Save where any mandatory law applies and which cannot be derogated from by agreement, any claim or action for indemnity by employer against employee shall, unless an extension of time is first obtained or legal steps have been taken to protect time, be subject to a time bar of 6 months counting from the time the employer has settled the claim or action as between it and its customer or the other claiming party in any action giving rise to a claim or action for indemnity.
ก่อนอื่นต้องตีความคำว่า derogate ให้ถูกต้อง ในบริบทนี้มันหมายถึง deviate from conditions คือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ซึ่งในกรณีนี้หมายถึงไม่เป็นไปตาม mandatory law
settled เมื่อใช้กับ claim หมายถึง จ่ายเงินตามที่เรียกร้อง และ settled เมื่อใช้กับ action หมายถึง ended legal dispute เช่นอาจมีการตกลงกันนอกศาล
Save where any mandatory law applies and which cannot be derogated from by agreement,
ดังนั้น Save where any mandatory law applies and which cannot be derogated from by agreement,
Save where any mandatory law applies and agreement cannot derogate from such mandatory law,
Except where any mandatory law applies and agreement cannot deviate from such mandatory law,
การที่เราเขียนใหม่ (เหมือนคิดเลขในใจมันยาก ก็เลยคิดบนกระดาษ) มันจะทำให้เราอ่านเข้าใจง่ายขึ้น
Save where any mandatory law applies and which cannot be derogated from by agreement,เว้นเสียแต่กรณีที่กฎหมายบังคับใดๆนำมาบังคับใช้ได้ ซึ่งสัญญาฉบับนี้ไม่สามารถที่จะขัดต่อกฎหมายดังกล่าวได้ any claim or action for indemnity by employer against employee shall, การเรียกร้องหรือการฟ้องร้องใดๆที่นายจ้างจะกระทำต่อลูกจ้างเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย unless an extension of time is first obtained or legal steps have been taken to protect time, หากมิได้รับการขยายเวลาเสียก่อน หรือหากมิได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อป้องกันมิให้อายุความสิ้นสุดลง be subject to a time bar of 6 months counting from the time นายจ้าง (ย้ำคำว่า "นายจ้าง" อีกรอบเพื่อไม่ให้คนอ่านหลงประโยค) จะต้องดำเนินการภายในระยะเวลา 6 เดือนนับตั้งแต่เวลา the employer has settled the claim or action as between it and its customer or the other claiming party in any action giving rise to a claim or action for indemnity. ที่นายจ้างได้ชำระเงินตามข้อเรียกร้องหรือได้บรรลุข้อยุติในเรื่องการฟ้องร้องกัน ระหว่างนายจ้าง (คำแปลของ it) กับลูกค้าของนายจ้าง หรือระหว่างนายจ้าง (ย้ำ คำว่า "นายจ้าง" อีกทีเพื่อไม่ให้คนอ่านหลงประโยค) กับฝ่ายอื่นที่เรียกร้องในคดีความใดๆซึ่งก่อให้เกิดการเรียกร้องหรือการฟ้องร้องกันเพื่อให้มีการชดเชยค่าเสียหาย
ข้อสังเกต ในการแปลเอกสารกฏหมายอังกฤษ-ไทย ก็คือว่า sentence structure ในภาษาอังกฤษมีความแข็งแกร่งกว่า sentence structure ในภาษาไทยมากๆ มันทำให้การใช้ภาษาอังกฤษเขียนเรื่องที่ยากๆซับซ้อน ได้แบบ "กระชัีบมากๆ" ในขณะที่ภาษาไทยยังคงเป็นภาษาของเกษตรกร ที่มี sentence structure ง่ายๆ ซึ่งบ่อยครั้งมันไม่สามารถที่จะ handle sentence structure ของภาษาอังกฤษได้เลย
ดังนั้น เราจึงคิด "กระบวนท่าเพลงหมัดเมา" เอาไว้เพื่อปราบ sentence structure ยากๆ ของภาษาอังกฤษ ซึ่งในหลายๆกระบวนท่าเพลง มีกระบวนท่าเพลงที่สำคํย 3 อย่างดังต่อไปนี้
2 ซอยประโยคยาวๆในภาษาอังกฤษ ให้กลายเป็นประโยคสั้นๆ แล้วจึงแปลเป็นภาษาไทยประโยคสั้นๆ หลายๆประโยค
3 ในหลายๆกรณี จำเป็นต้องย้ำ ประธาน ย้ำกริยา ย้ำกรรม หรือแม้กระทั่งย้ำ modifiers ไปเรื่อยๆ เพราะถ้าเขียนม้วนเดียวจบแบบภาษาอังกฤษ คนไทยอ่านแล้วจะ "หลงประโยค"
................................................................
อีกตัวอย่าง ที่เราลองแปลให้ดู มาจากกระทู้เดิมนี้ ที่เราแปะไว้ (ตอนนั้นเราใช้ login เดิมคือ agelesstansy)
นี่เป็นตัวอย่างการแปลประโยคที่ซ้บซ้อนพอสมควร ซึ่งถ้านักแปลไม่เข้าใจ sentence structure แล้ว ต่อให้รู้ศัพท์ทุกคำ ก็ไม่มีทางที่จะแปลได้ และก็จะเข้าข่ายที่ว่า แปลผิดเพราะ complexity beyond ability นั่นเอง
แปลประโยคที่ขึ้นต้นว่า 'against'
Interpretation of source text and rearrangement of word order in target text
การตีความภาษาต้นทาง และการจัดลำดับคำใหม่ในภาษาปลายทาง
Source text (ภาษาต้นทาง):
Against compliance by the Vendor with their obligations under the Agreement, the payment at Closing shall be satisfied by the Purchaser at the Closing by delivery to the Vendor of a cashiers cheque drawn on a bank in Bangkok in favour of the Vendor in the amount of baht...
Target text (ภาษาปลายทาง):
ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินเมื่อผู้ขายปฏิบัติภาระหน้าที่ภายใต้สัญญานี้ โดยที่ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินเมื่อตกลงทำธุรกรรมกัน ซึ่งเมื่อตกลงทำธุรกรรมกันแล้ว ผู้ซื้อจะต้องส่งมอบแคชเชียร์เช็คให้แก่ผู้ขาย ซึ่งจะเป็นการสั่งจ่ายเงินจำนวน ........บาท จากธนาคารในกรุงเทพ ฯ ให้แก่ผู้ขาย
Annotation (คำอธิบายว่าทำไมจึงแปลออกมาอย่างนี้):
เมื่อเผชิญหน้ากับคำว่า 'Against' ที่อยู่หน้าประโยค นักแปลบางท่านก็อาจสับสนได้ เราจะใช้บริบทตีความคำที่ทำให้งง
ก่อนอื่นต้องดูว่า "Against" ใช้กับ "payment" ซึ่งในที่นี้ "against" แปลว่า" in return for" ซึ่งแปลว่า "เพื่อเป็นการตอบแทนต่อ (การที่)" (ซึ่งจริงๆแล้วในคำแปล เรา "แปลง" เป็น "เมื่อ" ไปเสียเลย จะได้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และให้ฟังดูเป็นภาษาไทย) และต้องดูว่า "compliance" ใช้กับ "with"
ส่วนคำว่า "Closing" มาจากคำว่า close แปลว่า bring deal to closure: to complete a transaction successfully ในที่นี้หมายถึงตกลงกันได้ในเรื่องบางอย่าง หรือตกลงทำธุรกรรมกัน เช่นตกลงซื้อขายหรือทำสัญญากันนั่นเอง...ในที่นี้ Closing อาจหมายถึง การตกลงทำสัญญากันก็ได้ แต่ที่ต้องแปลกำกวมแบบนี้ ก็เพราะว่าผู้แปลไม่ได้มีเอกสารครบทุกหน้านั่นเอง....
ส่วน "satisfied" ใช้กับ "payment"และ คำว่า "to satisfy" (ในที่นี้ แต่เขียนพลิกแพลงเป็น passive sentence) ไม่ได้แปลว่า "ทำให้พึงพอใจ" แต่แปลว่า "to provide what is wanted" หรือ "ให้สิ่งที่ต้องการ" ซึ่งในที่นี้หมายถึง "เงิน" คือ "การชำระเงิน" นั่นเอง
ถ้าอาศัย clues เหล่านี้ ในการตีความก็นับว่าสำเร็จไป 50% แล้ว หลักการแรกก็คือ ตีความต้นฉบับให้แตกเสียก่อน
........................................................................................
ตัวอย่างนี้ sentence structure ค่อนข้างจะเอาเรื่องพอดู เราแปลไว้เป็นตัวอย่างในกระทู้เก่านี้ (ตอนนั้นเราใช้ login เดิมคือ agelesstansy)
//topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/06/K6753328/K6753328.html
Source text (ภาษาต้นทาง)
On April 12, 2000, before me, Adele Yoshioka, Notary Public, personally appeared Martha Mikita personally known to me or proved to me on the basis of satisfactory evidence to be the person whose name is subscribed to the within instrument and acknowledged to me that she executed the same in her authorized capacity, and that by her signature on the instrument the person, or the entity upon behalf of which the person acted, executed the instrument.
Target text (ภาษาปลายทาง แปลแบบ จัดลำดับคำใหม่ โดยที่ผู้แปล bilingual พอที่จะรู้ว่า ภาษา 2 ภาษา มีโครงสร้างที่แตกต่างกันอย่างไร จึง แปลและแปลง sentence structure ด้วย ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการแปลผิด แต่อย่างใด)
เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2543 มาธา มิกิตะ มาปรากฏตัวต่อหน้าข้าพเจ้า แอดเดอเล โยชิโอกะ ซึ่งเป็นนิติกร ข้าพเจ้ารู้จักบุคคลผู้นี้โดยเป็นการส่วนตัว หรือมีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่า บุคคลผู้นี้ เป็นบุคคลที่ลงนามในเอกสารซึ่งแนบมานี้ จากลายมือชื่อในเอกสารดังกล่าว ข้าพเจ้ายังรับรองอีกด้วยว่า บุคคลผู้นี้ ได้จัดทำ (ลงนามใน) เอกสารฉบับดังกล่าว หรือองค์กร ซึ่งบุคคลผู้นี้กระทำการแทน ได้จัดทำ (ลงนามใน) เอกสารดังกล่าว
หมายเหตุ
1. ในเอกสาร มีข้อความยืนยันว่า Notary Public คนนี้เป็น "นิติกร" จริงๆ แต่ถ้ามิเช่นนั้นแล้ว Notary Public ก็น่าจะแปลว่า " พนักงานรับรองเอกสาร"
2. ต้นฉบับเขียนว่า the within instrument ซึ่งในที่นี้ within เป็นภาษาโบราณแปลว่า enclosed
3. ให้สังเกตดูดีๆว่า ในส่วนของคำแปลคือ
ตรงส่วนของ
and that by her signature แทนที่จะแปล "that" เป็น "ว่า" เฉยๆ จะต้อง แปลเป็น "รับรองว่า"
ตรงส่วนของ
....บุคคลผู้นี้ ได้จัดทำ (ลงนามใน) เอกสารฉบับดังกล่าว หรือองค์กร ซึ่งบุคคลผู้นี้กระทำการแทน ได้จัดทำ (ลงนามใน) เอกสารดังกล่าว....
มีการย้ำกริยาสองรอบ ดูเหมือนกับว่า แปลเกิน
และที่ต้องทำเช่นนั้น ก็เพื่อ
ป้องกันไม่ให้คนไทยอ่านแล้วหลงประโยค นั่นเอง
^
^
จากตัุวอย่างข้างบนนี้ นักแปลที่ยังไม่ชำนาญ ถ้าเปรียบเทียบ source text กับ target text ตามที่เราแปลไปให้ดู จะงงมากๆ ว่า
มันเป็นมาได้อย่างไรกัน
ก่อนที่จะเป็นมาได้เช่นนั้น มันเป็นมาอย่างนี้ นั่นก็คือ ใช้ทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ ในการ restate the source text differently
นั่นก็คือ
จาก
Source text แบบนี้นะ
On April 12, 2000, before me, Adele Yoshioka, Notary Public, personally appeared Martha Mikita personally known to me or proved to me on the basis of satisfactory evidence to be the person whose name is subscribed to the within instrument and acknowledged to me that she executed the same in her authorized capacity, and that by her signature on the instrument the person, or the entity upon behalf of which the person acted, executed the instrument.
เราแปลอังกฤษเป็นอังกฤษก่อน เพื่อให้ได้ใจความที่แปลเป็นไทยได้ง่าย และจะได้อะไรแบบข้างล่างนี้
*****A restatement of the source text:
On April 12, 2000, Martha Mikita personally appeared before me, Adele Yoshioka, Notary Public.
I personally know her or have satisfactory evidence to prove that she is the person who subscribed her name to the enclosed instrument.
By her signature on the instrument, I also acknowledge that the person or the entity, on behalf of which she acted, executed the instrument.*****
ให้สังเกตดูดีๆว่า source text มีแค่ประโยคเดียว แต่ a restatement of the source text มีตั้ง 3 ประโยค แน่ะ แต่ลำดับคำ มันแปลเป็นไทยได้ง่ายกว่า
ทีนี้ พอดูแล้วคงหายงง แล้วนะว่าทำไมคำแปลมันถึงออกมาได้อย่างนี้
Target text:
*****เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2543 มาธา มิกิตะ มาปรากฏตัวต่อหน้าข้าพเจ้า แอดเดอเล โยชิโอกะ ซึ่งเป็นนิติกร ข้าพเจ้ารู้จักบุคคลผู้นี้โดยเป็นการส่วนตัว หรือมีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่า บุคคลผู้นี้ เป็นบุคคลที่ลงนามในเอกสารซึ่งแนบมานี้ จากลายมือชื่อในเอกสารดังกล่าว ข้าพเจ้ายังรับรองอีกด้วยว่า บุคคลผู้นี้ ได้จัดทำ (ลงนามใน) เอกสารฉบับดังกล่าว หรือองค์กร ซึ่งบุคคลผู้นี้กระทำการแทน ได้จัดทำ (ลงนามใน) เอกสารดังกล่าว*****
......................................................................
และนี่คือข้อพิสูจน์เรื่องที่ผู้สนใจเรียนการแปลเข้าใจผิดหลงคิดว่า
"แปลอังกฤษเป็นไทย เขียนภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่งก็แปลได้"
จริงๆแล้วถ้าแปลภาษาอังกฤษที่ sentence structure ไม่ค่อยซับซ้อน เช่นแปลนิยายเด็กวัยรุ่น นักแปลอ่านภาษาอังกฤษเข้าใจ แต่เขียนภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลย ก็ยังพอแปลออกมาเป็นภาษาไทยได้ดี แต่ถ้าไปเจอภาษาอังกฤษที่เป็นภาษากฎหมายซึ่งมี sentence structure ที่ซับซ้อน การเขียนภาษาอังกฤษได้ดี จะช่วยในการตีความ source text และในการจัดลำดับคำศัพท์ target text ได้
"เนื่องจากว่ารู้วิธี "ชำแหละ(แยกส่วน)" ประโยคนั่นเอง"