Group Blog
 
 
กันยายน 2554
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
13 กันยายน 2554
 
All Blogs
 

East Coast Trip: Niagara Falls

และแล้วเราก็มุ่งหน้าสู่น้ำตก Niagara

ขับรถจาก Boston ไป Niagara Falls ใช้เวลาทั้งหมดตาม google maps ประมาณ 8hr ค่ะ (จำได้คร่าว ๆ และขี้เกียจเปิดไปดูอีกครั้ง แหะๆ)

เป็นการขับรถที่รู้สึกว่าเจอด่านเก็บตังค์เยอะมว๊ากกกกกกก แถมอันสุดท้ายโดนไป $15 เยอะที่สุดเท่าที่เคยโดนค่า toll มา ในชีวิต 55555555

คืนนั้นคณะเราไปถึงโรงแรมตรงใกล้ ๆ น้ำตก ประมาณ 5 ทุ่มค่ะ ไปถึงปุ๊บบบ ก็ search หากิจกรรมที่จะทำในวันพรุ่งนี้ปั๊บบบบ (เตรียมตัวมาพร้อมมากเลยกรู )

คืนนั้นมีน้องมาขอให้ช่วย search ว่าจะแต่งตัวงัยดี จะเอารองเท้าแบบไหนไปดี เออ แล้วเราก็รู้ว่าน้องมันไม่พร้อมมากกว่าเราอีก 55555

วันรุ่งขึ้นเราออกกันแต่เช้า เพื่อจะเข้าไปในน้ำตกกันค่ะ จริง ๆ ก็รู้นะ ว่าไปฝั่งแคนาดามันสวยกว่า แต่เนื่องจากคณะเรามากันจากหลายที่มากก การขอวีซ่ามันก็เลยเหมือนจะยุ่งนิดนึงอ่ะค่ะ ก็เลยตัดสินใจอยู่ฝั่งเมกาละกัน :)

ถึงแร้นนนน...


กิจกรรมหลัก ๆ ฝั่งเมกาก็มีอยู่ 2 อันค่ะ คือ Maid of the Mist ซึ่งก็คือใส่เสื้อฝนสีฟ้านั่งเรือเข้าไปตรงแถว ๆ กลาง ๆ น้ำตก กะ Cave of the Wind อันนี้เสื้อฝนสีเหลือง เค้าจะให้เราเดินเข้าไปใกล้ ๆ น้ำตก เอาหน้ารับน้ำอะไรประมาณนี้

หลังจากดูราคาแล้ว ว่าไม่โหดร้ายนัก (Maid of the Mist = $13.5, Cave of the Wind = $11) ก็เลยตัดสินใจทำทั้งสองอย่างค่ะ :)


Maid of the Mist นี่แทบจะไม่เปียกเลยง่ะ หยิบกล้องออกมาถ่ายรูปได้สบาย ๆ แต่ Cave of the Wind นี่คือเปียกมากกกกกกกกก เสื้อฝนรั่วอีกตะหาก ไม่ฟังก์ชั่นเลย (แต่สนุกสะใจดี )

หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องค่ะ...

เรื่องมันเริ่มมาจากสะพานอันเน้...


ชื่อว่า Rainbow Bridge (จะจำไว้จนวันตาย 5555555)

คือตอนแรกเราก็เห็นแล้วอ่ะค่ะ ว่าปลายสะพานฝั่งกระโน้น คือประเทศแคนาดา เราก็เลยเข้าใจผิด คิดว่าพื้นที่ที่เรายืนอยู่รวมกับตัวสะพาน คือพื้นที่ของอเมริกา

แล้วมันก็มีประตูทางออกง่าย ๆ เลยนะ จริง ๆ มันก็มีป้าย (เล็ก ๆ) ติดอยู่แหละ ว่าถ้าออกจากตรงนี้แล้ว จะกลับเข้ามาต้องผ่านต.ม.

เราเดินมาเป็นคนท้าย ๆ แล้วอ่ะค่ะ ขณะนั้นก็เห็นแล้ว ว่าเพื่อนๆ ได้เดินออกไปข้างนอกประตูนั้นแล้ว เราก็เลยเดินตามออกไปเลย โดยที่ไม่ได้อ่านป้าย

และไม่ได้พก passport!!!!

ต้องบอกก่อนว่า ปรกติเวลาเดินทางไปไหนมาไหน เราไม่ได้พก passport อ่ะค่ะ เพราะเรามีใบขับขี่ของที่นี่อยู่ เวลาขึ้นเครื่องบินก็จะใช้แค่ใบขับขี่ได้ และเราไม่คิดว่าจะต้องออกนอกอเมริกา ก็เลยไม่ได้คิดจะพก passport มาเที่ยวด้วยเลย

หลังจากลั๊ลลากันซักพัก พวกเราก็เดินกลับมา และก็...แท่น..แท๊นนน..พบกับความจริงที่ว่า มันต้องเข้า ต.ม.ใหม่หมดเหมือนเข้าประเทศเมกานั่นแล

กลุ่มเรามี 10 คนค่ะ แบ่งได้เป็น 4 กลุ่มย่อย 555555

กลุ่มแรกมี passport ติดตัว (ชริส์) กลุ่มที่สอง เอามาน้ำตกด้วย แต่กลัวเปียกเลยทิ้งไว้ในรถ กลุ่มสาม เอามาเที่ยวด้วย แต่ทิ้งไว้ที่โรงแรม และกลุ่มสุดท้าย passport อยู่บ้าน

ไม่อยากจะบอกเลย ว่ามีเราอยู่ในกลุ่มสุดท้ายคนเดียว

เท่านั้นก็เป็นเรื่องเลยค่ะ คุณพี่ ต.ม. เค้าดุมากกก ไล่เราไปนั่งรอในห้องรอ (ระหว่างนั้นก็มีคนข้ามฝั่งจากแคนาดาเข้ามาตลอด เค้าก็ทำงานตลอด)

กลุ่มเราตกลงกันว่า คนที่พก passport กับตัว (กลุ่มนี้ไม่มีใบขับขี่ซักคน) จะกลับเข้าไปก่อน แล้วไปเอา passport ในรถมาให้คนกลุ่มที่ 2 เข้าไป

คนกลุ่ม 2 ก็จะขับรถกลับโรงแรม ไปเอา passport ของคนที่อยู่ที่โรงแรมมา

ทำงานกันเป็นระบบเนอะ

ระหว่างนั้น เราก็คิดอยู่อย่างเดียวว่า...แล้วกรูล่ะ

เราบอกคุณ ต.ม.เค้าอ่ะค่ะ ว่ามีตัว copy passport เก็บไว้ในเมลล์ แต่เค้าบอกว่ามีแค่ 2 options เท่านั้น คือ
1. real passport
2. jail

ตอนนั้นเราก็แอบเสียสตินิดนึงอ่ะค่ะ โทรไปหากงสุลไทย เค้าก็บอกว่าทำอะไรไม่ได้ ต้องให้เพื่อนส่ง passport มาจากบ้าน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเนี่ย ยังงัยคืนนี้ก็มาไม่ทันอ่ะ เห็นทีจะได้นอนคุก...

แล้วที่สำคัญ เราต้องอยู่คนเดียว เพราะถ้า passport ของเพื่อนมากันหมด เค้าคงอยู่กับเราไม่ได้แล้ว

ตอนนั้นต้องตั้งสติทำหลายอย่างมาก อย่างแรกคือเราโทรกลับมาหาพี่ที่อยู่บ้านใกล้กัน ให้เค้าช่วยเข้าบ้านไปเอา passport เรามาให้หน่อย ซึ่งพี่เค้าไม่มีกุญแจบ้าน ก็ต้องติดต่อ housing ของมหาลัย เพื่อจะขอกุญแจสำรองอีก

ระหว่างที่จัดการ มันรู้สึกเลยอ่ะ ว่าใจมันเต้นตึกๆๆๆ พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆๆ เพราะถ้าเราสติแตกไปตอนนั้น เราจะจัดการอะไรไ่ม่ได้เลย

สรุปคือก็ให้พี่เค้าถือ passport ของเรารอไว้ก่อนอ่ะค่ะ รอว่าทาง ต.ม.เค้าจะให้ใช้ตัว copy passport ที่เรามีเข้าประเทศได้ป่าว

ซักพักนึง เค้าก็เรียกเราเข้าไป ถามว่าไหนอ่ะ ตัว copy passport ที่เรามี

เราก็บอกเค้าว่าให้เพื่อนไปปริ๊นท์อยู่ เค้าก็บอกว่าเค้าไม่รับรองว่าจะใช้ได้ป่าว แล้วไล่เราไปนั่งรอที่เดิม (กริยาและคำพูดแย่มากขอบอก แต่เราก็ผิดเอง จะด่าก็ด่าไม่ได้เต็มที่ 555555)

ตอนนั้นเหลือเรากะเพื่อนอยู่กัน 3 คนค่ะ (เป็นเพื่อนที่ทิ้ง passport ไว้ที่โรงแรม)

พอไม่มีอะไรให้ต้องจัดการแล้ว เหลือแต่รอเค้าเรียกอย่างเดียว เราก็น้ำตาไหลเลยอ่ะค่ะ มันเหมือนกลั้นมานาน ตอนนี้ทำไรไม่ได้แล้ว ร้องดีกว่า 5555555555

แอบคิดมาเสมอว่าการเป็นผู้หญิง ทำให้เรามีสิทธิจะ้ร้องไห้เมื่อไหร่ก็ได้ กร๊ากกกกกกกกกก

ระหว่างที่ร้อง อิตา ต.ม. ก็เดินมาด้อม ๆ มอง ๆ ไอ้เราก็ไม่อยากให้แสดงความอ่อนแอให้เค้าเห็น (เป็นกระเหรี่ยงทรนง มีไรมะ) ก็ต้องแอบเช็ดน้ำตาป้อย ๆ เป็นที่น่าอดสูยิ่งนัก

ซักพัก เค้าก็เรียกเพื่อนเราเข้าไปค่ะ (ลืมบอกไปว่าก่อนนั้นเค้าได้ยึดใบขับขี่ของพวกเราไว้หมดแล้ว แหะๆ)

หายไปซักพัก เพื่อนเราก็วิ่งหน้าตาตื่นมาบอกว่า รอดแล้วๆๆๆ แล้วมันก็หายไป

จากนั้นเค้าก็เรียกเราเข้าไป...

คุณพี่ต.ม. (คนละคนกะที่ดุๆ ตอนแรก) ก็ดูรูปในใบขับขี่ ดูหน้า แล้วก็บอกว่า คุณต้องพก passport ตลอดเวลานะ blah blah blah อย่าทำอย่างนี้อีก blah blah blah

เราก็พยักหน้าหงึก ๆ ตลอดการสนทนา

แล้วเค้าก็ถามคำถาม check นิดหน่อยอ่ะค่ะ ว่าเรามากี่ปีแล้ว มาทำอะไร ฯลฯ (ตอนนี้เค้าดูหน้าจอคอมไปด้วย คิดว่าเค้าคงมีข้อมูลอยู่แล้ว คงกะแค่เช็คเฉยๆ)

แล้วเค้าก็ให้พิมพ์ลายนิ้วมือ ถ่ายรูป เหมือนตอนเข้าประเทศ คืนใบขับขี่ แล้วปล่อยเราเข้ามาค่ะ เย่ๆๆ

พอออกมา ก็เห็นเพื่อนรออยู่แระ ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่เราเห็นป้ายที่บอกว่า ถ้าจะกลับเข้าประตูนี้ต้องมีเอกสารที่จำเป็นมาแสดง

ป้ายมันเล็ก และประตูมันออกง่ายไปเหอะ (โทษเค้าอีกตรู)

สรุปว่าวันนั้น เราเข้าเมกามาได้โดยไม่ต้องใช้ passport ค่ะ ใจหายใจคว่ำมากก เป็นประสปการณ์ที่คิดว่าชาตินี้คงไม่ลืมอ่ะ (และไม่แนะนำให้ใครทำตาม แหะๆ)

ลาวันนี้ไปด้วยภาพนี้...ภาพที่แลกมาด้วยการเกือบไปนอนคุก...วิวจาก Rainbow Bridge ค่ะ ;)




 

Create Date : 13 กันยายน 2554
1 comments
Last Update : 13 กันยายน 2554 14:55:07 น.
Counter : 668 Pageviews.

 

ตื่นเต้นด้วยคน ...น้ำตกสวยนะค๊า

 

โดย: กิ่งไม้ไทย 13 กันยายน 2554 22:24:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Conglomerate
Location :
Stanford, CA United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Conglomerate's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.