Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
30 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
โรนัลโด้



RONALDO R9 THE BEST PLAYER OF THE WORLD (µ) Part 1






RONALDO R9 THE BEST PLAYER OF THE WORLD (µ) Part 2





Full name Ronaldo Luis Nazário de Lima
Birth The 22.09.1976 In Rio de Janeiro [RJ]
Height 183
Weight 81
Position Forward

Clubs
1990-1991: Social Ramos Clube-RJ
1991-1993: Sao Cristovao-RJ
1993-1994: Cruzeiro-MG
1994-1996: PSV Eindhoven - Netherlands
1996-1997: FC Barcelona - Spain
1997-2002: Inter di Milano - Italy
2002-29/01/2007: Real de Madrid - Spain
30/01/2007: Milan AC - Italy

Club titles
Brazilian Cup: 1993
Minas Gerais State League: 1994
FIFA World Cup: 1994, 2002
Stanley Rous Cup (London): 1995
Dutch Cup: 1996
European Cup-winners Cup: 1997
Spanish Cup: 1997
European Supercup: 1997, 2002
Copa America: 1997, 1999
Confederations Cup: 1997
European UEFA Cup: 1998
Intercontinental Cup (Toyota Cup): 2002
Spanish League: 2003
Spanish Supercup: 2003
João Gamper trophy (Spain): 1996
Santiago Bernabéu Trophy: 2003, 2005
Naranja Cup of Valencia (Spain): 2003

Personal titles
Libertadores Supercup's top scorer: 1993
Copa Libertadores's top scorer: 1994
Minas Gerais state league's top scorer: 1994
Dutch league's top scorer: 1995
FIFA Top player: 1996, 1997, 2002
Copa America's top scorer: 1997, 1999
Onze d'Or (top player of the year for the Onze Mondial french newspaper): 2002
Spanish league's top scorer: 1997
The best South american top player of the spanish league (EFE trophy): 1997, 2003
Ballon d'Or (magazine France Football): 1997, 2002
Il Bravo (Top foreign player in Italy): 1997
Italian league's top player: 1998
World Cup's top player: 1998
Copa America's top scorer: 1999
World Cup's top scorer: 2002
Top player of the Intercontinental Cup's final: 2002
Top sportsman of the year (Reuters): 2002
Top sportsman of the year (BBC): 2002
Spanish league's top scorer: 2004


Goals in Selecao
74

112 Games in our cards :
01.07.2006 France, 27.06.2006 Ghana, 22.06.2006 Japan, 18.06.2006 Australia, 13.06.2006 Croatia, 04.06.2006 New-Zealand, 30.05.2006 Luzern Selection, 01.03.2006 Russia, 12.10.2005 Vénezuela, 04.09.2005 Chile, 17.08.2005 Croatia, 30.03.2005 Uruguay, 27.03.2005 Peru, 17.11.2004 Ecuador, 13.10.2004 Colombia, 09.10.2004 Vénezuela, 08.09.2004 Germany, 05.09.2004 Bolivia, 18.08.2004 Haïti, 06.06.2004 Chile, 03.06.2004 Argentina, 25.05.2004 Selection of Catalonia, 20.05.2004 France, 31.03.2004 Paraguay, 18.02.2004 Ireland, 19.11.2003 Uruguay, 16.11.2003 Peru, 12.10.2003 Jamaica, 10.09.2003 Ecuador, 07.09.2003 Colombia, 30.04.2003 Mexico, 29.03.2003 Portugal, 12.02.2003 China, 20.11.2002 South KOrea, 21.08.2002 Paraguay, 30.06.2002 Germany, 25.06.2002 Turkey, 21.06.2002 England, 17.06.2002 Belgium, 13.06.2002 Costa Rica, 08.06.2002 China, 03.06.2002 Turkey, 25.05.2002 Malaisia, 18.05.2002 Selection of Catalonia, 17.04.2002 Portugal, 27.03.2002 Yugoslavia, 09.10.1999 Netherlands, 07.09.1999 Argentina, 04.09.1999 Argentina, 18.07.1999 Uruguay, 14.07.1999 Mexico, 11.07.1999 Argentina, 06.07.1999 Chile, 03.07.1999 Mexico, 30.06.1999 Vénezuela, 26.06.1999 Latvia, 28.04.1999 FC Barcelona, 12.07.1998 France, 07.07.1998 Netherlands, 03.07.1998 Denmark, 27.06.1998 Chile, 23.06.1998 Norway, 16.06.1998 Morocco, 10.06.1998 Scotland, 03.06.1998 Andorra, 31.05.1998 Atlético de Bilbao, 29.04.1998 Argentina, 26.03.1998 Germany, 21.12.1997 Australia, 19.12.1997 Czech Republic, 16.12.1997 Mexico, 14.12.1997 Australia, 12.12.1997 Saudi Arabia, 13.08.1997 Japan, 10.08.1997 South KOrea, 29.06.1997 Bolivia, 26.06.1997 Peru, 22.06.1997 Paraguay, 19.06.1997 Colombia, 16.06.1997 Mexico, 13.06.1997 Costa Rica, 10.06.1997 England, 08.06.1997 Italy, 03.06.1997 France, 30.05.1997 Norway, 30.04.1997 Mexico, 02.04.1997 Chile, 26.02.1997 Poland, 18.12.1996 Bosnia and Herzegovina, 16.10.1996 Lithuania, 31.08.1996 Netherlands, 28.08.1996 Russia, 02.08.1996 Portugal, 31.07.1996 Nigeria, 28.07.1996 Ghana, 25.07.1996 Nigeria, 23.07.1996 Hungary, 21.07.1996 Japan, 14.07.1996 FIFA Selection, 10.07.1996 Denmark, 26.06.1996 Poland, 11.10.1995 Uruguay, 07.07.1995 Ecuador, 11.06.1995 England, 06.06.1995 Japan, 04.06.1995 Sweden, 17.05.1995 Israel, 27.04.1995 Valencia, 23.12.1994 Yugoslavia, 08.06.1994 Honduras, 03.05.1994 Iceland, 23.03.1994 Argentina,



ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ : โรนัลโด้ หลุยส์ นาซาริโอ เด ลิม่า
วันเกิด : 22 กันยายน 1976
เกิดที่ : เบนโต้ ริไบโร่ ,ริโอ เด จาไนโร ,บราซิล
ตำแหน่ง : กองหน้า
ส่วนสูง : 183 ซม.
ฉายา : O Fenomemo
สโมสรปัจจุบัน : เอซี มิลาน
หมายเลขเสื้อ : 99

สโมสรอาชีพ ปี สโมสร ลงเล่น ประตู

1993 - 1994 ครูไซโร่ เอฟซี 14 12
1994 - 1996 พีเอสวี ไอน์โฮเฟ่น 46 42
1996 - 1997 บาร์เซโลน่า 37 34
1997 - 2002 อินเตอร์ มิลาน 68 49
2002 - 2007 เรอัล มาดริด 98 69
2007 - ปัจจุบัน เอซี มิลาน 2 2

ทีมชาติ
1994 - ปัจจุบัน บราซิล 97 62




นับตั้งแต่สิ้นยุคของ "ไข่มุกดำ" เปเล่ไป ชาวบราซิลก็เฝ้าถวิลหาผู้ที่จะเข้ามาทดแทนด้วยความหวัง แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่ใครสักคนที่จะมาสร้าง "ปรากฏการณ์" ได้เหมือนที่อดีตราชาลูกหนังโลกเคยทำไว้ จนกระทั่งมาถึงวันที่ฟ้าส่ง "โรนัลโด้" มากำเนิดขึ้นบนโลกลูกหนัง



โรนัลโด้ หลุยส์ นาซาริโอ เด ลิมา หรือ "โรนัลโด้" เกิดที่ เบนโต ริเบริโอ ชุมชนแออัดแห่งหนึ่งในเมืองริโอ เด จาไนโร ในบราซิล แตที่ชุมชนแออัดแห่งนี้เองที่กลายเป็นแหล่งบมเพาะพันธุ์เจ้าหนูน้อยคนนี้ให้กลายเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งกาจที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์โลก

เส้นทางชีวิตของโรนัลโด้ เริ่มต้นเหมือนเทพนิยายเมื่อมาพบกับตำนานลูกหนังอย่าง "แจร์ซินโญ่" ในระหว่างที่ยังเป็นเด็กดาวรุ่งอายุ 14 เท่านั้น และอดีตนักเตะในตำนานรุ่นราวคราวเดียวกับเปเล่ ก็จับสัมผัสบางอย่างได้ในตัวของหนุ่มน้อยคนนี้ ทำให้ช่วยดึงไปติดทีมชาติบราซิลชุดเยาวชน รวมทั้งยังพาเข้าไปในทีมเยาวชนของครูไซโร่ เอสปอร์เต้ คลับ หรือเรียกสั้นๆว่าครูไซโร่ สโมสรแรกในชีวิตของเขา



และหลังจากที่ขัดเกลาฝีเท้าอยู่ไม่นานนัก โรนัลโด้ ก็เริ่มแสดงพรสวรรค์ให้สมกับที่แจร์ซินโญ่ การันตีด้วยการลงประเดิมในศึกชิงแชมป์แห่งชาติบราซิล และทำผลงานน่าเหลือเชื่อสำหรับเด็กหนุ่มอายุน้อยด้วยการยิง 12 ประตูจากการเล่นแค่ 14 นัดเท่านั้น

ผลงานดังกล่าวของโรนัลโด้ รวมทั้งในการยิงแฮตทริกในเกมดาร์บี้แมตช์กับแอตเลติโก มิไนโร ก็ไปเข้าตาของแมวมอง ปิเอ้ เด วิสเซอร์ ซึ่งเป็นทั้งโค้ชและแมวมองที่มีชื่อเสียงในฮอลแลนด์ และได้รีบติดต่อเพื่อขอดึงตัวเจ้าหนูมหัศจรรย์รายนี้ไปเล่นกับพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในฮอลแลนด์ทันทีด้วยค่าตัวราว 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ



แต่แม้โรนัลโด้ จำต้องระเห็จออกจากบ้านเกิดอย่างรวดเร็วเกินทำใจสำหรับเด็กน้อยที่เพิ่งจะอายุครบ 17 ปี แต่ก็เหมือนฟ้าลิขิมาให้เขาต้องเลือกเส้นทางเดินสายนี้ และที่พีเอสวี ฝีเท้าของโรนัลโด้ ก็ยิ่งพัฒนามากขึ้นไปอีก และเริ่มเปล่งประกายความเป็นนักเตะอัจฉริยะที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์อันน่าเหลือเชื่อ

ในระหว่างนั้น โรนัลโด้ ยังได้ถูกเรียกตัวติดทีมชาติบราซิล ชุดลุยฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกาด้วย ซึ่งแม้จะไม่ได้ลงสนามแม้แต่นัดเดียวแต่เขาก็ได้เหรียญแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองด้วย ก่อนจะเริ่มต้นสอดแทรกตัวเป็นผู้เล่นทีมชาติบราซิลในยุคของคาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์ไรร่า





"โอ ฟีโนมีโน" หรือ "ปรากฏการณ์" คือคำจำกัดความของกองหน้าอัจฉริยะผู้มีฟันกระต่ายเป็นเอกลักษณ์รายนี้ ด้วยสไตล์การเล่นที่ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ทั้งสิ้น และไม่มีใครที่สามารถหยุดยั้งพลังการพุ่งตัวด้วยความเร็วราวกับจรวด สัมผัสบอลที่นิ่มนวล การสับขาหลอกที่ทำให้คู่ต่อสู้หลงทิศ และการจบสกอร์ที่เฉียบขาดราวกับติดเรดาร์ไว้ที่ปลายเท้า

โรนัลโด้ กลายเป็นที่ต้องการของสโมสรยักษ์ใหญ่ทุกทีมในยุโรปหลังทำผลงานเหลือเชื่อด้วยสถิติ 42 ประตูจาก 44 นัด และสุดท้ายก็เป็นบาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่แห่งสเปนที่ได้ตัวไปร่วมทีม



ในสีเสื้อเลือดหมูและมีขุนพลชั้นยอดรอบกายเต็มไปหมดก็ยิ่งทำให้โรนัลโด้ ทวีความเก่งกาจขึ้นชนิดที่ไม่มีใครเทียบได้ จนมีการเปรียบเปรยว่าโรนัลโด้ นั้นเก่งกาจราวกับ "เอเลี่ยน" จากนอกโลกเลยทีเดียว แต่อัจฉริยะลูกหนังคนนี้ก็อยู่กับทีมบาร์ซ่า ได้แค่ฤดูกาลเดียวก็ขอย้ายไปอยู่กับอินเตอร์ มิลาน ในอิตาลีแทน ทิ้งไว้เพียงผลงานน่าเหลือเชื่อด้วยจำนวนประตู 34 ลูกใน 37 นัด

ที่ซาน ซิโร่ โรนัลโด้ กลายเป็นนักฟุตบอลหมายเลขหนึ่งของโลกอย่างเต็มตัวกวาดรางวัลได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลก (1996 - อายุน้อยที่สุดที่ได้รับ ,1997) รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมยุโรป (บัลลงดอร์ - 1997) ) หรือจะเป็นผู้เล่นทรงคุณค่าของยูฟ่า (1998) แต่เมื่อถึงฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศส โรนัลโด้ ในฐานะกองหน้าความหวังสูงสุดของทีมก็ต้องผิดหวังเมื่อได้เพียงแค่รองแชมป์โดยแพ้ต่อเจ้าภาพไปขาดลอย 3-0 ในนัดชิงชนะเลิศ และตัวเขาเองก็มีอาการผิดปกติก่อนเกมจนมีเสียงลือออกมามากมายในเรื่องนี้



หลังจากนั้นฝันร้ายของเขาเมื่อเริ่มประสบกับปัญหาอาการบาดเจ็บมากมายจนแทบทำให้ท้อแท้อยากเลิกเล่นฟุตบอลไปเลย โดยเฉพาะในปี 2000 ที่โรนัลโด้ พักการเล่นไปยาวนานร่วมปีแต่กลับมาลงเล่นได้แค่ 7 นาทีก็ต้องบาดเจ็บอย่างรุนแรงซ้ำอีกครั้ง วันนั้นโรนัลโด้ ร่ำไห้อย่างไม่อายใครต่อโชคชะตาอันโหดร้าย

แต่เขากลับสามารถกลับมาลงเล่นได้อีกครั้งหลังใช้เวลาในการรักษานานนับปี และด้วยการดูแลประคบประหงมอย่างดีในที่สุดโรนัลโด้ ก็เริ่มต้นกลับมาทำผลงานได้น่าประทับใจ ซึ่งแม้จะเปลี่ยนสไตล์การเล่นจากที่เคยใช้พลังความเร็วเหนือธรรมชาติของตัวเองเป็นหลัก ก็มาใช้ชั้นเชิงและสัญชาติญาณในการล่าประตูแทน



โรนัลโด้ กลับมายืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกลูกหนังอีกครั้งในปี 2002 เมื่อสามารถนำบราซิล คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้สำเร็จโดยตัวเองแม้จะเพิ่งหายเจ็บกลับมาก็ยังสามารถคว้ารางวัลดาวซัลโวได้ด้วยการยิงจำนวน 8 ประตูด้วยกัน จบปีนั้นยังได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกอีกด้วย

แต่สำหรับชีวิตในสโมสร โรนัลโด้ ขอเลือกที่จะย้ายไปเล่นในสเปนอีกครั้งกับทีม "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 39 ล้านยูโรท่ามกลางข่าวลือความสับสนมากมาย โดยเฉพาะเรื่องความขัดแย้งกับเอคตอร์ คูเปร์ โค้ชอินเตอร์ มิลาน ในขณะนั้น



ที่ซานติอาโก เบอร์นาเบว โรนัลโด้ ได้รับการต้อนรับเยี่ยงราชาในฐานะหนึ่งใน "กาลาคติกอส" ของฟลอเรนติโน่ เปเรซ อดีตประธานสโมสรเรอัล มาดริด และผนึกกำลังร่วมกับสุดยอดนักเตะของโลกอย่างซีเนอดีน ซีดาน ,หลุยส์ ฟิโก้ ,ราอูล กอนซาเลซ และโรแบร์โต้ คาร์ลอส ช่วยกันพาทีมคว้าแชมป์ได้ในปี 2003 ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาด้วย

แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขก็ค่อยๆหมดไปอย่างรวดเร็ว เพราะเรอัล มาดริด มีปัญหาภายในทั้งในระดับบริหารและในระดับการจัดการทีม การเปลี่ยนแปลงโค้ชมากมายหลายหน้าบวกกับปัญหาสุขภาพร่างกายที่นอกจากจะเจ็บกระเสาะกระแสะแล้วยังมีเรื่องของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจนกลายเป็นนักเตะร่างอวบไป



ปัญหาน้ำหนักตัวยังทำให้โรนัลโด้ ถูกวิพากษ์วิจารณ์โจมตีจากประธานาธิบดีบราซิล ในระหว่างฟุตบอลโลก 2006 ซึ่งมีแต่ความสงสัยว่าโรนัลโด้ยังจะวิ่งไหวอีกหรือในยามนี้ แต่กระนั้นเขาก็ยังยิงได้ 3 ประตู ทำสถิติรวมในฟุตบอลโลกเป็น 15 ประตู ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลไปในทันที และเป็นการจารึกชื่อตัวเองไว้ในฐานะยอดนักเตะของโลกเทียบเคียงเปเล่ ราชาลูกหนังชาวบราซิลคนก่อน แม้ว่าโรนัลโด้ จะพลาดหวังแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 3 ของตัวเองก็ตาม

แต่หลังกลับมาจากฟุตบอลโลก โรนัลโด้ ก็ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บและเริ่มถูกมองข้ามจากฟาบิโอ คาเปลโล่ โค้ชชาวอิตาเลี่ยน ที่เชื่อใจรุด ฟาน นิสเตลรอย กองหน้าชาวฮอลแลนด์ที่เพิ่งย้ายมาจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากกว่าทำให้โรนัลโด้ จำใจต้องย้ายกลับมาเล่นในอิตาลีอีกครั้ง โดยมีเอซี มิลาน รับมาร่วมทีม

เวลานี้โรนัลโด้ แม้จะเริ่มเข้าสู่ช่วงบั้นปลายชีวิตลูกหนังแล้ว แต่ก็เริ่มทำผลงานได้ดีกับทีมรอสโซเนรี่ ด้วยความหวังลึกๆว่าจะกลับมายืนบนจุดสูงสุดของโลกและทำให้แฟนๆต้องจดจำชื่อของเขาในฐานะหนึ่งในสุดยอดกองหน้าในตำนานตลอดกาล

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

อวสานโล้นทองคำ 'โรนัลโด'


แต่ถ้าจะหานักฟุตบอลสักคนที่ได้รับการยอมรับว่า “ดีที่สุดคนหนึ่งเท่าที่โลกนี้เคยมี” คงไม่มีใครปฏิเสธว่า “โรนัลโด หลุยส์ นาซาริโอ เดอ ลิมา” หรือ “โรนัลโด” คือคนหนึ่งในจำนวนนั้น



แต่ชีวิตนักเตะของเขากำลังจะจบ ?

โรนัลโด เคยประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต ด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้ถึง 2 ครั้งกับทีมชาติบราซิล ในปี 1994 และ 2002 ถึงแม้ครั้งแรก เขาจะไม่ได้ลงเล่นเลยแม้แต่นาทีเดียวก็ตาม

นอกจากนั้น เขายังเป็นเจ้าของสถิติยิงประตูมากที่สุดในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย คือ 15 ประตู จาก 19 เกม ในเวิลด์คัพ 3 สมัยด้วย



ขณะที่เกียรติประวัติส่วนตัว “โล้นทองคำ” เคยได้รับตำแหน่งนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของฟีฟ่าถึง 3 ครั้ง ในปี 1996, 1997, 2002 และได้ตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมยุโรป (บัลลงดอร์) 2 ครั้ง ในปี 1997 และ 2002

นี่ยังไม่นับความสำเร็จในระดับสโมสรที่ยาวเป็นหางว่าว และสถิติเหลือเชื่อที่เขาทำเอาไว้มากมาย ยกตัวอย่างเช่นการยิง 12 ประตู จาก 13 เกม ให้ ครูเซโร, การยิง 55 ประตู จาก 57 เกมให้ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น และการยิง 47 ประตู จาก 49 นัดให้ บาร์เซโลนา

ทั้งหมดคือเกียรติประวัติที่นักฟุตบอลน้อยคนนักจะทำได้ และถือว่า โรนัลโด มีชีวิตการเล่นฟุตบอลอาชีพที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก

แต่เมื่อมองอีกด้านของเหรียญ

เขากลับเป็นคนที่เคยพบพานประสบการณ์เลวร้ายบนเส้นทางลูกหนังไม่น้อยกว่าใครในโลกเช่นกัน หลังจากพีคสุด ๆ กับ บาร์เซโลนา โรนัลโด ย้ายไปร่วมทีมอินเตอร์ มิลาน ในปี 1997 แต่เพียงแค่ฤดูกาลที่ 2 กับทีมงูใหญ่ เขาก็พบกับฝันร้ายครั้งแรก

วันที่ 21 พ.ย. 1999 ระหว่างเกมกับ เลชเช โรนัลโด รู้สึกเจ็บที่หัวเข่า ทำให้ต้องเขยกออกจากสนาม ทีมแพทย์ตรวจเข่า และลงความเห็นว่า เส้นเอ็นหัวเข่าขวาของเขาฉีกขาด และต้องเข้ารับการผ่าตัด อาการเจ็บดังกล่าวอาจจะน่าตกใจที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของนักเตะทุกคนก็จริง แต่ด้วยวัยเพียง 23 ปี โรนัลโด มีเวลาเหลือเฟือในการกลับมา และวันที่ 12 เม.ย. 2000 เขาก็กลับมาลงสนาม ในเกมโคปปา อิตาเลีย รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก กับ ลาซิโอ

แต่ใครจะคิดว่า

เขาจะมีเวลาอยู่ในสนามแค่ 7 นาที ก่อนที่จะเจ็บซ้ำที่เดิม คราวนี้ ดูเหมือนจะหนักหนากว่าคราวก่อน และถึงขั้นที่หลายคนบอกว่า อาจจะทำให้เขาต้องเลิกเล่นฟุตบอลทุกคนสงสาร โรนัลโด จับจิต แต่ในใจลึก ๆ ไม่มีใครคิดว่าเขาจะกลับมาเหมือนเดิมได้อีกแล้ว เพราะช่วงเวลา 3 ปี ที่น่าจะเล่นฟุตบอลได้ดีที่สุดในชีวิตถูกพรากไปพร้อมการเจ็บหนัก



แต่ โรนัลโด ก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจ

เพราะหลังจากผ่าตัดไป 2 ครั้ง, พักไป 20 เดือน และไม่ได้ลงเล่นเลยตลอดฤดูกาล 2000-2001 เขากลับมาได้อีกครั้ง แถมยังคงความเป็นนักฟุตบอลคนเดิมไว้ทุกประการ เขายิง 8 ประตู พา บราซิล คว้าแชมป์โลก สมัยที่ 5 เมื่อปี 2002 พร้อมกับที่ตนเองก็คว้าตำแหน่งนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลก ครั้งที่ 3

ชีวิตนักฟุตบอลของ โรนัลโด “รีสตาร์ต” อีกครั้ง เขาเลือกเริ่มต้นใหม่ ด้วยการย้ายไปร่วมทีมรีล มาดริด ด้วยค่าตัวถึง 20 ล้านปอนด์ และยิงไป 102 ประตู จาก 174 เกม ตลอดเวลา 5 ปี ในซานติอาโก เบอร์นาบิว ถึงตอนนี้ ไม่มีใครจำได้อีกแล้วว่าเขาเคยเจ็บหนัก

โรนัลโด เดินตามวิถีนักฟุตบอลอาชีพต่อไป ด้วยการย้ายไปร่วมทีมเอซี มิลาน ตอนต้นปี 2007 น่าเสียดายที่การผจญภัยครั้งนี้ เขามีปัญหาเรื่องสภาพ ร่างกายรบกวน โดยเฉพาะน้ำหนักตัวที่มากเกินควร

เวลาในซานซิโร

ส่วนใหญ่ของเขาหมดไปในห้องพยาบาล แต่กระนั้น มันก็เป็นอาการเจ็บที่ไม่หนักหนา และเป็นปกติของนักฟุตบอลที่อายุเริ่มเยอะ จนกระทั่งวันที่ 13 ก.พ. 2008 โรนัลโด พบกับฝันร้ายที่สุดในชีวิตเป็นครั้งที่ 3 แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เมื่อเอ็นหัวเข่าซ้ายของเขาฉีกขาดอย่างรุนแรง ระหว่างเกมกับ ลิวอร์โน

มันเป็นการเจ็บเหมือนที่ 2 ครั้งแรก

ไม่มีผิด เพียงแค่เปลี่ยนข้างกันเท่านั้น และหลังจากเข้ารับการผ่าตัดโดย ศ.ดร.เชราร์ ไซยองต์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญคนเดิม ปรากฏว่า โรนัลโด ต้องพักไม่ต่ำกว่า 9 เดือน ช่วงเวลาดังกล่าว ไม่มากไม่น้อยกว่า 2 ครั้งแรก แต่อย่าลืมว่า ตอนนี้เขาอายุ 31 ย่าง 32 ปี และด้วยวัยขนาดนี้ การรักษาให้หายกลับมาปกติย่อมไม่ง่ายเหมือนตอนหนุ่ม ๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมันเป็นอาการบาดเจ็บเหมือนครั้งก่อน ๆ ที่ โรนัลโด รู้ดีว่า การกลับมานั้นยากแค่ไหน และจะยากมากยิ่งขึ้นขนาดไหนในครั้งนี้ แม้แต่ ไซยองต์ เองก็ยังยอมรับว่า ถึงแม้การผ่าตัดจะประสบความสำเร็จ แต่การจะกลับมาเล่นฟุตบอลได้หรือไม่ขึ้นอยู่ที่เจ้าตัวเป็นสำคัญ

เพราะนอกจากขั้นตอนการรักษาแล้ว ขั้นตอนการพักฟื้นก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน ซึ่งจุดนี้ต้องอาศัยพลังใจเป็นอย่างมาก และถ้าหากไม่มีความมุ่งมั่นระดับฝนทั่งให้เป็นเข็ม ใช่ว่าจะผ่านไปได้ง่าย ๆ

ถ้าหากต้องการจะทำจริง ๆ โรนัลโด ทำได้แน่นอน เพราะเขาแสดงให้เห็นมาแล้วหลายครั้ง

แต่หลังจากประสบความสำเร็จมาแล้วทุกอย่างในชีวิต บวกกับการต้องกลับไปจมอยู่กับฝันร้ายเดิม ๆ นานเป็นปี ทำให้น่าสงสัยเหมือนกันว่า โรนัลโด ยังเหลือไฟในตัวเพียงพอที่จะทำหรือไม่ ?

แน่นอนว่า แฟน ๆ ทุกคนทั่วโลก พร้อมเป็นกำลังใจให้เขาเสมอ และอยากเห็นเขาสร้าง “ปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 3” ด้วยการกลับมาลงสนามอีกครั้ง

แต่หลังจากที่ให้ความสุขกับทุกคนมานาน คงไม่มีใครต่อว่า โรนัลโด ได้ ถ้าหากเขาจะคิดท้อแท้หรือเหนื่อยจนไม่อยากกลับมาอีกแล้ว

เพราะไม่ว่าจะยังไงเขาก็จะยังคงได้รับการจดจำในฐานะหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของโลกตลอดไปอยู่ดี






Create Date : 30 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 13 กรกฎาคม 2552 12:49:39 น. 3 comments
Counter : 4815 Pageviews.

 
สุดยอดนักเตะของโลก ตัวจริงครับ
ครบเครื่องที่สุด เท่าที่เคยมีมา


โดย: โชคห่าน IP: 124.122.199.118 วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:17:10:23 น.  

 
สนามคนเยอะมากกูไม่มีที่นั่ง
กูต้องยืนไอสัสตังก็เสีย


โดย: TAE IP: 192.168.3.20, 202.143.179.131 วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:8:45:36 น.  

 
ชื่อนี่ สุดยอดครับ


โดย: โรนัลโด้ IP: 125.24.122.206 วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:21:38:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ล่องแม่ปิง
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




อังกฤษเป็นชาติที่เริ่มเล่นฟุตบอล แต่บราซิลเป็นชาติที่สอนการเล่นฟุตบอล

มีคำพูดธรรมดาๆประจำฟุตบอลโลกอยู่ประโยดหนึ่งว่า"ฟุตบอลโลกที่ไม่มีบราซิล ก็ไม่ใช่ฟุตบอลโลก"


จะจริงเท็จประการใด แฟนบอลทั่วโลกยังไม่เคยทราบ เพราะที่ผ่านมา 20 ครั้ง และครั้งที่ 21 ในปี 2018 บราซิลยังคงได้เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายอิกครั้ง ในฐานะเจ้าภาพ


ผมยังนึกไม่ออกว่าหากบราซิลไม่สามารถผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก ฟุตบอลโลกในปีนั้นจะขาดอะไรไปบ้าง....มนต์ขลังลีลาแซมบ้า. สีเขียว-เหลืองที่แต่งแต้มฟุตบอลโลกทุกครั้งเสมอมา หรือกองเชียร์ที่แต่งองค์ทรงเครื่องกันมา น้องๆขบวนพาเหรดงานคานิวัล ผมว่าคงไม่เกิดขึ้นในรุ่นของผมนะครับ
Friends' blogs
[Add ล่องแม่ปิง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.