<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
31 มกราคม 2552
 

ละคร @ สังคีตศาลา : ละครเบิกโรง และรำฉุยฉาย



หลังจากที่เราและน้องที่ทำงานอีกคน ไปดูโขนที่สังคีตศาลา ครั้งก่อน ...
ก็มีอีกหลายคนที่อยากไปนั่งเล่น กินลม ชมละครด้วยกัน
ว่าแล้วก็โฆษณาชวนเชื่อ ...เชิญชวน ไปชมรายการวิพิธทัศนาในวันเสาร์ถัดมา (24 ม.ค.)

เสาร์นั้นเป็นเวรทำงานของแผนกเรา
และเราได้โปรยเรื่องจะพาน้องๆ ไปดูละครนอก ละครใน กับนายไว้แล้ว ....
พอถึงวันก็ลองแย็บๆ อีกที เพราะต้องขอออกจากที่ทำงานก่อนเลิกงาน
นายเหมือนไม่ค่อยอยากให้ไปอ่ะนะ ....เพราะว่าต้องตอบคำถาม MD แน่เลยเมื่อลูกน้องหายไปกันหมด
แต่เหมือนโอกาสจะเป็นใจ เสาร์นี้ MD ไม่เข้าอ่ะ ...
แต่นายเรียกคุยงานตอนบ่าย 3 โมงเย็น ลากยาวมาเกือบ 4 โมงครึ่ง
จบแล้ว ก็เลยขออนุญาตนายตรงๆ อีกครั้ง เพราะถ้าออกช้ากว่านี้ ก็คงเดินทางไปไม่ทันเริ่มแสดงหรอก
เจ้านายก็จะกลับอยู่แล้ว ...เหตุการณ์อื่นๆ ก็ปกติดี นายก็เลยอนุญาต

ขอบคุณมากค่ะ

ได้รับคำอนุญาต ก็รีบเก็บกระเป๋า ปิดเครื่องคอมพ์ แล้วก็ชิ่งกัน...ตามหลังนายไปติดๆ
นั่งเรือด่วนไปขึ้นท่าช้าง ซื้อหาเสบียงนิดหน่อย ...แล้วก็ต่อตุ๊กตุ๊กไปหน้าพิพิธภัณฑ์ทันที
ทันเวลา...เพิ่งเริ่มการแสดงชุดแรก

รายการวิพิธทัศนานี้เป็นชื่อชุดการแสดงที่อาจารย์เสรี หวังในธรรมตั้งชื่อไว้
จะมีการแสดงสั้นๆ หลายแบบในคราวเดียวกัน

การแสดงเบิกโรง เรื่องนารายณ์สิบปาง ตอน มหิงสาวตาร
จัดทำบทจากพระนิพนธ์คำโคลงของพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร
จับเรื่องเมื่ออสุรพรหมริษยาที่พระอิศวรประทานพรให้พระพรหมธาดามีฤทธิ์มากกว่าตน
ก็อยากประลองฤทธิ์จึงแปลงเป็นกระบือเปลี่ยวอาละวาดขวิดภูเขาและเทวดานางฟ้าจนเดือนร้อนวุ่นวายไปทั่วสวรรค์
ร้อนถึงพระอิศวรต้องมีเทวบัญชาให้พระนารายณ์ไปปราบ


พระนารายณ์รับเทวบัญชาแล้ว ก็อวตารเป็นกระบือเผือก


เหาะมาพบกับกระบืออสุรพรหม แล้วก็รบกัน ....แน่นอน ....นารายณ์แปลงต้องชนะอยู่แล้ว


การแสดงชุดต่อมาเป็นรำฉุยฉายอสุรผัด
การรำฉุยฉาย เป็นการแสดงภาษานาฎศิลป์ ที่ผู้รำต้องมีทักษะการรำเป็นเลิศ
เพราะต้องแสดงอารมณ์ ความรู้สึกออกมาโดยท่ารำ
เรามักจะเห็นชมรำฉุยฉาย...เวลาตัวละครมีการแต่งตัวหรือแปลงกาย แล้วชมโฉม
ไม่ว่าจะเป็น ฉุยฉายพราหมณ์ ฉุยฉายเบญกาย ฉุยฉายทศกัณฐ์ เป็นต้น
ในครั้งนี้เป็นการแสดงรำฉุยฉายชุดใหม่ คือ ฉุยฉายอสุรผัด
อสุรผัดเป็นลูกหนุมานกับนางเบญกาย มีกายเป็นยักษ์แต่มีหน้าเป็นลิง
ลักษณะท่ารำจึงมีทั้งท่ายักษ์และท่าลิงผสมกัน


ประพันธ์บทโดย กัญจนปกรณ์ แสดงหาญ
ชวลิต สุนทรานนท์ นักวิชาการละครและดนตรี ระดับเชี่ยวชาญ ตรวจแก้ไข
พงษ์พิศ จารุจินดา ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฎศิลป์ไทย (โขนลิง) ประดิษฐ์ท่ารำ
และผู้ประพันธ์บท ก็ขับร้องเองซะด้วย


ผู้แสดงคนแรก คือ กิตติ จาตุประยูร นาฎศิลปิน ระดับชำนาญงาน กลุ่มนาฎศิลป์ สำนัการสังคีต

เป็นการรำที่สวยงาม และดูแปลกใหม่มิใช่น้อย
...ท่าเต้นบางตอนก็ขึงขังแบบยักษ์ มาถึงอีกช่วงก็หลุกหลิกแบบลิง



แดดเริ่มอ่อนตัวลงแล้ว...เสบียงตอนแรกเริ่มลดปริมาณ
...ก็เลยลุกมาเดินซื้อหาของกินเพิ่มเติมกันซะหน่อย
ได้เมี่ยงคำ ปอเปี๊ยะสด กับก๋วยเตี๋ยวหลอด....
แล้วก็มานั่งดูการแสดงชุดต่อไป ...ไฮไลท์ที่พากันมาเลยล่ะ

ต่อ Blog ถัดไปแล้วกันนะ



ข้อมูลจ่าก >> อนุรักษ์ไทยดอทคอม //www.anurakthai.com/

การรำฉุยฉาย


"ฉุยฉาย" ในทางนาฏศิลป หมายถึง การร่ายรำเมื่อตัวละครเกิดความภาคภูมิใจ ที่สามารถแปลงกาย หรือแต่งตัวได้อย่างสวยสดงดงาม พระยาอนุมานราชธนได้กล่าวไว้ในหนังสืออธิบายนาฏศิลปไทยว่า "การรำฉุยฉายเป็นการแสดงภาษานาฏศิลปที่มีคุณค่าทางนาฏศิลปอย่างเลิศ นิยมกันว่าตัวละครสามารถแสดงอารมณ์ความภาคภูมิใจออกมาทางท่ารำได้ดีกว่าที่จะพูดออกมาทางปาก"
ประวัติฉุยฉายสมัยโบราณ

การเล่นฉุยฉายในสมัยก่อน นิยมเล่นกันเมื่อขับเสภาเสร็จแล้ว ส่วนการเล่นขับเสภานั้น เป็นการร้องลำนำ เดินเรื่องขับเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน เมื่อเลิกเล่นขับเสภาแล้วจึงเล่นฉุยฉาย

สถานที่ ใช้เวทียกพื้นหรือลานกว้างๆก็ได้
ดนตรี มีเครื่องพิณพาทย์ และกรับไม้ชิงชัน อย่างเช่นการเล่นเสภา
การแต่งกาย ต้องแต่งให้สุภาพเรียบร้อยถูกต้อง ตามรัฐนิยม และวัฒนธรรม เช่น ชายนุ่งกางเกงสากล หญิงสวมกระโปรง และทั้งชาย และหญิงสวมเสื้อเชิ้ต สวมหมวก และใส่รองเท้า

วิธีเล่น การเล่นมี 2 อย่าง คือ การเล่นฉุยฉายในพระนครหรือที่เรียกว่าฉุยฉายบรรดาศักดิ์ อีกชนิดหนึ่งเป็นการเล่นทั่วๆไป จะแบ่งผู้เล่นออกเป็นฝ่ายชาย ฝ่ายหญิงก็ได้ หรือจะเล่นเฉพาะหมู่ผู้ชายล้วนหรือหญิงล้วนก็ได้

การเล่นฉุยฉายบรรดาศักดิ์ แรกจะขับเสภาก่อน ใช้พิณพาทย์เป็นเครื่องรับแล้วก็รำฟ้อน เรียกว่า "ฟ้อนฉุยฉาย" ตามจังหวะดนตรีหรือกรับ มีเนื้อเพลงโดยเฉพาะ ส่วนฉุยฉายที่เล่นกันอยู่ทั่วๆไปนั้น คือ การเล่นตามประเพณีพื้นเมืองมาแต่ก่อน ทั้งสองฝ่ายร่ายรำไปโดยมีลูกคู่ร้องให้จังหวะ ผู้รำเพียงแต่รำท่าทางตามทำนอง และเนื้อเพลงให้ถูกต้องกับการร้อง ผู้รำไม่ต้องร้อง แต่ต้องมีท่าทางกรีดกราย ทำชม้อยชม้ายตามทำนอง

ตัวอย่างบทร้อง

ฉุยฉายเอย เจ้าไปไหนหน่อยก็ลอยชาย
เยื้องย่างช่างกราย ลอยชายไปในสวน
ยื่นเล็บเล็มดอกกุหลาบ ดอกแก้วอังกาบดอกลำดวนเอย ฯลฯ


การบรรเลงดนตรีในเพลงฉุยฉาย

ฉุยฉายเป็นเพลงในอัตราจังหวะ 2 ชั้น มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่เดิมการร้องเพลงฉุยฉาย ใช้ดนตรีรับ 1 - 2 เที่ยวทุกๆท่อน แต่ปัจจุบันนิยมใช้ปี่รับเพียงเที่ยวเดียว ตามปกติเพลงฉุยฉายจะมีเพลง 2 เพลงรวมอยู่ด้วยกัน คือเพลงฉุยฉาย และเพลงแม่ศรี โดยที่ในตอนแรกจะร้องเพลงฉุยฉายก่อน ร้องหมดท่อนหนึ่งก็มีปี่เป่าเลียนทำนอง และเสียงร้องเพียงชิ้นเดียวก่อน แล้วจึงบรรเลงรับต่อด้วยเพลงแม่ศรีติดต่อกันไป การที่ต้องร้องเพลงฉุยฉาย และเพลงแม่ศรีติดต่อกันนั้น เพราะถือว่า เพลงฉุยฉายเป็นเพลงช้า เพลงแม่ศรีเป็นเพลงเร็วซึ่งเป็นเพลง 2 ชั้น เรียกตามหน้าทับว่า "สองไม้" การบรรเลงดนตรีจะเริ่มด้วยเพลงรัว ร้องเพลงฉุยฉาย และเพลงแม่ศรี จบด้วยเพลงเร็ว - ลา ซึ่งเป็นลักษณะที่นิยมโดยทั่วไป

ที่มา : " วิพิธทัศนา " โดย สถาบันนาฏดุริยางคศิลป์ : กรมศิลปากรจัดพิมพ์เผยแพร่
"DANCE, DRAMA AND THEATRE IN THAILAND" by Mattani Mojdara Rutnin
"ฉุยฉาย" โดย สุมิตร เทพวงษ์ ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยครูพระนครศรีอยุธยา






Create Date : 31 มกราคม 2552
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2552 7:31:52 น. 3 comments
Counter : 5525 Pageviews.  
 
 
 
 
เจิม ๆ

น่าไปจังเลยค่ะ มาบลอคคุณนัทธ์ทีไร อยากชมศิลปะ
ถ้าได้กลับไปอยู่กรุงเทพฯเมื่อไหร่ จะยิ่งเข้ามาบลอคนี้บ่อย ๆ
จะได้อัพเดทเรื่องราวน่าสนใจเยอะ ๆ

....

เราว่าคุณนัทธ์นี่แหละค่ะ น่าจะทำบลอคหนังสือรายเดือนที่อ่านนะคะ
เพราะว่าอ่านเยอะ ยิ่งเป็นบันทึกไว้ยิ่งดีค่ะ กันลืม
อีกอย่าง ปอยอยากอ่านด้วยค่ะ อิอิ
 
 

โดย: นางสาวดุ่บดั่บ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:4:53:06 น.  

 
 
 
ตามมาดูฉุยฉายลิง+ยักษ์
ขอบใจนะที่ส่งข้อความ มีตอนใหม่เมื่อไร
เรียกพี่หมูอีกนา
ชอบกระบืออสุรพรหม ในรูป แกทำหน้าต่างตลกดีจัง
น้องนัทธ์สบายดีนะ
 
 

โดย: วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:07:51 น.  

 
 
 
กะลังดูรูปแล้วก็อ่านเพลินๆ เลยค่ะจบตอนซะแล้ว เดี๋ยวต้องไปหาเสื่อกับขนมนมเนยมารอบล็อกต่อไปแล้วสิคะ
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:47:15 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com