|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
เมื่อฉันโดนสุ่มตรวจอาหารที่ด้านตรวจคนเข้าเมือง! (สนามบินแอตแลนต้า)
หลังจากเดินทางออกจากเกาหลีแล้ว ก่อนที่เครื่องบินจะลงจอดสนามบินที่แอตแลนต้านั้นฝนตกและลมแรง เครื่องบินบนวนไปมานานมากกว่าจะได้ลงจอด เดาว่าคงหนีอากาศแปรปรวนอ่ะ แล้วแบบว่านั่งเครื่องมาสิบกว่าชั่วโมง อยากให้ถึงใจจะขาดแต่ไม่ถึงสักที มองจอภาพเห็นเส้นทางการบินแล้วปวดหัวตามเลย บินวนเป็นวงกลมเลยอ่ะ เท่านั้นยังไม่พอบินจะถึงจุดหมายอีกนิดเดียววกกลับซะงั้น แล้วก็วกเข้ามาใหม่ วนออกไปอีก โอ๊ย..จะบ้าตาย เริ่มเมาเครื่องบิน ผะอืดผะอมจะอ้วกอยู่ละ ไม่ทันไรได้ยินเสียงอ้วกของเด็กที่นั่งใกล้ ๆ โอ้โห เอาเข้าไป แล้วเด็กอ้วกนานมาก เครื่องบินก็ไม่จอดสักที ของที่กิน ๆ เข้าไปก็มาจ่อตรงคอหอยอยู่ละ รีบหาหมากฝรั่งมาเคี้ยวทันที แล้วตัดสินใจหลับหูหลับตาปิดกั้นทุกสิ่ง ฉันไม่รับรู้อะไรสักอย่าง สักพักเครื่องบินก็สั่น ๆ หูเริ่มอื้อ พอลืมตาอีกทีถึงพื้นซะงั้น ก็ดีไป ของที่เคยมาจ่อจะออกมะรอมระล่อก็ถอยกลับไปเหมือนเดิม พอถึงเวลาออกจากเครื่องก็รีบยืนยืดเส้นก่อนเลย แล้วที่นั่งก็อยู่ท้ายสุดด้วยนะ กว่าจะได้ลงรอนานได้อีก
พอเข้าไปที่สนามบินแอตแลนต้าก็ตรงไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองก่อน มีช่องให้เดินแยกระหว่างvisitors กับ...กับอะไรสักอย่าง ลืม คือคนที่ถือสัญชาติเมกันนั่นแหละ ฮ่าๆ
ก็เดินไปที่ช่องvisitors อันที่จริงก็เดินตามชาวบ้านไปนั่นแหละ ใช้มุกเดิม ๆ เตรียมพาสปอร์ตกับใบ DS2019 ให้เรียบร้อย แล้วก็ใบต.ม.กับใบดีแคลอาหารด้วย (สองใบนี้จะได้กรอกบนเครื่องบินก่อนถึงแอตแลนต้า) แถวมันจะตามช่องคล้าย ๆ ที่เข้าไปจองตั๋วโรงหนัง คือจะคดเคี้ยวเลี้ยวลดเป็นงูเลย พอใกล้ ๆ จะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจดูใบต.ม กับใบดีแคลว่าเขียนถูกต้องไหม ถ้าไม่ถูกหรือมีปัญหาก็จะให้เขียนใหม่ เขามีโต๊ะวางใบนั้นไว้เป็นปึกเลย เจอป้าเจ้าหน้าที่เป็นคนไทยด้วย คุยทักทายกันนิดหน่อย พอมาถึงหัวแถวก็จะแบ่ง ๆ ไปเข้าแถวแต่ละช่อง คล้าย ๆ กับการสุ่มแจกไพ่(ดูมันเปรียบเทียบ) แบบว่าแถวไหนเริ่มสั้นก็ให้เดินไปต่อที่นั่น ก็เดินไปแล้วก็รอ
พอถึงตาเราก็ลากแครี่ออนไปยืนหน้าเค้าเตอร์เจ้าหน้าที่ ยื่นพาสปอร์ตกับใบทั้งหลายให้เขา เขาก็เอาไปดู ถามว่ามาทำอะไร ไปอยู่ที่ไหน พอบอกว่าไปอยู่เวอร์จิเนียเขาก็บอกว่าเวอร์จิเนียเป็นเมืองสวยนะ คุณจะชอบ จากนั้นก็ให้สแกนนิ้วมือทั้งสิบ สแกนดวงตา แล้วก็คืนเอกสารต่าง ๆ ให้ แอบสังเกตใบดีแคลอาหารว่าเขาเขียนเลขหนึ่งแล้ววงกลมใหญ่ ๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร (หารู้ไม่ว่ามันคือความซวย)
เสร็จแล้วก็เดินไปเอากระเป๋า ตอนเห็นกระเป๋าอันใหญ่สีน้ำตาลแล้วอยากอุทานโอ้มายก๊อด กระเป๋าใหม่สุดไฉไลอย่างกับผ่านสงครามโลกมาไม่ปาน สภาพอนาถสุดๆ แล้วก็มองหากระเป๋าใบที่สอง อ่า..สภาพไม่ต่างกัน แต่ที่อยากกรี๊ดคือล้อมันหัก!! หักไปหนึ่งล้อ อร๊ายยย แล้วฉันจะลากไปยังไง ยังดีที่ตอนนั้นมีรถเข็นให้ ก็เอาใส่รถเข็นลาก ๆ กันไป
ผ่านเข้าช่องคืนใบดีแคล เพื่อนผ่านฉลุย ไอ้เราก็คิดว่าคงจะผ่านเหมือนกัน พอยื่นใบให้เจ้าหน้าที่เท่านั้นแหละ โดนเบรคกระทันหันเลย ขอพาสปอร์ตเราแล้วเอาใส่ซอง บอกให้เข้าไปห้องใกล้ ๆ ช่องที่หนึ่ง เริ่มใจเสียแระตู จะโดนยึดอะไรไหมหว่า เดินไปที่ช่องหนึ่งเขาบอกให้ไปช่องสอง อ่าว จะผัดกันทำไมเนี่ย ตูยิ่งใจสั่น ๆ อยู่ พอไปช่องสองเขาก็เอาซองใส่พาสปอร์ตเราไป แล้วบอกให้นั่งรอ สักพักก็บอกให้มาตรวจกระเป๋า ต้องลากล้อเข็นไปจุดตรวจ ยกกระเป๋าขึ้นไปที่แท่นยาว ๆ อีก อนาถชีวิต กระเป๋าก็หนัก ดีนะที่เจ้าหน้าที่(เป็นหญิงผิวสี)ช่วยยก วางกระเป๋าทุกใบเรียบร้อยเขาก็ถามว่ามีอาหารไหม ก็อ้อมแอ้มตอบว่ามีคุ๊กกี้ เขาก็ขอดู ก็ให้ดูไป แล้วสภาพถุงคุ๊กกี้ก็แบบว่า เอาใส่ถุงพลาสิกแล้วมัดหนังสติ๊กอ่ะ คุ๊กกี้ก็หักเละไปเรียบร้อยจากการเดินทาง เจ้าหน้าที่อึ้งไปสองวินาทีแล้วยิ้มๆหัวเราะนิดหนึ่ง ไอ้เราก็คิดว่าเขาคงไม่เคยเห็นการบรรจุหีบห่อได้น่าอนาถแบบนี้มาก่อนอ่ะนะ ที่อเมริกามีแต่ใส่ถุงซิบล๊อกอ่ะดิ มาเจอมัดหนังยางก็อึ้งกันไป จากนั้นก็ให้เราเปิดกระเป๋าทุกใบ หมายถึงไขกุญแจที่ล๊อก ๆ ไว้อ่ะนะ กระเป๋าใบแรกเปิดผ่างมาเจอกระปุกน้ำพริกนรกกุ้งเลยค้าบ มีห่อมาม่าวางใกล้กัน ไอ้เราก็เอาแล้วโว้ย ตูโดนแน่ แต่เปล่าเลย เขามองข้ามไปค้น ๆ ที่อื่นแทน ประมาณว่าไม่ใช่เป้าหมายตู จากนั้นก็เปิดกระเป๋าอีกใบก็ค้น ๆ มองผ่านพวกขนมทาโร่ โจ๊กซองรสธัญญาพืชสารพัดไปหมดเลย จบการตรวจค้นไม่ยึดอะไรสักอย่าง โล่งใจมาก ก็เลยชวนคุยไปว่าเพิ่งมาเมกาครั้งแรกเลยนะเนี่ย งั้นงี้ เขาก็บอกว่าเหรอ ๆ ยินดีต้อนรับสู่เมกานะ ก็ปิดกระเป๋า เซย์กู๊ดบายกันด้วยดี ฮ่าๆๆ
ออกมาด้านนอกก็เอาเข็นรถเข็นไปส่งกระเป๋าให้เขาโหลดลงใต้เครื่อง แล้วก็ลากแครี่ออนแบบมึน ๆ เพราะไม่รู้จะไปทางไหน เพราะไม่เห็นเพื่อนตั้งแต่โดนกักตัวตรวจอาหารแล้ว ดีนะที่สนามบินเจ้าหน้ายืนเพียบเลย เข้าไปถามเขาก็ชี้ทางให้ ก็เดินตามที่เขาชี้ไป เป็นด่านเอ๊กเรย์กระเป๋าและร่างกาย ก็ต้องเอาโน๊ตบุ๊กออกใส่ถาด ถอดเสื้อกันหนาว ถอดรองเท้า เสร็จแล้วก็ต้องเดินผ่านเครื่องอะไรสักอย่าง ก็ผ่านฉลุย เก็บข้าวเก็บของเดินไปรอที่เกตซึ่งเป็นเที่ยวบินสุดท้ายซะที
คุ๊กกี้ที่บรรจุหีบห่อตามภูมิปัญญาชาวบ้าน ฮ่าๆ
Create Date : 18 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 18 ตุลาคม 2552 9:28:21 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1549 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กระจกเงา เบบี้ (budja09 ) วันที่: 18 ตุลาคม 2552 เวลา:17:19:00 น. |
|
|
|
โดย: aehaeh55 วันที่: 18 ตุลาคม 2552 เวลา:17:50:17 น. |
|
|
|
โดย: Lilac Girl วันที่: 18 ตุลาคม 2552 เวลา:21:34:48 น. |
|
|
|
โดย: เกรซายน์ วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:17:23:10 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ตลกมากๆๆๆ