@-@ปรัชญาจากหมาขี้เรื้อน@-@
อ่านเจอนิทานเรื่องนี้บ่อยๆ เพื่อนๆคงจะเคยอ่านเจอบ้างละ ได้รับ fw mail มาก็บ่อยๆ วันนี้เจอหมาขี้เรื้อน เลยถ่ายรูปมาลงกระทู้ ป้าคุณเทอร์ และก็เอามาประกอบนิทานด้วยเลยค่ะ นานๆ อ่านทีก็สนุกดีและยังได้ข้อคิดด้วย
ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน เพื่อเห็นแก่แม่
บัณฑิตใหม่หมาดจากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ได้เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯแห่งหนึ่งเสร็จแล้วผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้ จำพรรษาอยู่กับพระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่งที่วัดป่าแถวภาคอีสานพระหนุ่มการศึกษาสูง มาจากตระ * * * ลผู้ดี มีแต่ความสุขสบาย เมื่อมาอยู่วัดป่ากว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือนแต่ก็นั่นแหละกว่าจะ "นิ่ง" ก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆ กันปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอาก็เพราะ พระใหม่มีนิสัยชอบจับผิดและชอบอวดรู้ ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ วันแรกที่มาอยู่วัดป่าก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่าไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน ออกบิณฑบาต ได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลงเห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็น การใหญ่หาว่าล้าสมัยไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี่
ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่าท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกิน กว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่งจนขาเป็นเหน็บชา ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้างก็ทำท่าจะล้างอย่างขอไปที ล้างไปบ่นไปตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำ ร่วมกับใครก็ไม่รู้ โอ้ชีวิต!ความสำรวยหยิบโหย่งทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้ ถือดีว่าตัวเองมีชาติ ตระ * * * ลสูง มีการศึกษาสูงกว่า ใครในวัดนั้นผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้วช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกประตูนึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจ กลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทิน นับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่อ
อยู่มาได้พักใหญ่พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ซ้ำนานๆครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่งวันๆไม่เห็นท่านทำอะไรเอาแต่กวาด ใบไม้ เก็บ ขยะ ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มีไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอนการบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคนจัดการไปเสียทุกอย่าง เห็นแล้วเลยนึกร้อนวิชาอุตส่าห์เขียนคำวิพากษ์วิจารณ์การบริหารจัดการวัดได้ร่วมยี่สิบข้อ เสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่า ล้าสมัยรวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่งเพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้วไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูกอีก
หนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้นพระใหม่เสนอให้หลวงพ่อเจ้าอาวาสมีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้ สอนให้มากขึ้น เทศน์ให้มากขึ้นและแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงานอย่างการซักจีวรเองเป็นต้นด้วยตนเอง ควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำหลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติกลางลานทรายด้วย ท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่านให้พระหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายฟังแต่ ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งที่นอนอยู่ใต้ม้าหินอ่อนตัวหนึ่งใต้ต้นอโศกที่อยู่ใกล้ๆ
"เธอทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันเป็นขี้เรื้อนคันไปทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่นไปมาทั้งวัน เดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรงนั้น เดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้อยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นานเพราะมันคัน
แต่พวกเธอรู้ไหม เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจ หาว่าแต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี คิดอย่างนี้แล้วมันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน แต่หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักทีเลยต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้ สักนิดไม่ว่า เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้น หาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่ แต่สาเหตุแห่ง อาการคันอยู่ที่โรคเรื้อนซึ่งเกาะกินอยู่บนหลังของตัวมันเองนั่นต่างหาก"
พูดจบแล้วหลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลงเป็นสัญญาณให้รู้ว่าได้เวลาภาวนาหลังการทำวัตรสวดมนต์เย็นแล้ว ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้นในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกตินอกสงบแต่ในวุ่นว่ายนึก อย่างไรก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนที่หลวงพ่อชี้ให้ดู ยิ่งนั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาพระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากคนพูดมาก กลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยโสกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง แม้เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขาเพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจจากครอบครัวท่านก็ยังไม่ยอมสึก
"อาตมาเป็นหมาขี้เรื้อนขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่งพรรษา" โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุการกราบลาพระลูกชายแล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถพลางนึก ถามตัวเองอยู่ในใจว่าคำว่า "หมาขี้เรื้อน"ของพระลูกชายหมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่สอนหลักความจริงบนพื้นฐานของเหตุผล พุทธศาสนิกชนจึงควรเป็นคนที่มากด้วย เหตุผล นิยมการใช้เหตุผลมากกว่าการใช้อารมณ์ ชมชอบการใช้ 'ความรู้' มากกว่าการใช้ 'ความเห็น'
Create Date : 13 ธันวาคม 2549 |
Last Update : 14 ธันวาคม 2549 8:57:28 น. |
|
7 comments
|
Counter : 1854 Pageviews. |
|
|
|
โดย: PIWAT วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:21:13:00 น. |
|
|
|
โดย: 9A วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:21:59:44 น. |
|
|
|
โดย: SevenDaffodils IP: 65.203.0.242 วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:23:26:13 น. |
|
|
|
โดย: PADAPA--DOO วันที่: 13 ธันวาคม 2549 เวลา:23:31:22 น. |
|
|
|
โดย: filmgus วันที่: 14 ธันวาคม 2549 เวลา:13:24:06 น. |
|
|
|
โดย: ดา ดา วันที่: 15 ธันวาคม 2549 เวลา:5:47:40 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
เวบblog ของคุณแม่ลูกสอง ที่ชอบถ่ายรูป อ่านหนังสือ ดูหนัง และฟังเพลง เดิมใช้พื้นที่บลอกโพสภาพและเขียนไดอารีเรื่อยเปื่อยเท่านั้น แต่ตอนนี้ แม่ฟิล์มกัส ขอใช้พื้นที่บลอก เขียนเรื่องราว แรงบันดาลใจที่ได้ผ่านการอบรมศีล 5 กับคุณแม่สีใบตอง บุญประดับ มาเผยแพร่ให้เพื่อนๆ ชาวบลอกและผู้ที่หลงเข้ามาอ่าน เผื่อได้เป็นประโยชน์ต่อชีวิต เป็นแรงบันดาลใจ และ ทำให้ชีวิตมีความสุขขึ้นนะคะ โดยเนื้อหาต่างๆ ได้อ้างอิงจากหนังสือประกอบการดำเนินงาน โครงการ "คืนมนุษย์สู่เหย้า เพื่อเฝ้าเมือง" ที่สร้างหลักสูตรโดย ทันตแพทย์หญิงสีใบตอง บุญประดับ ผู้อำนวยการบ้านเกื้อรัก Love Line Family Center ส่วนเรื่องราวและรูปภาพที่เป็นฝีมือแม่ฟิล์มกัสในนี้ ถ้าท่านใดต้องการนำไปใช้ประโยชน์สามารถคัดลอก หยิบจับ หรือ จกเอาไปได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาต
แม่ฟิล์มกัส ขอเชิญชวนทุกๆคนที่หลงเข้ามา ลองครองตนให้มีศีล 5 ดูนะคะ เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ก่อน ทำไปทีละนิด แล้ววันหนึ่ง ไม่นานเลย จะพบความสุขอย่างมหัศจรรย์ขึ้นในใจ โดยไม่ต้องใช้เงินทองซื้อหามา
รักคนอ่านทุกคน จ้า
|
|
|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ลป. มีเซ็นเซอร์คำด้วยอะพี่นัน เหะๆๆ