<<
กรกฏาคม 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
29 กรกฏาคม 2557
 

กะทันหันทริป :: Mumbai-Pune, India :: Part V (เที่ยวมุมไบ-3)

ความเดิมตอนที่แล้ว 

ออกจากมัสยิดกลางทะเล Haji Ali Dargah ศาสนสถานสำคัญของชาวมุสลิม 
บันดูพาพวกเราไปยังศาสนสถานอีกแห่ง ซึ่งเป็นวัดฮินดู ซึ่งเขาก็หันมาถามเราสองพี่น้องว่า 
"อยากไปวัดหรือเปล่า"  - - ไม่ต้องถามก็ได้นะ แม้ไม่ได้นับถือเทพเจ้า แต่เราก็อยากเห็นว่า 
วัดฮินดูในเมืองมุมไบ จะมีวิธีสักการะแบบไหน อย่างไร  ...ก็ต้องศึกษาจากเจ้าถิ่นอยู่แล้ว
ในเมื่อ GUEST  ตอบรับ ...บันดูก็ขับรถพาไป ท่ามกลางการจราจรที่ราบรื่น  ไม่ติดขัด 




ระหว่างทางเราก็ถ่ายรูปตึกรามบ้านช่องไปเรื่อยเปื่อย ตามประสาคนชอบเก็บภาพตึก เก็บรายละเอียดชีวิตริมทาง 
ก็แหม...อินเดีย ไม่ได้มาบ่อยๆ ซะหน่อย  ถ่ายไปเหอะ  เมมโมรี่เตรียมเผื่อมาเยอะ 
แย่หน่อยตรงที่  ทริปนี้ไม่มีแผนมีเมืองอยู่ในมือ เลยไม่รู้ว่า รถแล่นบนถนนสายไหน ไปเส้นทางไหน 
พอมีที่จอดรถได้  บันดูก็นำลงเดินต่อ เข้าซอยข้างทาง ...ไปวัดฮินดู 


ดูจากสัญลักษณะ  จุดนี้น่าจะตั้งไว้สักการะพระอิศวร 
มีศิวลึงก์ มีงู มีตรีศูร และมีวัวหมอบเฝ้า 



อัสวีนี่บอกชื่อศาสนาสถานนี้มาด้วย แต่ไม่ได้จดไว้ และเป็นวัดของเทพองค์ไหน ก็จำไม่ได้อีกแหละ 
เหมือนจะเป็นเทพสตรี ที่ผู้หญิงนับถือมาก  ดูจากมาลัยและดอกไม้ เดาว่าเป็น พระลักษมี 



แผงร้านค้าเหล่านี้ ขายเครื่องสักการะจัดใส่ถาด มีหลายแบบ คงจัดให้ตามกำลังทรัพย์นั่นแหละ 
สลับคั่นด้วยร้านขายขนม สีสันน่ากิน แค่เชื่อว่าคงหวานมาก (แบบที่เคยลงจากร้านอาหารอินเดียที่พาหุรัด)



พอใกล้ถึงทางขึ้นวัด ก็ต้องถอดรองเท้าและถุงเท้า  ชาวบ้านก็ถอดวางฝากแผงร้านค้าเอาไว้ 
หรือไม่ก็ถอดฝากคนที่รับฝาก  ซึ่งอัสวีนี่เลือกใช้บริการนี้กับคุณป้าท่านหนึ่ง  
พวกเรามากันสี่คน คุณป้าก็วางเชื่อก 1 เส้น แล้วเอารองเท้าสี่คู่วางซ้อนกัน แล้วมัดโยนไว้ทางหนึ่ง 
เห็นอัสวีนี่ส่งเงินให้คุณป้าด้วย  ไม่รู้ว่ากี่รูปี ไม่ได้ถาม  เสร็จเรื่องรองเท้า 
ก็เดินเท้าเปล่าขึ้นบันได ...แยกชาย-หญิงเช่นกัน เรียงแถวขึ้นไป  - - ห้ามถ่ายรูป อีกแล้ว 

ต่อแถวตามหลังสาวๆ สาหรี่สีสวย แรกๆ ก็โอเค พอเริ่มเบียดกันมากเข้า เราก็ต้องควักยาดมขึ้นมาถือรอไว้ใต้จมูก 
เพราะเวลา ณ ขณะนั้นก็เกือบจะเที่ยงแล้ว ...ทุกคนโดยแดดเรียกเหงื่อกันพอประมาณ ...เราไม่สู้กลิ่นอ่ะ  กันไว้ดีกว่าแก้ทีหลัง
เดินคิดไปเรื่อยๆ  คนตรงหน้าทำอะไร แตะตรงไหน เราก็ทำตาม ด้วยความสำรวม 
จนไปยืนต่อหน้ารูปเคารพเทพเจ้า (มองไม่ออกอยู่ดีว่าองค์ไหน)  พนมมือ สงบใจ อธิษฐานขอพร 
ยกมือแตะหน้าผาก  แล้วแบมือรับน้ำตาลเม็ดกลมๆ เล็กๆ ที่คนดูแลแจกให้   
คนอื่นกิน ...เราก็กินตาม  (ถึงรู้ว่าเป็นน้ำตาล)  คงจะเป็นของมงคลที่วัดมอบให้   .
แล้วก็เดินตามกันลงมาเอารองเท้าจากคุณป้า ....สวมใส่เรียบร้อยแล้ว ก็เดินย้อนกลับมา 


บ้านนี้คงรับจ้างซักรีด 


ผ่านร้านขายมะพร้าว ..อัสวีนี่ก็หันมาชวนให้ลอง  แล้วเธอก็ซื้อแจกคนละลูก 
คนขายจะถามว่า กินแต่น้ำ หรือว่า กินทั้งน้ำทั้งเนื้อ  เราเลือกกินเฉพาะน้ำ  ส่วนพี่สาวเลือกแบบกินเนื้อ 
คนขายก็เลือกมะพร้าวขึ้นมา เคาะๆ โยนๆ ประเมินน้ำหนัก จากนั้นก็เฉาะเปิดหัว ...ใส่หลอดส่งมา  ...มีแต่น้ำมะพร้าวใสแจ๋ว 


ไม่หวาน และไม่หอม เหมือนมะพร้าวบ้่านเรา  บอกไปแบบนี้ อัสวีนี่ดูจะเสียใจเล็กน้อย 
.... ของพี่สาวเลือกแบบมีเนื้อ พอดูน้ำหมด ก็ส่งให้คนขาย จัดการใช้เปลือกมะพร้าวนั้นแหละ แทนช้อน ขูดเนื้อมะพร้าว
เนื้อนิ่ม และไม่หวาน ...เอาเถอะ  ...ลองกินของต่างบ้านต่างเมืองบ้าง 
แก้กระหายกันเรียบร้อยแล้ว   ก็กลับไปขึนรถ ออกเดินทางกันต่อ  




ระหว่างทางที่รถแล่นไปเรื่อยๆ  ติดไฟแดงเป็นช่วงๆ  เราก็สอดส่ายสายตา และยกกล้องเก็บภาพตึกริมถนนหนทางไปเรื่อยๆ เช่นกัน 
ก็ไม่ได้ศึกษาลักษณะทางสถาปัตยกรรมอะไรมากนักหรอก เพียงแต่นึกว่า  ถ่ายเก็บไว้ เผื่อสักวันเมืองมุมไบเกิดทุบตึกเก่า สร้างตีกใหม่ 
ภาพถ่ายของเรา ก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมขึ้นมาก็ได้  






มองเห็นความเหมือนกันของลักษณะทางสถาปัตยกรรมของอาคารแถวนี้มั๊ย 
เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน   สูง 3 ชั้น  มีระเบียง มีรั้วรอบขอบชิด  มีทางเข้าหลักอยู่กลาง 
เป็นแบบเดียวกันหมดกันเลย  ต่างกันที่การตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง  

พ้นจากช่วงตึก เข้ามาย่านหนาแน่นอีกครั้ง  คราวนี้มีขบวนแห่ผ่านเข้ามาในสายตา 
มีชายแต่งกายแบบอินเดียโบราณ ที่เรามักจะเห็นในภาพวาดแบบโบราณ มีรถม้าด้วย 




ไม่มีใครในรถตอบเราได้ว่า นี่คืองานอะไร  ก็เลยได้แต่แลมอง ให้ขบวนแห่นี้ผ่านไป  
ถนนที่รถกำลังมุ่งหน้าไปนี้ เป็นทางขึนเขา สองข้างทางเป็นอาคารที่พักอาศัยสลับกับสำนักงาน
แลดูสงบเงียบ ไม่พลุกพล่านมากนัก  และไม่ค่อยมีร้านขายของข้างทาง 
จนกระทั่ง ใกล้ถึงสวนสาธารณะบนเขา ก็เริ่มเห็นมีแผงข้างถนนให้เห็นบ้าง 


ร้านดอกไม้ริมทาง  มองระยะไกล คนขายหน้าโหดนะ 


ร้านนี้ น่าจะขายเครื่องดื่ม และของขบเคี้ยวเล็กๆ น้อยๆ  

ไม่นาน บันดูก็จอดรถริมถนน  แล้วบอกให้พวกเราลงจากรถ  
มายืนมองซ้ายมองขวา  เตรียมข้ามถนน  
ถนนนี้เส้นนี้ ข้ามไม่ยาก รถไม่เยอะ และแล่นไม่เร็วนัก  
ลดอาการวิตกจริต ที่เรารับรู้ผ่านการอ่านหนังสือลงไปได้เยอะ 



บันดูเดินดุ่มๆ นำไปอย่างเร็ว  พวกเราก็ได้แต่จ้ำๆ เดินตามหลัง  ยังไม่รู้ว่า นี่คือที่ไหน 



โปรดติดตามตอนต่อไป








Create Date : 29 กรกฎาคม 2557
Last Update : 8 ธันวาคม 2558 21:53:34 น. 1 comments
Counter : 3194 Pageviews.  
 
 
 
 
ติดตามต่อค่ะ

ตึกเก่าเค้าสวยเหมือนกันนะ ดูแลดีๆ ขึ้นแท่นคลาสสิกจริงๆ

คนอินเดียนี่ ดูๆแล้วเขารักการค้าขายแบบคนจีน
เดาว่าเพราะคนเขาเยอะ ก็เลยดิ้นรนทำมาหากินเป็นธรรมชาติ

ขอบคุณสำหรับบล็อกดีๆที่ให้แรายละเอียดตามถนนหนทางของอินเดียจ้ะ

บล็อกหน้า จะมาติดตามใหม่น้า


 
 

โดย: นักล่าน้ำตก IP: 61.90.76.184 วันที่: 30 กรกฎาคม 2557 เวลา:8:56:43 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com