Tumbulgum Farm vs ฟาร์มโชคชัย ฟาร์มโชคชัย น่าจะถือเป็นสิ่งที่เชิดหน้าชูตาสำหรับการเป็นแหล่งท่องเที่ยวสไตล์คันทรี่ได้ ซึ่งทั้งประเทศไทยก็มีให้เห็นที่นี่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะไม่มีสถานที่หรือขาดการบริหารจัดการ หรือขาดองค์ความรู้ (ที่เราภูมิใจกันนักซึ่งเรียกว่า ภูมิปัญญาท้องถิ่น) ในสไตล์คันทรี่ เนื่องจากเราเลี้ยงวัว เลี้ยงควายกันตามทุ่งนา ตามมีตามเกิด เป็นเรื่องราวให้ได้ยินก็คงมี “นายฮ้อยทมิฬ” เราไปดูพวกอินเตอร์เขาบริหารจัดการฟาร์มกันดีกว่า ผู้เขียนนำ แผนผังของ Tumbulgum Farm มาลงให้ดูว่าเขาบริหารจัดการฟาร์มอย่างไร ถ้าท่านมีโอกาสไปขอแนะนำให้ไปชมให้ได้นะครับ เพราะใน “ทัมบูลกัม” นี้อยู่ด้วยสไตล์คันทรี่ซึ่งทุกท่านคิดไม่ถึงหรอกครับ Function Centre ของที่นี้เป็นได้หลายรูปแบบคือ -ทั้งการเป็นที่พักให้รับประทานอาหารกลางวันอย่างดีสไตล์คันทรี่ มีการย่างเนื้อแกะ ให้ทานอย่างไม่อั้น -ซึ่งท่านจะประชุมหรือมีกิจกรรมอะไรในระหว่างนั้นก็ได้ เพราะเขามีอุปกรณ์พร้อม -การขายฟังค์ชั่นของงานแต่งงานสไตล์คันทรี่ ซึ่งถือว่าเป็นของแปลกและใหม่สำหรับบ้านเรา -B&B (Bed & Breakfast) คือ มีห้องนอน พร้อมอาหารเช้ากับบรรยากาศธรรมชาติ เนื่องจากผลิตภัณฑ์และอาหารจากฟาร์มของเขาเหลือเฟือจึงดำเนินธุรกิจนี้ได้ การดูสุนัขต้อนแกะ ซึ่งเป็นความสามารถของสุนัขที่จะต้อนแกะทั้งฝูง (เห็นว่าที่ฟาร์มโชคชัยก็มี) เจ้าหน้าที่ของฟาร์มจะขี่ม้าใส่หมวกสวมชุดแบบโคบาลออกมาอธิบายให้เราฟังถึงวิธีการต้อนแกะของสุนัข แล้วก็สาธิตให้ดู ที่ขาดไม่ได้คือ การตัดขนแกะ (Shearing Shed) ซึ่งเราจะพบทั้งเทคโนโลยีและวิธีการตัดขนแกะผู้เขียนทึ่งมากเพราะว่า -ห้องที่สาธิตการตัดขนแกะนั้นมีการจัดเตรียมเป็นที่นั่งแบบอัฒจรรย์ คือ จุคนได้ 50 กว่าคน -ผู้บรรยายและสาธิต ใช้ไมโครโฟนไร้สายอธิบายขณะเดียวกันมีการพัฒนาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการตัดขนแกะโดยไม่ให้เกิดอาการเมื่อยและเจ็บหลังเพราะมีอุปกรณ์คล้องตัวแล้วตัดขนแกะได้สบายๆ -แกะเมื่อถูกตัดขนจะนอนนิ่งให้ตัดอย่างเต็มที่และได้เป็นผืนทั้งตัว -หลังจากนั้นก็สาธิตการฟาดแส้พร้อมให้ผู้ชมเข้าไปมีส่วนร่วม ซึ่งก็ทำให้เกิดเสียงไม่ได้เหมือนเจ้าหน้าที่ และจริงๆ แล้วการฟาดแส้นั้นทำให้เกิดเสียงกับม้าที่ขี่แต่ไม่ได้ฟาดไปที่ม้าครับ ที่ขาดไม่ได้ของทุกๆ สถานที่หรือแหล่งที่ไปท่องเที่ยวและคิดว่าน่าจะเป็นการบริหารจัดการซึ่งมีความพร้อมมากๆ ไม่ว่าผู้เขียนจะไปที่ใดก็ตาม -จะมีร้านขายขายที่ระลึก ทั้งหมวก ขนแกะ หนังจิงโจ้ (ทั้งผืน) เสื้อยืดและสัญลักษณ์ของประเทศออสเตรเลีย -ร้านขายของส่วนใหญ่ทั้งในฟาร์มเกษตรหรือปศุสัตว์ (เขาเรียกฟาร์ม) เหล่านี้จะผลิตสินค้าด้านอาหารการกินเอง ไม่ว่าจะเป็นเนย แยม น้ำผลไม้ ไอศกรีม จึงทำให้เขามีแนวคิดธุรกิจ B&B ได้ ซึ่งไม่เหมือน OTOP บ้านเราหรือ Home Stay บ้านเราที่ขาดสิ่งเหล่านี้ -และทันสมัยโดดเด่นสุดๆ เมื่อท่านจะชำระเงินค่าบริหารหรือการสั่งซื้อสินค้า เพราะเกษตรกรหรือชาวไร่-ชาวนาออสซี่ คือจะมีร้านค้าอยู่ในฟาร์ม ผู้เขียนเรียกว่า “Shop in Farm” รับบัตรเครดิตครับ แค่ 2-3 เหรียญก็รับแล้ว -ผลิตภัณฑ์ที่เขาขายภายในฟาร์มนั้นมีบรรจุภัณฑ์ ขนส่ง ทำแบบมืออาชีพโดยการจัดทำโลโก้ โปรโมชั่น หรือการสาธิตให้ชิมผลิตภัณฑ์นึก ๆแล้วไม่รู้ฉลาดหรือเปล่าที่ประเทศไทยไปทำสัญญา FTA กับประเทศเหล่านี้ เนื่องจากเกษตรกรเรายังห่างไกลเขาเป็น 50-60 ปี จะได้ประโยชน์ก็พวกธุรกิจรถยนต์ โทรคมนาคม หรือธุรกิจเกษตรยักษ์ใหญ่ในบ้านเรา นอกนั้นท่าทางจะเป็น “OTOP จนแบบแก้ไขไม่ได้” สรุปแล้วก็คงหนีไม่พ้น 1.เราไม่มีความลึกซึ้งในเรื่องการตลาดที่ชาวโลกเขาใช้กันอยู่ ทั้งๆ ที่ก็เรียนตำราของคอทเลอร์เหมือนๆ เขา 2.วิธีการบริหารจัดการ น่าจะหลงทางหรือเปล่า เพราะบรรดาคนที่ไปชี้นำในชุมชนหรือเครือข่ายต่างๆ เหล่านี้ไม่มีองค์ความรู้ด้านนี้ ยิ่งการรู้เท่าทันวิธีบริหารจัดการของประเทศพัฒนาแล้วยิ่งยากเป็นอย่างยิ่ง 3.ผู้บริหารประเทศที่ขาดความซื่อสัตย์ เห็นแก่ธุรกิจและผลประโยชน์แห่งตน จึงทำให้บรรดากเกษตรกร OTOP SMEs ทั้งหลายได้เพียงแต่การอบรมกับเงินกู้ เงินแจก ก็เท่านี้จริงๆ จะไปรอดไหมนี่ ถ้ายังอยู่ในวังวนที่มีแต่โมเดลใหม่ๆ ประดิษฐ์ศัพท์หรูๆ นึกอะไรไม่ออกก็แจกเงิน ครับ! Thailand Stand Up: ขนลุกประเทศไทย อ.ดนัย เทียนพุฒ Aj.Danai Thieanphut DNT Consultants Create Date : 18 พฤษภาคม 2549 Last Update : 18 พฤษภาคม 2549 23:29:32 น. 0 comments Counter : 3046 Pageviews. Share Tweet