ในที่สุดก็ไม่กลับ เย้ (หรือ เฮ้อ... ดี?)
March,4th 2012 [23:59]


โอ้โห เลขเวลาอย่างสวย หนึ่งนาทีก่อนเที่ยงคืน เหอๆ

สวัสดีค่ะ ผู้อ่าน

เราทิ้งบล็อกไปนานเป็นเดือนเลย เพราะวุ่นวายกับชีวิต ตัดสินใจไม่ได้ ทำอะไรไม่ถูกงง อยู่พักใหญ่

ความเดิมตอนที่แล้วคือ จะกลับเมืองไทยดีมั้ย อยู่ไปก็ลำบากจัง นู่นก็ไม่มี นี่ก็ไม่ได้ งานก็หายาก ใครๆก็พร่ำบอกว่า "It's the wost time ever of America's economy" โอ้แม่เจ้า....อะไรมันจะขนาดน้าน กลับไปชิลๆที่เมืองไทยเหมือนเดิมดีมั้ย


หลังจากลังเลอยู่นาน ก็เริ่มมีเค้า มีลางเข้ามา...เริ่มจากสุดท้ายลูกสาวก็ได้ประกันสุขภาพผ่าน Healthy Families ต้องจ่าย $24 ต่อเดือนก็พอไหว ยังไงซะก็ครอบคลุมไปถึงทำฟันกับ Vision care ด้วย ก็พอโอเค

ส่วนของตัวอิชั้นกับสามี ก็โดน Medi-Cal ปฎิเสธกลับมาเป็นรอบที่สอง ด้วยข้อหาทำงานมากกว่า 30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ถือว่าเป็น Full-time

ทั้งๆที่อธิบายจนปากเปียกปากแฉะแล้วว่ามันม่ายช่ายยยยยยย ก็บอกไปแล้วว่างานคุณสามีมันไม่การันตี hour บางอาทิตย์ทำมากกว่า 30ชั่วโมง บางอาทิตย์ทำแค่สองวัน หรือบางอาทิตย์ก็ไม่มีงานซะงั้น อิเจ้าหน้า county ก็ไม่ฟัง จะปฎิเสธท่าเดียว อร๊ายยยยยยยยยยยย นี่ถ้าชั้นเป็น illegal immigrant ก็คงได้สบายบรื๋อไปแล้วสินะ แล้วนี่หล่อนจะมี Income guideline ไว้ทำพระแสงอะไรเนี่ย ถ้าจะดูแค่ชั่วโมงทำงานน่ะ

รายได้ครอบครัวเราตอนนี้ยังไง๊ ยังไงก็ต่ำกว่าไกด์ไลน์ มันก็ไม่สน นี่แล้วพวกคนที่ทำงาน Mcdonald ได้ชั่วโมงละ 8 เหรียญกว่าๆ มันจะมีปัญญาซื้อประกันสุขภาพม๊ายยยยยยยยยยย มันไม่ make sense อย่างแรง พูดแล้วก็ให้มีน้ำโห ชิ


ก็ตามนั้น ไคญ่ามีประกันสุขภาพซะที เราก็เลยได้พาไปฉีดยาให้มัน Up-to-date วัคซีนซะ

ก็อธิษฐานแล้ว อธิษฐานอีก ปรึกษาคนนู้นคนนี้ เล่นเอาเครียดไปตามๆกัน จนถึงขั้นทะเลาะกันเรยทีเดียว เพราะตอนนั้นเราไม่มีโทรศัพท์ใช้ โทรศัพท์มีของคุณสามีเครื่องเดียว เราก็อยู่ที่บ้านมีแต่อินเตอร์เนต พอไม่มีโทรศัพท์ก็ไม่รู้จะโทรหาใคร หรือใครจะโทรหาได้ยังไง ส่ง sms คุยกับสามีเหมือนที่เคยตอนอยู่เมืองไทยก็ทำไม่ได้ ชีวิตไร้การติดต่อสื่อสารจากโลกภายนอกที่สุด วันๆเอาแต่ออน facebook รอใครซักคนโผล่มา จะได้แชทกะเค้า (น่าเศร้ามากเนอะ) ชีวิตหดหู่สุดๆอ่ะ


สุดท้ายเลยซื้อตั๋วเครื่องบินแบบ refundable ไว้ กำหนดเดินทางกลับ 11 เมษา เพราะสามีได้รับ offer จากโรงเรียนให้ไปสอน เปิดเทอมเดือนพฤษภา แถมขึ้นเงินเดือนให้อีกตะหาก ข้อเสนอเย้ายวนใจอย่างแรง แถมเรายังจะสามารถหางานได้ง่ายกว่าที่นี่ มีปัญญาพาลูกไปฝากเนอร์สเซอรี่ ขับรถไม่เป็นก็ไม่ต้องกังวลเพราะจะมีรถเมล์วิ่งให้ควั่ก รวมถึงแท๊กซี่และรถไฟฟ้าต่างๆ นานา


แต่เราก็แบบว่า open กันนะ คือระหว่างนี้ ที่ยังไม่ถึงเวลากลับก็มองหางานใหม่ไปด้วย ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ก็คืนตั๋วซะ ยอมเสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อย แล้วก็อยู่ต่อ ก็รอกันไป....


จนเมื่อประมาณสองอาทิตย์ที่แล้ว ทะเลาะกันใหญ่โต หลายเรื่องรวมทั้งเรื่องที่ว่าทำไมเค้าไม่หาโทรศัพท์ให้เราใช้ซะที อยู่มาตั้ง 6 เดือนโดยไม่มีโทรศัพท์เลยเนี่ย มันยากนะ เพราะเวลาเราสมัครงาน นายจ้างจะต้องโทรหาเค้า แล้วงานเค้า ระหว่างเวลางานห้ามรับโทรศัพท์....อ้าว....พอเค้ากลับมาบ้าน บางทีเราเห็น Misscalled เราก็แบบ ของเราป่ะเนี่ย สาเหตุที่ไม่ได้งานทำ เพราะเค้าไม่ได้รับโทรศัพท์รึป่าวฟะเนี่ย

แถมไหนจะไม่สามารถโทรหาเค้าได้อีกล่ะ เวลาคุณสามีขอไปนอนบ้านเพื่อน หรือกลับดึก หรืออะไร เราติดต่อเค้าไม่ได้เลยเพราะเค้าไม่มีโทรศัพท์ ไอ่ครั้นจะไปเคาะห้องแม่สามีขอใช้โทรศัพท์ตอนดึกๆดื่นๆก็เกรงใจอีก

หลายสิ่งหลายอัน ทะเลาะกันใหญ่โต จนเราต้องไปหา youth pastor ให้ทำ Marriage counseling ก็ได้คุยกัน ในหลายแง่มุม

(ดีนะว่าคุณ Pastorเป็น แฟมิลี่แมนมากๆ ช่วยอธิบายให้คุณสามีเข้าใจอะไรได้เยอะ นะคบคนเด็กกว่าบางทีมันก็มีปัญหาเรื่องมุมมองน่ะ แถมยังมีเรื่องภาษาเข้ามาเกี่ยวข้องอีก เพราะเวลาทะเลาะกันเนี่ย ต้องทะเลาะเป็นภาษาอังกฤษ แล้วเราก่ไม่ใช่ว่าจะแตกฉานนะนั่น ทะเลาะกันก็ใช้คำศัพท์เท่าที่เรารู้ แต่ทีนี้บางคำความหมายมันไม่ได้ตรงตัว คือนึกออกมั้ยว่า คำศัพท์ภาษาอังกฤษ มันมีหลายคำที่ความหมายคล้ายๆกัน ใช้กันคนละรูปแบบ ที่มันจะทำให้ความแตกต่าง อาจจะเบาลงหรือหนักขึ้น หรืออธิบาย"ให้เข้าใจ" ได้มากกว่าไรงี้ แต่ด้วยความที่เราไม่รู้มันทำให้เราไม่สามารถสื่อสารได้ตรงประเด็น หรือบางครั้งคำพูดที่ใช้ก็มีความหมายแรงกว่าความตั้งใจของเราอ่ะ เฮ้อ.. Language Barrier...)


กลับมาต่อเรื่องชีวิต สุดท้ายก็ได้คุยกัน เราก้ได้ระบายความในใจ ได้พูดถึงชีวิต ความฝัน คืออย่างที่เกริ่นๆไปแล้ว เราไม่ชอบเป็น Stay-at-home mom เลยนะ ไม่ชอบอย่างแรง เราอยากไปทำงาน เราอยากมีเพื่อน อยากมีความก้าวหน้า ซึ่งถ้าจะให้เราทนอยู่แบบนี้ อยู่ที่ Tracy ต่อไปอย่างนี้อีกเรื่อยๆเป็นปี เราคงไม่ไหว เราขอกลับเมืองไทยดีกว่า tracy เป็นเมืองเล็กๆ อะไรก็ไม่มี งานก็หายากและไม่หลากหลาย จริงๆแล้วเราเองอยากทำงานสายการบินเหมือนที่เราเคยทำ แต่มันเป็นไปได้ยากมากที่เค้าจะมาจ้างเราที่อยู่ tracy ต้องใช้เวลากว่าชั่วโมง ในการขับรถไปสนามบิน

Pastor เลยถามเราว่า ถ้าจะอยู่ที่นี่ต่อ เราอยากให้เป็นยังไง ----คืออันที่จริงแล้ว อีกใจเราก็อยากอยู่ต่อนะ เพราะโรงเรียนที่นี่เรียนฟรี และเราเพิ่งมาได้ไม่ถึงปีก็อยากจะใช้ประสบการณ์ ให้ได้ลอง "ใช้" ชีวิตที่นี่ดูบ้าง แต่ถ้าจะให้อยู่แบบเดิมๆ ซ้ำๆ ไม่มีงาน ไม่มีโทรศัพท์ ไปไหนไม่ได้เพราะไม่มีรถแบบนี้เราไม่ไหว แต่ถ้าได้อยู่ที่นี่ต่อ ความฝันอยากเป็น ลูกเรือ ของเราก็ยังพอมีทางเป็นไปได้อยู่ เพราะเค้าไม่ได้จำกัดว่าเราต้องอายุไม่เกินเท่าไหร่ หรือต้องเป็นโสด ซึ่งข้อนี้ ถ้ากลับเมืองไทย ความเป็นไปได้จะเป็นศูนย์ทันที เพราะลูกเรือที่เมืองไทย ไม่ว่าจะสายการบินต่างชาติ หรือสายการบินแห่งชาติ คัดแต่คนอายุไม่เกิน 26 และเป็นโสด!! ตัดความหวังกันอย่างแรงอ่ะ

ข้อแม้ของเราเลยก็คือ
1. ต้องย้ายออกมาจาก Tracy ภายใน 3-6 เดือน มาอยู่แถบ Bay Area นี่ คิดดูว่าเราหางานจาก indeed.com เวลาพิมพ์ Tracy เข้าไปมันโชว์ว่า มีงานใหม่ 76 งาน แต่พอเปลี่ยนเมืองเป็น Castro valley ขึ้นมาเลย มีงานใหม่ 2,387 งาน.....คิดดูว่าแตกต่างกันขนาดไหนอ่ะ

2. ต้องหาโทรศัพท์ให้เราใช้ เวลาเราสมัครงาน จะได้ไม่มีปัญหา แถมเราจะได้สร้างเพื่อน คุยกับเพื่อนบ้างอะไรบ้าง และสามารถส่ง sms พร้อมโทรตามสามีได้!!

ก็นั่นแหละ สองข้อของเรา Pastor ก็ช่วยคุยและสรุปให้ แต่การที่มันจะทำได้ มันต้องใช้กำลังใจและความเชื่ออย่างมาก รวมถึงเราทั้งคู่จะต้องทำด้วยกันและสนับสนุนซึ่งกันและกัน มันถึงจะไปรอด ซึ่งเป็นจริงอย่างที่สุด


ตอนนี้ก็เลยช่วยกันหางานใหม่เป็นว่าเล่น รวมทั้งมองหาที่อยู่ใหม่ด้วย วันก่อนก็เพิ่งไปยื่น Application ที่อพาร์ทเม้นท์ใน Castro Valley จะได้รึปล่าวยังไม่รู้

ส่วนข้อแม้ข้อที่สองนั้นเป็นจริงไปแร้ววว เพราะสามีเปลี่ยนเครือข่ายโทรศัพท์จาก Metropcs ไปเป็น Sprints และเปลี่ยนโทรศัพท์เป็น Samsung Galaxi II ส่วนเราก็ได้ตามที่ขอ Iphone4s เย้+++ ในที่สุดก็มีโทรศัพท์กับเค้าซะที แถมเป็น Smartphoneสุดไฮโซด้วย (ก็หวังว่าจะมีเงินจ่ายรายเดือนนะ เหอะๆ)

และตอนนี้ก็ทำเรื่องขอ Refund ตั๋วเครื่องบินไปแล้วค่ะ :)

ขอบคุณที่เข้ามาให้กำลังใจกันนะคะ ตอนนี้ก็ต้องเดินหน้าแล้วล่ะ (ขอให้สามีได้งานใหม่เร็วๆทีเถ๊อะ.....ส่วนเราก็ ไปสอบใบขับขี่ซะทีเห๊อะ..... อิอิ)

พระเจ้าขา อวยพรครอบครัวเราด้วยนะคะ ขอให้ทุกสิ่งที่เราทำเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ ขอให้ทุกสิ่งที่เราทำนั้นเป็นการถวายเกียรติแด่พระองค์แต่เพียงผู้เดียวค่ะ ขอบคุณพระเจ้าสำหรับคำแนะนำ และกำลังใจจากผู้คนรอบข้าง ที่พระองค์ทรงทำให้เราได้พบกัน ขอบคุณพระเจ้าค่ะ


พระเจ้าอวยพรทุกคนนะคะ



Create Date : 05 มีนาคม 2555
Last Update : 5 มีนาคม 2555 15:49:18 น.
Counter : 1149 Pageviews.

17 comments
  
ตามมาอ่านอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสภาพเดียวกัน อยากจะคุยด้วยอย่างมากมาย เพราะเราก็ไม่มีใครให้คุย(ระบายด้วย) คุยกับที่บ้านเค้าก็ทำให้เค้าห่วงกังวลไปด้วย คุยกับเพื่อนก็ไม่มีใครอยู่ในสภาพนี้ แถมพูดไปก็เหมือนเอาปัญหาครอบครัวมาเปิดเผย ( ไม่รู้เราคิดมากไปรึเปล่า แต่ก็รู้สึกเหมือนน้ำท่วมปาก เวลาจะพูดเรื่องนี้)
ของแฟนคุณaweยังดีน๊า มีคนเสนองานที่เมืองไทย แฟนเรานี่จะมาสอนภาษาอังกฤษที่ไทยยังไม่น่าได้เลย ไม่จบป.ตรี แทมเป็นคนเอเชียอีก มีคนเค้าบอกมาว่าไม่ใช่ฝรั่งไม่ได้หรอก ถึงจะNative speakerก็เหอะ
ป.ล.ถ้าเราอยากติดต่อ mail etc ไปคุยด้วยกับคุณaweต้องทำยังไงค๊ะ ไม่ได้เป็นสมาชิกพันทิปอะค่ะ
โดย: คุณแม่ลูกหนึ่ง IP: 125.26.169.139 วันที่: 5 มีนาคม 2555 เวลา:20:04:03 น.
  
อดทนหน่อยนะครับ ยังมีอีกหลายคน หลายครอบครัวที่เขาแย่กว่านี้เยอะ และก็อีกหลายคน หลายครอบคร้วขอเพียงให้ได้มีโอกาสอย่างคุณสักครั้งในชีวิตเขาก็ดีใจแล้ว
โดย: A|E IP: 69.230.58.190 วันที่: 5 มีนาคม 2555 เวลา:20:53:21 น.
  
สวัสดีค่ะ

แวะมาให้กำลังใจค่ะ
โดย: pantawan วันที่: 5 มีนาคม 2555 เวลา:21:36:12 น.
  
แหม..กำลังจะแนะนำให้ซื้อโทรศัพท์แบบเติมเงิน อยู่พอดี ได้ไอโฟนไปซะนี่ ยังไงก็อดทนหน่อยนะคะ อุตส่าห์หอบหิ้วกันมาถึงที่นี่ ขอให้สอบใบขับขี่ผ่านเร็ว ๆ นะคะ
โดย: simplyusana วันที่: 5 มีนาคม 2555 เวลา:23:44:49 น.
  
คุณแม่ลูกหนึ่ง ส่งเมล์มาหาเราที่นี่เลยค่ะ

awe_awesome@hotmail.com
โดย: I'm in awe วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:0:50:34 น.
  
อ้าวมือไว กด Enter ไปก่อน

คุณแม่ลูกหนึ่งอยู่รัฐไหน เมืองอะไรคะ

ไว้ส่งเมล์มาคุยกันนะคะ เรามี FB ยังไงถ้ามีเหมือนกันจะได้แอดไปนะคะ :)
โดย: I'm in awe วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:0:52:17 น.
  
@ simplyusana : ขอบคุณมากค่ะ ตอนแรกอยากๆได้แค่ธรรมดาๆนี่แหละค่ะ แค่อยากให้โทรเข้าออกได้ก็พอ แต่สามีอยากได้สมาร์ทโฟน เค้าก็เลยให้เราเลือกด้วย ไหนๆก็ไหนๆแล้ว Iphone ไปเลยแล้วกัน ใช้ได้หลายอย่างดี

@AlE ขอบคุณมากค่ะ คอยให้กำลังใจกับคำแนะนำเรื่องต่างๆให้เราตลอด ขอบคุณจริงๆค่ะ

@Pantawan: ขอบคุณมากค่ะ :)
โดย: I'm in awe วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:0:56:26 น.
  
เอ้อ..ไม่ได้ตำหนินะ แต่ถ้าอยู่ในช่วงลำบาก น่าจะใช้โทรศัพท์แบบเติมเงิน แทนที่จะมาเสียค่าโทรศัพท์รายเดือน
พูดได้เลยว่าคนส่วนมากที่นี่(คนเมกันเอง) ช่วง 20s เป็นช่วงสร้างเนื้อสร้างตัว ช่วง 30s หากวางแผนไว้ดีในช่วง 20s ก็จะพอเริ่มมีบ้าง ช่วง 40s ถึงจะเริ่มสบายหน่อย
แนะนำให้อ่านหนังสือของ Dave Ramsey สำหรับคำแนะนำทางการเงิน
ในฐานะที่อาบน้ำอุ่นมาก่อน :) ขอบอกว่าสิ่งที่จขบเจอ เป็นclassic case ของคนในวัยนี้ที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว โรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว ความสำเร็จความสบายในชีวิต ก็ไม่ได้ได้มาภายในระยะเวลาอันสั้น โดยทั่วไป เขาใช้เวลาสร้างเนื้อสร้างตัวกันเป็นสิบๆปีเพื่อให้ได้มา...
โดย: Overseas วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:1:04:09 น.
  
แวะมาให้กำลังใจค่ะ สู้ๆนะคะ เมื่อผ่านการทดลองแล้ว พระเจ้าจะอวยพระพรค่ะ

ขอพระเจ้าอวยพระพรคะ
โดย: มะฮอกกานีใบใหญ่ วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:2:44:48 น.
  
ให้กำลังใจด้วยค่ะ อธิษฐานกับพระเจ้าเรื่อยๆนะคะเดี่ยวพระเจ้าก็จะตอบคำขอเราเอง

โดย: มารน้อยไร้สังกัด วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:4:24:09 น.
  
Bay area มีงานเยอะก็จริงนะ แต่อย่าลืมว่ามันแพงขึ้นด้วย ลูกคุณใครจะเลี้ยง สามีทำงานคนเดียวจะพอจ่ายค่าเช่าบ้านหรือเปล่า. คุณไม่มีรายได้อะไรมากมาย ไม่มีความจำเป็นต้องไปจ่ายค่าสัญญา จ่ายค่าdata ของ iPhone เดือนละ30$ ซื้อของมาทำกับข้าวได้หลายมื้อนะ. โทรศัพท์ pay as you go. จะเหมาะกับสถานการณ์ของคุณมากกว่า
โดย: ก IP: 98.196.117.81 วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:4:43:26 น.
  
เห็นด้วยกับหลายๆความเห็นเรื่องโทรศัพท์มือถือนะ ใช้แบบเติมเงินดีกว่าสำหรับสภาวะแบบนี้ ดิฉันอยู่เมกาเหมือนกัน ไม่ได้ทำงานเหมือนกัน (เมืองที่อยู่เล็กเหมือนกัน หางานยากมากๆ) ทะเลาะกับสามีเรื่องอยู่บ้านเหงาๆเหมือนกับคุณค่ะ สามีดิฉันทำงานคนเดียว มีรายรับทางเดียวจากสามี ดิฉันยังใช้โทรศัพท์แบบเติมเงินอยู่เลย ใช้มาสามปีแล้วเป็นโทรศัพท์โนเกียธรรมดาๆ ไม่มีกล้อง ก็ยังใช้ได้ดีอยู่ถึงตอนนี้ ส่วนสามีก็ใช้สมาร์ทโฟน เวลาเราไปไหนมาไหนด้วยกันก็ใช้ของสามีหาข้อมูล ดูแผนที่ ประหยัดไปได้เยอะจริงๆค่ะ เดือนๆนึงเอาเงินส่วนที่จะใช้จ่ายรายเดือนมาซื้ออย่างอื่นแทน ประหยัดในวันนี้เพื่ออนาคตของเราค่ะ


ย้ายไปอยู่ในเมือง สะดวกก็จริงแต่แพงมากๆค่ะ เห็นด้วยกับความเห็นคุณก. นะคะ มีลูกแล้วที่นี่อะไรๆก็แพงจริงๆ ค่าเช่าบ้านอีก ลองคิดๆดูดีๆนะคะ ลองคำนวณดูว่ารายจ่ายทั้งหมดเดือนๆนึงเท่าไร ต้องหาเงินเท่าไรถึงจะจ่ายได้ทั้งหมด


สู้ๆค่ะ


โดย: เกรซ IP: 99.73.213.217 วันที่: 6 มีนาคม 2555 เวลา:5:27:06 น.
  
ขอบคุณทุกๆความเห็นค่ะ ตอนนี้เรื่องโทรศัพท์ เปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เพราะเซ็น 2 ปี พอซื้อเสร็จก็กลับมาคิดเหมือนกันนะว่านี่เกินตัวไปมั้ยเนี่ย แต่ก็นะ 2 ปีพลาดไปละ


ส่วนเรื่องย้ายออกไปอยู่ Bay Area ยังไงก็ต้องย้ายค่ะ เพราะมันมีผลในหลายๆด้าน ถ้ายังอยู่ที่เดิม ชีวิตก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพียงเพราะเรากลัวอุปสรรคข้างหน้า ทำใจไว้แล้วค่ะ ว่าค่าใช้จ่ายจะต้องสูงขึ้น

แต่ในเมื่อเราอยู่แบบนี้แล้วเราไม่มีความสุขทั้งคู่ มันเป็นสาเหตุให้เราทะเลาะกัน เราก็ต้องแก้ที่สาเหตุ เราเองก็อยากใช้ชีวิตด้วย ไม่ใช่ปล่อยเลยตามเลย เพราะถ้ายังอยู่ที่เดิม เราก็ไม่มีงานให้ทำ ไม่มีอะไรดีขึ้นซักอย่าง ความรู้สึกต่อตัวเราเองก็จะแย่ลงๆ เราเห็นตรงกัน เพราะสามีก็ไม่อยากอยู่เมืองนี้เหมือนกันค่ะ

ยังไงก็ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณเพื่อนๆคริสเตียนด้วยนะคะ ตอนนี้ก็จะพยายามต่อไป อธิษฐานต่อไปเรื่อยๆค่ะ :)
โดย: I'm in awe วันที่: 7 มีนาคม 2555 เวลา:9:34:10 น.
  
ค่าเช่าบ้านและค่าครองชีพที่ Castro valley แพงกว่า Tracy มากนะคะ โดยเฉพาะ daycare งานก็หายาก มีการปิดบริษัทและ layoff คนเยอะค่ะ จะย้ายไปก็น่าจะรอหางานที่นั่นให้ได้ก่อน ยิ่งมีลูกเล็กๆจะค่อนข้างลำบากค่ะ
โดย: Pam IP: 99.137.238.70 วันที่: 8 มีนาคม 2555 เวลา:0:37:33 น.
  
ขอบคุณค่ะ Pam แต่เรื่องของเรื่อง พอไม่ย้ายแล้ว ตอนส่งเรซูเม่ไปมันมีสิทธิ์จะโดนคัดออกคนแรกๆเลยค่ะ

เพราะมันมีในเรื่องที่อยู่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้งานที่จะได้ทำ ก็จะอยู่ในส่วนพื้นที่นั้น ซึ่งขับรถไปกลับมันเสียค่าน้ำมันและเวลาในการพักผ่อนเยอะน่ะค่ะ

ตอนนี้เราเองยังไม่ได้เริ่มหางานจริงจัง เพราะจะรอให้สามีได้งานก่อน และเราจะเช่าอพาร์ทเม้นท์ที่คำนวณแล้วว่ารายได้ตอนนี้มัน cover ได้ทั้งหมดน่ะค่ะ เพราะถ้าไม่ย้ายออกไป มันก็ไม่ได้งานเหมือนกันน่ะค่ะ ถามว่าค่าครองชีพแพงกว่ามั้ย น้ำมันอาจจะแพงกว่านิดหน่อย แต่พวกของสด จากร้านขายของชำต่างๆ ก็ราคาเท่ากันเลยนะ ไม่แตกต่าง

ค่าอพาร์ทเมนท์ที่ tracy ก็ไม่ได้ถูกเรยค่ะ ดูๆมาแล้ว ส่วนในเรื่อง daycare มีในส่วนของ county ที่ช่วยเหลือในเรื่อง daycare ด้วย แต่ San Joaquin county.....เราคงบอกว่า การทำงานแย่มาก และใน county ก็ไม่มมีหน่วยงานและความช่วยให้เหลือให้แก่คนใน county อย่างเพียงพอน่ะค่ะ อย่าง Adult schoolของ Tracy ก็ไม่มีวิชาหลากหลายให้เรียน

ตอนนี้เราลงเรียน ESL class แบบ distance learning ที่ Castro valley Adult school อยู่ เพราะไปโรงเรียนแค่วันเสาร์วันเดียว เอาการบ้านมาทำเองได้ เพราะเราไม่สามารถไปเข้าเรียนได้ทุกวัน(แม้แต่ที่เทรซี่ก็ตาม) เพราะต้องเลี้ยงลูก คือ ในเมืองใหญ่มันมีความหลากหลาย และมีความช่วยเหลือ

นี่เรายังดูๆคลาส Medical Assistant ของ Castro valley ไว้ค่ะ กะว่าถ้าย้ายไปอาจจะลงเรียน เรียนไม่นาน ราคาไม่แพงมาก และช่วยให้มีโอกาสในสายงานอื่นมากขึ้น

ที่ Tracy ไม่มีวิชาชีพให้เรียนเลยค่ะ คือ ยังไงอ่ะ ถ้าเราอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆมันขยับขยายไม่ได้ งานไม่มี โรงเรียนก็ไม่มี สวัสดิการชุมชนก็ไม่มี อ่ะค่ะ
โดย: I'm in awe วันที่: 10 มีนาคม 2555 เวลา:5:09:20 น.
  

Good luck na ka...and how can I contact you na ka ?
โดย: tu ka IP: 75.10.101.217 วันที่: 15 มีนาคม 2555 เวลา:23:17:22 น.
  
Do you have facebook? You can find me with."Awe Connors"
Please leave a massage in FB saying that you know me from my blog
โดย: I'm in awe วันที่: 20 มีนาคม 2555 เวลา:15:04:09 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

I'm in awe
Location :
Castro Valley,CA  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]



บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเป็นคนไกลบ้านแล้ว ก็ยังแต่งบล็อกไม่เป็นเหมือนเดิม อิอิ แวะมาแลกเปลี่ยนเรื่องราวด้วยกันบ่อยๆนะคะ ยินดีอย่างยิ่งหากเรื่องราวในบล็อกนี้เป็นประโยชน์ต่อคุณค่ะ :)
New Comments
มีนาคม 2555

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31