ถึงจะเขียนไม่เก่งแต่ก็ฝันอยากเป็นนักเขียนกับเค้าบ้าง อิอิอิ

<<
พฤศจิกายน 2552
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
5 พฤศจิกายน 2552
 

ตะลุยเคนยา ตามล่าบิ๊กไฟส์ ตอนที่12

เพชฌฆาตแห่งลำน้ำแอฟริกา


เรายังมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่เรามาเมื่อวาน เมื่อมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำ รถของพวกเราก็แวะจอดที่ริมแม่น้ำเพื่อให้เราลงได้เดินเล่นกัน ซึ่งแม่น้ำแห่งนี้เองก็เป็นแม่น้ำมาราสายเดียวกันกับที่ผมเห็นที่โรงแรม เดินลงมาก็พบเข้ากับรอยเท้าฮิปโปอยู่เยอะแยะเต็มไปหมด แต่ละรอยก็มีขนาดใหญ่ขนาดผมเอาฝ่ามือกางทาบลงไปยังไม่มิด มีเจ้าหน้าที่ 5 คนถือปืนครบมือ ประจำอยู่ที่นี่คอยให้ข้อมูลและพาเราเดินศึกษาธรรมชาติชีวิตสัตว์ริมแม่น้ำ เค้าบอกว่ารอยเท้าพวกนี้เกิดขึ้นเมื่อคืน ที่ปกตินิสัยของฮิปโปมักจะชอบขึ้นมาจากน้ำเพื่อกินหญ้าในเวลากลางคืน ส่วนเวลากลางวันมักจะชอบอยู่ในน้ำมากกว่า เดินไปที่แม่น้ำก็เห็นฮิปโปฝูงหนึ่งมีทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ร้องส่งเสียงดัง อึ..อึ..อึ.. ไม่ใช่แค่ทำเสียงนะครับ มันยังอึออกมาจริงๆแล้วเอาห่างสะบัดให้อึกระจาย เหม็นไปทั่วคุ้งน้ำ เพื่อแสดงอาณาเขตของมัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าตัวนั้นคงจะเป็นตัวผู้ตัวเดียวและเป็นจ่าฝูงอีกด้วย ตามลำตัวก็จะเห็นร่องรอยบาดแผลจากการต่อสู้ เพื่อแย่งการเป็นจ่าฝูงและช่วงชิงตัวเมีย



ฮิปโปโปเตมัส (Hippopotamus) ลักษณะตัวอ้วนกลมเหมือนกับถังเบียร์ มีเขี้ยวด้านล่างยาวเอาไว้ป้องกันตัว มีขาสั้น ลำตัวยาวเกือบ 4 เมตร หนักราว 1-2 ตัน มันดำน้ำได้นานถึง 5 นาที บริเวณผิวหนังของมันจะน้ำสีแดงๆ บางคนคิดว่ามันเลือดออก แต่ความจริงมันเป็นเหงื่อที่ขับออกมาเพื่อปกป้องผิวจากแดดในช่วงกลางวัน เปรียบเสมือนครีมกันแดดมีค่า SPF สูงนั่นแหล่ะครับ ถึงตัวมันจะใหญ่เวลาอยู่บนบกมันก็สามารถวิ่งไวถึง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มักจะอยู่รวมกันเป็นฝูง 7-10 ตัว พวกเราบางคนดีใจที่ได้เห็นฮิปโปก็รีบวิ่งไปถ่ายรูปที่ริมแม่น้ำ จนเจ้าหน้าที่เค้าต้องรีบตามไปขวางแล้วให้เหตุผลว่าอย่าเข้าใกล้แม่น้ำเด็ดขาดเพราะอันตรายมาก

เพชฌฆาตัวจริงแห่งแม่น้ำในแอฟริกาหลายคนคงจะคิดว่าเป็นจระเข้ซินะครับ สิ่งที่ต้องระวังให้มากนั่นคือฮิปโปต่างหาก ว่ากันว่าฮิปโปนั้นเป็นสัตว์ขี้หงุดหงิดและห่วงอาณาเขตมาก โดยเฉพาะเวลามันมีลูกอ่อน ชาวพื้นเมืองแอฟริกาโดนฮิปโปงับตายมากกว่าจระเข้ซะอีกนะครับ และมากกว่าโดนควายป่าทำร้ายหรือแรดขวิดตาย ขนาดจระเข้ว่ายน้ำผ่านแม่ฮิปโปที่กำลังเลี้ยงลูกน้อยอยู่ ก็อาจโดนมันงับตายเอาได้ จระเข้เลยกลัวฮิปโปมาก ถึงมันจะอยู่ในแม่น้ำสายเดียวกันแต่ก็จะแบ่งอยู่กันคนละมุมเลย มีชาวพื้นเมืองจำนวนมากต้องจบชีวิตให้กับเจ้าถังเบียร์น่ารักเหล่านี้ เช่นบางคนพายเรือมาตามลำน้ำเพื่อหาปลา เรือพวกนี้ก็ทำอย่างง่ายๆจากพวกต้นปาปิรัสหรือต้นกกอียิปต์ ฮิปโปนึกว่าจระเข้เลยพุ่งเข้างับตายมาเยอะแล้ว

ในอดีตตามปกติแล้วชาวพื้นเมืองจะไม่ทำร้ายฮิปโปนะครับ ก็ต่อเมื่อญาติพี่น้องโดนฮิปโปกัดตายหรือต้องการลักลอบเอาเขี้ยวของฮิปโปไปขาย ก็มักจะใช้วิธีการที่ดูโหดร้ายนั่นคือ เค้าจะใช้ฉมวกแทงฮิปโป ด้ามฉมวกก็จะผูกกับเชือกที่เอาไปมัดไว้กับก้อนหินขนาดใหญ่อีกทีหนึ่ง เมื่อฮิปโปโดนฉมวกแทงมันก็จะตกใจลากก้อนหินลงน้ำ เมื่อฮิปโปหมดแรงลากก้อนหินไม่ไหวก็จะจมน้ำตายไปเอง

ในแม่น้ำมารานอกจากอันตรายจากฮิปโปเจ้าหน้าที่ยังชี้ให้พวกเราดูจระเข้ตัวขนาดกลางตัวหนึ่ง รอคอยงับเหยื่อโชคร้ายที่เดินลงมากินน้ำ เจ้าหน้าที่พาเราเดินไปดูริมน้ำโดยใช้เส้นทางเดินของเจ้าฮิปโป นอกจากรอยเท้าของมันที่เราพบแล้ว เรายังเห็นพื้นบางช่วงเรียบเนียนเหมือนใครเอารถมาไถดินให้เรียบ อันนั่นก็เกิดมาจากเวลามันเดินขึ้นฝั่ง พุงพลุ้ยของมันก็ลากดินไปด้วย มีเส้นทางลอดไปตามพุ่มไม้แยกออกไปหลายเส้นทาง บางครั้งมันก็ออกเดินหากินไปไกลหลายกิโลเมตร

เจ้าหน้าที่บอกว่าน้ำในแม่น้ำแห่งนี้มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 2 เมตร ในส่วนที่ตื้นหรือลึกกว่านี้ฮิปโปจะไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ผมถามเจ้าหน้าที่ว่าผมอยากเห็นจระเข้กินกวางบ้างจะมีโอกาสได้เห็นมั้ย เค้าบอกว่านอกจากช่วงฤดูอพยพของม้าลายและไวดาบีสท์แล้ว เราก็อาจพบเห็นได้แต่มีน้อย ที่เห็นบ่อยนั่นก็คือม้าลาย เพราะม้าลายนั้นจะชอบกินดินเกลือมาก เมื่อมันกินเกลือก็จะรู้สึกหิวน้ำและอดไม่ได้ที่จะต้องเดินลงมากินน้ำในแม่น้ำ ถ้าม้าลายโชคดีลงมากินน้ำในที่น้ำตื้นหากโดนจระเข้งับก็อาจจะสะบัดหลุดไปได้ แต่หากตรงนั้นเป็นน้ำลึกก็จะเป็นความโชคดีของเจ้าจระเข้ เมื่อมันงับม้าลายได้มันก็จะพาดำดิ่งลึกลงไปเที่ยววังบาดาล ทำให้ม้าลายสำลักน้ำขาดใจตายในที่สุด เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าหากจะดูจระเข้ตัวใหญ่ๆต้องไปในจุดที่มีน้ำลึกมากๆ บางตัวอาจะหนักมากกว่า 1 ตัวเลยทีเดียว แถวนี้จะมีแต่จระเข้ขนาดแล็กจนถึงกลางเท่านั้น

เมื่อพวกเราเดินเที่ยวริมแม่น้ำกันเต็มอิ่มแล้วแต่ท้องเริ่มจะหิวก็ต้องเดินทางกลับที่พักไปทานข้าวกลางวันกัน มาถึงที่พักเมื่อทานเสร็จผมก็มีเวลาเดินเล่นในบริเวณที่พักนึกไปถึงบทความที่ผมเขียนจนทำให้ผมได้มาชมชีวิตสัตว์ป่าในเคนยาแห่งนี้ ก่อนหน้าที่ผมจะเขียนบทความนั้นผมบอกตามตรงว่ามีความรู้เกี่ยวกับการท่องป่าซาฟารีในเคนยาน้อยมาก ผมจินตนาการแค่ว่าผมอยากตามล่าหาบิ๊กไฟว์ แล้วได้พักรีสอร์ทท่ามกลางธรรมชาติ ที่แวดล้อมไปด้วยสิงสาราสัตว์ทั้งหลาย ภาพที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้มันเหมือนกับที่ผมจินตนาการเอาไว้ไม่มีผิด ขณะที่คนอื่นๆใช้เวลาไปกับการพักเอาแรง แต่ผมใช้เวลาหมดไปกับการเดินเล่นถ่ายรูปไปรอบรีสอร์ท และสอบถามข้อมูลจากพนักงาน ได้ความว่าที่รีสอร์ทแห่งนี้ในช่วงฤดูอพยพนั้นบริเวณรอบโรงแรมจะมีม้าลายมายืนเล็มหญ้าอยู่เต็มไปหมด ตกกลางคืนก็จะมีสปอร์ตไลน์เปิดเอาไว้รอบที่พัก แล้วผมก็หวังว่าซักวันนึง ผมคงจะได้มีโอกาสกลับมาในช่วงนั้นอีก


ที่มา //xoomer.virgilio.it/ripolini/Rock%20hyrax.jpg

ผมเดินไปสุดริมขอบผาอีกด้านหนึ่งของรีสอร์ทจนไปพบเจ้าหนูยักษ์ตัวหนึ่งมันชื่อว่าตัวไฮแร๊กซ์ (Hyrax) โดยเจ้าตัวนี้ในแอฟริกาตะวันออกจะมี 2 ชนิดด้วยกันคือ Tree Hyrax และ Rock Hyrax ตัวที่ผมพบสงสัยจะเป็นอย่างหลังเพราะลำตัวอ้วนกลมและอาศัยอยู่บนโขดหิน (หลังจากกลับจากเคนยาผมก็ไปเห็นเจ้าตัวนี้ที่แอฟริกาใต้ที่นั่นเค้าจะเรียกกันว่าตัวแดสซี่ Dassie พบเห็นได้บนTable Mountain ในเคปทาวส์) มันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยุคต้นๆที่เป็นญาติสนิทกับช้าง หรือมีเชื้อสายเป็นต้นตระกูลของช้างนั่นเหล่ะครับ ดูเผินๆเหมือนหนูตะเภาขนาดยักษ์ มีขาและหางสั้นมาก ปกติมักจะชอบเสนอหน้าออกมาในช่วงเช้าเพื่อออกหากินเมล็ดพืช และไข่นก กลางวันก็จะหลบนักล่าอย่างนกอินทรีตัวร้ายและหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อยู่ตามซอกหิน


Credit Mr.Victer Photographer

เวลาบ่าย 2 กำลังดี พวกเราก็ออกเกมส์ไดรในช่วงบ่ายกันอีกครั้ง นิโคลัสบอกว่าจะพาไปดูสิงโตอีกฝูงหนึ่งตามที่เพื่อนเค้าแนะนำเมื่อเช้า เราผ่านมายังสะพานข้ามแม่น้ำมาราที่เรามาดูฮิปโปเมื่อเช้า เลยจากสะพานไม่ไกล ผมก็ได้เห็นเจ้ากวางตัวน้อยที่มีชื่อน่ารักว่าดิ๊กดิ๊ก (Dik Dik) ก็เป็นกวางที่มีขนาดเล็กมากที่สุดตัวเท่ากระจงบ้านเราเลยครับ ดูมันค่อนข้างขี้ตกใจพอสมควรถ่ายรูปได้ไม่กี่ภาพก็วิ่งหนีไปแล้ว





จากเส้นทางหลักมีทางแยกไปทางด้านซ้าย เพื่อลัดไปตามแม่น้ำ แล้วรถของเราก็มาหยุดลงเมื่อมองเห็นรถตู้ของนักท่องเที่ยวอีกคันพยายามที่จะขับลุยข้ามแม่น้ำ ถึงแม้น้ำจะตื้นและแคบกว่าแต่ตลิ่งก็ชันพอสมควร ผมคิดในใจว่าขาไปน่ะไม่เท่าไหร่แต่ขากลับซิจะทำยังงัย เพราะตลิ่งฝั่งที่เรายืนอยู่ชันกว่าอีกด้านหนึ่งมาก แล้วคนขับรถแต่ละคันก็ปรึกษากันและตกลงกันว่าเพื่อให้พวกเราได้ดูสิงโต เค้าจะเสี่ยงข้ามไป กว่าจะข้ามไปได้แต่ละคันก็ทุลักทุเล เมื่อข้ามมาแล้วเราก็ได้เห็นฝูงสัตว์จำนวนมากเลยครับ ผมเห็นฝูงกวางอิมพาลาตัวเมียฝูงใหญ่ปกติจะพบเห็นแค่ 6-20 ตัว แต่นี่เราเห็นเกือบร้อยตัวเดินหากินอยู่ตามต้นไม้ เมื่อรถวิ่งผ่านมันก็ตกใจกระโดดหนีข้ามกอไม้เป็นภาพที่สวยงามมาก อิมพาลานอกจากได้ชื่อว่าเนื้อรสชาติอร่อยแล้วมันยังเป็นนักกระโดดไกลอีกด้วย คือมันสามารถกระโดดได้สูงถึง 3 เมตร และไกลถึง 11 เมตรเลยทีเดียวเชียว



ด้านหน้าเราเห็นรถของนักท่องเที่ยวคันอื่นๆจอดอยู่หลายคัน มีฝูงนกแร้งบินวนเวียนอยู่ด้านบน เป็นสัญญาณว่านั่นคงจะมีการตายเกิดขึ้นแน่นอน เมื่อไปถึงเราก็เห็นสิงโตกลุ่มใหญ่พอสมควรนับได้เกือบ 10 ตัว บางตัวก็เห็นมีปลอกคอส่งสัญญาณติดเอาไว้ด้วย มีตัวผู้ตัวหนึ่งน่าจะเป็นจ่าฝูงอยู่ห่างจากรถเราไม่ถึง 5 เมตร นอนจ้องหน้าผมอยู่ แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีดุร้ายอะไรออกมาเลย เพราะสัตว์พวกนี้มักจะเคยชินกับรถมานานแล้ว แต่ในความเข้าใจของสิงโตก็น่าจะคิดว่าเราเป็นสัตว์ใหญ่ชนิดหนึ่ง เนื้อแข็ง กินไม่ได้ ครางหึ่งๆ แถมยังปล่อยกลิ่นไอเสียเหม็นฉึ่งออกมา อย่าชะล่าใจลองเดินลงไปจากรถนะครับ มันจะเห็นว่าเราเป็นเนื้อสเต็กส์เกรดเอทันที



แล้วเราก็ดีใจที่ได้เห็นลูกสิงโตนับได้ราว 3 ตัว วิ่งเล่นหยอกล้อกัน บ้างก็กระโดดงับหางสมาชิกตัวอื่นๆ ลึกเข้าไปในพุ่มไม้มีสิงโตตัวหนึ่งกำลังแทะซากอะไรบางอย่างแต่มองเห็นไม่ชัด นั่นคงเป็นสิ่งล่อใจที่ทำให้นกแร้งสามัคคีชุมนุมกัน และมันก็ร่อนลงมาที่พื้นจำนวนเยอะขึ้นเรื่อยๆ เกิดมาผมเพิ่งจะเคยเห็นนกแร้งในธรรมชาติเป็นครั้งแรก น่าเสียดายที่มันเคยมีอยู่ในเมืองไทยและได้สูญพันธุ์ไปแล้ว



เท่าที่ผมเห็นตอนนี้ก็มีหลายสายพันธุ์มีทั้งแร้งอียิป (Egyptian Vulture) ตัวสีเทา หน้าสีเหลือง ปากยาวตอนปลายงองุ้มลง อีกตัวหนึ่งคือแร้งหน้าย่น (Lappet –faced Vulture) ที่เป็นแร้งขนาดใหญ่ที่สุดในแอฟริกา ขนทั้งตัวมีสีดำ จะงอยปากสั้นแต่ดูแข็งแรง หน้ามีสีแดงและมีรอยย่นเหมือนรอยพับของผ้า บริเวณหัวไม่มีขน เจ้าแร้งพวกนี้แต่ละชนิดก็ชอบกินชิ้นส่วนของซากต่างกัน สังเกตได้จากปากนะครับ แร้งที่ปากแหลมนั้นมักจะชอบฉีกกินเศษเนื้อชิ้นเล็กๆ แต่แร้งที่ที่มีปากหนางองุ้ม ก็มักจะชอบมุดเข้าไปในซากฉีกกินเครื่องในหรือเส้นเอ็นที่อยู่ภายใน นอกจากแร้งเราก็ยังเห็นเจ้าจิ้งจอกแจ๊คเกิลหลังดำ (Black-Backed Jackal) ยืนรอส่วนแบ่งอยู่ไม่ไกล



ข่าวสิงโตกลุ่มนี้แพร่ไปไกล รถจี๊ปหลายคันก็ตามมาดูสิงโตกลุ่มนี้เช่นกัน ขากลับตกลงกันว่าให้รถจี๊ปนำหน้าข้ามแม่น้ำไปก่อน แต่ละคันก็ผ่านไปได้อย่างสบาย แต่รถตู้อย่างพวกเราซิครับ รถตู้ของฝรั่ง 2 คนผัวเมียขับนำร่องไปก่อนแต่ก็ผ่านไปได้อย่างเฉียดฉิว แล้วคนขับคันนั้นยังมีน้ำใจจอดรอคันอื่นๆด้วย รถทีมงานเป็นคันที่สองเร่งสุดกำลังแต่แล้วก็ขึ้นไม่ไหวคาอยู่ที่ตลิ่งฝั่งตรงข้าม จนต้องหาหินมาหนุนล้อ ผ่านไป 30 นาทีก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะไปต่อได้ พวกเราหนุ่มๆรู้สึกอยากยิงกระต่ายแอฟริกาขึ้นมาตะหงิดๆ เลยชวนกันเดินไปส่องกระต่ายกัน เมื่อลงจากรถในที่ไม่ปลอดภัยนอกจากต้องมองรอบตัวเพื่อระวังสัตว์ใหญ่ๆแล้ว สิ่งที่มองข้ามไปไม่ได้เลยนั่นก็คืออย่าเข้าใกล้พุ่มไม้ครับ ยิ่งริมแม่น้ำแบบนี้มีต้นไม้ พุ่มไม้ขึ้นหนาทึบมากเราไม่รู้ว่ามีตัวอะไรอยู่ในนั้น แถมตามพื้นดินก็จะต้องระมัดระวังสัตว์เลื้อยคลานอย่างงูให้มากเลย ไม่ว่าจะเป็นงูเห่าพ่นพิษ งูไวเปอร์และงูแมมบ้าดำด้วย ลองคิดดูว่าหากโดนมันกัดเข้า ตอนขามานั่งเครื่องบินตีตั๋วชั้นประหยัด ขากลับอาจจะได้ตีตั๋วนอนชั้นพิเศษอยู่ใต้เครื่องบินส่งร่างกลับเมืองไทยได้

ในขณะที่เรากำลังยิงกระต่ายด้วยควายสบายใจยังไม่ทันจะหมดแม็กซ์ ทันใดนั้นเพื่อนบนรถก็ตะโกนให้พวกเรารีบกลับขึ้นมาบนรถทันที ผมหันกลับไปดูด้านหลังห่างจากรถของพวกเราไปแค่ไม่ถึง 100 เมตร ผมใจเต้นรัวเป็นจังหวะกลอง ผมเห็นแรดตัวใหญ่ตัวหนึ่งวิ่งออกมาจากพุ่มไม้แล้วหยุดหันมองมาทางเรา ไม่รอช้าพวกเราต่างรีบวิ่งกลับขึ้นรถให้เร็วที่สุด เมื่อขึ้นรถมาได้ก็โล่งอกมองออกไปด้านหลังดูให้ชัดๆ คือมันเป็นแรดที่มีรูปร่างปราดเปรียวมีสีดำต่างจากแรดขาวมาก มันวิ่งเหยาะๆ พร้อมยื่นจมูกส่ายไปมาในอากาศ เหมือนจะหากลิ่นพวกเรา ในเมื่อมันไม่ใช่แรดขาวมันก็คือแรดดำนั่นเอง
แรดดำ (Black Rhinoceros) มีลักษณะแตกต่างจากแรดขาวที่เห็นได้ชัดก็คือสีนั่นแหล่ะครับ แรดขาวจะสีออกเทาๆ แรดดำจะมีสีดำและมีขนาดตัวที่เล็กกว่าแรดขาว หนักราว 800-1,400 กิโลกรัม มีความปราดเปรียวขี้หงุดหงิดและดุร้ายกว่าแรดขาวมาก มีนอยาวกว่าแรดขาวบางตัวอาจจะยาวได้ถึง 1 เมตร วิ่งได้เร็วถึง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชอบอาศัยหลบแดดซ่อนอยู่ตามพุ่มไม้ใหญ่ๆในบัจจุบันที่ผมเขียนอยู่นี้จำนวนแรดดำมีแค่ 2,500 ตัวเท่านั้นเอง พบเห็นได้ง่ายบริเวณปากปล่องภูเขาไฟโงรงโงโร เขตอุทยานเซเรนเกติ ประเทศแทนซาเนีย

ก็อย่างที่เขียนเอาไว้ในตอนต้นว่าแรดนั้นมีสายตาที่แย่มากแต่ธรรมชาติก็สร้างประสาทการดมกลิ่นที่ไว ผมคิดเล่นๆว่าถ้าไม่ใช่กลิ่นตัวพวกเรามันก็อาจจะได้กลิ่นฉี่ของผมที่สร้างอาณาเขตเอาไว้ก็ได้ หากมันตกใจแม้แต่กิ่งไม้ผุๆ ตอไม้ที่อยู่ใกล้ตัวมัน แม้แต่ผีเสื้อบินโฉบผ่านหน้ามัน ก็มีเคยมีคนเห็นมันวิ่งไล่ขวิดผีเสื้อมาแล้ว

เจ้าแรดดำตัวนั้นจ้องมองมาทางพวกเราและออกวิ่งเหยาะๆวนไปวนมาสักพัก เมื่อมันเห็นว่าปลอดภัยมันก็ออกวิ่งหนีไปอีกทางหนึ่ง แล้วเราก็ได้เห็นว่ามันไม่ได้มีแค่ตัวเดียว แต่มันมีถึง 2 ตัวเดินตามกันไป ถ้าไม่ติดว่านิโคลัสเดินข้ามแม่น้ำไปช่วยเข็นรถอีกฝั่งหนึ่งเราก็คงให้ขับรถตามไปดูแล้ว
เมื่อรถคันของทีมงานผ่านไปได้ก็มาถึงรถคันของเรา ซึ่งก็มาติดหล่มอยู่ที่เดียวกัน พวกเราก็ต้องช่วยลงมาเข็นรถกันอีกครั้ง ลิงบาบูนหลายตัวเดินมาดูพวกเราเข็นรถ ฝรั่งผัวเมียสองคนนั้นก็ทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลา ทำให้พวกเราเครียดเพิ่มขึ้นไปอีก แหม่มสาวเธอคงอยากจะไปจากที่นี่แย่แล้ว แต่ฝ่ายชายเค้าก็พยายามอธิบายให้เข้าใจว่าคนขับรถของเค้าจะต้องมาช่วยพวกเราก่อนถึงจะกลับไปพร้อมกันได้ ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ใช้เวลาอีกนานกว่าจะผ่านพ้นอุปสรรคไปได้หมดทุกคันก็เย็นพอดี ก็นับว่าการท่องซาฟารีเที่ยวนี้นอกจากได้ดูสัตว์แล้วยังเจอเรื่องน่าตื่นเต้นหลายอย่าง บางช่วงก็ต้องสมบุกสมบันบ้างพอหอมปากหอมคอ นี่แหล่ะครับถึงจะเรียกว่ารสชาติของซาฟารีที่แท้จริง หากใครมาเที่ยวแล้วก็จะต้องทำใจยอมรับ ว่านอกจากความสะดวกสบายภายในรีสอร์ทแล้ว ที่อื่นๆก็คงแทบไม่มีให้เห็น

ก่อนถึงที่พักในเย็นวันนั้น นิโคลัสถามพวกเราว่าอยากเห็นเสือชีตาร์มั้ย ตอบอย่างไม่ต้องคิดมากเลยว่าอยาก แกบอกว่าแกมีเคล็ดลับดีๆที่จะแนะนำพวกเรา นั่นคือในมื้อเย็นนี้ให้กินแคร็อทเยอะๆ จะทำให้สายตาดี แล้ววันพรุ้งนี้เราจะได้มองหาเสือชีต้าร์ได้ง่ายขึ้น..... พวกเรามองหน้ากันเลิกลัก ว่านี่เค้าพูดจริงหรือมามุขไหนเนี่ย แต่ก็พอสรุปได้ว่า แกคงจะเล่นมุขตลกแอฟริกันอีกแล้ว



Create Date : 05 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2552 14:13:52 น. 0 comments
Counter : 996 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

Devilkae
 
Location :
ตาก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




กำลังศึกษาปริญญาโทด้านรัฐศาสตร์ แต่รักการถ่ายภาพการเขียน และการท่องเที่ยว อยากให้เพื่อนมีเวลาว่างๆมาจับกล้องถ่ายรูปกันครับ
[Add Devilkae's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com