...You should have faith in people; but most importantly, YOU SHOULD HAVE FAITH IN YOURSELF...
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
มหัศจรรย์แห่ง 'ปัญญาธรรม'

คราวนี้จุฬาภินันท์ขอบอกกล่าวเรื่องปัญญาธรรมค่ะ มีสามชนิดตามที่หลายๆคนคงรู้กันดีอยู่แล้ว สุตตมยปัญญา จินตามยปัญญา และภาวนามยปัญญา

ปัญญาธรรมเป็นปัญญาที่ละเอียดอ่อนค่ะ ไม่ใช่แค่ฉลาด แต่รู้จริง รู้จริงเรื่องสัจธรรม เรื่องกรรม รู้อดีตของตัวเอง รู้อนาคตของตัวเอง รู้ไปถึงของคนอื่น นั่นเพราะเป็นผลมาจากกรรมทั้งนั้น

'ปัญญา' ที่ใช้กันทั่วๆไป มันคือ 'ความฉลาดและรู้มาก' ที่เกิดจากการอ่านเยอะ ไม่ใช่ปัญญาธรรม ปัญญาทั่วไปจะเป็นสิ่งที่รวมเอากิเลส อคติ ฯลฯ ไว้ด้วย เพราะมันมาจากสมองที่คนเราคิดต่างๆกันไป มีทัศนคติต่างๆกัน

แต่ 'ปัญญาธรรม' เป็นปัญญาที่มาจากการจดจำได้ของจิต จิตใต้สำนึก จิตที่ผ่านอะไรมามากมายหลายภพชาตินับไม่ถ้วนนั่นแหละค่ะ จิตใจ้สำนึกจำได้ทั้งหมด

สุตตมยปัญญา เป็นปัญญาธรรมที่ได้จากทุกอย่างที่รับรู้ด้วยประสาทสัมผ้สทั้งห้า ไม่ใช่รับรู้แบบเข้าห้องแอร์แล้วเย็น ไม่ใช่ถูกตีแล้วเจ็บ ไม่ใช่ได้เอแล้วเรียกว่าเรียนเก่ง ไม่ใช่กินพริกแล้วเผ็ด ฯลฯ เพราะนั่นหยาบเกินกว่าจะเป็นปัญญาธรรม

แต่สุตตมยปัญญาเป็นปัญญาที่อยู่ดีๆก็รู้ว่านั่นเป็นนั่น นี่เป็นนี่ นู่นเป็นนู่น รู้สิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะรู้ ทั้งอดีตและอนาคต เช่น ดูหนังเรื่องโจนส์ออฟอาร์คแล้วเห็นฉากเธอถูกไฟเผา เรารู้เลยว่าเคยเกิดเป็นเธอมาก่อน รู้ว่ารู้ถูกเอง ไม่มีเหตุผล แต่ปัจจุบันจะมีสัญญาณบอกคือกลัวการถูกไฟเผา ทุกคนกลัวแต่คนๆนั้นจะกลัวแบบสนใจเกินปกติ หรือกรณีอนาคต เรารู้เฉยเลยว่า เออ เกิดมาเพื่อเป็นนักบินอวกาศคนแรกของไทย เป็นต้น เหมือนเดิม ไม่มีเหตุผลของการรู้ นอกจากปัจจุบันเราคิดอะไรเกี่ยวเนื่องกันเสมอๆ ถ้ามีการเจ็บตัวในอดีตชาติก็จะมีสัญญาณเตือนในปัจจุบันชาติ เช่น เคยถูกบีบนิ้วนางซ้ายมา ชาติปัจจุบันเราก็เจ็บที่นิ้วนางซ้ายอย่างไม่มีสาเหตุ

แต่เราไม่ได้รู้ทุกเรื่อง เรากำหนดไม่ได้ว่าปัญญาธรรมจะมาเมื่อไหร่ แต่ถ้าปัญญาธรรมจะมา มันก็มาเอง และเราจะรู้เองว่า เออ นั่นเป็นปัญญาธรรมนะ มันไม่ผ่านความคิดค่ะ


จินตามยปัญญาเป็นปัญญาธรรมจากการคิด เป็นความจริงที่ได้จากการคิดโดยกระบวนการของสมอง แล้วผลที่ได้คือความจริงที่เราไม่รู้อีกเหมือนกันว่าทำไม แต่รู้ได้เองว่า เออ จริง เออ ถูกต้อง จินตามยปัญญาเป็นปัญญาธรรมที่คิดต่อจากสิ่งที่สุตตมยปัญญารู้ คิดแบบเป็นเหตุเป็นผลจนกลายเป็นว่า ทุกอย่างมันเกี่ยวเนื่องกันไปหมด จากอดีตถึงปัจจุบันและต่อไปยังอนาคต จินตามยปัญญาอาศัยการเรียนรู้จากการเติบโตมาในสังคม คิดแบบเป็นระบบ ไม่ใช่คิดเพ้อไปเรื่อยเปื่อย แต่อยู่ๆก็คิดเองนะคะไม่ใช่ตั้งใจคิด

สิ่งที่ปัญญาธรรมสองตัวนี้เหมือนกันคือ ไม่รู้ว่าเวลาไหนจะรู้ ไม่รู้เวลาไหนจะคิด มันเกิดเอง รู้เอง คิดเอง โดยมี 'จิตใต้สำนึก' เป็นตัวบอกให้เรารู้ว่าไม่ผิด หรืออาจพลาดไปได้บ้างก็นิดหน่อย เพราะดันเอาความคิดจากสมองเข้าแทรก แต่ตอนหลังก็จะรู้และคิดสิ่งที่ถูกได้เองซึ่งก็จะใช้เวลาไม่นานนัก เพราะคนได้ปัญญาธรรมจะมีสติตลอดเวลาอยู่แล้ว และจะพิจารณาตัวเองได้ทันทีว่ามีอคติหรืออารมณ์ใดๆหรือเปล่า และไอ้ที่พลาดไปน่ะ ก็พลาดด้วยเหตุที่มีอคติหรืออารมณ์นั่นแหละ

ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญาที่เกิดจากการพัฒนาจิตอันเป็นสมาธิในขั้นสูงขึ้น รู้และเห็นจริงในสัจธรรม รู้มากขึ้น มากขึ้นเป็นลำดับขั้น แล้วก็มีสุตตมยปัญญาและจินตามยปัญญาช่วยเสริมให้รู้มากขึ้นไปอีก สามารถอธิบายเหตุและผลของทุกสิ่งได้

ปัญญาธรรมเกิดได้จาก ศีล และ สมาธิ ค่ะ เป็นไปตามลำดับ

โอวาทปาติโมกข์ว่าด้วย การทำดี ละชั่ว ทำใจให้เบิกบาน อันนี้เกี่ยวเนื่องกันกับ ศีล สมาธิ ปัญญาธรรม

ใจเบิกบาน ย่อมมาจากการรักษาศีลด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ ซึ่งนั่นเป็นการละชั่วพื้นฐาน เป็นใจที่มีพรหมวิหารสี่ที่บริสุทธิ์นั่นแหละค่ะ

เมื่อใจเบิกบาน แล้วทำสมาธิ จิตก็เปิดรับธรรมได้มากขึ้น บวก ทำความดี เป็นบุญหนุนเนื่องกันไป ปัญญาธรรม ก็เกิดได้ง่ายขึ้นค่ะ

ใครๆก็สามารถได้ปัญญาธรรมได้ค่ะ เพราะจิตใต้สำนึกของแต่ละคนจำสิ่งที่เคยเป็นมาทั้งนั้น และกรรมเป็นตัวกำหนดทุกอย่าง ก็เลยสามารถรู้อนาคตได้ เพราะกรรมในอดีตที่ทำมานั่นเอง

ศีลต้องรักษาอย่างบริสุทธิ์ สมาธิก็แค่อานาปานสติก็พอ รู้ลมหายใจ อย่าเหม่อ อย่าว่าง แต่รู้ตลอดว่าหายใจอยู่ ยุบหนอพองหนอ พุธโธ นั่นแหละค่ะ บังคับความคิดของตัวเองให้อยู่กับลมหายใจ จิตจะเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ บวกบุญกรรมแต่ปางก่อนหนุน ก็ได้ปัญญาธรรมได้ไม่ยากค่ะ


Create Date : 25 มกราคม 2553
Last Update : 15 เมษายน 2553 19:22:44 น. 33 comments
Counter : 1478 Pageviews.

 
หวัดดีค่ะ ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะค่ะ ^^
ตอนนี้ก็เหอๆ รอพิสูจน์ตัวเองต่อไป แฮ่ๆ

อ่านเรื่อง มหัศจรรย์แห่ง 'ปัญญาธรรม แล้วรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยจะมีปัญญาเลยค่ะ แฮ่ๆ
ตอนนี้กำลังจะฝึกสมาธิค่ะ ตั้งใจจะเริ่มตั้งนานแล้ว แต่ว่าไม่ได้เริ่มสักที
หาข้ออ้้างไปร้อยแปดเลย หุหุ


โดย: Nepster วันที่: 25 มกราคม 2553 เวลา:23:54:15 น.  

 
ผมเคยคุยกับคุณสั้น ๆ คุณคงจำผมไม่ได้ ใครจะโจมตีคุณยังไง แต่ผมก็มองว่าคุณมีค่ามากกว่าพวกมารในห้องศาสนาพวกนั้น


โดย: 123 IP: 203.144.144.164 วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:2:45:15 น.  

 
Tags Maker is a Text Image Generator to write Messages, Comments or Tags on Pictures

หวัดดีวันพุธค่ะคุณแหม่ม
ถ้าเรารับรู้ได้ด้วยตัวเองเนี่ย
มันเป็น มหัศจรรย์ จริง ๆ ค่ะมินว่า
ปล. รักษาสุขภาพด้วย นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:5:46:11 น.  

 
เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับที่ว่า การอ่านและการคิดเป็นเพียงความรู้ ส่วนปัญญาที่แท้จริงจะมาเองเมื่อปัจจัยทุกอย่างลงตัว

'ความคิดก่อให้เกิดความรู้ ความสงบก่อให้เกิดปัญญา'


โดย: วรบรรณ วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:6:24:54 น.  

 

Comment Hi5 Glitter



แวะมาทักทายกันในวันอังคารแสนสุขใจนะคะคุณแหม่ม



โดย: หอมกร วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:8:43:13 น.  

 
สวัสดีครับแวะเวียนมาทักทายครับ


โดย: น้ำเปรี้ยวsp วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:8:55:54 น.  

 
ขอบคุณนะคะสำหรับข้อคิดดีดี
สักพักนึงพอถึงเวลา ขวัญคงก้าวออกมาได้


โดย: kwan_3023 วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:12:09:22 น.  

 
ขอบคุณคร่า....สำหรับเรื่องดีๆที่เอามาแบ่งปันกัน


โดย: ยัยเป๋อ (ลายมือยุ่งๆของคนไม่มีเวลา ) วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:16:40:46 น.  

 


โดย: deeplove วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:19:18:50 น.  

 
ชอบจังค่ะ ศีลต้องรักษาอย่างบริสุทธิ์ มันบอกความหมายทุกอย่างในตัวของการรักษาศีล จิงๆ ค่ะ


โดย: ถุงก๊อปแก๊ป วันที่: 27 มกราคม 2553 เวลา:1:08:15 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ตอนนี้หนูสนใจการปฎิบัติธรรมอย่างมากค่ะ
เพิ่งไปมาล่าสุดนี้ ที่วัดสนามใน สายหลวงพ่อเทียนค่ะ
ได้ฝึกการรู้สึกตัว ใจ มีสติอยู่กับกาย ด้วยค่ะ
พี่ แนะนำให้ได้ไหมค่ะ วัดที่ปฎิบัติธรรมในกรุงเทพ ฯ มีที่ไหนบ้าง

ขอบคุณนะค่ะ


โดย: babyann วันที่: 27 มกราคม 2553 เวลา:10:46:19 น.  

 
จริงค่ะ ทำดีใครไม่รู้แต่เรารู้ตัวเอง แล้เราก็จะถูมิใจในสิ่งที่ทำ


โดย: blog pu วันที่: 27 มกราคม 2553 เวลา:11:58:25 น.  

 
หวัดดีค่ะ ขอบคุณนะคะที่แวะไปดูของเจ้าถ้วยฟู

ตัวเองมีความสุขค่ะที่ได้ทำอะไรๆให้คนอื่น


โดย: ลั่นทมขาว วันที่: 27 มกราคม 2553 เวลา:15:03:45 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะ ที่เอาเรื่องดีๆมาแบ่งปัน
เราก็เป็นคนที่เหมือนคนสมัยใหม่ส่วนใหญ่ ทำแต่งาน มีความเครียด ชีวิตร้อนรน
ธรรมะนี่แหล่ะ เป็นสิ่งที่ช่วยเราคูลดาวน์จากสังคมที่รีบเร่ง ไม่ให้เราร้อนรนจนเกินไป...
เป็นเรื่องดีๆที่น่าศึกษาอย่างยิ่งค่ะ


โดย: hi hacky วันที่: 27 มกราคม 2553 เวลา:15:16:23 น.  

 
ผมไม่เคยศึกษาถ่องแท้ครับ สุตามยปัญญา ที่จำได้ เป็นความรู้จากการรับฟัง ไม่เคยทราบมาก่อนว่า รับรู้ขึ้นมาเองในใจแบบนี้ก็นับเป็นสุตามยปัญญาด้วย

ขอบคุณที่หยิบประเด็นขึ้นมาแจกแจงคุยกันครับ เลยทำให้ผมมีโอกาสไปเปิดหนังสือ "พุทธธรรม" ของพระธรรมปิฎก เพื่อแก้ข้อสงสัยของตัวเอง ไม่งั้นคงไม่ได้หยิบมาเปิดแน่เลย


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 27 มกราคม 2553 เวลา:16:28:31 น.  

 
ขอบคุณพี่มากๆค่ะ ที่เข้าไปเตือนสติ อิๆๆ
อ่านบทความของพี่แล้ว ได้ย้อนกลับมามองตัวเองด้วยหละ ว่าจริงๆแล้วเราเองก็ควรปรับตัวเองด้วยเหมือนกันค่ะ จะรักษาให้ความรักอยู่ไปนานๆค่ะ ^ - ^


โดย: มะหมู (mondoyka ) วันที่: 27 มกราคม 2553 เวลา:18:29:40 น.  

 
ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ค่ะ ^_^


โดย: แม่เด็กชายเอื้อ (viji ) วันที่: 27 มกราคม 2553 เวลา:18:38:59 น.  

 
ขออนุญาติไม่ออกความคิดเห็นค่ะ
แต่ขออนุญาติ add friends blog ด้วยนะคะ
จะได้แวะมาอ่านบทความดีๆ ได้ง่ายๆ


โดย: cream soda-kanplu วันที่: 27 มกราคม 2553 เวลา:20:24:52 น.  

 
ขอบคุณนะคะพี่แหม่มที่มีอะไรดีๆมาบอกอยู่เรื่อยๆ เรื่องสมาธิไม่ใช่เรื่อง่ายเลย ที่เราจะทำได้ นิ่งได้ไม่นาน แต่ก็จะพยายามค่ะ ต้องพยายามสักวันต้องได้


โดย: หนึ่งลมหายใจ วันที่: 27 มกราคม 2553 เวลา:21:30:52 น.  

 


โดย: Bluejade วันที่: 27 มกราคม 2553 เวลา:22:10:08 น.  

 
วันเกิดว่า จะใส่บาตร จะทันหรือเปล่าไม่รู้
เพราะมีงานแต่เช้าเลย..


โดย: ชิโยจัง วันที่: 28 มกราคม 2553 เวลา:10:27:32 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


สุข สดชื่น แจ่มใส ในวันพฤหัสบดีจ้าคุณแหม่ม



โดย: หอมกร วันที่: 28 มกราคม 2553 เวลา:15:11:39 น.  

 



สวัสดีค่ะคุณแหม่ม


มาทักทายช่วงหัวค่ำค่ะ


ระยะนี้รู้สึกสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงแบบปุบปับตลอดเวลา
คนที่ป้ารู้จักก็พร้อมใจกันป่วยไปหลายคน เลยชักเป็นห่วงคนทางนี้
ไงไงก็ดูแลสุขภาพนะคะ


ตาหยุดดู …. หูหยุดฟัง …. มองแค่ตัวเรา
ความสุขอยู่ใกล้แค่เอื้อมค่ะ





โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 28 มกราคม 2553 เวลา:19:21:19 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปเยียมเช่นกันนะคะ


โดย: Tookie (black_sesami ) วันที่: 28 มกราคม 2553 เวลา:20:04:10 น.  

 
หวัดดีค๊า

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมกันคะ :)


โดย: wetrip วันที่: 28 มกราคม 2553 เวลา:22:26:25 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปให้กำลังใจกันนะครับ

จากบ้านผมว่าบางทีการที่บางคนเขาไม่มั่นใจในความรักของอีกคน
ก็เพราะเขาอาจจะรักคนๆนั้นมากเกินไปก็ได้
รักมากเกินจนกลัวว่าจะมีอะไรมาแย่งคนๆนั้นไป
ผมคิดว่าอย่างนั้นนะครับ


โดย: ไอซ์คุง (ปีศาจความฝัน ) วันที่: 29 มกราคม 2553 เวลา:0:35:45 น.  

 
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะครับ อ่านแล้วมีข้อคิดติดไปอย่างนึงด้วย และก็สำคัญมากด้วยครับ


โดย: Antonymer วันที่: 29 มกราคม 2553 เวลา:2:50:03 น.  

 
แวะเวียนมาทักทายสุดสัปดาห์ครับ สบายดีนะครับ


โดย: น้ำเปรี้ยวsp วันที่: 29 มกราคม 2553 เวลา:15:05:25 น.  

 
การอยู่ติดกับลมหายใจอย่างเดียว....จะเป็นสมถะ การทำสมถะจะทำให้จิตมีกำลัง การจะขึ้นวิปัสณาได้นั้นจะต้องเจริญปัญญาให้ได้ การเจริญปัญญาก็คือต้องรู้ทันกิเลส ทุกข์ สุข เสียใจ ยินดี เศร้าหมอง เมื่อเกิดกิเลสทั้งหลายขึ้นมาให้จิตรู้ ให้เพียงรู้อย่างเป็นกลางอย่าไปยินดียินร้ายหรือเข้าไปบังคับ...เมื่อรู้ได้เช่นนี้เรื่อยๆ เราก็จะเห็น ไตรลักษณ์ ในตัวเรา... อนิจจัง-ทุกข์ขัง-อนัตตา...แต่เมื่อปฏิบัติเช่นนี้ไปเรื่อยๆจิตเราอาจจะหมดกำลัง การทำสมถะ (นั่งสมาธิ เดินจงกลม) เป็นการเพิ่มพลังให้จิต ให้มีกำลังที่จะกลับมาเจริญปัญญาต่อไปได้...ฉะนั้น ทั้งสมถะและการเจริญปัญญาเป็นสิ่งที่ทิ้งกันมิได้...


โดย: พิกุลแก้ว (nslife2514 ) วันที่: 30 มกราคม 2553 เวลา:10:50:31 น.  

 
พี่แหม่มจ๋า วันนี้ถุงอยู่บ้าน ทำงานบ้านเหนื่อยเจงๆ เลยเน้

นี่ทำแค่ห้องนอนนะคะเนี่ย ตั้งแต่เก้าโมงแระยังมะเสร็จเลยง่ะ งุงิแระเนี่ย ฮิฮิ


โดย: ถุงก๊อปแก๊ป วันที่: 30 มกราคม 2553 เวลา:14:03:54 น.  

 


นอนหลับฝันดี มีความสุข นะคะคุณแหม่ม


โดย: มินทิวา วันที่: 30 มกราคม 2553 เวลา:17:42:02 น.  

 
หวัดดีค่ะพี่แหม่ม ยินดีค่ะพี่แหม่มที่บทความที่ณัฐหามา หวังว่ามันจะมีประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย และก็ขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวพี่แหม่มนะคะ ขอให้สมหวังในสิ่งที่หวังโดยเร็วนะคะ อ่านเรื่องพี่แหม่มเขียนให้อ่านแล้วอยากทำได้เหมือนพี่แหม่มเร็วๆจัง ขอบคุณค่ะที่แนะนำสิ่งดีๆให้กับณัฐค่ะ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ


โดย: หนึ่งลมหายใจ วันที่: 30 มกราคม 2553 เวลา:19:59:06 น.  

 
ไม่ประชดหรอกค่ะ...เพราะฉันพูดจริงทำจริง มันเป็นงาน เป็นความตั้งใจต้องทำก่อนตาย ...ฉันเกลียดความเน่าเฟะของสังคมทุกวันนี้..ยิ่งดูก็ยิ่งแย่ ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลย...และยิ่งมองเข้าไปลึก ๆ ถึงจิตใจคนด้วยแล้ว...คุณจะปฏิเสธไหมว่า ความเน่ามันลามลึกไปถึง เด็กซึ่งธรรมชาติให้ความบริสุทธิ์ เปรียบดังผ้าขาว แต่เด็กหลาย ๆ คนก็โชคร้าย บางคนแทบไม่เคยสัมผัสชีวิตที่เปรียบได้ดังเช่นผ้าขาวเลย


ฉันมีความสุขและสบายดี แต่ทนเห็นคนรอบ ๆ ตัวเป็นทุกข์ไม่ไหวหรอก ถึงจะช่วยทุกชีวิตไม่ได้ แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราเอาตัวเรารอด นำพาคนรอบตัวรอด แบ่งปันให้สังคมรอบ ๆ ตัวไปรอดพ้นจากความเป็นทุกข์ทั้งร่างกายและจิตใจไปดัวยกัน

ขอบคุณนะคะที่ไปเยี่ยม ขอตัวไปทำงานก่อน

งานประจำ ประจานชาวบ้าน งานหลักดูแลและบริการ งานโปรดปราน รับใช้สังคม

^____________________________^


โดย: Adija วันที่: 30 มกราคม 2553 เวลา:21:03:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Chulapinan
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Chulapinan

ขอต้อนรับเพื่อนๆสู่บล็อกของจุฬาภินันท์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ บล็อกนี้เป็นบล็อกของผู้หญิงธรรมดาที่ปรารถนาจะเข้าถึงธรรม มาขอร่วมเป็นสมาชิกของชุมชนใหญ่นี้ค่ะ

Friends' blogs
[Add Chulapinan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.