017 สูงสุดน้ำตกอีสาน บนลานหินแกร่ง...ภูจองนา-ยอย
สูงสุดน้ำตกอีสาน บนลานหินแกร่ง...ภูจองนา-ยอย 22-23 ก.ย. 49
***ข้อมูลภาพถ่าย*** Fuji Finepix S9500 ทำสีเรียนแบบฟิล์ม Fuji Provia 100
เดิมคณะเดินทางมีแผนจะขึ้นพิชิต ลานสนภูสอยดาว อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อีกเป็นครั้งที่ 2 แต่ เจ้าอ้วน พาหนะคันเก่ง คันเดียวของคณะเดินทางเกิดป่วยหนักจากเมื่อครั้งที่เดินทางกลับจากการไป อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ และ อุทยานแห่งชาติคลองลาน ...ชาวคณะเดินทางจึงต้องประชุมเครียดว่าจะลุยต่อหรือเปลี่ยนแผน แต่ที่แน่ๆไม่ยกเลิก เพราะโอกาสหยุดพร้อมหน้าพร้อมตาติดต่อกัน 3 วัน ไม่ได้มีบ่อยนัก
เมื่อขนเอาหนังสือและเอกสารเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างๆเปิดมาดู ก็เกิดปิ๊งไอเดียที่ว่า เรามาตามรอยเดินทางอนุสาร อสท. กันดีไหม ...เมื่อเปิดอนุสาร อสท. ฉบับเดือนกันยายน 2549 ดูเพื่อหาสถานที่ๆๆเหมาะสม ทางคณะเดินทางก็ได้ อุทยานแห่งชาติภูจองนา-ยอย เป็นตัวเลือก
คณะเดินทางยังไม่ตัดใจจาก อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จึงหาข้อมูลการเดินทางของทั้ง 2 ที่ ...ด้วยเวลาที่ต้องจำกัดและผิดพลาดไม่ได้ของการต่อรถเดินทางไป อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว คณะเดินทางจึงตัดสินใจไป... อุทยานแห่งชาติภูจองนา-ยอย ที่เวลายืดหยุ่นกว่า...
***บันทึกสถิติ*** อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 17 ของ "การทำสถิติเยื่อนอุทยานแห่งชาติทั่วไทย"
อุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอบุณฑริก อำเภอนาจะหลวย และอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศลาวและประเทศกัมพูชา พื้นที่ป่าอยู่ในส่วนหนึ่งของเทือกเขาพนมดงรัก มีเนื้อที่ประมาณ 428,750 ไร่
คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ได้มีมติการประชุมครั้งที่ 3/2527 เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2527 เห็นชอบให้กำหนดพื้นที่ป่าดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าภูจอง-นายอยในท้องที่ตำบลห้วยข่า อำเภอบุณฑริก ตำบลนาจะหลวย อำเภอนาจะหลวย และตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ซึ่งประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 104 ตอนที่ 103 ลงวันที่ 1 มิถุนายน 2530 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 53 ของประเทศ
***อ้างอิงข้อมูลจาก*** "การกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช" //www.dnp.go.th
จากข้อมูลที่ได้มา อุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย มีจุดให้เที่ยวชมอยู่หลายจุดที่คณะเดินทางสนใจ ไม่ว่าจะเป็น การล่องแก่งสามพันปีด้วยแพไม้ไผ่, เดินป่าไปลงเต็นท์พักที่ ภูหินด่าง, เดินป่าแก่งศิลาทิพย์, เที่ยวชมน้ำตกเกิ้งแม่ฟอง ...แต่ด้วยข้อจำกัดด้านพาหนะ เวลา รวมทั้งสภาพลมฟ้าอากาศ ทำให้คณะเดินทางแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย แต่ยังดีที่ไฮไลท์ของภูจอง-นายอย น้ำตกห้วยหลวง ยังพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดเวลา
คณะเดินทางโดยสารรถบัสปรับอากาศ กรุงเทพฯ-นาจะหลวย มาลงที่ปากทางบ้านแก้งเรือง แล้วรอขอติดรถเจ้าหน้าที่ฯขึ้นไปด้วย...ปัญหาอยู่ที่ แล้วรถคันไหนล่ะมันของเจ้าหน้าที่ฯ ถ้ารถคันนั้นที่มีตราอยู่ก็แล้วไป แต่ถ้ามันไม่มีล่ะ ...รอไป เสียวไป ว่าจะต้องเดินเท้าราวๆ 10 กม. ซะหรือเปล่า
...ชายหญิงแต่งกายเหมือนคนงานและเจ้าหน้าที่ฯ บิดรถเครื่องผ่านไปคันแล้วคันเล่า แล้วก็มีอยู่คันหนึ่งเลี้ยวเข้ามาจอดในร้านค้าที่คณะเดินทางยืนอยู่... พี่บุญมี หน้าตามันฟ้องชัดเจนว่าชายเจ้าของรถเครื่องคันดังกล่าวคือเจ้าหน้าที่ฯ ซึ่งมีรูปหลงหลาอยู่ใน อนุสาร อสท. ฉบับเดือนกันยายน 2549 ...พี่บุญแฮบ คือชื่อที่พี่เขาเรียกตัวเอง อ้ายเราก็ไม่มีความรู้ภาษาท้องถิ่นแถบนี้สักเท่าไร ก็เลยไม่รู้ว่า บุญมี กับ บุญแฮบ มันความหมายเดียวกันไหม...ใครรู้ช่วยตอบผมด้วยละกัน
"พี่บุญมี" กำลังแนะนำเส้นทางท่องเที่ยว
หลังจากจัดแจงเรื่องที่พักเรียบร้อย ก็เริ่ม "ออกเดิน" (เป็นที่สังเกตของคุณพยาบาลว่าบริเวณกางเต็นท์ของอุทยานฯแถบภาคอีสานไม่ค่อยน่าประทับใจสักเท่าไร เหมือนอยู่บนสนามหญ้าหน้าบ้านพิกล )
ดอกไม้ใบหญ้าระหว่างทางเดิน...
คณะเดินทางเลือกใช้ เส้นทางศึกษาธรรมชาติสามพันปี ในการเที่ยวชมและสัมผัสความงดงามของธรรมชาติ แห่งภูจอง-นายอย
...ตามมาทางนี้คร้าบ
ซึมซับความชุ่มชื้นของผิวดิน...
แมลงปอลายเสือ (เรียกเองนะครับ ห้ามลอกเรียนแบบ)
...เริ่มเข้าป่า...
ป้ายสื่อความหมายและป้ายบอกทาง ในเส้นทางเดินอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถใช้งานได้
...อันนี้ต้นไม้ล้มทับเลย...
เอาภาพโคลสอัพไปสักชุดนะครับผม (แบบว่ายังไม่ถึงมาโครน่ะครับ อุปกรณ์ไม่พร้อม )
เห็ดมหาชน...
พักเหนื่อยกันหน่อยที่ "แก่งกะเลา"
บนเส้นทางคดเคี้ยวขณะเดินขึ้นไปชม น้ำตกห้วยหลวง ซึ่งจัดว่าเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดของภาคอีสาน
น้ำตกห้วยหลวง เวอร์ชั่นรุนแรง
น้ำตกห้วยหลวง เวอร์ชั่นนุ่มลงหน่อย
ในช่วงที่น้ำน้อยด้านล้างของ น้ำตกห้วยหลวง จะเห็นเป็นหาดทรายสวยงามดังในภาพ ...แต่ช่วงที่ไปน้ำเยอะมากจึงแทบไม่เหลือหาดทรายให้เห็น *ภาพจากเว็บไซต์ของ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช www.dnp.go.th
คณะเดินทางลองเดินลงไปชมน้ำตกด้านล่าง แต่ก็ไม่กล้างัดกล้องออกมาถ่ายภาพ เพราะน้ำกระจายฟุ้งไปทั่วบริเวณ ...ก็ได้ภาพถ่ายฝีมือ พี่เขียว ที่วางขายเป็นของที่ระลึกอยู่มาให้ชมแทน...
"พี่เขียว" เจ้าของผลงาน...
ในอุทยานฯ ไม่มีร้านขายอาหาร (เคยมีแต่ก็เลิกไปหมดแล้ว) จะมีก็แค่ร้านค้าขายข้าวของเครื่องใช้รวมทั้งของกินเล็กๆน้อยๆ แต่คณะเดินทางยังโชคดีที่มี ป้าสมใจ แม่ครัวของทางอุทยานฯให้ได้ฝากท้องตลอดการพักแรม แถมราคายังถูกที่สุดเท่าที่เคยซื้ออาหารกินในอุทยานฯ
นี่ครับ "ป้าสมใจ"
เช้าวันใหม่ได้พี่บุญมีอุทิศรถเครื่องคู่ใจให้คณะเดินทางใช้เดินทางไปเที่ยวชม "สามเหลี่ยมมรกต" พร้อมทั้งไปจองตั๋วรถเที่ยวกลับที่ตัวอำเภอนาจะหลวย
สามเหลี่ยมมรกต เป็นจุดที่ชายแดนของ ไทย ลาว กัมพูชา มาชนกัน มีชาวบ้านเอาของขึ้นมาขายกันนิดหน่อย ไม่คุ้มกับการบึ่งรถเครื่องมาสักเท่าไร...
ภาพศาลาตรีมุก...(เรียกเองอีกแล้วนะครับผม)
ชมวิวระหว่างทางแทนละกัน
คณะเดินทางตัดสินใจกลับในเย็นนี้เลย เพราะไม่เหลื่อที่ๆสามารถไปได้แล้ว จึงต้องติดค้างจุดเที่ยวชมอื่นๆไว้แก้ตัวในโอกาสต่อไป...สิ้นสุดการเดินทาง
ขอขอบคุณ - พี่บุญมี สำหรับความช่วยเหลือทุกอย่างในการเที่ยวชม อุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย - ป้าสมใจ สำหรับอาหารอร่อยๆ ราคาประหยัด - เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย ทุกท่าน - ธรรมชาติอันงดงามแห่งภูจอง-นายอย
Create Date : 23 ธันวาคม 2549 |
|
10 comments |
Last Update : 13 เมษายน 2551 10:45:50 น. |
Counter : 4019 Pageviews. |
|
|
|