--but life goes on, and this old world will keep on turning--
แค่คนข้างใจ (12)

12

"ขวัญกินอะไรหน่อยนะ" อรชุมาพยายามยัดเยียดแซนด์วิชใส่มือคนเป็นเพื่อนอย่างกลัดกลุ้ม เพราะอีกฝ่ายนั่งนิ่ง แววตาว่างเปล่าอยู่ตรงหน้าห้องผ่าตัดมาตั้งแต่เช้าจนเกือบเที่ยงเข้าไปแล้ว

เธอเองตกใจไม่น้อย เมื่อคนเป็นเพื่อนอยู่ๆ ก็ปล่อยโทรศัพท์หลุดจากมือ นั่งนิ่งขึง น้ำตาหยดโดยไม่มีคำพูดใดๆ จนเธอต้องเขย่าตัวถาม นาน..กว่าจะได้รับคำตอบที่ทำให้เธอต้องนิ่งไปเช่นกัน ก่อนจะตั้งสติได้ บอกให้ธารขวัญโทร.บอกธาวิน อย่างน้อย เขาก็เป็นเพื่อนสนิทของภิญโญ

ธาวินมาถึงในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมา ก่อนจะเป็นคนขับรถพาธารขวัญและเธอมาโรงพยาบาล โดยที่ธารขวัญนั้นแทบไม่มีคำพูดใดๆ ต่อเขาด้วยซ้ำ


ร่างที่ยืนเคว้งอยู่หน้าห้องผ่าตัดคือวรางค์ ซึ่งเมื่อหันมาเห็นธารขวัญ ก็เดินตรงเข้ามาด้วยดวงหน้าซีด ไม่มีสีเลือด ดวงตาหมอง ไม่ต่างจากคนเป็นเพื่อนเธอในขณะนั้น

เสียงถามไถ่ในภาษาของคนเป็นแพทย์ทำให้เธอไม่เข้าใจนัก แต่ที่แน่ๆ คงจะหนักหนาเอาการ เพราะธารขวัญทรุดลงนั่งกับม้ายาวหน้าห้องราวกับหมดแรงเสียเฉยๆ

"เมื่อคืนพี่อ้นอยู่เวร" วรางค์นั่งลงข้างๆ กัน คนที่ถูกเอ่ยถึงเป็นรุ่นพี่เอ็กซ์เทิร์นที่มาชอบพอวรางค์ หากก็ยังไม่มีท่าทีคืบหน้าอะไร เพราะเห็นได้ชัดว่าวรางค์ยังคงรักคนที่นอนอยู่ในห้องผ่าตัดนั่นเอง

"โทร.มาบอกเราตอนตีห้า ว่าโยรถคว่ำ ตอนนั้นนึกกันว่าคงไม่รอด เพราะตอนมาถึงชีพจรจับไม่ได้แล้ว."น้ำเสียงคนพูดระโหย

"แต่ตอนนี้อาจจะมีหวังนะขวัญ อาจารย์กำลังช่วยเต็มที่"

"ฮื่อ" ธารขวัญรับคำเพียงเท่านั้น ก่อนจะเงียบไปกันทุกคน เพราะต่างก็จมอยู่ในภวังค์ความคิดตน ความคิดที่ต่างก็สัมผัส และรับรู้กันดี..

ใครอีกหลายคนทยอยกันมาถึง เพื่อนร่วมคณะที่ได้ข่าว และยังอยู่ในหอพักของคณะ บิดามารดาของเขา ที่เข้ามาไต่ถามวรางค์อย่างคนเคยรู้จักกันดี ด้วยน้ำตานองหน้า บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง

ธารขวัญมองความเคลื่อนไหวตรงหน้าอย่างไม่อยากรับรู้อะไรนัก ความฝัน ที่เธอยังไม่ได้เล่าให้ใครฟังนั้นยังติดตา ดวงหน้าเศร้า แววตาราวกับจะบอกลาของเขายังคงแจ่มชัด เขาจะจากไปจริงๆ ละหรือ..เขามาบอกลาเธอใช่ไหม..


อย่าเพิ่งนะโย..อย่าเพิ่งจากไปได้ไหม ขวัญยังไม่ได้บอกโยเลยว่าความรู้สึกของขวัญเป็นอย่างไร..ความรู้สึก..ที่ขวัญเองก็ไม่เคยรู้..จนนาทีที่ได้ยินจากแววว่าเกิดอะไรกับโย

โยลืมตาก่อนได้ไหม..ลืมตาขึ้นมามองขวัญอีกครั้งได้ไหม แม้ว่าแววตานั้นจะยังว่างเปล่า ไม่มีความรู้สึกใดๆ อย่างที่โยเคยมองขวัญตลอดมา แม้ว่าแววตานั้นจะไม่รับรู้ถึงความรู้สึกใด ที่ขวัญอยากจะบอก..แต่ขวัญก็ยังอยากเห็นดวงตาคู่นั้นอยู่ดี ดวงตาสีน้ำตาลเข้มประหลาดที่อยู่ในซอกมุมหนึ่งของหัวใจขวัญตลอดมา..โดยที่ขวัญเองก็ไม่เคยรู้เลย..

โยไม่อยากฟังเพลงที่ขวัญส่งไปหรือจ๊ะ ว่าเนื้อเต็มๆ ของมันคืออะไร..

..... You make me sad
..... You make me strong
..... You make me mad
..... You make me long for you

..... You make me live
..... You make me die
..... You make me laugh
..... You make me cry for you

..... I hate you
..... Then I love you
..... Then I love you
..... Then I hate you
..... Then I love you more
..... For whatever you do



ไม่ว่าโยจะยังรักขวัญอยู่หรือไม่ก็ตาม..

.............................................


"ขวัญกินอะไรก่อนนะ ไมได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า" ธาวินต้องเข้ามาช่วยอีกคน พยายามสุดความสามารถที่จะดึงเธอออกจากภวังค์ความคิด หากสิ่งที่ได้คือความเงียบ แม้เจ้าตัวจะยอมรับแซนด์วิชจากเขาไปถือไว้ ก่อนจะลงมือกินเงียบๆ

ธาวินมองคนกิริยาของคนข้างกายที่ราวกับไร้ชีวิต ดวงตาแห้งผาก เลื่อนลอยนั้นด้วยความรู้สึกเจ็บร้าว ไม่ต้องมีคำพูดใดๆ ระหว่างกัน บางสิ่งบางอย่างที่เป็นเงาๆ ในใจเขามาช้านาน ก็ได้คำตอบออกมาแล้วในวันนี้..อะไรบางอย่างวาบลึก..นี่เขาเสียเธอไปแล้วใช่ไหม..

"วินจะกลับไปทำงาน เดี๋ยวตอนเย็นจะกลับมาใหม่ วันนี้ขวัญจะนอนหอใช่มั้ย" เขาต้องพยายามชวนคุย อย่างน้อย แววตาเศร้าของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาใจหายนัก

"ฮื่อ" ธารขวัญพยักรับอย่างเหม่อลอย คนถามถอนใจ ก่อนจะเดินจากมาด้วยความรู้สึกราวหัวใจสลาย ขอบตาร้อนผ่าว จนภาพต่างๆ ที่ผ่านตาพร่ามัว ภายในใจคือเสียงตะโกนก้อง ที่ไม่มีใครได้ยินนอกจากตัวเขาเอง

ฟื้นขึ้นมานะไอ้โย ถ้าเอ็งไม่ฟื้น ข้าจะไม่ยอมให้อภัยเอ็ง เพราะข้าจะต้องเสียคนที่ข้ารักที่สุดไปทั้งสองคน เพราะขวัญคงตายทั้งเป็นตามเอ็งไปด้วย ดูแววตาเขาข้าก็รู้

เอ็งต้องฟื้น !

..............................................


ในที่สุด ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก นายแพทย์ที่ธารขวัญและวรางค์รู้จักดี เพราะเป็นอาจารย์ของคณะ ก้าวออกมาด้วยดวงหน้าเหน็ดเหนื่อย หากคำที่บอกเล่าก็ทำให้ทุกคนผ่อนลมหายใจออกมาพร้อมกัน

"ยังไม่ฟื้น..แต่ปลอดภัยแล้ว.."

ธารขวัญไม่รู้หรอกว่าเธอบีบมือวรางค์แน่น น้ำตาไหลรินออกมาโดยไม่ระงับไม่อยู่ เขายังอยู่..เขายังไม่จากเธอไปไหน ขอบคุณใครก็ตามที่ยังไม่ทำให้เขาต้องหลับลงตลอดกาล..เธอยังมีโอกาสได้เห็นดวงตาคู่นั้นใช่ไหม..

หากคำต่อมาของอาจารย์ ที่คงไม่อยากทำให้บิดามารดาของคนเป็นศิษย์ใจเสีย เพราะหันมาบอกเธอกับวรางค์เพียงสองคนเบาๆ ด้วยภาษาแพทย์ที่มีความหมายว่า

"ฟื้นแล้วอาจไม่เหมือนเดิม..อาจจะสูญเสียความทรงจำ.."


...............................................


"ขวัญ วันนี้แวะไปเยี่ยมโยรึยัง" เสียงวรางค์ร้องถามมาจากอีกฟากหนึ่งของห้องพักเวร ที่มีไว้ให้นักศึกษาแพทย์พักระหว่างอยู่เวรวอร์ด เมื่อธารขวัญเปิดประตูห้องก้าวเข้าไป

เธอกับวรางค์กลับมาคุยกันได้อีกครั้ง อย่างคนที่เข้าใจกันดี หลังจากผ่านความทุกข์ทั้งหมดมาด้วยกัน แม้ว่าจะไม่ใช่เพื่อนสนิทอย่างเดิมก็ตาม

"ยังเลย วันนี้อยู่เวร เลยว่าจะไปดูตอนค่ำๆ มีอะไรเหรอ" ธารขวัญถามอย่างแปลกใจ นึกเป็นห่วงอาการของคนถูกกล่าวถึงขึ้นมาทันที

"เปล่า" อีกฝ่ายสั่นหน้า "แต่เรายังไม่มีเวลาไปดูเลย หาข้อมูลคนไข้อยู่ นึกว่าขวัญไปแล้ว จะได้ถามอาการ"

ธารขวัญถอนใจ อาการของภิญโญแม้จะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เมื่อเขาฟื้นขึ้นในวันรุ่งขึ้นหลังจาการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง อาการทางร่างกายแม้จะบอบช้ำ หากก็ยังดีขึ้นในเร็ววัน ตลอดสองสัปดาห์ที่เขาอยู่โรงพยาบาล

หากความทรงจำที่ราวกับจะขาดหายไปของเขาต่างหาก ที่เป็นปัญหาให้ทุกคนกังวลใจกันในเวลานี้ เพราะหากว่าเขายังไม่สามารถจำทุกอย่างได้เป็นปกติ ก็อาจต้องพักการเรียนในปีนี้ไว้ เนื่องจากเวลาเรียนที่อาจจะไม่พอ

"คงยังไม่มีอะไรคืบหน้าเหมือนเดิมน่ะ ไม่งั้นอาจารย์คงบอกมาแล้ว" ธารขวัญถอดเสื้อกาวน์ออกแขวนไว้ ก่อนจะนั่งลงข้างคนเป็นเพื่อนที่นั่งเพ่งอยู่กับจอคอมพิวเตอร์

"ขวัญว่าโยจะหายมั้ย" เสียงคนถามหวาดหวั่น แววตาหมอง

"หายซิ" ธารขวัญตอบออกไปอย่างหนักแน่น หากตนเองกลับรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่เบาโหวงอย่างน่าใจหาย

"อาจจะกลับมาเรียนต่อไม่ทัน แต่เราว่าต้องหาย..แววไม่ต้องกังวล แววก็รู้อาการของโยดี มันไม่ได้หนักหนาอย่างนั้นหรอก.."

"ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น แต่ขวัญรู้มั้ย..บางที..เราก็ไม่อยากให้โยจำอะไรได้หรอกนะ.." น้ำเสียงคนพูดเลื่อนลอย ธารขวัญหันไปมองอย่างประหลาดใจ ฝ่ายนั้นพูดต่อไป ด้วยน้ำเสียงราวกับอยู่ในห้วงความฝันว่า

"โยจะได้จำเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดไม่ได้ เราจะได้เป็นเพื่อนกับเค้าได้เหมือนเดิม.."

ธารขวัญผ่อนลมหายใจยาว..บางทีเธอเอง..ก็อาจต้องการอย่างนั้นกระมัง..เพราะเธอเองก็ปรารถนาจะเป็นเพื่อนกับเขาให้ได้เฉกวันวาน วันที่มิตรภาพยังไม่มีอะไรเคลือบแคลง

เพราะในความเป็นจริง..เธอก็คงไม่อาจละทิ้งธาวิน คนที่รักเธอมากมาย เพื่อมารักเขาได้อยู่นั่นเอง

"เหมือนกัน แวว" เธอบอกเบาๆ "เราก็อยากเป็นเพื่อนกับโยเหมือนเดิม ไม่อยากมองหน้ากันแทบไม่ติดอย่างที่ผ่านๆ มา"

วรางค์หันมามองเธออย่างประหลาดใจยิ่งกว่า เมื่อกล่าวเสียงปร่าแปร่งว่า

"แต่เราว่าโยคงไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนกับขวัญแน่ๆ" ฝ่ายนั้นมองเธออย่างรู้เท่าทัน

"แล้วถ้าเราดูไม่ผิด ขวัญเองก็รู้สึกเหมือนกันไม่ใช่เหรอ"

อีกครั้งที่ธารขวัญต้องถอนใจยาวอย่างเหน็ดเหนื่อย ไม่คิดจะปฏิเสธ หากตอบออกไปตามที่คิดว่า

"แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะแวว ในเมื่อเราก็มีวินอยู่ดี จะให้เราเลิกกับวิน เราก็ทำไม่ได้ วินเค้าคบกับเรามาตั้งกี่ปี แล้วเค้าก็ไม่ได้ทำผิดอะไรด้วย.."

วรางค์มองเธออย่างค้นหา ก่อนจะส่ายหน้ายิ้มๆ

"ขวัญเองก็เคยเป็นผู้ถูกกระทำ ไม่รู้สึกบ้างหรือไงว่าการจับปลาสองมือน่ะมันเจ็บปวดสำหรับทุกฝ่ายมากขนาดไหน"


คราวนี้ธารขวัญได้แต่เงียบ คนเป็นเพื่อนจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงเดิม

"เหมือนอย่างที่วินเคยมีผู้หญิงอีกคนเพราะความสงสาร ตอนนั้นขวัญเจ็บแค่ไหน แล้วขวัญคิดว่าผู้หญิงคนนั้นเจ็บแค่ไหน แต่เราว่า..ที่เจ็บที่สุดน่าจะเป็นวิน.." คนพูดมองลึกลงไปในตาเธอ

"เพราะวินรักขวัญมาก แต่ก็ไม่อาจตัดสินใจได้เพราะความใจอ่อน สงสารผู้หญิงอีกคน ขวัญว่าวินเค้าไม่ทรมานเหรอ.."

"เราว่าขวัญจะเข้าใจความรู้สึกของวินได้ดี..เพราะขวัญน่าจะโดนกับตัวเอง..ถ้ายังฝืนที่จะรักอีกคน แต่คบกับอีกคนอย่างนี้.."

นาน..ช้า..กว่าที่ธารขวัญจะเดินจากคนเป็นเพื่อนมาด้วยความคิดที่สับสนวุ่นวาย โดยไม่ทันได้เห็นแววตาหมองจัดของอีกฝ่ายที่มองตาม.. แล้วหยาดน้ำใสๆ ก็รินหยดลง..


............................................


ธารขวัญเปิดประตูเข้าไปในห้องคนเจ็บอย่างแผ่วเบา ทำความเคารพมารดาของเขาที่นั่งปอกผลไม้อยู่ที่โซฟาข้างเตียง ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เธอ มองคนที่นั่งตาลอยอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย

คนบนเตียงอาการทางกายดีขึ้นมากแล้ว เพียงรอให้กระดูกเชื่อมติดกัน เขาก็สามารถถอดเฝือก เคลื่อนไหวอย่างเป็นปกติเช่นเดิม แม้ว่าขาซ้ายอาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง

หากความเจ็บป่วยทางกายนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ความทรงจำที่เขาสูญเสียไปต่างหาก..ที่อาจไม่ย้อนคืน

เธอยังจำวันที่เขาฟื้นขึ้นมาวันแรกได้ดี ดวงตาเลื่อนลอยนั้นจับอยู่ที่อากาศตรงหน้าราวกับมีอะไรที่ไม่มีใครนอกจากเขามองเห็นอยู่ตรงนั้น เขาจำใครไม่ได้ แม้แต่ตัวเอง

ไม่มีคำพูดใดจากเขา ไม่มีอาการใดบ่งบอกว่าความทรงจำของเขาจะกลับคืนมาเมื่อใด ไม่มีแม้แต่ใครที่บอกได้ว่า..มันจะกลับคืนมาหรือไม่..เมื่ออาการเขาทรงอยู่อย่างนั้นแม้จะผ่านมาเกือบยี่สิบวัน เขายังคงจำอะไรไม่ได้ ที่ดีขึ้นบ้างก็คือ เริ่มจำคนใกล้ชิดบางคนได้รางๆ..หากก็ดูจะเป็นความยากลำบาก ในการที่เขาจะพยายามนึกถึงความหลังใดๆ เพราะสีหน้าที่บอกชัดว่าเขาทรมานมากมาย

เขาจะกลับมาเป็นคนเดิมที่ร่าเริง สนุกสนานอย่างวันก่อนได้ไหมนะ..หรือจะไม่มีเขาคนเดิมอีกแล้ว เขาอาจเหลือเพียงลมหายใจ.. แต่อาจไม่มี..ชีวิต..อย่างที่เขาเคยมี

"วันนี้โยเป็นไงมั่งคะแม่" ธารขวัญเรียกอีกฝ่ายหนึ่งว่าแม่อย่างสนิทสนม ด้วยแวะเวียนมาดูอาการของฝ่ายนั้นบ่อยจนคุ้นเคยกันดี คนบนเตียงมองเขม็งมาที่เธอ ขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด อันเป็นกิริยาที่เขาทำเป็นประจำเมื่อพยายามนึกอะไรสักอย่างที่นึกไม่ออก

"เหมือนเดิม ยังบ่นปวดหัวเวลาพยายามนึกอะไร" น้ำเสียงคนเป็นแม่มีกังวล ก่อนจะฝืนยิ้ม หันมาถามเธอว่า

"วันนี้อาจารย์หมอพงศ์ธรบอกว่าจะมาราวนด์ตอนค่ำนะ ขวัญมาอยู่แทนแม่พักนึงได้ไหมลูก แม่คงต้องกลับไปดูบ้านหน่อย"

"ได้ค่ะแม่ ขวัญมาอยู่เอง วันนี้ขวัญอยู่เวรพอดี ตามสบายนะคะ ฝากไว้ทั้งคืนก็ได้ค่ะ" ธารขวัญตอบรับอย่างเต็มใจ เข้าใจอีกฝ่ายดีว่าเธอคงมีภาระทางบ้านที่ต้องรับผิดชอบมากมาย

ธารขวัญมองคนบนเตียงที่ขมวดคิ้วมองมาทางเธออย่างใส่ใจ ทำท่าราวกับกำลังพยายามใช้ความคิดอย่างเต็มที่ หากก็ดูเหมือนจะล้มเหลว เมื่อเขายกมือขึ้นกุมขมับ หน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

เธอปราดเข้าไปจับร่างนั้นให้นอนลงอย่างเดิม ก่อนจะต้องถอนหายใจ ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่วาบขึ้นมาอย่างประหลาด เช่นเดียวกับทุกครั้งที่ได้เห็นแววตาเหม่อลอย และท่าทางทุกข์ทรมานของคนตรงหน้า ที่เธอได้เห็นมาตลอดสองสัปดาห์

เขาจะมีโอกาสหายเป็นปกติไหม..นี่คือคำถามที่เธอเฝ้าแต่ถามตัวเอง ถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือใครก็ตามที่เป็นผู้กำหนดชีวิตเขา ว่าเขาจะได้มีโอกาสกลับมายิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มอย่างวันเก่าก่อนไหม..

หรือเธอจะไม่มีโอกาสได้เขากลับคืนมา..ตลอดไป..



.................................................................................................



เพลงในเรื่องคือเพลง I hate you then I love you ของ Celine Dion ค่ะ

อีกสองตอนก็จะจบแแล้วน้าค้า ยังแกล้งตัวละครไม่จุใจเลยอ่ะ ฮ่าๆ



Create Date : 29 กรกฎาคม 2551
Last Update : 29 กรกฎาคม 2551 18:29:30 น. 6 comments
Counter : 631 Pageviews.

 
55 นึกแล้วเชียว
แต่จะเป็นไงต่อนิ ^^'
เขียนถ่ายทอดอารมณ์ได้ซึ้งมากค่ะ

ปล. จะทันได้เจิมมั้ยเนี่ย อิอิ


โดย: Life's for Rent วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:33:00 น.  

 


โดย: jewo1 วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:48:49 น.  

 
ตามมาให้กำลังใจทุกๆคน


โดย: พี่เทียนสี IP: 88.106.0.143 วันที่: 30 กรกฎาคม 2551 เวลา:3:23:01 น.  

 
มาอ่านต่อจนครบทุกตอนเลยละค่ะ
เขียนได้ดีนะค่ะ
น้ำตาซึมเลยอะ สงสัยโยจังเลย
แล้วจะมาติดตามตอนต่อไปนะค่ะ


โดย: fordear วันที่: 30 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:10:44 น.  

 
ถึงเขียนแกล้งตัวละคร่อไป


ก็จะใจร้ายมากๆ


อยากให้พลิกจัง...อยากรู้ว่าจะเป็นอย่างใจคิดไหม





โดย: กช IP: 58.136.98.157 วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:0:07:58 น.  

 
คุณไลฟ์ มาทันเจิมค่ะๆๆ มอบรางวัลนักอ่านยอดเยี่ยมผู้เกาะติดสถานการณ์ให้เรย ^^
ตอนจบมาแล้วน้าค้า ตรงกับที่คิดไว้มั้ยน้าาา



คุณ jewo1 ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า โยจะหายมั้ยน้าา อ่านตอนใหม่ต่อได้เรยค่า



พี่เทียนสี เย้ๆๆ ขอบคุณค่า



คุณfordear ขอบคุณที่มาอ่านค่า โหอ่านรวดเดียวเหนื่อยมั้ยค้า พักมั่งน้าๆๆ



คุณกช มอบรางวัลนักอ่านดีเด่นให้อีกคน ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดค่า ซึ้งๆๆ
ว่าแต่ตอนจบเหมือนที่คิดเอาไว้มั้ยคะ



โดย: โยษิตา วันที่: 1 สิงหาคม 2551 เวลา:23:07:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

โยษิตา
Location :
Kobe Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นคนไทย แต่ระหกระเหินมาใช้ชีวิตตัวคนเดียวที่ประเทศหมู่เกาะประเทศหนึ่ง กินเวลาสิบกว่าปีแล้ว ยังไม่รู้จะได้กลับเมื่อไหร่ (โถ่)

เป็นคนจับจดมาก อยากทำไปทุกอย่าง แต่ทำไม่ได้ดีซักอย่าง รู้น้อยกว่าเป็ด ควรจะเรียกว่ารู้อย่างลูกเป็ด หรือไข่เป็ด

ที่แน่ๆ ชอบอ่านกระทู้พันทิป มากถึงมากที่สุด



Longer - Dan Fogelberg
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
29 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add โยษิตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.