สัปเหร่อบุญกับผีหัวขาด

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของคุณบุญ... คุณบุญเล่าให้ฟังว่า
.
ผมเป็นสัปเหร่ออยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี ประกอบอาชีพนี้มายาวนาน 22 ปีแล้ว
สัปเหร่ออาชีพที่ใครไม่ทำแต่ผมทำ เพราะมันคืองานบุญครั้งสุดท้ายที่จะทำให้กับผู้วายชน หน้าที่ของผมเริ่มต้นตั้งแต่รับศพเข้ามาจัดศาลาสวดศพ อาบน้ำให้ศพ มัดตราสัง นำศพใส่โลง จนไปถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการเก็บเถ้ากระดูกใส่โกศ..
เรียกว่าทำทุกๆ อย่างเลยจริงๆ พวกวิชาความรู้เรื่องคาถาและพิธีกรรมต่าง ๆ ก็มีอยู่พอตัวครับ
เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงปี 2562 วันนั้นมีรถมูลนิธินำศพเข้ามาส่งในวัด ผู้เสียชีวิตทราบว่าเกิดจากอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์มุดเข้าไปใต้รถสิบล้อ จนถูกรถสิบล้อเหยียบทับหัวขาด..!
ผมจึงได้รับศพนี้มาเพื่อทำพิธีที่วัด แต่ปรากฏว่าได้มาแค่ตัว แต่ไม่มีหัวมาด้วย เพราะทางมูลนิธิยังหาหัวของผู้เสียชีวิตไม่พบ..!
ผมจึงทำพิธีรดน้ำศพให้เรียบร้อยไปก่อน แต่ยังไม่ได้ตอกปิดโลง เพราะจะต้องรอหัวของผู้เสียชีวิตมาใส่ให้ครบก่อน
คืนแรกจึงจัดพิธีสวดศพไปแบบที่ศพไร้หัวอย่างนั้น แล้วในขณะที่พระท่านกำลังสวดอยู่นั้น ก็มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้น เมื่ออยู่ๆไฟในเมรุก็ดับพรึ่บลงมา..!
ตอนนั้นผมก็คิดว่าอาจจะไฟตกหรือเปล่า เพราะปกติที่วัดไฟชอบตกอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากวัดยังใช้ไฟ 2 เฟสอยู่ พอมีการใช้เครื่องขยายเสียงจึงอาจเป็นสาเหตุทำให้ไฟตก ผมเลยไม่ได้คิดอะไร ส่วนพระท่านก็สวดต่อไปจนเสร็จ
พอประมาณห้าทุ่มกว่าเกือบเที่ยงคืน ผมก็กำลังจะจัดเก็บสถานที่และพื้นที่รอบๆ ท่ามกลางญาติ ๆ ที่ยังอยู่ 30 กว่าคนเห็นจะได้
แล้วอยู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินถือหัวเข้ามาเลย ตอนแรกก็ตกใจ แต่พอเพ่งมองดีๆ ก็โล่งอก เมื่อไม่ใช่ผีแต่เป็นคนจริงๆครับ เดินเข้ามาพร้อมกับหัวที่ถืออยู่ในมือ
มาถึงชายคนนั้นบอกว่า เขาเป็นคนขับรถสิบล้อ ส่วนหัวเนี่ยไปติดอยู่ระหว่างกลางล้อสองล้อของรถเขา..!
ผมเห็นอย่างนั้นก็ไม่รู้จะทำยังไง แถมเวลานั้นจะเที่ยงคืนแล้วด้วย จึงรับหัวจากผู้ชายคนนั้นมา แล้วนำไปใส่ไว้ในโลง แล้วก็ตอกตะปูปิดโลงแน่นหนามิดชิดดี คืนนั้นก็ผ่านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วันต่อมาเมื่อทางญาติๆ รู้ว่าได้หัวของผู้เสียชีวิตคืนมาแล้ว ผมได้ทำการตอกตะปูปิดฝาโลง ทำให้ไม่สามารถเปิดให้ดูได้ ทางญาติก็ไม่ได้ติดใจอะไร
พอตกกลางคืนหลังพระสวดเสร็จเรียบร้อย ผมก็ต้องนอนเฝ้าเมรุ เฝ้าศาลา เฝ้าของ และมีญาติของผู้ตายอีกประมาณ 10 กว่าคน นอนเป็นเพื่อนด้วย เพราะสมัยก่อนงานศพตามต่างจังหวัดเค้าจะมีญาติๆ มานอนเป็นเพื่อนศพกัน ไม่เหมือนในเมืองสมัยนี้ที่พอพระสวดเสร็จก็ปิดประตูใส่แม่กุญแจล็อคศาลากันเลย
ขณะที่ทุกคนกำลังนอนกันอยู่ ท่ามกลางความเงียบสงบ อยู่ดี ๆ โลงก็ลั่นเสียงดัง ปึง...!
จังหวะที่ทุกคนมองไปที่โลง อยู่ดีๆ ฝาโลงก็แตกออกทั้งสี่ด้าน แล้วศพที่อยู่ในโลงก็กลิ้งตกลงมา ท่ามกลางสายตาของคนทั้งศาลาที่อยู่กัน 10 กว่าคน..!
ผมจึงรีบไปเอาโลงสำรองที่มูลนิธิเค้าบริจาคไว้ เอามาสำรองก่อน เพราะเดี๋ยววันรุ่งขึ้นค่อยให้เจ้าภาพไปเปลี่ยนโลงมาใหม่
ในขณะที่เตรียมจะเอาศพไปใส่ไว้ในโลงสำรอง แต่ปรากฏว่าจังหวะที่ศพกลิ้งตกลงมา หัวมันหายไปไหนอีกก็ไม่รู้
ทุกคนก็ช่วยกันเดินหาหัว หากันอยู่นาน จนเวลาเกือบจะตีหนึ่งก็ยังไม่เจอ
คุณเชื่อไหม ศพเนี่ยที่จริงวางไว้อยู่บนแท่นตรงหน้าเชิงตะกอนใช่ไหม ถ้าศพมันกลิ้งตกลงมา หัวก็ต้องกลิ้งตกลงมาข้างล่างด้วยใช่ไหม ?
แต่ปรากฏว่าหัวมันกลับกลิ้งตกออกไปนอกเมรุ กลิ้งลงไปทางบันไดเชิงตะกอนฝั่งซ้าย ซึ่งตรงเชิงตะกอนมันจะมีบันไดอยู่สองฝั่งซ้ายขวา แล้วหัวมันก็ไปตั้งโด่เด่อยู่ในช่องเก็บอัฐิตรงกำแพงวัดที่ว่างอยู่ ซึ่งข้างๆ เมรุ จะมีโกศเจดีย์อยู่เป็นร้อยๆ ถ้าหัวมันจะไปตั้งอยู่ในช่องเก็บโกศในกำแพงได้ มันต้องมีคนหยิบขึ้นไปตั้งเท่านั้น..!
ในจังหวะที่ผมไปอุ้มหัวกลับมา ผมอุ้มหัวหันหน้าเข้ามาหาตัวผม แล้วหิ้วมาโทงๆ ไม่ได้คลุมผ้าคลุมอะไร เพราะเห็นว่ามันจะตีหนึ่งแล้ว
จังหวะนั้นเอง นี่ผมพูดเรื่องจริงนะ ผมสาบานได้เลย
หัวมันพูดคุยกับผมได้ มันลืมตาเหลือกขึ้นมามองผม แล้วพูดว่า
“กูยังไม่อยากตาย… มึงอย่าเพิ่งเอาหัวกูไปต่อ..!” พูดทั้งๆ ที่มีแต่หัว
และนั่นทำให้ผมถึงกับหยุดชะงัก ในใจก็คิด อะไรมันจะเฮี้ยนขนาดนี้วะ แต่โชคดีที่ผมห้อยพระหลวงพ่ออุทัย วัดเกาะตาพุด ผมเลยไม่กลัว..
ด้วยความที่เป็นผีตายโหง จิตจึงแรงกล้าอาฆาตแค้นคนที่ทำเขา ผมจึงต้องท่องคาถาวิชาที่เรียนมาสะกดใส่ จนหัวมันเงียบไป หลังจากเงียบแล้วผมก็เอาหัวกลับใส่เข้าไปในโลงเหมือนเดิม คืนที่สามก็ผ่านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แล้ววันสุดท้ายซึ่งเป็นวันเผา ในวันเผาเนี่ยก็ไม่มีเหตุการณ์อะไร จนมาถึงตอนพิธีเผา ซึ่งตอนเผาเป็นเวลาประมาณสามโมงครึ่ง กว่าศพจะไหม้เสร็จก็น่าจะประมาณหกโมงถึงทุ่มนึงเห็นจะได้
ผมเอาโลงใส่เข้าไปในเตาเผา โดยที่ไม่ได้ปิดฝาโลง ส่วนศพนั้นผมได้ห่อผ้ารวมกับหัวแล้วเผาไปพร้อมกันเลย ศพก็ไหม้เหมือนปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังที่ควันปล่องเมรุสงบ ผมก็เข้าไปเก็บเถ้ากระดูกใต้เมรุเพื่อใส่โกศให้กับญาติ พอเข้าไปเจอโครงกระดูกเป็นแขนเป็นขาเรียงกันคล้ายรูปร่างคนอยู่ใต้เตา แต่ส่วนที่เป็นหัวกระโหลกหายไปเฉยเลย..!
ผมคิดว่ามันอาจจะกระเด็นไปตกช่องตกอะไรอยู่ในเตาหรือเปล่า จึงลองมองหาไปเรื่อยๆ
ขณะที่ผมกำลังหาอยู่นั้นเอง อยู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะ ฮ่าๆๆๆๆ ดังมาจากยอดปล่องเมรุ..!
ผมเลยแหงนขึ้นไปดู ปรากฎเห็นกระโหลกมันลอยอยู่ข้างบนในปล่องเมรุได้ยังไงไม่รู้ครับ...!!
แถมหัวนั้นมันยังมองลงมาหาผม แล้วมันก็ตกลงมาใส่ผมดัง ตุบ..!!! จนผมต้องใช้คาถาสะกดมัน สักพักทุกอย่างก็สงบลง..
หลังจากวันนั้นก็ไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับผมอีกเลย…เรื่องราวก็จบเพียงเท่านี้..
จริงสิครับ..ผมมาทราบเรื่องจากคนที่เห็นเหตุการณ์ทีหลัง ว่าตอนแรกศพคนที่ว่าเขายังไม่ตายหรอก แต่สิบล้อพอมันชนเค้าแล้ว มันกลับถอยหลังมาเหยียบซ้ำอีกที..สภาพเขาก็เลยเป็นแบบนั้น ซึ่งน่าสงสารมาก
แต่ก็เหมือนบาปกรรมตามสนองแบบทันทวงที เพราะเขาเล่าว่าต่อมาอีกหนึ่งปี ก็ทราบข่าวว่าคนขับรถสิบล้อที่ทับเขา ได้ประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซต์ประสานงานกับรถสิบล้อ ตายคาที่เหมือนกัน..!
และที่มันน่าขนหัวลุกก็คือเขาเอาศพคนขับรถบรรทุกคนนั้น มาเผาวัดเดียวกันกับศพผีที่ผมเล่ามาด้วย..!! แปลกดีนะครับ..


✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿✿
 เป็นช่องแนวเล่าเรื่องผี วิญญาณ หลอน ลี้ลับ ไสยศาสตร์ สยองขวัญ
เขย่าขวัญและหนังสือเสียง พร้อมเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่เป็นมิตรเหมือนเพื่อนสนิท พี่พร้อมจะเติบโตไปด้วยกัน :']
ชอบคลิปนี้ก็อย่าลืม กด Like กด Share กด ติดตาม ให้ด้วยนะครับ
ลงคลิปใหม่ ให้ชมทุกวันจันทร์และวันพฤหัส
ผ่านช่องทางต่อไปนี้
Youtube    : แชร์เรื่องหลอน
Facebook  : แชร์เรื่องหลอน
  
#ผี,#คนเล่าผี,#เล่าเรื่องผี,#วิญญาณ,#หลอน,#ลี้ลับ,#ไสยศาสตร์,#สยองขวัญ,#เขย่าขวัญ,#หนังสือเสียง,#แชร์เรื่องหลอน
 



Create Date : 09 เมษายน 2564
Last Update : 9 เมษายน 2564 0:38:34 น.
Counter : 699 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 6233428
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ทุกเรื่องหลอนเล่าจากประสบการณ์จริง แม้มองไม่เห็นแต่เราสัมผัสได้
เมษายน 2564

 
 
 
 
1
3
4
5
7
8
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30