<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
4 กันยายน 2557
 

กะทันหันทริป :: Mumbai-Pune, India :: Part X (เที่ยวปูเน่ 2)

ความเดิมตอนที่แล้ว


ออกจาก Prati Balaji Temple .....ก็มุ่งหน้าไปตามเส้นทางกลับเข้าเมือง
แล้วบันดูก็พาแวะไปยังวัดฮินดูในเส้นทางผ่านอีกแห่งหนึ่ง


ก่อนเข้าไปภายใน ก็ต้องถอดรองเท้า ถุงเท้า วางไว้ด้านนอกตามธรรมเนียม
มีคนหน้าเข้ม นั่งเฝ้ารองเท้าให้ที่หน้าประตู


สถานที่นี้ ชื่ออะไร เราไม่ทราบ และไม่ได้ถามบันดูไว้ซะด้วย
สังเกตุเอาจากรูปปั้นวัวที่มอบหันหน้าไปทางอาคารหลัก ก็บอกได้ว่าที่นี่คือ
เทวสถานที่สร้างถวาย "พระศิวะ"

ก้าวเข้าไปภายในอาคารหลัก ก็เจอหินสลักอยู่ที่พื้น คล้ายๆ จะเป็นรูปเต่า
ซึ่งก็คงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรสักอย่างนั่นแหละ  มีการวางดอกไม้บูชาด้วย


เราเดินตามหลังบันดูเข้าไปยังห้องด้านใน  มีพราหมณ์นั่งทำพิธีอยู่พอดี
บันดูแสดงอาการคารวะ แล้วพราหมณ์ก็พรมน้้ำและสาธยายมนต์ ...เดาเอาว่าเป็นคำอวยพรนะ
เราก็ทำตาม แล้วก็บริจาคเงิน และแบมือรับน้ำตาลปั้นเม็ดเล็กๆ มาอมไว้ ...ก็เป็นมงคลอีกนั่นแหละ
เดินดูภายในอาคาร มีหินแกะสลักเป็นเทวรูปของเทพเจ้า
ออกมาเดินวนเก็บภาพภายนอก  พบหินสลักรูปพระคเนศประดิษฐานอยู่ด้านหลัง


โคของพระศิวะ ตั้งตรงกลาง แสดงการคารวะเทพเจ้าที่ประดิษฐานในวิหารหลัก


มีภาพสลักเทพเจ้า และวัว ตั้งวางกระจายอยู่ตามมุมโน้นมุมนี้  พร้อมทั้งศิวลึงค์
และพระคเนศองค์ใหญ่ ซึ่งมีร่องรอยว่าได้รับการสักการะบูชา


เราก็เดินยกมือไหว้ สักการะตามแบบชาวพุทธของเรานั่นแหละ
ขอให้เทพเจ้าอำนวยพรให้การท่องเที่ยวของเราราบรื่น


ออกจากเทวสถานนี้ ก็ได้เวลาเที่ยงพอดี 
บันดูหันมาถามว่า มื้อกลางวันนี้ ไปกินข้าวที่บ้านบันดูได้มั๊ย หรืออยากกินร้านอาหาร
โอ๊ะ โอ ไม่คิดเลยนะว่า ทริปแรกที่อินเดียของเรา จะเข้าถึงพักอาศัยของคนท้องถิ่น
เรารีบตอบตกลงทันที  บอกเลยว่า เรามันกินง่ายอยู่ง่าย 
พอได้รับคำตอบ  บันดูท่าทางดีใจมาก โทรบอกคนที่บ้าน จัดแจงเตรียมอาหารไว้เลย

ระหว่างทางไปบ้านของบันดุ ก็ผ่านตลาดด้วย  บันดูคงสังเกตเห็นแล้วว่า เรามักยกกล้องเก็บภาพตามทาง
ก็เลยขับรถช้าๆ ให้เรามีโอกาสกดชัดเตอร์  ....หรือที่จริงคือ รถมันเยอะ และเริ่มติดนั่นแหละ
แล้วบันดูก็มาจอดรถที่หน้าตลาด  บอกให้เราคอยในรถ ขอแวะซื้อของบ้างอย่างเข้าบ้าน

เราก็นั่งรอเฉยๆ  มองนั่นมองนี่ไปเรื่อย ...และแล้ว สายตาเราก็ไปสบตาเด็กน้อยคนหนึ่ง
พอเห็นเราถนัด เจ้าเด็กน้อยก็รี่เข้ามาเกาะหน้าตา เคาะหน้าตา แบมือขอเงินทันที
เรายึดตามคำแนะนำที่อ่านมาอย่างเคร่งครัด ....ไม่ให้เงินขอทาน
แม้ว่าจะมองดูทั่วๆ แล้วไม่เห็นขอทานคนอื่นๆ แถวนั้นเลย  แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยง
เลยได้แต่มองสบตาละห้อยของเด็กน้อย จนกระทั่งบันดูกลับมาที่รถ แล้วเดินทางต่อ


ชัดเลยว่า ทำไมคนอินเดียชอบบีบแตรแบบไม่มีเหตุผล
ก็มันมีข้อความเชิญชวนท้ายรถแบบนี้ นี่เอง




ที่นี่ เราก็มาถึงปากทางเข้าไปยังบ้านของบันดู เป็นถนนดินลูกรังที่ต้องขับช้าๆ ขึ้นเนินไป 
ด้านซ้ายมีตึกแถวเปิดเป็นร้านขายของรายทาง  หนึ่งในนั้นก็คือร้านขายไก่ เป็นพี่ชายของบันดู 
บันดูจอดรถที่หน้าร้าน แล้วบีบแตรส่งสัญญาณ ลดกระจกด้านที่เรานั่งลง 
แล้วตะโกนบอกพี่ชายว่า "My guest comes"  พี่ชายเขาส่งยิ้มมาให้ เราก็เลยยกมือไหว้และยิ้มตอบ 
จากนั้นบันดู ก็ออกรถ ระหว่างทางก็เล่าว่า เคยพาแขกของนายมากินข้าวที่บ้านหลายครั้งแล้ว
และทุกคน happy มาก  เขาก็หวังว่าเราจะ happy เช่นกัน  
ที่นี่ ผ่านบ้านเพื้อน  เขาก็จะหยุดรถ และนำแนะเรากับเพื่อนๆ ของเขา 
เรื่อยไป จนกระทั่งมาถึงบ้านของเขา ซึ่งตั้งอยู่บนเขา
เป็นลักษณะแบบตึกแถว 2 ชั้น ติดกัน ด้านซ้ายคือ บ้านพี่ชาย ด้านขวาคือบ้านน้องชาย 
และบ้านนี้ มีแผงโซล่าเซลล์ด้วยจ้าาาาา   



บันดูจัดเก้าอี้ให้เรานั่ง เขาแนะนำให้รู้จักกับพ่อที่นั่งอยู่ห้องรับแขก 
แล้วก็เข้าไปเรียกเมียกับลูกสาวออกมาแนะนำตัว  
เอาล่ะ ไหนๆ ก็มีโอกาสมาถึงบ้านของคนท้องถิ่นแล้ว ขอบุกเข้าไปดูในครัวเลยละกัน 
อยากเห็นเวลาทำอาหาร ...เรื่องของเรื่องคือ หวั่นๆ เรื่องความสะอาดอ่ะนะ 

พี่สะใภ้บันดูเป็นแม่ครัวมื้อนี้



แต่ที่จริงแล้ว  กับข้าวทุกสิ่งอย่างอ่ะ เสร็จหมดแล้วแหละ  แค่ทอด "จาปาตี" ก็จัดเสริฟได้เลย 
ครัวบ้านนี้ สะอาดสะอ้านจริงๆ  รู้สึกสบายใจ และมั่นใจจะที่กินแล้วนะ 
แล้วเราก็ทำที ขอเข้าห้องน้ำ ...แบบว่า อยากรู้อยากเห็น 

ห้องน้ำบ้านนี้ เป็นส้วมซึมที่โถต่างจากบ้านเรา และสะอาดดี 
...ก็เป็นที่อยู่อาศัย คงไม่ปล่อยให้สกปรกหรอก 
และบ้านนี้ มีน้ำอุ่นให้ใช้ล้างมือด้วย  

ล้างหน้า ล้างตา ล้างมือ เรียบร้อย บันดูก็บอกให้เรามานั่งรอที่ห้องรับแขกด้านหน้า 
ชวนคุยโน้นนี่  สักพักแฟนบันดู ก็ยกถาดอาหารที่จัดไว้สำหรับเราออกมาวาง 



เต็มรูปแบบมากค่ะ ....ทั้งหมดนี้ สำหรับเราคนเดียว ...ไม่ใช่การล้อมวงกินอย่างที่เข้าใจ
จาปาตีที่ทอดมา เขาก็ฉีกเป็นสี่ส่วนไว้ให้เรียบร้อย  และเราก็บอกเขาไปว่า เรากินด้วยมือ อย่างที่เขากินก็ได้
และคนที่นั่งกินเป็นเพื่อนเรา ก็คือบันดู นั่นแหละ 



มืื้อนี้ มีไก่ทอด ผัดไข่ แกงไก่ และผัดไก่  (ที่รสชาติไม่ต่างกันนัก) 
มีแครอท แตง และไข่ต้ม เป็นผักแกล้มและเครื่องเคียง  มีมะมาวสำหรับเติมเปรี้ยวตามใจชอบ
เรากินกับข้าวกับจาปาตีเป็นหลัก หมดไปแผ่นครึ่ง (แผ่นเต็มๆ นะ)  อร่อยทุกอย่างเลย
แฟนบันดู ยกข้าวสวยออกมาอีก 2 ถ้วย เป็นข้าวคนละชนิด 
OK ไหนๆ ก็จัดมา "I will try"  ก็ได้ ทั้งๆ ที่เริ่มจะอืดเต็มที  แต่ต้องลองอย่างละนิดละหน่อย 
ไม่ให้คนจัดมาเสียน้ำใจ   ระหว่างที่กิน บันดูก็อธิบายและบอกชื่ออาหารด้วย 
แต่เรากินมื้ออะน่ะ  ไม่สามารถจะวางมือ มาจดอะไรได้เลย ...ก็ต้องปล่อยผ่าน กินไปเรื่อยๆ 
อิ่มของคาว ก็ยังมีของหวานอีกถ้วย เป็นข้าวชนิดหนึ่งมาต้มกับกะทีและน้ำตาล ...หวานมากกกกก 
เรากินได้ 2-3 คำ ก็ต้องบอกผ่าน ไม่ไหวจริงๆ   


และข้าวหน้าตาแบบนี้ ในวันรุ่งขึ้น เราก็ได้กินอีก เมื่อหุงเป็นข้าวสวยด้วยจ้า  
ระหว่างที่เรากับบันดูนั่งกินข้าวกัน  ลูกชายคนเล็กของบันดู ก็นั่งกินขนมเฝ้าพ่อไปด้วย 
เจ้าตัวน้อย ตัวดำ ตาขาว ...


กินขนมไม่ยอมแบ่ง และไม่ชอบให้จับตัวเลยด้วย  
ก่อนจะกลับ เราขอถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึกกับครอบครัวของบันดูไว้ด้วย 
ทุกคนมีความสุขมาก ยิ้มตลอด แต่เวลาถ่ายรูป ไม่ค่อยยิ้ม 


จากซ้าย : พ่อบันดู  พี่ชายอุ้มลูกชายของบันดู แฟนพี่ชายและลูกสาว แฟนบันดูและลูกสาว บันดู

จากนั้นบันดูก็พาชมบ้าน  ซึ่งชั้นสอง เป็นดาดฟ้า มีครอบครัวพี่ชายอีกคนพักอยู่ห้องข้างบน 
บ้านข้างๆ เป็นเพื่อนสนิท ...เรียกได้ว่า เจอใครเขาแนะนำให้เรารู้จักหมดเลย 
แบบ proud to present สุดๆ ว่านี่คือ my guest  ย้ำตลอดเวลาว่า my guest 



สมควรแก่เวลาแล้ว เราก็เลยต้องเตือนว่า ยังอยากไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ต่อนะ 
และเราเป็นคนที่ใช้เวลาในพิพิธภัณฑ์ค่อนข้างนาน ควรจะเดินทางต่อกันได้แล้ว 
นั่นแหละ บันดู ถึงได้ขยับ ไม่งั้นก็คงพาเราเดินแนะนำไปทั่วทุกบ้านแหงๆ 




โปรดติดตามตอนต่อไป 









Create Date : 04 กันยายน 2557
Last Update : 8 ธันวาคม 2558 21:51:51 น. 1 comments
Counter : 2016 Pageviews.  
 
 
 
 
โอ๊ะ เข้าถึงบ้าน อินกับความเป็นอินเดียสุดๆ

ชอบบล็อกนี้มาก

ดูเขาสะอาดกว่าที่คิดจริงๆนะคะ จานชามก็แวววับ

เห็นแบบนี้ชักนึกอยากเปิบมั่งแล้ว

ขอจาปาตีสักแผ่น อิอิ


 
 

โดย: นักล่าน้ำตก IP: 115.87.148.239 วันที่: 5 กันยายน 2557 เวลา:10:15:08 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com