ปล่อยวางเสียได้เป็นสุขอย่างยิ่ง
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
28 พฤศจิกายน 2549
 
All Blogs
 

สบายดี...หลวงพระบาง มรดกโลก

สะบายดี... ปะเทดลาว ... หลวงพระบาง “มรดกโลก”

การเดินทางไปเมืองมรดกโลก หลวงพระบาง ปะเทดลาว หรือ "สาทาละนะลัต ปะซาทิปะไต ปะซาซนลาว" สืบเนื่องมาจาก ครูแหวว น้องสาวป้าแก้ว ชวนลุงสุขและป้าแก้วไปเที่ยวหลวงพระบาง พร้อมด้วย หนุ่มน้อยนักเดินทาง คุณณพน ขวัญใจครูแหวว อีกคนหนึ่งรวมเป็นสี่ชีวิตด้วยกัน ความจริงครูแหวว แกชวนป้าแก้ว แล้วป้าแก้วแกมาชวนลุงสุขต่ออีกทีหนึ่ง เผอิญเป็นช่วงที่ลุงสุขว่างเว้นธุรกิจการงาน ประกอบกับเคยได้ยินชื่อเสียงของเมืองหลวงพระบางอันเป็นมรดกโลกอยู่บ้าง ลุงสุขซึ่งมีโรคหัวใจเป็นโรคประจำตัวคือเป็น “โรคใจง่าย” ก็เลยหลวมตัวรับปากรับคำตกลงร่วมเดินทางไปด้วย
ครูแหววแกจัดการเรื่องเดินทางทั้งหมด ตั้งแต่ตั๋วเครื่องบิน เช่ารถตู้ และที่พักที่หลวงพระบาง โดยตอนแรกยังไม่แน่ใจว่าจะเดินทางแบบไหน
เริ่มจากการจองตั๋วเครื่องบิน ไปหลวงพระบางโดยตรง ปรากฏว่าเครื่องเต็ม ไหนๆก็วางแผนเที่ยวกันแล้ว ครูแหววแกไม่ยอมแพ้ ถึงขนาดคิดจะลงทุนนั่งเครื่องไปลงอุดร แล้วนั่งรถตู้ไปหนองคาย เข้าเวียงจันทร์อีกทีหนึ่ง โดยให้รถตู้จากเมืองลาวข้ามมารับที่อุดร
แต่โชคเข้าข้างเล็กน้อย ปรากฏว่าได้ตั๋วแอร์ลาว บินตรงเข้าเวียงจันทร์เลย ประหยัดแรงงานไปได้หลายกิโล
แต่ต้องค้างคืนที่เวียงจันทร์คืนหนึ่ง แต่ก็ดี ได้โอกาสชมเมืองเวียงจันทร์ไปด้วย..

เริ่มต้นออกเดินทาง เป็นวันสุดสัปดาห์ของอาทิตย์ คือเย็นวันศุกร์ การบินด้วยสายการบินลาวทำให้ได้บรรยากาศตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง

เป็นเที่ยวบินรอบบ่าย เวลาประเทศไทย ถึงเมืองเวียงจันทร์ เย็นๆ เป็นเครื่อง ATR แบบเดียวกับสายการบินบางกกอแอร์เวย์ แต่เครื่องโทรมกว่าเยอะ น่าเสียดายที่ไม่สามารถถ่ายรูปบนเครื่องบิน ของสายการบินลาวได้
เริ่มเดินทาง:
ลุงสุขหอบกระเป๋าสัมภาระไปรับป้าแก้วที่บ้านแล้วนั่งแท็กซี่ตรงไปสนามบิน โดยนัดเจอ ครูแหววกับคุณณพน ที่สนามบิน เพราะคุณณพน ต้องแวะ ทักทายแพทย์ประจำตัวก่อนออกเดินทาง บ่ายวันศุกร์ รถติดพอสมควร พอถึงสนามบินป้าแก้วแกเกิดหิวขึ้นมา ลุงสุขเลยต้องพาแกไปหาอะไรรองท้องก่อน กินยังไม่ทันเรียบร้อย ครูแหววก็โทรเข้ามือถือของลุงสุข ว่าเธอมาถึงแล้ว เลยจัดการอาหารอย่างด่วน แล้วลงไปเจอครูแหวว กับณพน เพื่อเช็คอิน เพราะตั๋วเครื่องบินอยู่ที่ครูแหวว

การเช็คอินเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ลุงสุขไม่เคยขึ้นเครื่องบินก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะเป็นครั้งแรกที่จะได้โกอินเตอร์ เหิรฟ้าไปต่างแดนกับเขาบ้าง เพราะแต่อ้อนแต่ออกมาก็ไม่เคยบินกับเขาสักที คราวนี้จะบินให้นกได้อายกันบ้าง วันนี้มีคนเดินทางค่อนข้างเยอะ ด่านตรวจคนเข้าเมือง ความจริงน่าจะเป็นด่านตรวจคนออกจากเมืองมากกว่า หนาแน่นคับคั่ง แต่ละช่องตรวจมีแถวค่อนข้างยาว แต่เจ้าหน้าทีทำงานเข้มแข็ง และรวดเร็ว
ผ่านด่านตรวจไปได้ ดูที่ตั๋ว ก็ใกล้เวลาเครื่องออกแล้ว เลยเดินแกมวิ่งไปรอขึ้นเครื่องที่ประตูทางออก สายการบินลาวไม่ได้เข้าเทียบชานชลา แบบเดินขึ้นเครื่องได้เลย ต้องไปนั่งรอรถบัสที่จะมารับไปขึ้นเครื่องอีกทีหนึ่ง แต่ก็รอไม่นานนัก ประมาณสัก 4-5 นาทีก็มีประกาศให้ขึ้นเครื่องได้ มีพนักงานพาไปส่งถึงประตูรถ จากชานชลา กว่าจะถึงเครื่องนานพอสมควร โดยเฉพาะยืนไปในรถทีค่อนข้างแน่น เพราะมีผู้โดยสารหลายสิบคน ขึ้นมาในรถคันเดียว และรถแบบนี้จัดให้มีที่นั่งน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นที่ยืน คงจะเป็นด้วยวิ่งไปใกล้ๆ ไม่ต้องนั่งก็เป็นได้ รถบัสวิ่งตัดทางวิ่งของเครืองบิน บางครั้งก็ต้องจอดรอให้เครื่องบินผ่านไปก่อน เพราะเป็นทางวิ่งของเครื่องบินไม่ใช่ทางวิ่งของรถ

พอถึงเครื่อง พนักงานก็ต้อนให้ขึ้นเครื่อง ทางประตูหลัง รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะคิดว่าเครื่องบินจะมีขนาดใหญ่ แบบที่เห็นจอดอยู่ในลานจอด แต่เครื่องที่ไปมีขนาดเล็ก เรียกว่าใหญ่กว่ารถเมล์หน่อยหนึ่ง ที่นั่งก็มีอยู่ 4 แถว แบ่งเป็น 2 ด้าน ด้านซ้ายและด้านขวา ด้านละ 2 แถว มีทางเดินตรงกลาง คำนวนด้วยสายตา น่าจะจุผู้โดยสารได้ประมาณ 60-70 ที่นั่ง พอเข้าไม่นั่งในเครื่องแล้ว มีความรู้สึกไม่แตกต่างจานั่งรถ บขส. เท่าใดนัก




เที่ยวบินนี้ผู้โดยสารเต็มเครื่อง เรียกได้ว่าไม่มีที่นั่งว่างเลย พอผู้โดยสารขึ้นเครื่องพร้อมกันแล้ว นักบินก็สตาร์ทเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม เจ้าหน้าที่ตรวจดูความเรียบร้อยของผู้โยสาร ว่ารัดเข็มขัดที่นั่งดีหรือยัง พร้อมทั้งสาธิตวิธีการเอาตัวรอดหากเกิดอุบัติเหตุทางอากาศ เป็นภาษาลาว และภาษาอังกฤษ ซึ่งลุงสุข ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แล้วเครื่องบินก็เริ่มเคลื่อนที่ วิ่งไปตามทางวิ่ง แล้วไปจอดรอเพื่อเหิรขึ้นฟ้าตามลำดับ การจราจร ที่พนักงานจราจรทางอากาศจัดสรรให้ ไม่นานเครื่องก็เริ่มเคลื่นที่อีก คราวนี้เร่งเครื่องเต็มที่ เสียงดังกระหึ่มไปทั้งลำ แล้วเครื่องก็ทะยานขึ้นฟ้า ไต่ระดับไปตามยอดเมฆ สูงขึ้นเรื่อยๆ
พอเครื่องบินรักษาระดับได้ดีแล้ว พนักงานก็เริ่มนำอาหารและเครื่องดื่มอกมาเสิร์ฟ ลุงสุขเริ่มด้วยน้ำส้ม ในถ้วยพลาสติก รสชาดดีพอสมควร แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่น้ำส้มคั้นสดๆ แบบที่บ้านลุงสุขแน่ ตามด้วยอาหารกล่อง ภายในบรรจุด้วยแซนวิช ใส้หมูแฮม ขนมเค้ก และกล้วยหอมลูกเขื่องสีเขียวสด ลุงสุขนึกในใจว่าเครื่องบินลาวนี่แปลก เสิร์ฟกล้วยหอมดิบ แล้วใครจะกินเข้าไปได้ เพราะกล้วยหอมไทย ถ้าสุกแล้วต้องมีสีเหลืองนวล หลังจากจัดการเจ้าแซนวิชกับขนมเค้กเสร็จแล้ว ก็เลยลองปอกกล้วยดู ปรากฎว่ากล้วยหอมเขียวนั้นสุกแล้ว ขนาดกำลังรับประทานเลย ไม่ดิบ หรืองอมเกินไป และรสชาดอร่อยใช้ได้ไม่แพ้กล้วยหอมไทย
ระหว่างที่จัดการอาหารอยู่นั้นนักบินก็ส่งเสียงมาทักทายผู้โดยสาร พร้อมทั้งแนะนำตัว ปรากฎว่าพูดภาษาไทย ได้ชัดเจนดี ฟังจากชื่อน่าจะเป็นนักบินไทยมากกว่าเป็นนักบินลาว เพราะเวลาพนักงานต้อนรับพูดกับผู้โดยสารผ่านเครื่องขยายเสียงมานั้นจะใช้ภาษาลาว และภาษาอังกฤษ แต่นักบินใช้ภาษาไทย น่าจะเป็นคนไทยมากกว่า
หลังจากอิ่มหน่ำสำราญแล้ว ก็เอาหนังสือของสายการบินลาวมานั่งอ่าน ปรากฎว่าเป็นอักษรลาวทั้งหมด ป้าแก้วแกก็เลยถามว่าอ่านออกหรือ ลุงสุขก็เลยอ่านให้แกฟัง ตะกุกตะกักเหมือนนักเรียนป. ๑ เริ่มหัดอ่านหนังสือ เพราะตัวหนังสือลาว กับตัวหนังสือไทยไม่แตกต่างกันมา เรียกได้ว่าพอเดาๆ ได้ ว่าออกเสียงว่าอย่างไร แต่ออกเสียงมาแล้วคงเป็นคำลาวที่เพี้ยนๆ น่าดู เพลิดเพลินกับตัวหนังสือลาวไม่นานก็รู้สึกว่าเครื่องบินเริ่มลดระดับลง เพื่อร่อนลงที่สนามบินเวียงจันทร์
ตอนลงจากเครื่องลุงสุข เลยถือโอกาสขอหนังสือของสายการบินเล่มนั้นติดมือมาด้วย เพื่อจะเอาไว้ศึกษาระหว่างท่องเที่ยวประเทศลาว

สนามบินที่เวียงจันทร์นี้เล็กมาก เทียบได้กับสนามบินต่างจังหวัดของไทย ประมาณสนามบินของแก่น หรืออุบล เรียกได้ว่าเล็กว่าสนามบินเชียงใหม่ เสียอีก และสงบเงียบมาก การผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองก็ไม่ยุ่งยากเรียกว่าผ่านตลอด พอออกมาด้านนอก “อ้ายกร” เจ้าของรถตู้ที่ครูแหววติดต่อไว้ รออยู่ด้านอก เข้ามาทักทายครูแหวว ตอนแรกลุงสุขคิดว่า ครูแหววเคยเจออ้ายกรมาก่อนจึงได้รู้จักกัน แต่ความจริงแล้ว ทั้งคู่ไม่เคยเจอกันมาก่อนยกเว้นคุยกันทางโทรศัพท์เท่านั้น นับว่าเป็นประสบการณ์ของคนทำงานต้อนรับนักท่องเที่ยวชองลาวเลยทีเดียว ที่สามารถสังเกตุแขกที่ตนเองมารับได้ และเข้ามาทักทายได้ถูกคนด้วย ซึ่งลุงสุขก็ไม่ได้ถามอ้ายกรว่ารู้ได้อย่างไรว่าคนไหนเป็นแขกของอ้ายกร คงจะดูท่าทางเก้ๆกังๆ ของผู้ที่มาใหม่ก็เป็นได้ เพราะเที่ยวนั้นมีแต่ผู้ที่คุ้นเคยกับสนามบินเวียงจันทร์ เป็นอย่างดี ไม่มีใครเดินเหลี่ยวหน้าเหลียวหลังแบบคณะของลุงสุขเลยสักคนเดียว
อ้ายกร กับครูแหว ทักทายกันสนิทสนม เหมือนเคยพบเจอะเจอกันมาหลายปีแล้ว ซึ่งอ้ายกรก็จัดแจงนำสัมภาระที่พวกเราทั้ง 4 คน หอบหิ้วมาจากกรุงเทพฯ ไปขึ้นรถตู้ แล้วพาออกจากสนามบิน โดยอ้ายกรบ่นนิดหน่อยเรื่องค่าจอดรถในสนามบิน



อ้ายกรบอกว่าดูที่พักไว้ให้ สองสามแห่ง แต่จะพาไปดูก่อนว่าพอใจที่ไหน แต่ที่หลวงพระบางนั้นจัดการจองไว้เรียบร้อยแล้ว ไปที่แรก ครูแหววดูไม่ค่อยพอใจเท่าใด อ้ายกรจึงพาไปอีกที่หนึ่ง เป็นเกสท์เฮ้าส์ ริมแม่น้ำโขง สภาพใหม่พอสมควร ทุกคนตกลงที่จะพักที่นี่ ได้ต่อรองราคากัน เจ้าของไม่ยอมลดราคาให้เลย ทั้งๆที่ดึกแล้ว ไม่มีโอกาสที่จะมีแขก วอร์คอิน เข้ามาอีกแล้ว เพราะเที่ยวบินที่เรามาก็เป็นเที่ยวสุดท้ายแล้วด้วย แต่เจ้าของแกก็ไม่ยอมลดราคาให้ ถ้าเป็นเมืองไทย น่าจะได้ลดสัก 10-20 % เพราะปล่อยห้องว่างไว้ก็ไม่ได้เงิน แต่เจ้าของเธอดูไม่ค่อยสนใจ คงกลัวว่าจะเสียราคา ที่ตั้งไว้ หรืออย่าไรไม่ทราบได้
คณะพรรคสี่สหาย เก็บของเข้าที่ ก็เริ่มตระเวณราตรีกัน อ้ายกรขับรถวนพาชมรอบๆเมือง ป้าแก้วกับ ณพน แกเกิดหิวขึ้นมา อ้ายกรเลยพาไปกินแหนมเนืองเจ้าอร่อยของเวียงจันทร์ ร้านแหนมเนืองที่นี่ขายแต่แหนมเนืองอย่างเดียว แต่จะเรียกว่าอย่างเดียวก็ไม่ได้เพราะมีอาหารญวนอย่างอื่นด้วย เช่น เฝอ ป่อเปี๊ยะสด และป่อเปี๊ยะทอด ต้องยอมรับว่าแหนมเนืองที่ร้านนี้อร่อยจริงๆ แต่ลืมที่จะจดชื่อร้าน และถนน สำหรับสูตรแหนมเนืองของที่นี่จะห่อด้วยแป้งป่อเปี๊ยะแข็ง คนกรุงเทพไม่เคยกินแป้งแข็งแบบนี้เลยขอน้ำเขามาแช่ให้นิ่มหน่อย ก็ไปเหยียบเมืองลาววันแรกยังไม่รู้เรื่องยังไม่รู้ขนบธรรมเนียการกินการอยู่ของเขานี่ครับ ก็เลยเซ่อๆ ซ่าๆ ไปขอน้ำเขามาแช่แป้งปอเปี๊ยะ คิดว่าเขาลืมแช่ให้นิ่มก่อนจะเอามาเสริ์ฟ (แต่ไปกินร้านไหนที่เมืองลาวก็มาแป้งแข็งๆแบบนี้แหละ) ซัดแหนมเนืองกันจนพุงกาง จ่ายค่าแหนมเนืองไปสองหมื่นกว่า เสร็จแล้วก็เลยบอกอ้ายกรให้พากลับที่พัก เพราะพรุ่งนี้จะต้องเดินทางไกล นัดอ้ายกรมารับแต่เช้า เพราะอยากจะออกมาหาอาหารเช้าแบบลาวๆ กินกันด้วย
ก็เป็นอันจบการเดินทางในวันแรก ณ. ที่พักริมโขง

(ยังมีต่อ)




 

Create Date : 28 พฤศจิกายน 2549
0 comments
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2549 14:55:45 น.
Counter : 920 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


บรมสุข
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




บรมสุข ชอบท่องเที่ยวทัศนาจร แต่ไม่ค่อยมีโอกาส เพราะปัญหาด้านการงาน และเศรษฐกิจ เป็นหลัก.
ชอบศึกษาพระพุทธศาสนา แต่ไม่ใช่คนเคร่งศาสนา.
ชอบอาหารอร่อยๆ แต่ไม่ชอบทำกับข้าว เพราะไม่ชอบล้างจาน
ชอบถ่ายภาพธรรมชาติ, ชีวิตผู้คน, สัตว์, ต้นไม้, ดอกไม้.

ชอบการมีชีวิตที่เรียบง่าย, อยู่ง่าย,กินง่าย(ถ้าอาหารอร่อย), นอนง่าย
อาหารจานโปรด ไข่เจียว (ชอบเจียวเอง)

จังหวัดที่หลงรัก ภูเก็ต, เชียงใหม่, เชียงราย

จังหวัดที่อยากไป แม่ฮ่องสอน (เพราะไปไม่เคยถึงสักที มีเหตุให้ต้องกลับก่อนถึงแม่ฮ่องสอนทุกที)

จังหวัดที่ไปบ่อย จันทบุรี (ไปทำบุญกับวัดที่ศรัทธาเป็นประจำทุกปี)

Friends' blogs
[Add บรมสุข's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.