สตาร์จากบาร์เซโลนาเป็นฮีโร่ให้เหล่าแซมบ้าในเกมนี้ หลังกดฟรีคิกสุดสวยในช่วงท้ายเกม พาบ้านเกิดคว้าชัยประเดิมการหวนคุมทัพของคาร์ลอส ดุงก้า ได้สำเร็จ

คาร์ลอส ดุงก้า เทรนเนอร์ทัพแซมบ้า จัดทัพชุดใหญ่ใส่เต็มสูบ นำโดยเนย์มาร์ สตาร์ชื่อดังจากบาร์เซโลนา, วิลเลี่ยน, รามิเรส, หลุยส์ กุสตาโว และออสก้า

ด้านโคลอมเบียของกุนซือคนเก่งอย่างโฮเซ เปเกอร์มัน วางเตโอฟิโล กูร์เตียร์เรซ กับแจ็คสัน มาร์ติเนซ เป็นคู่หน้าไล่ล่าตาข่าย โดยมีฮวน กิลเยอร์โม กัวดราโด้ กับฆาเมส โรดริเกวซ คอยเติมเกมรุกทางริมเส้นซ้ายขวา ส่วนผู้รักษาประตูยังเป็นดาวิด ออสปินา นายด่านตัวใหม่ของอาร์เซนอลเช่นเคย

ช่วงต้นเกมเป็นบราซิลที่ครองบอลบุกได้มากกว่า และนาทีที่ 15 พวกเขาก็ได้ทักทายก่อน จากจังหวะที่ออสก้า เติมเกมรุกมาทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนเปิดเข้ากลางให้ดิเอโก้ ทาร์เดรี่ แปเน้นๆ บอลพุ่งถากเสาแรกออกหลังไปแบบได้ลุ้นเหมือนกัน

จากนั้น ในนาทีที่ 40 เป็นฝั่งโคลอมเบีย ที่มีโอกาสบ้าง จากจังหวะที่ฮวน กิลเยอร์โม กัวดราโด้ กระชากลากเรื้อยมาจากกราบซ้าย ก่อนหาโอกาสตะบันเลียดจากระยะประมาณ 25 หลา ทว่าเจฟเฟอร์สัน นายด่านแซมบ้ายังยืนตำแหน่งดีล้มตัวทุบบอลออกหลังไป จบ 45 นาทีแรกทั้งคู่ยังเสมอกัน 0-0 โดยรูปเกมต่างฝ่ายต่างเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด

เริ่มครึงหลังมาได้เพียง 4 นาที โคลอมเบียต้องมาเสียเปรียบเรื่องตัวผู้เล่น เมื่อฮวน กิลเยอร์โม กัวดราโด้ มาถูกใบเหลืองแดงไล่ออกจากสนามไป จากจังหวะที่เจ้าตัวไปกระแทกเนย์มาร์ ล้มลงหน้ากรอบเขตโทษด้านซ้าย ทำให้ผู้ตัดสินไม่มีทางเลือกควักใบเหลืองให้กับเจ้าตัวทันที

จากนั้นบราซิลก็โหมบุกกระหน่ำ และในนาทีที่ 57 พวกเขาก็เกือบได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะลูกฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลา และเป็นดาวิด หลุยส์ กองหลังตีนหนักรับหน้าที่วิ่งมากดด้วยขวาเต็มข้อ ดาวิด ออสปินา รับไม่อยู่ การ์ลอส ซานเชซ พยายามเคลียร์แต่เคลียร์ไม่ขาดบอลหลุดมาเข้าทางไมคอน ได้วอลเลย์ด้วยขวาเต็มข้อแต่บอลไม่ตรงกรอบ  

กระทั่งนาทีที่ 83 เหล่าสาวกแซมบ้าได้ส่งเสียงเฮกันลั่นสนาม จากจังหวะลูกฟรีคิกระยะประมาณ 23 หลาหน้าเขตโทษและเป็น เนยมาร์ รับหน้าที่บรรจงปั่นด้วยขวาส่งบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมเสาแรกเข้าประตูไปอย่างสุดสวย ช่วยให้บราซิลขึ้นนำ 1-0 

ท้ายเกมทั้งคู่เปิดเกมแรกกันอย่างสูสีแต่ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกมบราซิลเฉือนโคลอมเบียหืด 1-0 ประเดิมชัยต้อนรับการกลับมาคุมทีมอีกครั้งของคาร์ลอส ดุงก้า