Talked trip จันทบุรี 1/3 วันแรก ทริปแห่งความผิดพลาด
Talked trip จันทบุรี แผนการสุดยอด แต่ปฏิบัติการ สุด .... เป็นเรื่องแรกเลยนะคะเนี่ยะที่มา talk trip ให้อ่านกัน แบบว่ามาแชร์นะคะ คือการไปเที่ยวแต่ละครั้งส่วนใหญ่วางแผนกันแบบว่าเลิศ เลิศแต่ว่าพอไปแล้ว ส่วนใหญ่ไม่เป็นตามแผนสักนิดเร้ยยยยสาเหตุก็ตามแต่สถานการณ์กันไป บางอารมณ์ก็อยากจะเรียกว่า มึน มึน ทัวร์ ด้วยซ้ำค่ะตัวอย่างทริปแรกที่อยากจะเล่าให้ฟัง แผนการพวกเราใช้เวลา 3 วัน 2 คืน เดินทางไปในวันที่ 4-6 ธันวาคม 2553 โดยเริ่มต้นต้องการจะไปภูกระดึงแต่มีบางท่านบางคน ใจไม่สู้ แบบว่า ป๊อดสสสส เลยหาที่แบบว่าใกล้ๆ ซึ่งขณะที่ทำการตกลงกันบังเอิญมีรายการทีวีบอกว่า เขาสอยดาวเป็นที่ที่ใกล้กรุงเทพฯ ที่สุดที่เราจะสามารถสัมผัสความหนาวได้ และช่วงนั้นแม้กระทั่งที่กางเต้นท์ยังไม่ว่าง ก็ตกลงเอาละวุ้ย ที่นี่แหละ คาดว่าหนาวสุดๆ โดยวันแรกพวกเราเลือกไปพักทีรีสอร์ทก่อน เพราะว่า ไม่มีเวลาติดต่อกรมป่าไม้ โดยแผนการวันแรก กะไปไหว้ศาลหลักเมือง และ ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน / ไปตลาดโรงเกลือ / ไปน้ำตกเขาสอยดาววันที่สอง วางแผนไว้ว่า จะนั่งเรือไปดูฟาร์มปูนิ่ม / น้ำตกพลิ้ว / โอเอซิส / คุกขี้ไก่ / ส่งบางคนไปไดร์หมึก/ และ ตะลุยตัวเมืองจันท์กันยามค่ำคืน วันที่สาม วางแผนกันว่า จะทำการเก็บภาพที่โบสถ์วัดคาทอลิก เค้าว่ากันว่าสวยนักสวยหนา / สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ / คุกขี้ไก่ ทั้งหมดก็คือแผนต่อไปก็เริ่มมาดูกันนะคะว่าเราจะสามารถไปตามแผนการได้ทั้งหมดหรือเปล่าทริปวันแรก พวกเราตั้งชื่อว่า ทริปแห่งความพลาดพวกเราที่สามารถรวมตัวกันไปทริปครั้งนี้ทั้งหมดได้ 9 คน โดยเริ่มต้นออกเดินทางไปพร้อมกัน 7 คน มีตามไปอีก 2 โดยการนัดหมายวันแรกที่เดินทางเจอกันที่จุดพักรถกลางมอเตอร์เวย์ราว 8.00 น. โดยพวกที่ไปรอชุดแรกเป็นน้องๆ 4 คน โดยรอกันจนพุงกาง พอไปถึงเพื่อนที่ไปชุดเดียวกับเราก็เล่าว่าจะไปซื้อของที่แมคโดนัล ถ้าใครใช้ เอไอเอส ก็จะมีโปรโมชั่นพิเศษ น้องๆ ได้ยินความก็เดินตามกันไปอีก ได้อาหารกันมาเป็นพรวน อ้างว่าเป็นเสบียงในรถ ทร่อ ๆๆๆๆ ท้องยุ้งพุงกระสอบจริงๆและแล้วการเดินทางก็เริ่มขึ้น เดินทางบนมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าไปแกลงระยองถึงแยกวังจันทร์พวกเราก็แวะเติมแก๊สและบึ่งต่อมุ่งหน้าไปจันทบุรีโดยที่ติ๋มบอกว่าเราควรเข้าไปไหว้ศาลหลักเมืองเพื่อเป็นสิริมงคล(ห๊า เราจะไปออกศึกหรือว่าไปเที่ยวกันแน่จ้ะ)แต่ด้วยความที่ใกล้เที่ยงเต็มประดา เลยต่อรองว่า ให้เข้าไปที่พักก่อนจะดีกว่า เพราะเราอยากไปตลาดโรงเกลือกัน เดี๋ยวจะไม่ทันนะ เพราะว่าศาลหลักเมืองแยกคนละด้านกันเร้ยยยยย และแล้วพวกเราก็มาถึงแยกที่ไปตราด กับแยกไปโป่งน้ำร้อน(บ้านอาหนิง)เราก็แยกไปโป่งน้ำร้อน ประมาณ 50-60 กิโลเมตรก็ถึงที่พักเรียกว่าเรือนระเบียงอยู่ด้านขวามือก่อนถึงอุทยานแห่งชาติเขาสอยดาว 2-3 กิโลเมตร พอถึงที่พัก ก็ตามอัธยาศัย แต่ที่มีความเห็นตรงกันอย่างนึงก็คือพวกเราเริ่มหิวโหย สต๊อคอาหารที่น้องๆ เตรียมไว้หมดแต่แยกวังจันทร์ซะแล้ว (เฮ้อออ)ในที่สุดพวกเราก็ถึงที่พักเรือนระเบียง ในเวลาใกล้เที่ยงก็ตกลงกันว่า หลังจากรับประทานอาหารแล้วเราก็จะไปสำรวจตลาดโรงเกลือกัน แต่แม่เจ้าโว้ย สืบทราบว่าระยะเวลาการเดินทางไปอีกประมาณ ร้อยกว่ากิโลเมตร คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ สองชั่วโมง แล้ว เดินทางกลับอีก ก็สี่ชั่วโมงเข้าไปแล้วคาดว่าจะมืดกลางทางเป็นแน่แท้ พวกเราก็ตกลงกันว่า ไปกันแค่ตลาดบ้านแหลม น่าจะเหมาะสมกว่า เพราะว่าระยะทางจากที่พักประมาณ 20 กิโลเมตร พอหลังจากนั้นพวกเราก็ค่อยไปเดินตะลุยน้ำตกเขาสอยดาวกันแบบชิลๆ ระหว่างที่พวกเราตกลงสรุปแผนการเที่ยวกันในครึ่งวันแรกที่เหลืออยู่ทางต้นกล้า( หนึ่งในผู้ร่วมทริป) ก็ทำการสืบค้น โดย GPS เพื่อหาร้านอาหารที่อร่อยสำหรับมื้อเที่ยงนี้ พบสองร้านที่ใกล้ที่พักเรือนระเบียง ได้แก่ ร้านอาหารสีดา ห่างไป 20 กม. อีกร้านชื่อร้านพรนภา ห่างออกไป 3 กิโลเมตร ไม่ต้องสงสัยพวกเราเลือกร้านพรนภาอย่างแน่นอน งง กันใช่มั้ยคะว่า จั่วหัวว่าทริปแห่งความผิดพลาดมันคืออะไร มันกำลังจะเริ่ม เราใช้ GPS หาร้านพรนภา ทั้งมองหาตาแทบทะลนก็หาเจอไม่คิดว่าร้านคงจะปิดกิจการไปแล้ว (ความผิดพลาด) พลันสายตาเห็นร้านคุณแอนอาหารป่า เอาวะ ป่าก็ป่ากินกันกระจายทั้งเก้ง กวาง เก้งเอ๋ง เรียบร้อยในเวลามิช้า ท้องอิ่มแล้วพวกเราก็เลือกที่จะไปตลาดชายแดนบ้านแหลมแทนตลาดโรงเกลือ (ความผิดพลาด) เพราะว่าเส้นทางอยู่ใกล้แค่เอื้อมเราเดินทางมาถึงตลาดบ้านแหลมดูคนไม่ค่อยมากพวกเราเดินมาก็เป็นตลาดเหมือนตลาดทั่วๆ ไปพวกเราก็มาถ่ายภาพกันที่สุดเขตชายแดนก็ไม่ได้สวยอะไรเร้ยยย กินเวลาร่วมชั่วโมงต้นกล้าเซ็งเพิ่มเติมเพราะว่า เห็นศาลขององค์นเรศวรที่ต้นกล้านับถือเพียงแค่ 10 ก้าว ศาลยังอยู่ในเขตไทย เพียงแค่มีรั้วเดินกั้นต้นกล้าเจรจาขอเข้าไปสักการะทางทหารบอกว่าให้นำพาสปอร์ตมาถึงจะให้ไปได้ต้นกล้าเซ็งมากๆ คิดจะเดินไปเอาพาสปอร์ตเพื่อให้ทางทหารบันทึกว่า ได้เดินทางไหว้สักการะองค์นเรศวรก่อนถึงเขตชายแดนแต่ความขี้เกียจมากกว่าความสะใจ เลยเดินออกมาแบบคอตกร่างใหญ่ใจนิดสสสสสส ก๊ากกกกก(ถือเป็นอีกความผิดพลาดนึง)พวกเราก็เดินทางกลับมา แต่ว่าประมาณสามโมงกว่าๆก็เลยไปทึ่อุทยานแห่งชาติเขาสอยดาวกะว่า อะไร อะไร ก็พลาดแล้วไปเดินเล่นน้ำตกกันดีกว่าบากบั่นอีก พอเข้าประตู ทางอุทยานแจ้งว่าปิดทำการสามโมงเย็น ห๊า จะปิดอะไรเร็วนักหนาอนุญาตให้พวกเราไปเดินเล่นที่ลำห้วยด้านล่างได้ (อีกความผิดพลาดนึง)ต้นกล้าประชดว่า น้ำตกใหญ่จัง คนโคตรเยอะ อากาศแสนหนาว (แม่มมมม)ทำอะไรไม่ได้ ก็เลยต้องเกิด fat man jump เป็นกิจกรรมยามว่างส่วนภาพนี้ก็ทดสอบเล่นลูกเล่นของกล้อง ดูแก่ไปเลยวุ้ยพวกเราก็หาได้เศร้าสลดกับเหตุการณ์ความผิดพลาดต่างๆไม่พอเริ่มเหนือ่ยพวกเราก็เดินทางกลับมาทีพักเพื่อพักผ่อนเตรียมการทานอาหารเย็นกันอีก ถึงที่พักก็นอนกันไป ต้นกล้าก็เลิกพึ่งพา GPSทำการ search internet ให้อาจารย์ google ช่วยเสาะหาได้มา 1 ที่ ธนพลหมูกระทะ มี 1 คอมเม้นท์ว่าหรอยแรง เป็นสูตรหมักหมูของโคราชบอกว่า 1 กม. จากอุทยาน ก็เดินทางกันแบบงงๆในที่สุดก็หาเจอ ว้าวววว ครั้งแรกที่ไม่ผิดพลาด พวกเราก็สั่งกันเยี่ยงหิวกระหาย หรืออดอยากมาสามเดือนหมดไปคนละร้อยกว่าบาทเอง งง ป่ะอาหารก็อร่อย น้ำจิ้มถือว่า อยู่ในเกณฑ์ดีและที่สำคัญข้าวผัดปูอร่อยมากพวกเรากินกันพุงกางโดยเฉพาะด้วง ก๊ากกก พวกเราลืมอีกทีมนึงไป พี่พี และ เจ้ตั๊ก(ลี)พวกเค้าเรือ่ยๆ ว่างานไม่เรียบร้อยมาถึงที่พักได้ก็ประมาณเกือบสองทุ่มสองท่านตัดสินใจทานอาหารที่เรือนระเบียงเพราะ พวกเราทานเสร็จแล้ว หลังจากนั้นเรากับต้นกล้าก็ไปเพื่อช่วยเหลือทานอาหารที่เหลือที่ร้านเรือนระเบียงแต่ทานไม่ไหว ในที่สุดพวกน้องๆ ก็ม่อยหลับไปเพราะกระโดดกันเหนื่อยพี่พี กับต้นกล้า ซดเหล้าต่อพี่พี นั้นมาในชุดคุณชาย เสื้อเชิตตัวใน ตัวนอกแขนยาวคงกะว่าหนาวมากๆกางเกงสีฟ้ามากๆ ส่วนรองเท้าน๊านแสนจะขัดตาเห็นว่าไปใส่ของใครมาไม่รู้ตัวรองเท้าแตะน้ำเงินอมม่วง ลายสะตอเบอรี่ทำเนียนว่าของใครไม่รู้ อ๊ะ ๆๆๆๆๆ วันแรกผ่านไป ด้วยความผิดพลาดที่นับครั้งไม่ถ้วน...พรุ่งนี้หล่ะ จะเป็นอย่างไรหนอ