"ควรเลือกที่จะมีชีวิตที่มีความสุข และดีที่สุดกับคนดีของเรา เพราะชีวิตที่ถูกใช้ ไม่ว่าจะใช้ไปอย่างมีความทุกข์หรือความสุข ก็ไม่อาจเรียกชีวิตคืนได้ทั้งสิ้น.." ท่าน ว.วชิรเมธี Free Image Hosting "ขอบคุณที่เคียงข้างไปกับคนที่มีโลกส่วนตัวสูงอย่างฉัน..ขอบคุณที่เรารักกัน" ... & thank you for pretty family all about of love .. ระวังในการใช้ชีวิต และรอบคอบในการใช้หัวใจมากขึ้น ^_^
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
15 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 
รักของข้าแผ่นดิน .. ตอน 5

ตอนที่  5

 



 



 


“ารีน่า หลานรัก ป้าจะเล่าให้ฟัง ศารยา คือลูกสาวของนายทหารคนสนิทของท่านปู่ของหลาน ศารยารูปร่างหน้าตาผมหยักศกเหมือนกับหนูไม่มีผิด เพียงแต่หนูดูจะสูงและผมยาวกว่าสักหน่อย ..ศารยาน่ะ  เป็นคู่หมั้นคู่หมายกับท่านพ่อของลูกตั้งแต่เยาว์วัย”

 


“หา”

 


ชลลดาอุทาน ยกมือขึ้นทาบหน้าอกด้วยความตกใจ เพราะหล่อนไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน ตรัยยะคุณ หรือท่านฟารุค มีคู่หมั้นมาก่อนแล้ว

 


“ขอโทษที่ทำให้เธอตกใจนะ ท่านหญิงชลลดา”

 


“เอ่อ!  มิได้ หม่อมฉัน เพียงแต่...”

 


“ฉันเข้าใจ ฟารุคคงไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเธอมาก่อน แค่เรื่องกำลังจะมีพิธีสถาปนาฟารุคเป็นองค์รัชทายาท และปราบดาภิเษกเป็นเจ้าครองนครคนใหม่ของอคีตา ฟารีนาต้องเป็นเจ้าหญิง และเธอต้องครองตำแหน่งราชินีอคีตา นี่ก็คงทำหัวใจแทบวายกันอยู่แล้ว ยังมีเรื่องศารยาอีก

 


มีช่วงเวลาที่พวกเธอยังไม่รู้ ช่วงเวลานาทีชีวิตของฟารุค  ที่หากไม่มีวันนั้นก็คงไม่มีวันนี้ และกว่าครอบครัวเราจะผ่านพ้นมันมาได้สาหัสนัก   เอาล่ะ  ฉันจะเล่าให้ฟัง จะได้ไม่ต้องมีเรื่องใดเป็นความลับต่อกันอีก”

 


 ท่านหญิงฟียา เล่าถึงเรื่องราวในอดีตอย่างขมขื่น เหมือนเหตุการณ์ไม่เคยลบจากความทรงจำสักเสี้ยววินาที

 



 


“ท่านพี่ฟารุค ดูนี่สิเพคะ รยา  สานกระเป๋าใบนี้ให้ท่านหญิงฟียา มันดูดีหรือยังเพคะ”

 


หญิงน้อยศารยา ในวัย 14 ย่าง 15 ปี ผิวขาวร่างเล็กบอบบาง ผมหยิกหยักศก น่ารักนัก ดวงตากลมโตของหล่อนกำลัง เพ่งพินิจกระเป๋าที่สานจากใบผักตบชวาในมืออย่างพินิจพิจารณา หล่อนเกรงว่าจะไม่สวยพอในการมอบให้ผู้อื่น โดยเฉพาะท่านหญิงฟียา ผู้ที่เก่งเรื่องงานฝีมือกว่าใครในพระตำหนักฟารีย์แห่งนี้

 


“สวยแล้วน่า รยา ทำไม่น้องจะต้องชอบย้ำคิด ย้ำทำ คิดว่าตัวเองยังทำไม่ดี แล้วก็ทำใหม่เป็นร้อยหนอยู่นั่นแหละ แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่มันจะเสร็จล่ะ”

 


ท่านฟารุค หนุ่มน้อยวัย เกือบ 16 ปีเต็ม ตอบคู่หมั้นคู่หมาย ด้วยน้ำเสียงเอ็นดูปนสงสัย

 


“รยา อยากให้ทุกคนมีความสุข อยากเห็นท่านหญิงพึงพอใจ และท่านพี่ฟารุค ชอบสิ่งที่รยาทำ ช่วงนี้ทุกคนยิ่งมีแต่เรื่องวิตกจากปัญหาบ้านเมือง รยาไม่อยากเห็นใครทำหน้าเคร่งเครียดเพคะ”

 


“เชื่อพี่สิ รยา ต่อให้กระเป๋าใบนี้ ขี้ริ้วแค่ไหน พี่หญิงก็จะชื่นชม เพราะพี่หญิงโปรดรยามาก"”  

 


ท่านฟารุคพูดจากใจจริง ศารยา เป็นบุตรสาวคนเดียวของนายพลศิรา และคุณหญิงยาณี แต่คุณหญิงยาณีสิ้นบุญตั้งแต่ศารยาแบเบาะ  คราใดต้องออกรบ นายพลศิรา ต้องนำศารยา มาฝากแม่นมของท่านหญิงฟียาและท่านฟารุค ช่วยเลี้ยงอีกคน  จึงเสมือนว่าเด็กหญิงคนนี้ เป็นพระธิดาองค์เล็กของท่านฟาโทรี ท่านทรงมีพระเมตตาเอ็นดู จึงพระราชทานยศให้ศารยา เป็นหญิงน้อยศารยา

 


ความน่ารัก ช่างเอาอกเอาใจของศารยา จึงเป็นที่โปรดปรานของทุกคนในตำหนัก ท่านหญิงฟียา ที่แก่วัยกว่าถึง 8 ปี ก็ชอบที่ได้มีน้องสาวคอยเอาใจ และทำตามสั่งทุกอย่าง ส่วนท่านฟารุคที่แก่วัยกว่าศารยา เพียงปีเดียวก็เอ็นดูหล่อน ด้วยกิริยาที่เหมือนเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา

 


           แต่ด้วยความใกล้ชิด พบเห็นกันทุกวัน หล่อนจึงเสมือนเป็นน้องสาวคลานตามกันมา มากกว่าจะเป็นอย่างอื่น เมื่อถูกกำหนดให้หมั้นหมายเมื่อท่านฟารุคพระชนมายุครบ 15 พรรษา จึงไม่ได้มีสิ่งใดที่ฟารุคจะปฏิบัติต่อศารยาเป็นพิเศษไปกว่าปกติ 

 



 


“แล้วท่านพี่ฟารุคเล่าเพคะ โปรดน้องไหม ท่านพี่ฟารุคไม่เคยบอกน้องสักคำ ท่านพ่อบอกว่าองค์รัชทายาทให้เราเป็นคู่หมั้นกัน น้องก็เห็นว่าเราเหมือนพี่น้องกันมากกว่า น้องยังนึกภาพไม่ออก ถ้าเราโตขึ้น เราจะแต่งงานเหมือนอย่างท่านหญิงฟียา และ ท่านพี่ยะตรี อย่างนั้นหรือ ท่านพี่ฟารุค ไม่เห็นจะเท่ ช่างเอาใจรยา เหมือนอย่างท่านพี่ยะตรี เอาใจท่านหญิงสักนิด”

 


“พี่รู้หน้าที่พี่ดีหรอกน่า”

 


“คำก็หน้าที่ สองคำก็หน้าที่ ท่านพี่ฟารุค หมั้นกับรยาเพราะหน้าที่แค่นั้นสินะ ถ้าอย่างนั้น ท่านพี่ฟารุค คอยดูหญิงทำหน้าที่ของหญิงบ้างก็แล้วกัน”

 


ท่านหญิงศารยา ก้มหน้าร้องไห้และวิ่งหนีออกไปจากพระตำหนัก ท่านฟารุคถอนใจ คิดว่าท่านหญิงผู้น้องคงมีอาการงอนตามประสา คนไม่ได้ดังใจ แต่เขาหารู้ไม่ว่า การปล่อยท่านหญิงศารยาไปในวันนั้น จะมีสิ่งใดตามมา

 



 



 


…คืนวันปิศาจหมายพลิกแผ่นดิน เปลี่ยนฟ้า

 


“พระอาญาไม่พ้นเกล้า เกิดเรื่องใหญ่แล้วพะยะค่ะ นายพลตักตินส่งกำลังทหารมานำตัวเจ้าฟารียะไปแล้วพะยะค่ะ พร้อมนำกำลังทหาร และรถถังปิดล้อมพระตำหนัก พร้อมส่งคนยึดสำนักข่าว และสถานีโทรทัศน์ทุกแห่ง เตรียมออกประกาศคณะปฏิวัติเพื่อประชาราษฎร์ พะยะค่ะ”

 


“เลว บัดซบ”

 


ท่านฟาโทรี องค์รัชทายาท กล่าวคำสบถหลังรับรายงานจากนายทหารว่านายพลตักตินทำการปฏิวัติ จึงเรียกหานายพลศิรา เข้าพบเพื่อวางแผนแก้ไขสถานการณ์

 


“ขอเดชะ หม่อมฉันและครอบครัว พร้อมพลีชีพเพื่อปกปักรักษาสถาบันพะยะค่ะ”

 


“ลุกขึ้นนายพลศิรา ท่านบอกข้าสิ ท่านมีแผนการใดต่อกรกับไอ้พวกกบฏแผ่นดินพวกนั้น”

 


“พระอาญาไม่พ้นเกล้า เนื่องจากกองกำลังทหารขณะนี้  เกินกว่าครึ่ง เป็นกำลังฝ่ายนายพลตักตินทั้งสิ้น เนื่องจากนายพลผู้นี้ แม้จะเป็นคนหนุ่ม วัยเพียง 38  ปี แต่เป็นคนทะเยอทะยาน และยังมีฐานกำลังด้านทรัพย์สินธุรกิจมูลค่ามหาศาล ทำให้เติบโตเร็ว และยังร่ำรวยจากการทุจริตคอรัปชั่นโครงการใหญ่ของแผ่นดินหลายสิบโครงการ

 


 และมันยังได้นำเม็ดเงินหว่านให้กับเจ้าเมือง ที่ภายหลังมันได้เปลี่ยนตำแหน่งเสียใหม่เมื่อได้รับเลือกตั้งเป็นผู้บริหารรัฐ ให้ตำแหน่งเจ้าเมืองเดิม  เป็นตำแหน่งผู้นำเมือง ขึ้นตรงกับผู้บริหารรัฐ โครงการไหนใครอยากได้ มันก็จัดให้ ขอเพียงภักดีกับมันก็พอ ก็จะได้โครงการของรัฐไปแบ่งปันผลประโยชน์กัน

 


ทำให้คนคนนี้มีทั้งอำนาจการสั่งการในมือ และอำนาจเงินอีกมหาศาล ตอนนี้ต้องยอมรับว่ามันถือไพ่เหนือเราพะยะค่ะ เพราะปวงประชาข้าแผ่นดินอคีตา ไม่มีโอกาสรู้ข่าวที่แท้จริง เนื่องด้วยสื่อมวลชน ถูกมันยึดครองจนหมด ข่าวที่ป่าวประกาศ จึงมีแต่ผลงานการช่วยเหลือชาวบ้านด้วยโครงการกองทุนต่างๆ ที่กลายเป็นการสร้างนี้ให้กับชาวบ้าน แทนการสร้างความมั่นคงด้านวิถีชีวิตความเป็นอยู่ แต่ตอนนี้ชาวบ้านไม่รู้ในความชั่วของมันสักนิด

 


การปฏิวัติยึดอำนาจตนเองครั้งนี้ มั่นใจได้ว่ามันกระทำเพื่ออาศัยการณ์นี้ประกาศนิรโทษกรรมตนเองเสียจากความผิดในการฉ้อโกงทั้งมวล และก็จะอาศัยเสียงเรียกร้องของประชาชน ขอให้กลับสู่ตำแหน่งผู้บริหารรัฐต่อพะยะค่ะ

 


เกล้ากระหม่อมเกรงว่าหากเราแข็ง ก็ย่อมแพ้ทางการทหาร เราจึงต้องวางแผนการณ์อย่างรัดกุม เพื่อแทรกซึมเข้าสู่ขุมกำลังของมัน เพื่อให้คนของเราได้เข้าไปคานอำนาจมันไว้ก่อนพะยะค่ะ”

 


“ท่านเห็นควรทำอย่างไร นายพลศิรา แล้วความปลอดภัยของเสด็จพ่อเล่า เราไม่สบายใจจริงๆ”

 


“โปรดวางพระทัย เกล้ากระหม่อมเชื่อว่า นายพลตักติน ไม่กล้าทำอะไรใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ข้าพระพุทธเจ้าขอพระองค์เชื่อมั่น กระหม่อมและครอบครัวขออาสาทำหน้าที่ เพื่อปกป้องราชบัลลังก์ด้วยชีวิตพระยะค่ะ”

 


ท่านฟาโทรี สีหน้าเคร่งเครียด ถามกลับนายพลคนสนิทด้วยความไม่สบายพระทัย

 


“เจ้ากำลังหมายถึงคู่หมั้นฟารุค หญิงน้อยศารยางั้นหรือ เจ้าจะให้นางทำสิ่งอันใด”

 


“ข้าพระพุทธเจ้าสืบความมาได้ว่า พวกของตักติน มันเตรียมแผนจะเสนอขายสมุนไพร

 


อคีตาให้ต่างชาติเพราะมีหลายประเทศต้องการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์สมุนไพรของเรา

 


           แลกเปลี่ยนกับการให้พวกมันได้เข้าไปทำธุรกิจด้านการขนส่งกับต่างชาติที่ตักตินมันถือหุ้นอยู่ด้วย มันก็เลยต้องการคนมีความรู้ด้านนี้เขาไปทำตำราสมุนไพร แต่เวลานี้ผู้มีความรู้ล้วนเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ หลายคนล้มหายตายจาก  ศารยา มีความรู้ในเรื่องพืชสมุนไพร เพราะได้สนใจไต่ถามกับปู่ย่าตั้งแต่ยังเยาว์  กระหม่อมเห็นว่าครอบครัวของกระหม่อมน่าจะได้สละชีวิตปกป้องราชบัลลังก์  เราจะไม่ยอมให้มันขายภูมิปัญญาชาวอคีตาไปให้คนต่างชาติ ต่างแผ่นดินเป็นอันขาดพระเจ้าค่ะ

 



Free TextEditor

เช้าวันนี้ ตักตินส่งสาส์น ถึง แม่ทัพทุกเหล่า ให้เข้าร่วมการปฏิวัติ หากใครไม่เข้าร่วม หมายถึงประกาศเป็นศัตรู ซึ่งอีก 2 ชั่วโมงข้างหน้ามันจะใช้สื่อเพื่อประกาศแถลงการณ์
กระหม่อมเห็นว่า เพื่อความปลอดภัยของทุกพระองค์ หากเราใช้วิธีแฝงไปเป็นพวกกับมัน คงจะเป็นการดีที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้พะยะค่ะ และเพื่อให้ศารยาได้เข้าใกล้รับใช้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท กระหม่อมขอพระองค์บัญชาให้เกล้ากระหม่อมทำการณ์นี้เถิดพะยะค่ะ”
“เราไม่เห็นสมควรต่อการทำการณ์เช่นเจ้าว่านี้ แต่เมื่อไม่มีหนทางอื่น เราขอให้เจ้าดูแลใจและกายของตนให้ดี จงอย่าลืมว่า ..อำนาจนั้น เมื่อมันอยู่ในมือใคร บางทีมันอาจทำให้มือคู่นั้น เปลี่ยนใจของผู้ครองอำนาจ ได้อย่างไม่ทันรู้ตัว ขอเพียงใจเจ้าเข้มแข็ง รู้สำนึกในความรักชาติ รักแผ่นดิน อคีตาก็จะรอดปลอดภัย บัดนี้ราชบัลลังก์อยู่ในมือเจ้าแล้ว นายพลศิรา
ส่วนเรื่องหญิงน้อย ข้าขอถามนางด้วยตัวข้าเองเถิด ไม่เช่นนั้นหากนางเป็นอะไรไปข้าจะเสียใจไปตลอดชีวิต เพราะข้ารักนางดั่งลูกสาวแท้ๆ 14 ปี ที่นางวิ่งเข้าออกพระตำหนัก ซุกซน และช่างเอาใจใครต่อใคร นางทำให้ทุกคนในตะหนักมีแต่ความสุข ข้าไม่อยากให้นางตกอยู่ในอันตราย”
“กระหม่อมจะตามศารยา เข้าเฝ้าเป็นการด่วนพะยะค่ะ”

“ท่านพ่อเรียกลูกเข้าเฝ้า มีการณ์ใดรับสั่งพะยะค่ะ”
ท่านฟารุค ก้มกราบพระบาทพระบิดา เมื่อเงยหน้าจึงเห็นว่าในห้องมีศารยา อยู่ด้วย
“น้องหญิงรยา เจ้าก็อยู่นี่หรือ”
“ถวายบังคมเพคะ ท่านพี่ฟารุค”
ศารยา ไขว่แขนวางแนบหน้าอก ทอดสายบัวอย่างงดงาม ถวายบังคมตามราชประเพณี
“เอาล่ะ พวกเจ้าคงรู้แล้วว่าตอนนี้ สถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไป เสด็จปู่อยู่ในอันตราย เพราะต้องอยู่ในมือโจร พ่อเป็นองค์รัชทายาทก็จริง แต่ยังไม่มีอำนาจใดที่จะปกปักรักษาราชบังลังก์จากกลุ่มกบฏเหล่านี้ได้”
“มันจับเสด็จปู่ไปทำไมพะยะค่ะ มันจะทำอะไรพระองค์” ท่านฟารุคเสียงแข็ง ไม่พอใจที่มีคนคิดร้ายกับพระเจ้าแผ่นดิน
“ตอนนี้เราเหมือนอยู่ในที่แจ้ง แต่พวกมันอยู่ในที่มืด เราไม่รู้แผนการของมัน รู้เพียงว่าเป้าหมายของมันคืออำนาจสูงสุดบนแผ่นดิน มันต้องการเป็นเจ้าของอคีตา ...
ณ เวลานี้ นายพลศิรา ได้มาขอให้พ่อสั่งการให้เขาเข้าไปแฝงตัวกับพวกก่อการ ฉะนั้นเรากับนายพลศิรา ต้องเสมือนตัดขาดกันอย่างสิ้นเชิง ศารยา เจ้าเป็นลูกสาวของพ่อ เจ้าเห็นเป็นเช่นใด เจ้ายังเล็กนัก พ่อไม่เห็นสมควรให้เจ้าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
“พระอาญามิพ้น เนื่องด้วยความรู้ในสมุนไพรที่หม่อมฉันมี จะนำพาให้หม่อมฉันเข้าไปถึงตัวนายพลตักตินได้ เพราะตอนนี้มันกำลังบ้าที่จะใช้สมุนไพรเราเป็นเครื่องมือขายชาติของพวกมันเอาไปแลกกับการได้ขยายธุรกิจตระกูลตนเองกับต่างชาติ พ่อได้บอกข้อนี้กับหม่อมฉันแล้วเพคะ
หม่อมฉันขอพระองค์สั่งการให้หม่อมฉันพ้นจากตำแหน่งคู่หมั้น เพื่อให้หม่อมฉันเป็นพวกก่อการกบฏเช่นเดียวกับพ่อ และหม่อมฉันขอสัญญาด้วยชีวิต จะหาทางเข้าไปเพื่อได้อยู่รับใช้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทให้จงได้”
“ศารยา นี่มันเรื่องอะไรกัน ...ท่านพ่อทำไมนายพลศิราต้องไปร่วมกับพวกกบฏ ทำไมเราไม่นำทหารไปสู้ เพื่อเอาราชบัลลังก์คืน และพาเสด็จปู่ออกมา”
“บางเรื่อง มันก็ยากเกินจะอธิบาย ฟารุคเอ๋ย แม้ชาวอคีตาจะจงรักภักดีต่อสถาบันเพียงใด แต่เพราะความชั่วช้าแยบยลของไอ้ตักติน มันได้ใช้กระบวนการใต้ดิน จัดการแยกฟ้า ออกจากแผ่นดิน ทำให้ปวงประชาตัดขาดจากฟ้า
นับจากนี้.. ขอเพียงวันหนึ่ง ที่ฟ้าสื่อสารกับปวงประชาได้ วันนั้นราชบัลลังก์ของเราจึงจะปลอดภัย”
“แต่การไปร่วมกับพวกกบฏของศารยา กับนายพลศิรา ก็หมายความว่านายพลทุกคน ยอมศิโรราบไอ้ตักตินหมดแล้วงั้นสิ แล้วไอ้บ้านั่นมันจะทำอะไรท่านพ่อต่อ แล้วถ้าถูกจับได้นายพลศิราและศารยาจะเป็นอย่างไรพะยะค่ะ” ฟารุคออกความเห็นที่เขาไม่เชื่อว่าเป้าหมายของนายพลตักตินอยู่ที่การมีแต่ผู้ศิโรราบเท่านั้น
“แต่มันเป็นหน้าที่ หม่อมฉันและพ่อ ต้องทำ”
ท่านฟารุค มองหน้าสาวน้อยตรงหน้า รู้สึกเจ็บแปลบและแน่นหน้าอก แววตาและน้ำเสียงของหญิงน้อยศารยา ทำให้เขานึกถึงวันที่หล่อนก้มหน้าร้องไห้ เสียงพร่ำที่ว่า

“ท่านพี่ฟารุค คอยดูหญิงทำหน้าที่ของหญิงบ้างก็แล้วกัน..” จากวันนั้นที่หล่อนวิ่งหนีเขาไป จะนำมาซึ่งวันนี้ ..ที่มิอาจล่วงรู้ได้เลยว่าวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร



Create Date : 15 มีนาคม 2553
Last Update : 15 มีนาคม 2553 10:23:28 น. 1 comments
Counter : 325 Pageviews.

 



โดย: หน่อยอิง วันที่: 15 มีนาคม 2553 เวลา:10:35:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

boonpithak
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฉันภูมิใจที่ได้เกิดใต้ร่มพระบารมี
เย็นศิระเพราะพระบริบาล
ร่วมปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์...และจะขอเป็นข้าพระบาททุกชาติไป

ร่วมตอบแทนแผ่นดิน
มิใช่อยากแต่ครอบครอง
(ติดตาม..นิยาย 'รักของข้าแผ่นดิน' นะคะ)
********



ยินดีต้อนรับผู้มาเยี่ยมบ้านหลังนี้ทุกๆ ท่านค่ะ
บ้านนี้ไม่มี vip friends เพราะ "ทุกคนที่มาเยือนคือคนสำคัญ"
บ้านชิงช้าคนช่างฝัน ของผู้หญิงคนหนึ่งที่เกิดมา เพื่อจะต้องเข้มแข็ง..ในทุกเรื่อง!!!!
มองเข้ามาในบ้านหลังนี้
จะเป็นอีกมุมที่อาจขาดความเข้ม เพราะตราบที่ยังหายใจย่อมมีหลายเรื่องที่ต้องเป็นไปตามความอ่อนไหว
อาจไม่แข็งแกร่งในทุกสิ่งที่เผชิญ เพราะมีบางเรื่องต้องใช้ความอ่อนโยนในการก้าวเดิน .. ขอบคุณที่มาทักทายนะคะ"





"ฉันก็เหมือนคนทุกคน ที่มีรัก ก็อยากดูแลให้ดีที่สุด
ขอบคุณที่รักกัน และจะรักกันตลอดไป
ขอบคุณที่เข้าใจในคนอารมณ์อ่อนไหว
คิดมาก ฝันเยอะ มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง
ดีใจที่ดีต่อกันและห่วงใยกันและกันเสมอ
'รัก'
ต้องพูด
ต้องบอก
และต้องแสดงออก

ก็เพราะคนเราไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า
วันหนึ่งก็ต้องจากกัน..

ถ้าวันนึง ไม่มีฉันให้กอด แล้วเธอจะโทษใคร'


ทำทุกวินาทีที่ยังมีลมหายใจ ให้มีคุณค่าและมีความหมายที่สุด สำหรับคนที่เห็นคุณค่า และคนที่มีความหมาย..


.."บนภูเขา หรือ ทะเลไกล ชอบที่ไหน .. ชอบที่มีเธอ ในวงเล็บตอบ ฉันชอบที่มีเธอ"
ทะเลกลางสายฝน ..ใจอยู่กับทะเลแล้วค่ะ
Friends' blogs
[Add boonpithak's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.