รถไฟจาก Bergen ก่ะ (ยืนยันว่ามาคนแรกจริงๆ 555555)
นั่งรถไฟประมาณ 1 ชม. ก็มาถึงเมือง Voss ค่ะ ซึ่งไม่อยากจะบอกว่า นั่งรถไฟมาเราหลับตลอดทางเลยง่ะ แอบคิดในใจว่าซวยล่ะกรู ถ้ามัวแต่มานั่งหลับแบบนี้เห็นท่าไม่ดีแน่
ถึง Voss ไม่ต้องกลัวจะพลาดค่ะ คนลงกันเยอะมากกกกกก เพราะเมืองนี้เป็นสกีรีสอร์ต คนมาเล่นสกีกันคึกๆ เลยทีเดียว (เดินกันทีเกือบโดนเอาสกีฟาดหัว T^T)
จากนั้นก็ต่อรถบัสอีก 1 ชม.ค่ะ โชคดีได้นั่งข้างหน้าต่างอีกแระ
สองข้างทางก็จะมีหิมะๆๆๆ และน้ำแข็งๆๆๆๆ เนื่องจากอยู่แคลิฟอร์เนียมาตลอด ไม่เคยได้พบพาหิมะ มาเห็นแบบนี้ก็แอบตื่นตาตื่นใจอยู่นะเนี่ยยยยยย
และก็มาถึงท่าเรือเฟอรี่ค่ะ จะต้องนั่งเรือชม fjord ไปอีก 2 ชม.
ซึ่งอารมณ์ตอนนั้น อิชั้นก็เหมือนเป็นปลาแช่แข็งไปแล้วฟร่ะค่ะ
อันนี้คือน้ำแข็งเป็นที่แตกแผ่นๆ บนผิวน้ำ
แอบรู้สึกเข้าใจคุณแจ็คแห่งไททานิคขึ้นก็ตอนนี้แหละ ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ได้ไปสัมผัสน้ำเลยอ่ะนะ แหะๆ
ทริปเฟอรี่ครั้งนี้หนาวมากกกกกค่ะ หนาวจริงๆ คือมันก็มีห้องให้นั่งข้างในอ่ะนะ แต่คนเค้าก็จับจองที่นั่งดีๆ ไปหมดแล้ว แล้วเราแอบคิดว่าตัวเองก็ทนความหนาวได้ในระดับนึงอ่ะค่ะ ก็เลยออกไปยืนท้าลมด้านนอก
ถ่ายรูปๆไป รู้สึกเหมือนมือจะหลุดออกจากตัวง่ะ มีจุดๆนึง อยู่ดีๆก็รู้สึกเค็มๆ ปรากฏว่าน้ำมูกไหลออกมาโดยที่ไม่รู้สึกตัว เป็นที่น่าอนาถใจยิ่งนัก
สุดท้ายก็เลยวิ่งไปวิ่งมาค่ะ เข้าๆออกๆ เหมือนหนูติดจั่น อยากดูวิว อยากถ่ายรูปก็อยาก แต่พอออกไปด้านนอกไม่เท่าไหร่ก็แพ้ภัยตัวเอง วิ่งกลับเข้ามาด้านในอีก
เป็นอย่างนี้อยู่ 2 ชม. กรำเจรงงงงงงงงงงงงง 555555555
วิวนิดนุง ดูไม่ค่อยหนาวเนอะ แหะๆ
ระหว่างนั้นเราเจอนักท่องเที่ยวคนนึงค่ะ รุ่นราวคราวเดียวกัน (น่าจะนะ) แถมมาคนเดียวเหมือนกันอีก ที่สำคัญ เค้าหน้าเหมือนรุ่นพี่ที่รู้จักมากกกกกกกกกกก มากจนคิดว่าน่าจะใช่ (แต่ถ้าใช่พี่เค้าก็ต้องบอกเราใน fb แล้วดิ) เราก็เลยพยายามเอาหน้าไปให้เค้าเห็นค่ะ คิดว่าถ้าใช่คนรู้จัก เค้าคงทักเอง แต่สรุปว่าเค้าไม่ทัก แสดงว่าไม่ใช่ แป่ว 5555555555555555
สุดท้ายก็ไม่ได้คุยกะเค้าบนเรือค่ะ ไม่รู้เป็นงัย เรารู้สึกว่าการเริ่มต้นบทสนทนามันยากอ่ะ ไม่รู้เค้าจะอยากคุยกะเรารึป่าว ไม่รู้จะเริ่มยังงัยดี พอโอกาสผ่านไปแล้วมันก็ผ่านเลยไป...
เพ้อละกรู คือเค้าไม่ใช่ชายหนุ่มรูปหล่อนะคะ เค้าเป็นผู้หญิงเอเชียหน้าตาธรรมดาๆ นี่แหละ 55555555
ก่อนจะมานอร์เวย์ การเที่ยวคนเดียวเป็นความใฝ่ฝันของเราเลยอ่ะค่ะ ซึ่งแอบคิดว่ามาเริ่มที่นอร์เวย์ก็ค่อนข้างโอเค เพราะประเทศเค้าก็ปลอดภัยดี ไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่ แต่พอมาทำจริงๆ แล้วก็รู้ซึ้งค่ะ
คือข้อดีของมันคือ เราได้ไปในที่ที่อยากไป ไม่ต้องรอใคร ไม่หิวก็ไม่ต้องกิน (งกก็บอกมาเถอะ แหะๆ) แต่มาคราวนี้ เรารับรู้ข้อเสียของมันได้ชัดๆเลยอ่ะค่ะ
เราว่ามันเงียบไปอ่ะ ไม่ได้คุยกะใครเลย เห็นอะไรสวยๆ ก็ไม่รู้จะชวนให้ใครดู หนาวจะแข็งตายก็ไม่รู้จะบ่นกะใคร ฯลฯ
ที่สำคัญเลย การหากิจกรรมให้ตัวเองนี่โคตรจะลำบาก 555555555555
กลับมาต่อเรื่องทริป แหะๆ
ผ่านไป 2 ชม. เรือก็มาเทียบท่าที่เมือง Flam ค่ะ (เหมือนเค้าออกเสียงกึ่งๆระหว่างแฟลมกะฟลอม?) เมืองนี้ประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์รถไฟ (ซึ่งไม่ค่อยจะมีอะไรเท่าไหร่) และร้านขายของที่ระลึกใหญ่มว๊ากกกกกกกก
อยากได้ magnet สวยๆซักอันนึง แต่หาไม่ได้เลย
ที่สำคัญดันไปเจออิตัวเน้
ทำให้สงสัยในตัวตนของตัวเองไปแว๊บนึง นี่ตรูอยู่ที่ไหน แล้วจริงๆแล้วสิ่งที่เห็นมันคืออะไร
จากฟลอม (แฟลม?) เค้าก็จะพาเรานั่งรถไฟ
Flåmbana ค่ะ ซึ่งเค้าบอกว่ามันคือ a master of engineering เชียวน้าาาาาาาา ส่วนที่ชันที่สุดคือประมาณ 55 องศา (อันนี้คือสิ่งเดียวที่จำได้ แหะๆ)
แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่ค่อยรู้สึกถึงความชันเท่าไหร่นะก๊ะ
หัวรถไฟ
Flåmbana...กะหิมะๆๆๆ
รถไฟสายนี้เค้าจะจอดให้ลงไปชมน้ำตกแว่บนึงค่ะ
ครือ...น้ำมันไม่ตก
มันแข็งไปหมด แอบนึกเสียดายนิดนึง ถ้ามาหน้าร้อนคงจะเห็นอะไรมากกว่านี้ แต่มาช่วงนี้คือทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นหิมะ+น้ำแข็งไปหมดเลยอ่ะค่ะ ซึ่งมันก็สวยงามตระการตาไปอีกแบบนึงอ่ะนะ แต่พอมันเยอะ....
มันก็คือหิมะ (แง่ว)
(แบบนี้)