ตอนแรกว่าจะไม่เพาะต้นกล้าแล้วนะปีนี้
สัปดาห์ก่อนโน้นนนน นั่งว่างๆ ไถหน้าจอเล่น แล้วเกิดความคิดอยากมีเรือนกระจก
ไถไปไถมาเจออันถูกใจกำลังลดราคา ใช้เวลาตัดสินใจสิบวินาที สินค้าลงไปอยู่ในตะกร้าเรียบร้อย
พอได้เสียเงินก็สบายใจเลยไปรื้อตะกร้าซองผักมาเพาะ
ผักบุ้งขึ้นดีเหมือนกัน รอดูว่าจะได้กินไหม
ถั่วลันเตาเพาะไว้กินยอด หอมอร่อยมาก
วันนี้แดดดีเลยเดินสำรวจพื้นที่เพื่อตั้งเรือนกระจก
สรุปได้ตรงนี้ ซึ่งมีความเสี่ยงในการโดนลมพายุพัดจนปลิวน้อยที่สุด
รอหิมะละลาย และดินไม่แข็งจะได้ขุดเอาต้นไม้ดอกไม้ออกเพื่อเตรียมพื้นที่
ตรงนี้คือทางเดินชมสวนข้างบ้าน
ด้านซ้ายมือคือลาเวนเดอร์สารพัดประโยชน์ ดอกสีสวยเอาไว้ดมและตากทำชา
ถ้าบี้ๆ ใบให้น้ำมันหอมระเหยออก จะกันน้องกวางมาสวบทิวลิปได้ เขาว่างั้น เดี๋ยวลองดู
ตรงกลางลงทิวลิปไว้
ส่วนด้านขวามือทั้งแถวคืออเมริกันบลูเบอร์รี่ ปลูกปีกลาย
ตรงซุ้มนั้นมีองุ่นอยู่หนึ่งต้น ปลูกมาสองปีแล้วยังขึ้นไม่ถึงครึ่งซุ้มเลย
บ้านหลังน้อยๆ สีแดงคือห้องเก็บของบ้านเรา ส่วนหนึ่งยื่นเข้าไปในเขตเพื่อนบ้านด้วย
ส่วนหลังคาโรงนาของเพื่อนบ้านก็ยื่นมาเขตบ้านเรา ถ้วยทีถ้อยอาศัยกันเนาะ
เท่าที่เห็นมีหลายแห่งมากที่มีสิ่งก่อสร้างล้ำเขต แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีปัญหาอะไรกันนะ
หมู่บ้านที่เราอยู่เป็นหมู่บ้านอนุรักษ์
สีบ้านต้องสีแดง และเป็นสี Falu röd เท่านั้น
สีหน้าต่างต้องขาว หรือเขียว
จะปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนสีต้องขออนุญาตจากเทศบาลก่อน
จะเอาเรือนกระจกมาลงต้องดูระยะให้ห่างจากเพื่อนบ้านตามกำหนด
ถ้าจะตั้งใกล้เขตแดน/รั้วน้อยกว่า 4.5 เมตร ต้องให้เพื่อนบ้านเซ็นยินยอม
ถ้าขนาดไม่ใหญ่เกิน 15 ตรม. ไม่ต้องอนุญาตก่อสร้าง
แต่จะต้องแจ้งรายงานไปที่เทศบาลด้วยว่าชั้นจะปลูกเรือนกระจกนะ
อยู่บ้านนี้เมืองนี้ จะทำอะไรนอกสายตารัฐไม่ได้เลย
แต่เราไม่ค่อยเอาจริงเอาจังกันเอง