"ควรเลือกที่จะมีชีวิตที่มีความสุข และดีที่สุดกับคนดีของเรา เพราะชีวิตที่ถูกใช้ ไม่ว่าจะใช้ไปอย่างมีความทุกข์หรือความสุข ก็ไม่อาจเรียกชีวิตคืนได้ทั้งสิ้น.." ท่าน ว.วชิรเมธี Free Image Hosting "ขอบคุณที่เคียงข้างไปกับคนที่มีโลกส่วนตัวสูงอย่างฉัน..ขอบคุณที่เรารักกัน" ... & thank you for pretty family all about of love .. ระวังในการใช้ชีวิต และรอบคอบในการใช้หัวใจมากขึ้น ^_^
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
21 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
รักไม่สมรส ... บทที่ 1

รักไม่สมรส


ดารีก์ รายา



รักร้าว


ร้างไกล


ไม่หวนกลับ


ลาลับ


ลอยเลื่อน


เลือนหาย


เหมือนฟ้า


ไร้ดาว


ส่องประกาย


เหมือนใจ


แหลกสลาย


ไม่สมรัก






Free TextEditor


Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 15 กรกฎาคม 2553 22:23:41 น. 4 comments
Counter : 402 Pageviews.

 
นี่บทนำหรือคะ จะได้แวะมาอ่านต่อ ชื่อเรื่องน่าสนใจมั่กๆค่ะ


โดย: Tukta21 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:07:17 น.  

 


 


1

 



 


             

 


                 มิสา  บอกกับตัวเองให้ลืมอดีต และทิ้งเรื่องร้ายๆ ไว้ที่กรุงเทพฯ หล่อนตั้งใจที่จะหลบมาตั้งหลักที่นี่ เมืองเล็กๆ ที่ธรรมชาติได้จัดวางให้มีภูเขาอันอบอุ่น และท้องทะเลอันงดงาม แต่งแต้มแผ่นดินเล็กๆ นี้ ให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น

 


                        หล่อนพาลูกสาววัย 4 ขวบ มาที่จังหวัดกระบี่ เมื่อ 5 เดือนก่อน จากนักท่องเที่ยว ผู้มาเยือน หวังจะหลบมาตั้งหลักสักพัก   แต่ 5 เดือนแล้ว หล่อนก็ยังไม่กลับ

 



 


                      “ไม่คิดจะกลับกรุงเทพฯ แล้วหรือมิสา จะปักหลักอยู่ที่นี่เลยหรือไร จะอยู่ลำพังกับลูกเล็กๆ ได้ยังไงกัน เราไม่ใช่คนที่นี่ ไม่รู้จักใคร รู้ไหมว่ามันอันตราย”

 


                      ตมิสาพยักหน้ารับฟังคำพูดที่แสดงความห่วงใยของพ่อ แม่ เพื่อนสนิท และคนที่รู้ข่าวคราวของหล่อน ที่แสดงความห่วงใยส่งต่อๆ กันมา ทำให้หล่อนรู้สึกว่าการจากมาของหล่อนดีเช่นนี้เอง ดีที่ได้รับรู้ในความอาทรของคนไม่กี่คน แต่มีจิตใจห่วงหากันด้วยใจจริง

 


                    แม้ว่าตมิสาจะเป็นนักเดินทางที่ทำตัวราวนกน้อยพเนจรค่ำไหนนอนนั่น มาตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตในวัยทำงานมาแล้วถึง 8  ปี

 


                   แต่ครั้งนี้ที่หล่อนเดินทาง ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะหากจะอยู่ที่ไหนนานๆ ก็ไม่เคยยาวเกิน 2 สัปดาห์  แต่นี่ ไม่เพียงตมิสาจะหายไปนานถึง 5 เดือน หล่อนยังหอบหิ้วลูกน้อย เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่เป็นที่รักของคนอื่นๆ มาด้วย

 


                  ความรู้สึกผิดที่ทำให้คนที่รักและคาดหวังในตัวหล่อนต้องผิดหวัง  ได้ฝังลึกอยู่ในใจของตมิสา  แม้จะไม่มีใครพูดจาดุด่าให้ต้องเจ็บช้ำ ซ้ำลงไปอีก  แต่หล่อนยอมรับกับตัวเองว่า บางครั้ง  ก็คิดอยากจะพาลูกหลบไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ให้ไกลแสนไกล  เพียงเพราะไม่อยากให้ตัวเองและลูก กลายเป็นภาระ และสร้างความอึดอัดใจให้กับใคร  .. โดยเฉพาะครอบครัว

 


                   ตมิสารู้ว่า หากทำอย่างที่คิด หล่อนคงไม่ได้รับการให้อภัยอย่างที่ได้รับในครั้งนี้แน่ ...ครอบครัวของตมิสา เป็นครอบครัวข้าราชการ ทั้งพ่อแม่ และญาติผู้ใหญ่ ต่างเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคมไม่น้อย สิ่งที่ไม่คาดคิดที่เกิดกับตมิสา จึงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยในครอบครัว

 


           แต่ในความเป็นผู้ใหญ่  แม้จะไม่พอใจในการกระทำของตมิสาก็ตาม แต่เมื่อเห็นแล้วว่าตมิสามีความทุกข์ในใจ สิ่งที่หล่อนได้รับหนักหนามากพอแล้ว จึงไม่มีใครพูดให้หล่อนรู้สึกสะเทือนใจซ้ำไปอีก  

 


                  “อะไรที่ผ่านมาแล้ว ก็ให้มันผ่านไปนะลูก เรารู้แล้วว่าใครเป็นอย่างไร ต่อไปก็จะได้ระวังตัวให้มากขึ้น ไม่ทำผิดพลาดอีก .. เป็นแม่คนแล้วนะ ..จะทำอะไร ตัดสินใจอะไรก็คิดให้ดีๆ”

 


                   แม้จะเสียใจและผิดหวังในตัวลูกสาว แต่คนเป็นพ่อ แม่ ก็ไม่อยากให้ลูกรู้สึกเหมือนถูกซ้ำเติม

 


                  เมื่อเวลาผ่านไป เหตุการณ์ที่เคยเป็นเรื่องใหญ่โต ก็อาจกลายเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว หรือกลายเป็นเรื่องธรรมดาๆ เรื่องหนึ่ง เมื่อชีวิตของแต่ละคน ต่างมีภาระหน้าที่ มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบต่างกันไป แต่ละวันก็มีเรื่องราวใหม่ๆ เกิดขึ้น สิ่งที่ผ่านไปแล้ว จบไปแล้ว ก็เป็นเพียงอดีต

 


                ตมิสาให้สัญญากับพ่อแม่ไว้ว่า ขอเวลาอีกเดือนจะพาเจ้าตัวน้อยกลับบ้าน เพราะตอนนี้ความคิดของหล่อนกำลังลื่นไหล งานเขียนของหล่อนจึงกำลังราบรื่น และลูกสาววัยกำลังซนก็กำลังสนุกสนานกับการได้ท่องเที่ยวท่ามกลางท้องทะเลและธรรมชาติอันบริสุทธิ์

 


              ตั้งแต่พาลูกมาอยู่ที่นี่ ตมิสาส่งต้นฉบับไปให้บรรณาธิการที่รับงานเขียนของนักเขียนอิสระอย่างหล่อนไม่เคยขาด ตั้งแต่ลาออกจากงานในกองบรรณาธิการนิตยสารสำหรับเด็กแห่งหนึ่ง เมื่อปีที่ผ่านมา ตมิสาก็ใช้เวลาขลุกอยู่กับลูกสาวทั้งวันทั้งคืน ลูกหลับเมื่อไหร่ นั่นแหละจึงจะเป็นเวลาที่หล่อนได้ทำงาน พาตัวอักษรในอากาศมาบรรจุให้เป็นชิ้นงาน

 


              ตมิสาบอกกับตัวเองตลอดมาว่า นอกจากงานที่เคยทำในนิตยสารเด็กแล้ว การเขียนหนังสือ..เป็นสิ่งเดียวที่หล่อนทำเป็น และหล่อนก็เริ่มจากการเขียนสารคดีท่องเที่ยวตามประสาคนไม่เคยหยุดเดินทาง

 


                    การอยู่ในกรุงเทพฯ ทำให้ตมิสายังคงลืมใครบางคนไม่ได้เสียที เพราะจะไปที่ไหนก็ดูเหมือนจะเห็นแต่สัญลักษณ์แห่งความรักของเขากับหล่อน เมื่อครั้งที่ยังรักกัน ปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่ง

 


                    ทุกอย่างยังคงอยู่ที่เดิม เพียงแต่ใจของคนเท่านั้น ที่ไม่เหมือนเดิม

 


             หล่อนไม่อยากอยู่ในวังวนเก่าๆ ที่ทำให้ยังมีเขา มาวนเวียนในหัวใจ จึงตัดสินใจหอบลูก ข้ามน้ำ ข้ามทะเล มาไกลถึงปักษ์ใต้ มาอยู่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จัก และไม่รู้จักใคร ไม่ต้องคอยตอบคำถามที่ตอกย้ำให้หัวใจรวดร้าว

 


               

 


                ตมิสาส่งสารคดี   ‘มนต์เสน่ห์ ท้องทะเลแผ่นดินกระบี่’  ของหล่อนให้บรรณาธิการไปตามที่วาดตารางตีพิมพ์ร่วมกันจนครบทุกตอนแล้ว หล่อนกำลังนั่งคิดว่าจะใช้เวลาอันอิสระที่เหลืออีกเพียงเดือนนี้ อย่างไร ให้คุ้มค่าที่สุด

 



 


**    ***    **

 





Free TextEditor


โดย: boonpithak วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:22:46 น.  

 

**    ***    **

 



 


         สายลมที่โบกพัดผ้าม่านสีขาวที่หน้าต่าง ให้พลิ้วไหวไปมา และเสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งลมอันเล็กๆ  ที่แขวนอยู่ขอบบนของประตูไม้สีน้ำตาลเข้ม เหมือนเสียงทักทาย ทันทีที่มีใครคนหนึ่งก้าวผ่านทางเดินที่มีกุหลาบที่กำลังจะออกดอก และฟอร์เกทมีน็อทสีม่วงอ่อน ระบายเรียงรายตลอดสองข้างทางจนถึงบันไดทางขึ้นระเบียงบ้านที่ตมิสาเช่าอาศัยอยู่

 


             ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ไม่อาจปกปิดความปิติยินดีอย่างเปี่ยมล้นที่ได้พบหล่อน และหลานสาวตัวเล็กๆ ได้

 


              “พี่เจตน์ มาได้อย่างไรคะ มาธุระ มาทำงาน หรือ มาเที่ยวคะ”

 


              หล่อนถามเขาด้วยความยินดีที่ได้พบเช่นกัน หากแต่ประกายตาของหล่อน เหมือนได้พบเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน

 


              แต่ความสดใสในดวงตาเขา บ่งชัดว่าเหมือนชายหนุ่มที่ได้กลับมาพบหญิงสาวในฝัน ..

 


             “มิสา ดูสดใสนะครับ หลานสาวคนเก่งตัวโตขึ้นเยอะเลยนะเรา จำลุงเจตน์ได้ไหมเอ่ย ..”

 


              เขาทักทายหญิงสาว แล้วหันไปทำความรู้จักกับเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่อยู่เคียงข้างหญิงสาวไม่ยอมห่าง

 


              เด็กหญิงตัวเล็กส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วเอ่ยเสียงใส

 


              “จำไม่ได้ค่ะ  ... คุณลุงเป็นเพื่อนคุณแม่หรือคะ ..”

 


            ชายหนุ่มเอ่ยตอบหลานสาวที่เขาเคยพบตั้งแต่เด็กน้อยยังแบเบาะ แล้วไม่ได้พบกันอีก จนมาถึงวันนี้ เพราะเขาก็เป็นนักเดินทางตัวยงคนหนึ่ง และเพราะเขาต้องให้เกียรติการตัดสินใจของหล่อนที่ไม่ยอมให้เขาหยุดการเดินทาง ไม่ว่าจะเพื่องาน หรือเพื่อหล่อน

 


           เจตน์ถือโอกาสบอกกับตมิสาถึงจุดประสงค์ที่เขาเดินทางมาพบหล่อน เป็นความในใจที่เขามีต่อหล่อนมาเนิ่นนาน ซึ่งมันยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง            

 


                **    ***    **

 





 (โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ)




 



 



 



 



 



 



 



 



 



 



 



 



 





Free TextEditor


โดย: มาต่อให้จบบทค่ะ (boonpithak ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:25:26 น.  

 
โดน...ซะแล้วสิ


โดย: บอน กาฬสินธุ์ IP: 125.26.138.153 วันที่: 6 มีนาคม 2553 เวลา:16:21:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

boonpithak
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฉันภูมิใจที่ได้เกิดใต้ร่มพระบารมี
เย็นศิระเพราะพระบริบาล
ร่วมปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์...และจะขอเป็นข้าพระบาททุกชาติไป

ร่วมตอบแทนแผ่นดิน
มิใช่อยากแต่ครอบครอง
(ติดตาม..นิยาย 'รักของข้าแผ่นดิน' นะคะ)
********



ยินดีต้อนรับผู้มาเยี่ยมบ้านหลังนี้ทุกๆ ท่านค่ะ
บ้านนี้ไม่มี vip friends เพราะ "ทุกคนที่มาเยือนคือคนสำคัญ"
บ้านชิงช้าคนช่างฝัน ของผู้หญิงคนหนึ่งที่เกิดมา เพื่อจะต้องเข้มแข็ง..ในทุกเรื่อง!!!!
มองเข้ามาในบ้านหลังนี้
จะเป็นอีกมุมที่อาจขาดความเข้ม เพราะตราบที่ยังหายใจย่อมมีหลายเรื่องที่ต้องเป็นไปตามความอ่อนไหว
อาจไม่แข็งแกร่งในทุกสิ่งที่เผชิญ เพราะมีบางเรื่องต้องใช้ความอ่อนโยนในการก้าวเดิน .. ขอบคุณที่มาทักทายนะคะ"





"ฉันก็เหมือนคนทุกคน ที่มีรัก ก็อยากดูแลให้ดีที่สุด
ขอบคุณที่รักกัน และจะรักกันตลอดไป
ขอบคุณที่เข้าใจในคนอารมณ์อ่อนไหว
คิดมาก ฝันเยอะ มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง
ดีใจที่ดีต่อกันและห่วงใยกันและกันเสมอ
'รัก'
ต้องพูด
ต้องบอก
และต้องแสดงออก

ก็เพราะคนเราไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า
วันหนึ่งก็ต้องจากกัน..

ถ้าวันนึง ไม่มีฉันให้กอด แล้วเธอจะโทษใคร'


ทำทุกวินาทีที่ยังมีลมหายใจ ให้มีคุณค่าและมีความหมายที่สุด สำหรับคนที่เห็นคุณค่า และคนที่มีความหมาย..


.."บนภูเขา หรือ ทะเลไกล ชอบที่ไหน .. ชอบที่มีเธอ ในวงเล็บตอบ ฉันชอบที่มีเธอ"
ทะเลกลางสายฝน ..ใจอยู่กับทะเลแล้วค่ะ
Friends' blogs
[Add boonpithak's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.