|
การไปปฏิบัติธรรม ที่ถ้ำปู่ใหญ่ เทพโลกอุดร(รอบที่1)(EP3/1)(จบ) |
|
**จัดขึ้นเพื่อ เล่าประสบการณ์ให้เป็นวิทยาทาน ในการเพียรปฏิบัติธรรมและผลที่ได้จากการปฏิบัติธรรม เป็นสิ่งที่พบเจอได้เฉพาะบางบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน**คำเตือน สิ่งศักดิ์สิทธิเป็นสิ่งที่ไม่ควรนำมาพูดเล่น โปรดอย่าใช้ความหยาบของตนทำให้ท่านแปดเปื้อน บางอย่างอย่าทดลองทำตามหากยังไม่มีความรู้เพียงพอ ทุกอย่างมีทั้งคุณและโทษ
การไปปฏิบัติธรรม ที่ถ้ำปู่ใหญ่ เทพโลกอุดร(รอบที่1)(EP3/1)(จบ) วันนี้ก็เป็นสุดท้ายในการปฏิบัติธรรมทำความเพียรที่ถ้ำค่ะ วันนี้ อ. อนุญาตให้ตื่นสายได้นิดหน่อยค่ะ เนื่องจากทุกคนค่อนข้างที่จะเพลียในการปฏิบัติธรรมเมื่อวาน ตื่น 8-9โมงค่ะ อาบน้ำ ขอบคุณกายสังขาร ทำอาหาร กินเสร็จก็เก็บของขึ้นรถค่ะ เพราะจะไปถ้ำปฏิบัติธรรมเสร็จแล้วก็เดินทางกลับเลย เสร็จประมาณ11 -12 ได้ค่ะ ได้เดินทางไปที่ถ้ำ อ.ซื้อ M-150 แจกคนละขวดซื้อเองอีกขวดโดรฟกันยกใหญ่ 55555 อ. บอก “ขนาดนั้นเลยหรอลูก” ก็เลยมองหน้ากันแล้วขำ พอถึงถ้ำ อ.นำจุดธูปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้านนอกเหมือนเดิมแล้วก็ขอพรพระแม่ธรณีก่อนขึ้นถ้ำ มีเสริมมาว่า ให้สวด “พุธธัง สาระนัง คัจฉามิ ธัมมัง สาระนัง คัจฉามิ สังฆัง สาระนัง คัจฉามิ” จนถึงปากถ้ำ ลงถึงห้องโถงชั้นแรก อ.นำจุดธูป แล้วก็สวดพระคาถา “มหาจักรพรรดิ” ของ หลวงปู่ดู่ 3จบ รอบแรกขึ้นไปห้อง 8 ก่อน ก็นั่งที่เดิมค่ะ หลักการปฏิบัติก็เหมือนเดิมค่ะ แต่พอนั่งปุบ หนักขามาเลยค่ะ เอาแล้วๆ 5555 นึกในใจเพิ่งนั่งลงเองนะคะ **กรรมรอได้หรือไร** ก็แผ่เมตตาให้เขาไปก็ดีขึ้น ก็ภาวนาเรื่อยๆ ซักพักมาอีก เริ่มปวดตรงตาตุ่ม ความรู้สึกเปรียบเหมือนเรานั่งนานๆแล้วตรงตาตุ่มกดทับกับหินไว้ ประมาณนั้นเลยค่ะ นึกในใจว่า สงสัยนั่งทับหิน ผ่านไปประมาณ5 นาทีได้ ทำไมเหมือนโดนกดหนักกว่าเดิมปวดซ้ำๆๆ เหมือนกดลงๆจนทนไม่ไหวลืมตาขึ้นมา แล้วเอามือไปคล่ำที่ดินตรงตาตุ่มว่ามีหินไหม สรุปไม่มี โอเคงั้นกรรม ก็เลยตั้งจิตแผ่เมตตาบุญกุศลให้เขาไป ก็ทนอยู่ในสภาวะนั้นไปนานพอตัว **กลัวไม่ผ่านบททดสอบก็กลัว ** แผ่บุญไปให้เขาเรื่อยๆๆ ก็มีภาพปรากฏขึ้น เป็นภาพเราตอนเด็กยิงหนังสะติ๊กใส่ขากิ้งก่าตรงตาตุ่มเขาดูสนุกสนานเนอะ คิดในใจสนุกจังเลยนะมึง และเหมือนเดิมเลย การปรุงแต่งนั้นน่ากลัว ดึงกลับมาๆ แต่ภาพไม่หาย ยังไงก็ไม่หายแต่กลายเป็นเหมือนVDO สะดุด อยู่แค่ตรงที่เรายิงพอถึงจุดที่เรายิงปุบตรงตาตุ่มก็แสดงปฏิกิริยาทันทีปวดร้าวไปหมด ขอขมากรรมไปเรื่อยๆ ก็หายไป ซักพัก ร้อนไปทั้งตัว ในใจคิด อะไรอีกหนออ กรรมเยอะแท้ (ที่จริงแค่3-4กรรมเอง เกิดมากี่ชาติแล้วก็ไม่รู้)ก็เป็นแบบนั้นซักพักใหญ่ๆก็ขอความเมตตาขอขมากรรม แผ่บุญให้เขาเรื่อยๆ ก็มีภาพมาปรากฏเป็นภาพที่เราเอาไฟจุดเผามดที่บันไดบ้าน ซึ่ง เห้ย นั้นมันเด็กมากๆและไม่เคยนึกถึงสิ่งนี้เลย ก็คิดในใจ โอ้โห อะไรเนี้ย สิ่งเล็กๆที่เราคิดว่านั้นมันแค่นี้เอง ทำไมถึงเจ็บปวดขนาดนี้ละ ปวดแสบปวดร้อนขนาดนี้ละ ก็น้ำตาไหล แล้วซักพัก อ.ก็ให้ลืมตา ก็มารวมตัวกันที่โถงตรง อ.นั่ง อ.ก็ถามทีละคน ทุกคนก็เล่า ถึงทุกขเวทนาที่ได้รับแตกต่างกันไป และทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทำไมเวลาด้านนอกมันเดินไวมาก แต่ทำไมรู้สึกว่าแต่ละวินาทีในการชดใช้นั้นมันถึงผ่านไปได้ช้ามากๆและรู้สึกว่าเพิ่งผ่านไปแค่5นาทีเองทั้งๆที่นั่ง มา ชม.กว่าๆ แล้ว เมื่อถามแต่ละคนแล้ว ก็ได้รับความเมตตาจากปู่ใหญ่ มาแสดงพระธรรมท่านได้ให้ทุกคน "หายใจเข้าจนสุด แล้วกลั้นไว้ หายใจออกจน สุด แล้วกลั้นไว้" แล้วท่านก็ถามว่า "เป็นเช่นไร" ทุกคนก็ตอบตามความเข้าใจของแต่ละคน สรุปออกมาได้ประมาณว่า "อึดอัด อะไรที่มันฝืนจะทำให้อึดอัดยิ่งทำยิ่งอึดอัด" ท่านก็เลยเมตตาแสดงธรรมต่อว่า “อึดอัดใช่หรือไม่ ระหว่าง การหายใจเข้าหายใจออกจนสุดแล้วกลั้นไว้ กับการหายใจเข้าปล่อยหายใจออกปล่อยที่พอประมาณพอดีอันไหนดีกว่า อย่าฝืน ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เจ็บปวดเมื่อถึงเวลาก็ต้องรู้จักปล่อยอย่าไปยึดไปกลั้นไว้ “ ทุกคนก็ สาธุ สาธุ สาธุทิพย์ แล้วอ.ก็ให้ไปพัก เข้าห้องน้ำ 15 นาที แล้วกลับมานั่งต่อที่ห้อง7
Create Date : 25 มิถุนายน 2563 |
Last Update : 25 มิถุนายน 2563 12:15:26 น. |
|
0 comments
|
Counter : 870 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
 |
|
|
ชีวิตที่รู้แจ้งแสงแห่งพระธรรม |
|
|
 |
|