณ กะจะเดินเข้าไปถามตำรวจ(ที่นี่เวลามีจัดงานอะไรก็จะมีคุณตำรวจเข้าไปดูแลตลอด ยิ่งงานนี้ใหญ่มากๆคุณตำรวจก็เลยยิ่งมีมากมายเยอะแยะเข้าไปใหญ่) พอเดินเข้าไปใกล้ๆก็มีคนกำลังถามคุณตำรวจอยู่เหมือนกัน คุณตำรวจก็พูดอะไรเยอะแยะมากมายฟังไม่รู้เรื่องเท่าไหร่(แหมถึงจะมาเรียนที่นี่แต่มันก็ไม่ใช่ภาษาบ้านเรานี่เนอะจะให้ฟังออกหมดได้ไง) จับใจความได้ว่าพลุจะจุดสองฝั่งของสะพานให้เดินข้ามไปอีกฝั่งระหว่างนั้นก็มีการจุกพลุทดลองเราก็เลยรู้ว่าถ้าอยู่บนสะพานจะสามารถมองเห็นพลุได้ทั้งสองฝั่ง แต่แหะแหะ งะโดนคุณตำรวจไล่อีกแล้วอ่ะ เค้าไม่ให้อยู่บนสะพานเพราะจะทำให้คนเดินไปมาไม่ได้(อ้อ ลืมบอกไปว่าเค้าปิดถนนคะถนนใหญ่ๆเลยเต็มไปด้วยคนแทนรถ) เราก็เลยตัดสินใจกันว่า เอ้า เดินก็เดิน เดินตามคนญี่ปุ่นไปละกัน งานมันมีจัดทุกปีเค้าคงรู้แหละว่าต้องดูที่ไหน ก็เดินไปเรื่อยๆ (ตอนนั้นเริ่มเมื่อยและ)
พอเดินไปถึงริมแม่น้ำอีกฝั่ง ตำรวจกับเจ้าหน้าที่จัดงานยืนดูแลความเรียบร้อยอยู่ คนเยอะมากๆปูผ้านั่งกันเรียบร้อยเลย อ้าวแล้วเราจะไปนั่งไหนละเนี้ย ตรงนั้นก็ไม่ได้ไกลไป ตรงนี้ก็ต้นไม้บัง(ต้นไม่เยอะมากคะ ตลอดแนวริมน้ำเลย) ก็เลยตัดสินใจเดินไปเรื่อยๆ(เดินอีกแล้ว)ของกินที่แบกมาก็เริ่มหนักขึ้นกลายเป็นภาระไป
และแล้วเดินๆอยู้การจุดดอกไม้ไฟก็เริ่มขึ้น ง่ะมองไม่เห็นไรเลย ต้นไม่บังหมดคะ คนที่นั่งอยู่บางที่ก็เห็นแต่ส่วนใหญ่แล้ว ไม่เห็นอ่ะ คนพวกนั้นก็เลยลุกขึ้นแล้วก็เดินหาที่ที่มองเห็นได้ ซึ่งก็แน่นอนว่าคนที่เดินอยู่อย่างพวกเราต้องโดนเบียด แต่บางคนก็ตัดใจนั่งดื่มนั่งกินกันต่อ ฟังเสียงพลุกับเห็นแสงแว้บๆเอา (เอาแค่บรรยากาศก็ได้ว่างั้น) ยิ่งเดินก็ยิ่งเบียดเห็นแสงแว้บๆ(แต่บอกได้ว่าถ้าเห็นเต็มๆ สวยมากๆคะ)พอตรงไหนเห็นชัดๆจะหยุดดูเค้าก็ไล่กัน สุดท้ายทนความเมื่อยไม่ไหว เห็นมีที่ว่างอยู่หลังต้นไม้ เลยบอกเพื่อนว่าจะไปไหนก็ไปกันเหอะ เดี๋ยวนั่งรอนี่ ไม่ไหวแล้ว มีคนเบียดกันจนเป็นลมกันไปหลายราย สุดท้ายเรากับเพื่อนก็นั่งดูพลุผ่านต้นไม้กันคือแบบเห็นแสงแวบๆผ่านช่องว่างของต้นไม้อ่ะ ก็ดีสวยไปอีกแบบ(ปลอบใจตัวเอง ว่างั้น) พองานจบก็นึกกันได้ว่าจะต้องเดินกลับทางเดิมซึ่งพวกเราก็เดินกันมาไกลมากอยู่ พอเดินมาถึงสะพานที่มาตอนแรก แม่เจ้า คนล้านแปด ตำรวจต้องออกมาจับมือกันยืนกั้นคนแทนไฟเขียวไฟแดง แล้วก็เบียดๆๆ กันไปต่อแถวเข้ารถไฟแล้วก็เบียดกันในรถไฟอีก(ดีนะที่แถวนั้นมีหลายสถานี ไม่งั้นเหยียบกันตาย) ถึงบ้านเกือบห้าทุ่ม เหนื่อยมากๆ(หมดกันวันหยุดอันแสนสุขของชั้น)
และแล้ววันอาทิตย์ก็มาถึง วันนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงานตั้งแต่เก้าโมง เท้ายังระบมจากเมื่อคืนไม่หาย ยืนจัดผักเรียงผักตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น คนมาเดินห้างล้านแปด แถมถามคำถามกันอีกมากมาย ตอบได้บ้างไม่ได้บ้าง (แหมคุณลุงคุณป้าคุณตาคุณยายทั้งหลายคะมองป้ายสิคะ ชื่อหนูอ่ะ จะได้รู้ว่าหนูไม่ใช่คนญี่ปุ่น) แหะๆแบบว่าเหนื่อยแล้วก็เมื่อยมากมาจากเมื่อวานอ่ะ เลิกงานสี่โมงกลับบ้านมาทำงานบ้าน อ้าว แป้บๆ หมดวันอีกแล้ว ให้ตายเหอะพรุ่งนี้เช้ามีเรียนอีกแล้วเหรอเนี้ย (มีใครมีเวลาเหลือให้ยืมเปล่าเนี้ย)
วันจันทร์(วันนี้แหละ) อารมณ์ดีหน่อย เพราะเลิกเรียนแล้ววันนี้ไม่ต้องไปทำงาน เลิกเรียนแล้วก็ขี่จักรยานคู่ใจไปกินซูชิเจ้าประจำกะเพื่อนๆ ด้วยความสบายใจว่า กินเสร็จจะได้กลับไปนอนพักผ่อน หลังกินซูชิ เพื่อนจะไปซื้อของกันก็กะจะไปด้วย พอมาถึงที่เจ้าจักรยานตัวดี งะไหงมันขี่ไม่ไปหว่า ก้มมองที่รถ อ๋ายยยยย ล้อหน้ายางแบนแต๊ดแต๋เลย แล้วมันไปโดนไรมาละเนี้ย เพื่อนก็ช่วยกันดูว่ามีตะปูหรืออะไรหรือเปล่าก็ไม่เจอ
สรุป ต้องเข็นจักรยานกลับหออ่ะ แง มันใกล้ๆซะที่ไหนละ ถ้าขี่จักยานมันก็ประมาณ15นาที แต่นี่เดินเจ้าคะ แล้วก็ไม่ใช่เดินธรรมดาด้วยต้องลากเจ้าจักรยานเป็นภาระกลับไปด้วย เพื่อนก็ต้องไปซื้อของ และแล้ว ต้องลากเจ้าจักรยานเพื่อนรักกลับคนเดียว
แง ฟ้าแกล้งกันใช่ไหมอ่ะ เข็นๆอยู่ฝนที่เพิ่งหยุดไปก็ตกลงมาอีกครั้ง ดีที่ฟ้ายังปราณีกันบ้างตกมาแค่ปรอยๆ แต่มันก็ลำบากน้า ตั้งใจว่าวันนี้จะพักผ่อนให้เต็มที่ ไหงกลายเป็นวันที่แสนเหนื่อยไปอีกวันละนี่ นี่ถ้าอยู่เมืองไทยคงโทรเรียกพ่อมารับแล้ว ไม่ต้องเข็นให้เหนื่อย คิดถึงบ้านจัง เฮ้อ.....
ขอบคุณนะคะที่เข้ามาฟังฮวงโหบ่น แล้วจะพยายามหาเรื่องดีๆมาเล่าให้ฟังกันนะคะอย่าเพิ่งหนีกันไปก่อน
Create Date : 30 กรกฎาคม 2550 |
Last Update : 4 สิงหาคม 2550 16:54:03 น. |
|
5 comments
|
Counter : 570 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: --yeejin-- วันที่: 30 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:35:07 น. |
|
|
|
โดย: bookmark วันที่: 30 กรกฎาคม 2550 เวลา:21:24:31 น. |
|
|
|
โดย: MoDKaMe IP: 202.57.179.166 วันที่: 2 สิงหาคม 2550 เวลา:14:59:20 น. |
|
|
|
โดย: smack วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:17:45:38 น. |
|
|
|
โดย: basbas วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:23:44:53 น. |
|
|
|
| |
|
|
 |
 |
 |
 |
|
|
รบกวนเข้าไปตอบนิดนึงนะจ๊ะ
ว่าวันนี้มีโปรแกรมทำอะไรกันบ้าง