ตำนานลิฟท์แดง..!! ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" . เมื่อพูดถึงตำนานหรือเรื่องเล่าสยองขวัญของ ม.ธรรมศาสตร์ แล้วล่ะก็ สถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นสถาบันการศึกษาที่มีเรื่องเล่ามากที่สุดแห่งนึงเลยก็ว่าได้ และหนึ่งในเรื่องเล่าก็คือ “ลิฟท์แดง” ตำนานความลึกลับที่ทุกวันนี้แม้เวลาจะผ่านไปนานก็ยังมีผู้พูดถึง และครั้งนึงยังเคยถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ด้วย โศกนาฏกรรมที่ต้องจารึกในประวัติศาสตร์ไทย เมื่อเช้ามืดวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 (วันฆ่านกพิราบ) ขณะที่กลุ่มนักศึกษากำลังชุมนุมเพื่อยื่นข้อเรียกร้องทางการเมือง ทันใดนั้นก็มีเหล่าทหาร-ตำรวจ (กลุ่มผู้ปราบปราม) จำนวนมาก บุกเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อกวาดล้างพวกนักศึกษาอย่างโหดเหี้ยม นักศึกษาผู้ไม่มีอาวุธจะใช้ต่อกร จึงทำได้แค่เพียงการหนีเอาตัวรอดเท่านั้น บางคนกระโดดลงน้ำว่ายหนีไปเพื่อเอาชีวิตรอด บางกลุ่มก็วิ่งเข้าไปหลบตามตัวอาคารภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งตอนนั้นมีนักศึกษากลุ่มหนึ่งหลบหนีเข้าไปอยู่ในลิฟท์ เป็นผู้หญิงทั้งหมด อัดในนั้นร่วม 10 คน โดยหวังจะเอาชีวิตรอดจากการไล่ล่า ทว่าก็ไม่สามารถหนีพ้นเงื้อมมือมัจจุราชไปได้ เพราะทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออก พวกเธอก็ถูกกระหน่ำยิงอย่างทารุณจนเสียชีวิตทั้งหมด เลือดสาดกระจายทั่วลิฟท์..!! ว่ากันว่าไม่ใช่แต่ในลิฟท์แห่งนี้เท่านั้นที่มีการตายมากมาย แต่หลายพื้นที่ในมหาวิทยาลัยก็พบว่ามีศพนักศึกษาถูกฆ่าตายจำนวนมากด้วย ซึ่งก็อย่างที่ทราบกันว่าท้ายสุดทหารที่เข้าไปสังหารประชาชน..ก็ไม่เคยมีใครต้องรับผิด ต่อเมื่อเหตุการณ์ยุติลง บ้านเมืองเริ่มกลับมาสู่สภาวะปกติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็กลับมาเปิดสอนอีกครั้ง เช่นเดียวกับลิฟท์แดงที่เคยมีนักศึกษาถูกยิงตายหมู่ก็ถูกกลับมาเปิดใช้อีกครั้ง โดยทาสีทับรอยเลือดเดิม จากข้อมูลทราบว่าช่วงแรกเปลี่ยนเป็นสีขาว แต่วันต่อมาปรากฏว่ามีสีแดงซึมขึ้นมาบนสีขาวที่ทาลงไป ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นและหาคำตอบไม่ได้..จากนั้นจึงได้ทาสีแดงทับไป และถูกเรียกว่า “ลิฟท์แดง” นับจากนั้น.. ทันทีที่ทางมหาวิทยาลัยกลับมาให้ใช้ลิฟท์ได้ตามปกติ ก็เริ่มมีผู้พูดถึงความสยองขวัญของลิฟท์ ทั้งจากนักศึกษาและอาจารย์ที่ต่างเคยได้สัมผัสเหตุการณ์อันชวนขนหัวลุกมาแล้ว.. ..เริ่มตั้งแต่เสียงเล่าลือว่าในเวลากลางคืนลิฟท์จะขึ้นลงเองทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยู่บนตึก บางครั้งประมาณเย็นๆ ค่ำๆ หากใครขึ้นลงด้วยลิฟท์ตัวนี้ จะได้ยินเสียงประหลาด หรือบางครั้งลิฟท์จะกระตุกอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ..!! ..หรือบางทีมีนักศึกษานั่งคุยกันตอนดึกๆ ก็เคยได้ยินเสียงผู้หญิงร้องดังแว่วมาจากอาคารคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ตรงที่มีลิฟท์ซึ่งในอดีตเคยเป็นที่สังหารหมู่นักศึกษานั่นแหละ เสียงร้องดังออกมาว่า "ช่วยด้วยๆ..!!" ..กระทั่งเคยมีเรื่องเล่าจากอาจารย์ที่ขึ้นไปบนตึกแล้วใช้ลิฟท์ตัวที่ว่า ซึ่งตอนนั้นลิฟท์จะมีกระจกบานใหญ่อยู่ โดยระหว่างที่ลิฟท์ขึ้นอาจารย์ผู้หญิงก็หยิบหวีขึ้นมาหวีผมที่หน้ากระจก แต่ปรากฎว่าอาจารย์ที่ไว้ผมสั้นแต่ในกระจกกลับกลายเป็นผมค่อยๆยาวขึ้น จากนั้นใบหน้าในกระจกก็เปลี่ยนไป ไม่ใช่หน้าตัวเอง อาจารย์จึงรีบวิ่งออกมา..!! โดยกระจกภายในลิฟท์แดงเวลานั้นมีการพูดถึงกันเยอะ เพราะบางทีมีนักศึกษาขึ้นไปคนเดียวแล้วมองผ่านกระจก พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่เพียงลำพังในลิฟท์ก็ยังเคย..!! ..ครั้งนึงเคยมีนักศึกษาชั้นปีที่ 2 มาขึ้นลิฟท์ เพื่อไปส่งรายงานคนเดียวในเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำ เธอกดลิฟท์เพื่อไปชั้น 6 แต่ปรากฏลิฟท์มาเปิดเองที่ชั้น 3 ซึ่งช่วงที่เปิดเธอได้มองออกไปพบแต่ความว่างเปล่า แต่นักศึกษาสาวผู้นั้นกลับรู้สึกได้ว่าเหมือนมีบางสิ่งเดินเข้าออกมาในลิฟท์ จนตัวลิฟท์ฟ้องว่าน้ำหนักเกิน..!! พอเจอแบบนั้นเธอจึงตัดสินใจรีบวิ่งออกมาจากลิฟท์โดยไว เพราะแน่ใจว่าคงโดนแน่ๆ แล้ว หรือเคยมีนักศึกษาเล่าว่า ขณะที่กดลิฟท์จะขึ้นไปชั้นบน แล้วจู่ๆ ประตูลิฟท์ก็เปิดออกเอง พร้อมกับมีนักศึกษาเดินเข้ามาในสภาพตามเนื้อตัวเปียกโชกไปด้วยเลือด..ก็มีผู้คนเคยเล่า..!! และจะด้วยสาเหตุใดไม่ทราบ อาจเพราะเรื่องเล่าที่เกี่ยวกับความสยองขวัญซึ่งมีหนาหูขึ้นทุกวันๆ หรือไม่ก็เพราะเหตุผลที่ลิฟท์ตัวดังกล่าวถูกใช้งานมานาน จนดูสภาพผุพังไม่น่าปลอดภัย.. ช่วงนึงลิฟท์แดงจึงถูกปิดไม่ให้ขึ้น โดยได้มีการเอาไม้มาตีปิดไว้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปทางมหาวิทยาลัยก็ได้กลับมาให้ใช้ลิฟท์อีกครั้ง โดยได้เปลี่ยนลิฟท์ตัวใหม่ แต่ปล่องลิฟท์ยังคงเหมือนเดิม ลิฟท์แดงถูกถอดออกไปแล้วนำเฉพาะส่วนที่เป็นประตูลิฟท์ไปตั้งอยู่ที่หลังบันไดจากชั้น 4 ขึ้นไปชั้น 5 ของคณะศิลปศาสตร์..มาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนนึงคงใช้เพื่อเป็นอนุสรณ์แสดงถึงความสูญเสียของเหล่านักศึกษาผู้บริสุทธิ์ที่ต้องถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ด้วยเงื้อมมือของอำนาจเผด็จการทหารในสมัยนั้น ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนึงในหน้าประวัติศาสตร์บ้านเราที่ทุกคนยังคงจดจำได้ดี และเพื่อให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึงสืบต่อไป #ตำนาน,#ลิฟท์แดง,#ธรรมศาสตร์,#เล่าเรื่องผี,#คนเล่าผี,#วิญญาณ,#หลอน,#ลี้ลับ,#ไสยศาสตร์,#สยองขวัญ,#เขย่าขวัญ,#ผี,#ส่องผี,#หนังสือเสียง,#เล่าเรื่อง,#เรื่องขนลุก,#ขนหัวลุก,#เรื่องเล่า ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัวผู้เสียจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วยครับ
โดย: กิติต (สมาชิกหมายเลข 6233428 ) วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:21:01:23 น.
|
สมาชิกหมายเลข 6233428
Rss Feed ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] ทุกเรื่องหลอนเล่าจากประสบการณ์จริง แม้มองไม่เห็นแต่เราสัมผัสได้ Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |