5. จัดแต่งเฟอร์นิเจอร์ให้พอดี จำนวนเฟอร์นิเจอร์และตำแหน่งของมันส่งผลต่อความสมดุลของแสงในห้องมากกว่าที่คุณคิด ดังนั้นจึงควรจัดแต่งเฟอร์นิเจอร์ในห้องของคุณให้เหมาะสม เพื่อให้ห้องดูโล่งสบายตา และมีแสงแดดเข้าถึงมากที่สุด ด้วยการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดเตี้ย และแบบที่มีดีไซน์โปร่งบางไม่หนาทึบเป็นหลัก นอกจากนี้ก็ควรจัดวางเฟอรนิเจอร์ให้พอดี เพราะหากมีเฟอร์นิเจอร์ในห้องมากเกินไป จะทำให้ห้องดูมืดลง
6. เลือกสีของเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสม สีของเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่อยู่ในห้อง มีผลกับความสว่างพอ ๆ กับสีของผนัง เพราะฉะนั้นควรเลือกสีให้เหมาะกับแสงแบบที่คุณต้องการ หากคุณอยากให้ห้องดูสว่างขึ้นอีก ควรเลือกใช้แบบที่มีสีอ่อน ๆ และหากระจกบานใหญ่ ๆ มาติด เพื่อให้แสงในห้องส่องได้ทั่วถึง อย่างไรก็ตาม หากคุณทาห้องด้วยสีโทนสว่างจนห้องดูมีแสงแดดเข้าถึงพอสมควรแล้ว ก็ควรเน้นการตกแต่งด้วยสีเข้มเพื่อไม่ให้ห้องดูจืดชืดจนเกินไป
7. ใช้ผ้าม่านเพื่อให้แสงในห้องสมดุล ถ้าหากว่าห้องของคุณยังไม่สว่างเพียงพอ คุณก็สามารถทำให้ห้องดูสว่างขึ้นได้ ด้วยการใช้ผ้าม่านที่มีเนื้อผ้าบางเบาและมีสีอ่อน ๆ แต่งห้อง เพื่อให้แสงสาดเข้ามาในห้องมากขึ้น ในทางกลับกัน หากว่าห้องของคุณสว่างเพียงพอแล้ว ควรเลือกใช้ผ้าม่านหนาทึบมีน้ำหนัก จะได้เป็นการกันแสงแดดจากภายนอก
8. ใช้โคมไฟเข้าช่วย นอกจากแสงภายนอกแล้ว การติดโคมไฟในห้องก็จำเป็นเช่นกัน เพราะไม่ว่าอย่างไรแสงจากภายนอกก็ไม่มีทางพอสำหรับการใช้งานของเรา โดยเฉพาะในช่วงเย็นที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ทั้งนี้ ถ้าหากต้องการให้ห้องของคุณดูสว่างและกว้างขึ้นก็ควรใช้โคมไฟติดเพดานสีขาว เพื่อให้แสงในห้องดูสว่างขึ้นอีก นอกจากนี้ เพื่อให้แสงดูสมดุลไม่สว่างจนเกินไป ก็ควรหาโคมไฟตั้งโต๊ะที่มีแสงสีเหลืองนวลมาประดับข้างเตียงของคุณด้วย
เพียงแค่ทำตาม 8 ขั้นตอนง่าย ๆ เท่านี้ห้องของคุณก็จะมีแสงที่ดูสมดุลสวยงามได้แล้ว เพราะฉะนั้นจัดห้องคราวหน้า ลองนำเทคนิคนี้ไปใช้กันดูนะคะ