Group Blog
All Blog
|
ตอนที่ 1 วันฝนพรำที่...รอสต๊อก (Rostock) ...Germany ย้อนเวลาไปเดือนมีนาคม 2547 เรื่องการเดินทาง เป็นเวลา 1 อาทิตย์ ตอนแรก ก็มีสมาชิกร่วมเดินทางอีก 3 คน ไปๆมาๆ ก็เหลือ 1 คนต่อมา ก็เหลือฉันคนเดียวโด่เด่ ตอนเเรกฉันก็อยากจะยกเลิกไม่ไปเหมือนกันเเต่พอเอาหัวเเม่เท้าก่ายหน้าผากอยู่ 2 นาที หลังจากที่พี่ๆเขายกเลิกกัน ฉันก็ตัดสินใจว่า " Keep walking " หากไม่กล้าที่จะก้าว เมื่อไรจะได้ออกจากกะลาไปสู่โลกกว้างซะที พอคิดได้อย่างนี้เเล้ว ฉันก็" ลุยค่ะ " จากเดิมที่ไม่ต้องวางแผนเพราะจะมีพี่คนที่เป็นหัวหน้าทัวร์เสมอ เป็นคนหาข้อมูลเกี่ยวกับรถไฟ สถานที่เที่ยวจอง Jungendherberger ( Youthhotel) กลับกลายเป็นว่า ฉันต้องหาข้อมูลเอง ทั้งเส้นทางการเดินทาง ,ตารางรถไฟ ,สถานที่จะไปเที่ยว ,จอง ที่พักพร้อมกับเตรียมอาวุธ ป้องกันตัว เช่น ออกกำลังกายให้ฟิตๆหน่อย ซ้อมเตะต่อยเล่นๆนอกเหนือจากอาวุธที่แม่ให้มา ก็คือหน้าตาแล้ว ......เพื่อความไม่ประมาท เพราะทริปนี้ฉันต้องเดินทางคนเดียว...ในต่างประเทศ..ในเยอรมัน....และเป็นการเดินทาง คนเดียวครั้งแรก...ที่เป็นการท่องเที่ยวด้วยค่ะ ตื่นเต้น.........ตื่นเต้น.............ตื่นเต้น ฉันก็ ได้ไปทำ Bahn Card กับ Die Bahn ซึ่งเป็นรถไฟสายหลักของเยอรมันซึ่งจาก การคำนวณจากการเดินทาง และค่าใช้จ่ายต่างๆแล้ว สรุปว่า ฉันได้ทำ Bahn Card 50 ซึ่งจะสามารถใช้ลดราคาค่ารถไฟของDie Bahn ได้ 50 % ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้เอกสาร สำรองมาก่อน บัตรจริงซึ่งจะมีรูปฉันด้วยจะได้ภายใน 4 อาทิตย์ และอายุบัตร 1 ปี เส้นทางการเดินทางของฉันมีดังนี้ เริ่มต้นจากการเดินทางจากสถานีรถไฟที่เบอร์ลิน-รอสต๊อก ( Rostock) ลือเบกค์ (Luebeck) ฮัมบูร์ก (Hamburg)-เบรเมน (Bremen) ฮิลเดสไฮม์ (Hildesheim) ฮาเมลน (Hameln) กอสลาร์ (Goslar) กลับเดรสเดน (Dresden) บางเมืองบางคนอาจจะได้ยินแล้วค่ะเพราะว่ามีทีมฟุตบอลดังๆอยู่ค่ะ แต่บางเมืองบางคน อาจจะยังไม่เคยได้ยิน แต่เดี๋ยวตามไปดูกันค่ะว่าจะมีอะไรดีน่าสนใจบ้างค่ะ การเริ่มต้นเกาะอก....พกกล้อง....ท่องเยอรมัน (เหนือ) ของฉันได้เริ่มขึ้นแล้ว
.... ณ....... ......ที่แห่งนี้ เบอร์ลิน- สถานี Zoologischer Garten วัน เวลา ....ศุกร์ 12 มีนาคม 2547 เวลา 10.00 น. การเดินทาง ....โดยรถไฟ ( Die Bahn) จุดเริ่มต้น ..... เบอร์ลินสถานี Zoologischer Garten ปลายทาง........รอสต๊อก Rostock HBF ฉันได้ไปซื้อตั๋วรถไฟที่ สถานี Zoologischer Garten ที่เบอร์ลิน ( Berlin) ซึ่งเป็นสถานีรถไฟ ที่ใหญ่มากแห่งหนึ่งของเบอร์ลิน ยืนต่อแถวจะซื้อตั๋วที่ counter ประมาณ 5 นาที มีเจ้าหน้าที่ สาว (น้อย)มาแนะนำให้ซื้อบัตรตั๋วด้วยตู้โดยใช้บัตรเครดิต ไอ้เราก็ใจง่ายเห็นคนเอื้ออารีก็ไม่อยากปฏิเสธ กว่าจะกดปุ่มโน้นปุ่มนี้ให้ตั๋วออกมาได้ ฉันคิดในใจว่า ,, ถ้าต่อแถวต่อไปป่านนี้ได้ตั๋วแล้วนะเนี่ย หลังจาก ครึ่งชั่วโมงผ่านไปในที่สุดฉันก็ได้ตั๋ว จาก เบอร์ลิน ไปยัง รอสต๊อก (Rostock hbf) เรียบร้อย ราคาเต็มของตั๋ว 29.6 ยูโร แต่ฉันซื้อได้ในราคา 14.8 ยูโร อันเนื่องมาจากฉันมี Bahn Card 50% นั่นเอง ตอนนี้เวลา 10.45 น. โอ้โฮ ... ฉันต้องรอรถไฟอีก 1 1/2 ชม. แน่ะ......จะทำไรดีละเนี่ย ว่าแล้วก็ออกไปซื้อ Cola มาขวดหนึ่ง แล้วนั่งรอรถไฟ แล้วก็สังเกตการณ์สภาพแวดล้อมต่อไป ตอนนี้ที่รออยู่นั่น ก็มีแม่พาลูกสาวลูกชาย อายุประมาณ 5-6 ขวบลูกสาวเขาเนี่ยใส่เสื้อ กันหนาวเหมือนฉันเลย แต่ว่า....สาวเอเชียผมดำไซส์ยุโรปกับน้องหนูหน้าใสตาสีฟ้าเหมือน ตุ๊กตาบาร์บี้ ใส่เสื้อกันหนาวสีครีมมีขนปกปุยๆที่ปกเสื้อและต้นแขน ใครจะน่ารักกว่ากัน 55 และที่ใกล้ๆกันนั้นก็มีผู้ชายผิวสีหมึก คาดว่ามีเชื้อสายนิโกร ก็มีตำรวจนอกเครื่องแบบ 3 คน มาขอดู Passport ไอ้เราก็พลอยตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้เป็นห่วงเขาหรอก เพียงแต่ว่า กลัว ตำรวจจะมาขอดู Passport เราด้วยไม่รู้ว่าจะกลัวทำไมเหมือนกันเพราะเอกสารต่างๆที่ จำเป็นก็มีครบทั้งหมด ตอนแรกหนุ่มผิวหมึกคนนั้นไม่ยอมให้ดู ถามตำรวจว่า....... ไม่เห็นใส่เครื่องแบบ เลย... ตำรวจก็บอกว่า....วันนี้มานอกเครื่องแบบ...หนุ่มผิวหมึก ก็ขอดูบัตรประจำตัวตำรวจก็ โชว์เหรียญกลมๆสีทอง ที่แบบหนังตำรวจใน hollywood เลย หนุ่มผิวหมึกก็ยังไม่ยอมอีก บอกว่าขอดูบัตรประจำตัว ฉันก็ขำและคิดในใจว่า ตกลงใครเป็นตำรวจใครเป็นผู้ต้องสงสัยกันแน่ฟ่ะ....เพราะ ตั้งแต่คุยมาเกือบสิบนาทีเนี่ยมีแต่ตำรวจต้องโชว์เอกสาร และบัตรให้หนุ่มผิวหมึกดู อยู่ฝ่ายเดียว สักพักหนึ่ง หนุ่มผิวหมึกก็โชว์ Passport ซึ่ง ตำรวจก็ดูอยู่นานมากไอ้เราก็เริ่มหวั่นๆ เพราะว่ารถไฟกำลังจะมา ถ้าตำรวจมาขอดูนานอย่างนั้นสงสัยต้องตกรถแน่ๆเลย ..... อีกสักครู่ ใหญ่ ตำรวจก็คืนเอกสารหนุ่มผิวหมึกคนนั้นไปแล้วก็เดินผ่านฉันไปเลยไม่ ขอตรวจเอกสารฉัน ก็เลยโล่งอกไป สถานีรถไฟที่ Zoologischet garten รถไฟออกเดินทาง 12.30 น. บนรถไฟก็จะมีชั้นบนกับชั้นล่างฉันเลือกที่จะนั่ง ชั้นบนติดริมหน้าต่าง เพราะจะได้มองเห็น วิวที่เป็นพื้นที่ภาคเกษตรกรรม (Landschaft) ที่นี่ได้ชัดเจน ช่วงนี้ที่เยอรมันเป็นปลายฤดูหนาว(winter ) และกำลังเริ่มฤดูใบไม้ผลิ ( Fruehling) พื้นที่ในชนบทต้นหญ้าเล็กๆจะขึ้นช่อ...ผลิพุ่มออกมาเขียวขจีไปสุดลูกหูลูกตาตัดกับ ขอบฟ้าสีฟ้า...หรือบางทีก็ปกคลุมด้วยเกล็ดหิมะสีขาวใส...วะวาว...ระยิบระยับ... ยามเมื่อต้องแสงตะวันยามเช้า สถานีต่อมา.... มีสาวเยอรมันมานั่งข้างๆนั่งได้สักพักเธอก็หยิบยกขนมปังขึ้นมาเคี้ยวหงับๆๆ อย่าง อเร็ดอร่อยเราก็เลยหยิบช๊อคโกแลตที่ซื้อตุนไว้ขึ้นมากินบ้าง สักพักหนึ่งความคิด ที่มักจะผุดขึ้นเวลาเจอคนแปลกหน้าว่าเพื่อนคือคนแปลกหน้าที่เรายังไม่รู้จัก งั้นฉันจะรีรออะไรอยู่ล่ะ " hi ฉันชื่อมายด์ค่ะจากไทยแลนด์ค่ะ (เป็นชื่อที่เอาไว้ ให้เพื่อนต่างชาติเรียกค่ะ เพราะออกเสียงง่ายเเละไม่เพี้ยนค่ะ) สาวเยอรมัน หือฉันชื่อคัทริน จากด้อยชลันด์ค่ะ สาวไทย เดินทางไปรอสต๊อกเหมือนกันหรือค่ะไปเที่ยวหรือเปล่าคะ สาวเยอรมัน เปล่าหรอกกลับไปบ้านไปเยี่ยมพ่อกับแม่ แล้วจะพักอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน วันจันทร์ก็กลับเบอร์ลินแล้ว จากคำตอบของเขา...พาให้นึกถึงตอนเรียนป.ตรี ที่พอปิดเทอมก็ต้องกลับบ้านที่ต่างจังหวัด พอเปิดเทอมก็ต้องกลับมากทม. เรียนต่อ สาวไทย แต่ช่วงนี้ปิดเทอมอยู่ไม่ใช่หรือ สาวเยอรมัน อ๋อ ช่วงนี้ทำงานพิเศษเลยหยุดได้แค่สองสามวันอ่ะ จากการเริ่มต้นง่ายๆกับคนแปลกหน้าที่หน้าไม่แปลกอย่างนี้ก็เลยได้คุยกันยาวประมาณ 1 ชั่วโมง จากการคุยกันไปกันมา ก็ได้รู้ว่า เธอเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเบอร์ลิน ช่วงนี้ปิดเทอมแต่เธอก็ยังทำงาน อยู่ ฉันก้อเลยบอกว่าช่วงนี้ฉันได้วันหยุดยาวเนื่องจากปิดเทอม ก็เลยจะมาพักสมอง อาทิตย์หนึ่งโดยมีมีรอสต๊อกเป็นจุดเริ่มต้น พอคัทรินได้ยินอย่างนั้นก็สวมวิญญาณททท.ของเมืองรอสต๊อกทันทีทั้งๆที่ฉันเตรียม ข้อมูลมาเป็นอย่างดีแล้วแต่ก็ยังรู้สึกขอบคุณเธอไม่หายที่แนะนำทริค สายรถและ เส้นทางง่ายๆที่ไปยังที่สำคัญที่เป็น high light ของเมืองรอสต๊อก เธอยังบอกอีกว่า ถ้าไปถึงเมืองแล้วเธอจะลองขอรถแม่เธอมาเที่ยวกับฉันด้วย เย้...เย้...เย้ แต่ทว่า....หลังจากเจอคุณแม่ของคัทรินที่ สาถานีรถไฟแล้ว ...... ฉันก็รู้เลยว่า ฉันคงต้องเดินทางคนเดียว อย่างแน่นอน... ค่ะ...คุณแม่ของคัทรินยังเป็นคนเยอรมันที่ยังรังเกียจคนต่างชาติอยู่ แม้แต่ฉันจะทักทาย อย่างสุภาพแล้ว...แต่หน้าของฉัน เขายังไม่มองเลยค่ะ T___T" เเต่ไม่เป็นไร....ยังไงที่เมืองนี้สิ่งที่ตั้งใจไว้อย่างแน่นหนา และมั่นคงในใจแล้วคือ ฉันจะมา ทะเล...........ทะเล...............ทะเล...........ทะเล กินปลาหมึก........ปลาหมึก...........ปลาหมึก........ปลาหมึก แค่นั้น...แต่สิ่งอื่นที่ได้เห็นและได้รู้ที่มากไปจากเป้าหมายที่ตั้งใจไว้นั่นคือ...กำไรชีวิต ฉันมาพักผ่อน.....มาเติมไฟ....มาปลดปล่อยความเครียด...จากการสอบ ฉันไปถึงรอสต๊อกประมาณ 15.30 น. ก็ต่อ S-Bahn ไปที่ Warnemuende ซึ่งเป็นปากน้ำของ ทะเลโอสเซ( Ostsee ) เลยค่ะ ปากน้ำทะเล Ostsee ค่ะ รูปนี่ถ่ายบนสะพานไม้ค่ะ อีกสักรูป ตามทางเดินจะเป็นร้านไอติม ร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้า ตามทางที่ผ่านมาก้อคนมาเดิน ออกกำลังกายกันมากมาย บ้างก็มาเป็นคู่จูงมือจู๋จี๋กันมา บ้างก็มาเป็นครอบครัวมาจ๊อกกิ้ง กัน บางคนก็มาถ่ายรูปฉันก็ได้โอกาสเนี่ยเเหละ เดินตามเขา เเล้วก้อ " สวัสดีค่ะพี่ ช่วยถ่ายรูปให้หน่อยนะคะ " พูดเสร็จเเล้วฉันรีบเอากล้องส่งให้เขาเลย ข้อเสียอย่างหนึ่งของการเที่ยวคนเดียวคือเราจะมีเเต่รูปวิว เเต่รูปเราจะน้อยมากเพราะ บางทีเราก็ไม่ไว้ใจคนที่จะถ่ายรูปให้เราว่าเขาจะเชิดกล้องเราไปหรือเปล่า หรือบางคน ที่น่าจะไว้ใจได้(ส่วนใหญ่จะเป็นเด็ก คนเเก่ เเละสตรีมีครรภ์ ) ก็ถ่ายรูปออกมา เเขนขาดบ้างหัวหายไปหน่อยหนึ่ง หรือมีเเต่ตัวเราวิวที่ต้องการไม่ได้อยู่ในเฟรม -__- " นานๆจะเจอคนที่ถ่ายรูปเเล้วเราออกมาสวยสักทีหนึ่ง เพราะนอกจาก จะต้องมีฝีมือเเล้ว ยังต้องเฮงอีกด้วย 555 เดินไปเรื่อย...ไม่ไกลก็จะถึงทะเลเเล้วค่ะ เสียงนกร้อง...เเกว้กๆๆๆ...ตีปีกพึ่บพับ นกมันก็คงจะบินกลับบ้านเเล้ว....เราล่ะ...ไม่มีบ้านให้กลับเลยตอนนี้... ข้อดีของการเที่ยวคนเดียวคือ มีเวลาอยู่กับตัวเอง ทบทวน สิ่งที่ผ่านมาในชีวิต เเละเป็นเพื่อนกับความเหงา ฉันเดินมาเรื่อย ไปตามทาง ได้กลิ่นทะเลมาเรื่อยๆเเล้ว ตลอดเส้นทางนี้ เป็นคล้ายปากน้ำ ปากคลองมีเรือเล็กๆจอดอยู่หลายลำ เดินไปเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียว ในที่สุดก็ถึงเเล้วค่ะ ทะเล ที่มีทรายสีขาวปนน้ำตาล....ยาวไปจรดฟ้าอีกฝั่งหนึ่ง ท้องฟ้า...เป็นสีน้ำเงินเข้ม...ลมพัดเเผ่วเบา..บาง ผสมกับไอเเละละอองหนาว ของปลายหนาว ตอนเเรกที่ตั้งใจไว้ว่า...จะถอดรองเท้าถุงเท้าเเล้วเดินลุยน้ำทะเล เเต่พอเอามือจุ่ม น้ำทะเลเเล้วเปลี่ยนใจกระทันหันค่ะ น้ำเย็นยะเยือกเลย....ขนลุกซู่เลย ก็เลย เปลี่ยนเป็นนั่ง..เงียบๆ ฟังเสียงคลื่นซัดซาดเป็นจังหวะครุลหุหนักเบาบ้างเป็นจังหวะๆ นั่งเก็บบรรยากาศนานไปหน่อยฟ้าเริ่มสลัวเเล้วค่ะ ไม่ทันได้เก็บภาพเลย ว้า...พื้นที่ blog หมดโควต้าความยาวเเล้ว โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ.... |
เรียมเจ้าขา
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 144 คน [?] " เรียมเจ้าขา หรือ เก๋ค่ะ " เขียน blog จริงจัง ปลายปี 2555 Blog นี้ก็จะรวมสิ่งที่ชอบในชีวิต และเรื่องที่อยากแบ่งปันทั้งเรื่อง ลูกสาวน้องกล้วยหอม,เรื่องเรียน ต่อเยอรมนี,Beauty, Skin care,แฟชั่นสิ่งทอ,ท่องเที่ยว และก็ตะลอนชิม ค่ะ ก็ขีดๆเขียนๆข้อมูลต่างๆเอาไว้ และแชร์เผื่อจะเป็นประโยชน์ กับท่านอื่นๆด้วยนะคะ contact me : http://www.facebook.com/kimmyandmais http://instagram.com/sasimamai ss.suksawang@จีเมล์ดอทคอม อุปกรณ์ที่ใช้ถ่ายรูป * Canon EOS 600D, * Canon EF-S 15-85mm f3.5-5.6 IS USM - Sigma 70mm F/2.8 DG Macro - Canon EF-S 18-55mm 1:3.5-5.6 IS - Canon EF-S 55-250 mm./4-5.6 IS * Ipad 3 * Olympus compact camera.
|