ต่อไปเป็นไง? สังขละบุรี
เลือกเขียนเรื่องนี้ เพราะมีความชอบส่วนตัวที่สังขละบุรีจำได้ว่าสมัยก่อนๆ ตัวสะพานมอญไม่ได้อยู่ในสภาพที่เราเห็นในปัจจุบันอยากหารูป search หาใน google ก็หาไม่ได้ เมื่อก่อนแรกๆเลย จะมีความคดเคี้ยวคล้ายงูมากๆเพราะแรงน้ำพัดพา ลักษณะจะดูคลาสสิคมากกว่าที่เห็นในปัจจุบันเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ไปครั้งแรกปีนั้นไปบรรยากาศจะดีมากๆ นอนในแพ ถนนที่จะไปที่พักแต่ละที่ยังเป็นลูกรัง และ ยังมีวิถีที่เป็นพื้นบ้านมากกว่านี้ สะพานไม้ หรือสะพานมอญ ก็จะดูเก่าๆการถือของก็จะเทรินไว้บนหัว ตัวสะพานจะมีหมอกขึ้นเต็มไปหมด บรรยากาศค่อนข้างหนาวมากๆและมีคนขายขนมโดยเอาเทิร์นไว้บนหัว หลายต่อหลายคนร้านกาแฟก็จะดูแบบเก่าๆ โบราณ เข้าไปก็รู้สึกว่า อืมมม เป็นวิถีชีวิตจริงๆเสียดายที่ช่วงนั้นไม่ได้เก็บภาพเอาไว้ พอผ่านไป เมื่อปี 2551 ได้มีโอกาสไปอีกครั้งไปสองคนกับเพื่อน กะไปถ่ายรูปกันอย่างเดียว เพราะเพื่อนถอยกล้องใหม่ ก็เลยไปสังเวยกล้องสักหน่อยปกติส่วนตัวเป็นคน suay เจออุปสรรคตั้งแต่ก่อนขึ้นไม่อยากจะเชื่อว่า จะเจอเหตุการณ์ต้นไม้หักมาขวางถนนพอดีช่วงนั้นฝนตกเล็กน้อย ช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นสองสามคันแรกเลยค่ะ อยู่ด้านหน้าเลย พอลงมาก็มีคนจากรถฝั่งตรงกันข้าม นำมีดมาฟันต้นไม้อยู่ท่าทีน่าจะอีกสักสามวันผ่านไป พวกเราถึงจะผ่านไปได้เลยพูดขึ้นมาลอยๆ ว่า พวกเราลองช่วยกันหมุนมันดูมั้ย?ทุกคนหันมาตอบว่าตกลง (ห๊า) ก็พวกเรามีแต่แรงอุปกรณ์หามีไม่ไม่อยากจะเชื่อ มันสามารถหมุนได้ แล้วพวกเราก็มาทำความสะอาดพื้นถนน แล้วก็เดินทางต่อเป็นไงคะ ถ้าไม่ suay ไม่เจอหรอกค่ะ เหตุการณ์แบบนี้หน่ะจำได้ว่าพอไปแล้วสภาพของสังขละก็เปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยเจอเมื่อครั้งก่อนคือ สภาพถนนที่เชื่อมต่อ เป็นถนนซีเมนต์ทั้งหมดสะพานก็ยังคงเก่าๆ เหมือนเดิม เราพักใกล้ๆ สามประสบรีสอร์ท ที่ยังคงมีร้านอาหารใหญ่ๆ ที่เห็นวิวอยู่คนที่เทรินของไว้บนหัวน้อยลง และ คนขายขนมครั้งนั้นเราพบเพียงคนเดียวลองชมภาพ สะพานไม้หรือสะพานมอญเมื่อปี 2551 นะคะต่อไปก็เป็นภาพวิวทั่วๆ ไปนะคะ จะเห็นว่าด้านซ้ายมือ จะเป็นผ่านตอนพระอาทิตย์ขึ้นด้านขวามือพระอาทิตย์กำลังตกดินค่ะและผ่านไปอีกสองปี ปีนี้ 2553 ได้มีโอกาสไปอีกครั้งก็พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงต่างไปจากเดิมอีก คราวนี้พวกเราไปพักที่แพ และมีบางส่วนพักที่สามประสบรีสอร์ท พบว่าร้านอาหารมีการรื้อถอนถนนก็แบบว่าเป็นซีเมนต์เชื่อมต่อไปทุกที่แต่ละแพจะมีบอกเวปไซด์ไว้เป็นการโปรโมท ตัวสะพานก็เปลี่ยนไป ลองชมนะคะและปีนี้ก็จะมีไกด์เด็กๆ สองสามคน ผ่านการฝึกฝนการพูดมาอย่างดีมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว มีลูกล่อลูกชนเหมือนเราดูทีวีทีเดียวขัดความรู้สึกอีกนิดนึง ก็จะมีเด็กที่แบบว่ามาขอตังค์เที่ยวได้ไล่กอดผู้คน และ ตามตื้อเพื่อขอเงิน เยี่ยงพวกเราเป็นพ่อแม่ที่ไม่ได้เจอเค้ามานาน(ดูสิ ไปคราวหน้าจะโตขึ้นแค่ไหน ลูกเอ๊ย)ร้านกาแฟก็ทำใหม่ๆ มีเนสกาแฟ มีนั่นนี่โน่น เฮ้อ บรรยากาศกรุงเทพฯ หรือนี่ครั้งนี้ไม่เจอสาวชาวมอญขายขนมเลย (หมดแล้วหรือ ไม่มีแล้วหรือ?)และสำหรับตัวสะพานก็มีการซ่อมแซมใหม่ ตัวไม้นั้นใหม่มากๆ การซ่อมเหลืออีก 30-40 % ก็จะแล้วเสร็จในระหว่างพักบนแพ แต่ละคนก็มีกิจกรรมกันไป บ้างก็พายเรือบ้างนั่งพัก บ้างก็ถ่ายรูปและ ครั้งนี้พวกเราก็ได้มีโอกาส ล่องแพไปวัดเก่า ที่ว่ากันว่าเป็นเมืองบาดาลจมน้ำอยู่พอพวกเราเข้าไปในโบสถ์ก็เกิดฝนตก ต้องวิ่งไปหลบกันบนช่องหน้าต่างในตัวโบสถ์ที่มีความหนาและกว้างพอที่จะเป็นที่พักพิงให้พวกเราได้เฮ้อ ไปที่ไหน ถ้าไม่เจออะไรแปลกๆ ไม่ใช่เราสินะ เป็นไงบ้างคะ ความเปลี่ยนแปลงของสังขละบุรีก็คงมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่ไปทีไร ก็มีเรื่องประทับใจทุกครั้งความสำคัญของสถานที่ไปก็เป็นส่วนหนึ่งของความประทับใจและ เรืองราวของเพื่อนๆ ทีไป หรือเหตุการณ์รอบๆข้างก็เป็นส่วนหนึ่งของความประทับใจเหมือนกันค่ะสำหรับส่วนตัวคิดว่าไม่เข็ดหรอก ก็คงติดตามเมืองสังขละบุรีไปเรื่อยๆแต่ที่แน่ๆ สองปีนี้ยังไม่ไป รอสะพานเก่าก่อน แล้วเจอกันอยากรู้ว่า สังขละบุรี ต่อไปเจ้าจะเป็นไง????