ในที่สุดก็ได้ใบขับขี่อเมริกามาเชยชม(เสียที)
ห่างหายไปนานนนนนนจริงๆ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมาก แค่ขี้เกียจอัพบล๊อก ฮ่าๆชีวิตหลังจากย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านโฮสใหม่ก็สุขสบาย ไม่ต่างจากอยู่บ้านโฮสเก่าเลย ออกแนวสบายกว่านิดหน่อยเพราะบ้านนี้เค้าจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดบ้าน ฉะนั้นเราก็ไม่ต้องทำความสะอาดห้องนอนกับห้องน้ำ น้าแซวว่าเดี๋ยวกลับไทยทำอะไรไม่เป็นละ เพราะมีคนทำให้หมด ฮ่าๆที่สบายอย่างอื่นก็คือ Alexandria จะอยู่โซนใกล้เมือง ฉะนั้นการเดินทางไปไหนมาไหนก็จะสะดวกกว่า เช่น นั่งรถบัสแล้วไปต่อรถไฟฟ้าใต้ดินก็สามารถไปเที่ยวดีซีได้แล้ว จึงกลายเป็นว่าเที่ยวบ่อยกว่าอยู่บ้านเก่ามากมาย แทบทุกอาทิตย์กันเลยทีเดียวอ้อ ที่ทำให้มีความสุขอีกเรื่องคือ กรุ๊ปออแพร์ที่นี่มีคนไทยด้วย ก็เลยสนิทกับออแพร์คนนั้นไปเลย เพราะมีออแพร์ไทยแค่สองคนในกลุ่ม เจอคนไทย ได้พูดไทยแล้วปลาบปลื้มจริงๆมาเข้าเรื่องกันดีกว่าหลังจากที่สามารถได้ Learner's permit มาถือครองได้หลายเดือน ในที่สุดก็ได้ฤกษ์งามยามดีไปสอบขับสักทีก่อนหน้านั้นโฮสใหม่ถามว่าจะทำใบขับขี่ไหม ตอนแรกเราก็ลังเลเพราะบ้านหลังใหม่อยู่ใกล้ห้างร้านต่างๆ แค่ปั่นจักรยานไม่เกินสิบนาทีก็ถึง แต่มาตัดสินใจทำเพราะตอนไปส่งเงินให้ทางบ้านที่ money gram เค้าถามใบขับขี่ด้วย เพราะส่งเงินจำนวนค่อนข้างมาก ตอนนั้นที่มียังเป็นแค่ Learner's permit แต่ก็ใช้ได้ ก็เลยมาคิดว่า ถ้า Learner's permit หมดอายุก็อาจจะไม่ได้ส่งเงินคราวละจำนวนมาก ๆ จึงตัดสินใจทำใบขับขี่ซะพอแจ้งความจำนงแก่โฮส เค้าก็อาสาสอนขับรถให้ชินกับรถของเค้่า แล้วก็ชินกับถนนแถวบ้านด้วย พอคุ้นเคยกับถนนแถวบ้าน เค้าก็พาขับให้ไปกว่าเดินนิดหนึ่ง สุดท้ายโฮสพ่อก็พาไปฝึกขับที่ถนนที่ DMV(สถานที่ที่สอบทำใบขับขี่) เพื่อจะได้รู้หนทางที่คนสอบเขาจะให้ขับรถผ่าน ระยะเวลาที่ฝึกขับรถให้ชินกับถนนทั้งหลายแหล่รวมกันแล้วก็ราวๆ สองเดือนได้ ไปฝึกขับอาทิตย์ละสองสามครั้งแล้วแต่โอกาส ฝึกตอนกลางคืนอีกต่างหาก เพราะเป็นเวลาหลังจากโฮสพาลูกเขาเข้านอนแล้วตัวแปรอีกอย่างที่ทำให้เราต้องรีบทำใบขับขี่ก็คือ ใบ Learner's permit ใกล้จะหมดอายุเต็มที (บัตรหมดอายุตามระยะเวลาของวีซ่า) นั่นคือวันที่ 11 ตุลาฯ 2010 ถ้าหากบัตรหมดอายุแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นถ้ายังอยากได้ใบขับขี่ก็คือ...สอบข้อเขียนใหม่ ซึ่ง...ลืมไปหมดแล้ว ด้วยความที่ขี้เกียจกลับไปอ่านกฏจราจรใหม่ ก็เลยได้รีบสุดชีวิตฉะนี้แลตอนที่ฝึกกับโฮสพ่อ โฮสพ่อสอนทริ๊กต่างๆ เพื่อให้ไม่มีปัญหาตอนสอบขับ และสอนขับอีกหลายอย่างที่ครูสอนขับรถยังไม่ได้สอน เช่นการจอดชิดฟุตบาทโดยมีรถที่จอดอยู่แล้วทั้งหน้าและหลัง สอนจอดรถแบบธรรมด๊าธรรมดา แต่ไม่ล้ำเส้นสีขาวบนพื้น(อันนี้จอดคร่อมเส้นตลอดเลยตรู) สอนกลับรถแบบสามเหลี่ยม(อันนี้ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน) ฯลฯ ทั้งหมดทั้งมวลฝึกเข้มราวกับจะไปสอบขับรถโอลิมปิก 555+ พอถึงวันสอบก็โฮสพ่อก็พาไปที่ DMV แต่เช้าตรู่ โฮสพ่อบอกว่าต้องไปก่อนที่ประตูจะเปิดแถวจะได้ไม่ยาวมาก พอขับไปถึง โอ้โห แถวมันยาวได้ประมาณหนึ่งแล้วอ่ะ(ทำไมมาเร็วกันจังฟ่ะ) ก็ต่อแถวรอกันไป อากาศก็หนาวๆเย็นๆตามแบบฉบับต้นฤดูใบไม้ผลิ เวลาขณะนั้นประมาณ 7.50 น. และแล้วก็ถึงเวลาเปิดคือ 8.00 น. แถวด้านหน้าก็ทยอยเดินเลื่อนเข้าไป พอเข้าไปด้านในแล้วก็ไปที่เคาเตอร์ก่อน ให้เค้ารู้ว่าเรามาทำอะไร แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะให้บัตรคิวได้ถูกประเภท เพราะคนที่ไปทำไม่ใช่ว่าจะไปสอบขับรถอย่างเีีดียว ก็มีพวกไปต่อบัตรด้วย ทำอย่างอื่นด้วย บัตรคิวเลยมีหลายประเภท สำหรับข้าพเจ้าที่ไปสอบขับรถก็ได้บัตรคิวที่มีตัวอักษรนำหน้าด้วย T คิดว่าย่อมาจาก Test กระมัง(คิดเอง) ต่อจากบัตรคิวก็จะได้ใบอะไรสักอย่าง(ไม่รู้จะเรียกใบอะไร) มากรอกข้อมูล ถ้าสมองปลาทองของข้าพเจ้าจำไม่ผิด มันเป็นใบเดียวกับตอนที่มาสมัครสอบข้อเขียนอ่ะนะ ก็นำใบนั้นไปนั่งเขียนระหว่างรอคิวนั่งคิวไปได้สับสิบห้านาที(หรือนานกว่านั้นนิดหน่อย) ก็ถึงคิวเรา ก็เดินไปเคาเตอร์ บอกว่าจะมาสอบขับรถ เค้าก็จะทำขั้นตอนเหมือนมาสอบข้อเขียนเดี๊ยะเลย คือถ่ายรูปแล้วก็เซ็นต์ลายเซ็นต์ จากนั้นก็ไปนั่งรอ..จนกว่าคนสอบขับจะเรียกชื่อ ซึ่งโฮสพ่อไปถามพนักงานที่เคาท์เตอร์ว่ากี่นานไหมกว่าจะถึงคิวข้าพเจ้า ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า...สองชั่วโมง ป๊าดดด นานได้อีก ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องเพลงรอระหว่างนั้นโฮสพ่อก็ชวนให้ออกไปดูคนที่จะสอบขับก่อนหน้าเรา ว่าคนสอบขับให้เขาทำอะไรที่รถมั่ง ก็แอบตามไปดูกัน ปรากฏว่าคนสอบขับให้ผู้สอบทดลองเหยียบเบรก(ไฟเบรคก็จะออกให้เห็น) เปิดไปเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ไฟฉุกเฉิน อะไรทำนองนี้ ซึ่งก็ได้ซ้อมเปิดกับโฮสมาเรียบร้อย จากนั้นก็แอบตามไปดูอีกว่าเขาออกรถไปทางไหน จะได้มาจำว่าถนนไหนที่เราฝึกขับบ้าง (ติวเข้มยิ่งกว่าเตรียมสอบเอ็นทร๊านอีกนะเนี่ย) เมื่อเวลาผ่านไปสองชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงคิวน้องกะเหรี่ยงจากแดนไทยแย้ว ความตื่นเต้นพุ่งพล่านกันเลยทีเดียว คนสอบบอกให้เข้าไปนั่งในรถเอากระจกหน้าต่างรถลง ไอ้เราก็..ซวยแระ ทำไมกดไม่ลงฟ่ะ เริ่มลนลาน มองโน่นมองนี่ สุดท้ายก็ถึงบางอ้อ ตรูยังไม่ได้สตาร์ทรถนี่หว่า กร๊ากกก บ้านนอกได้อีกค๊าบพี่น้องเอากระจกลงเสร็จ คนสอบก็บอกให้เหยียบเบรก เปิดไฟเลี้ยวซ้าย ขวา ไฟฉุกเฉิน แล้วก็ไฟเลี้ยวซ้าย ขวา อีกรอบ เสร็จแล้วเขาก็เข้ามานั่งในรถ บอกให้เอากระจกด้านที่เขานั่งลงหน่อย แล้วก็กดไม่ลงอีก ซวยอีกรอบแล้วตรู กดโน่นนี่ตั้งนาน สุดท้ายคนสอบท่าจะทนไม่ไหว เลยบอกว่าปลดล๊อกก่อนสิจ๊ะอีหนู และแล้วกระจกรถก็สามารถกดลงซะที เอวัง ในใจเริ่มคิดละ จะรอดไหมนี่ตรูเริ่มสอบด้วยการถอยรถออกก่อนเลย ปัญหาอีกแล้วครับท่าน เพราะเวลานั้นการจราจรคับคั่งมาก รถข้างหลังพอเห็นเราจะถอยก็หยุดรอให้ถอยก่อน สร้างความกดดันได้ดีเยี่ยมจริงๆ ไอ้เราก็ทุลักทุเลกลัวจะถอยชนข้างหลังมั่งล่ะ กลัวหน้ารถจะขูดรถข้างๆมั่งล่ะ ตอนนั้นใจสั่นมากกก พอถอยออกได้แล้วใช่ว่าปัญหาจะหมด เพราะขับไปแป๊บหนึ่งเจอทางโค้ง ต้องเลี้ยวแล้วก็จอดอีกแป๊บเพราะเป็นทางเดินรถ ไอ้ตอนจอดรอไม่เท่าไร ตอนออกตัวนี่สิ ดันเหยียบคันเร่งแรวงส์ไปนิดส์ รถแอบพุ่ง ดีที่เหยียบเบรกทัน จากนั้นก็ค่อยๆเลี้ยวออกไปอย่างสวยงาม คนสอบถึงขั้นถาม Are you OK? หญิงไทยใจงามอย่างเราก็ตอบแบบเอียงอายว่า อิชั้นตื่นเต้นนิดหน่อยเค๊อะขับออกไปเจอด่านแรกคือ stop sign จอดไม่คิดชีวิตเลยค้าบ จอดสนิทศิษย์ส่ายหน้าเลยทีเดียว จากนั้นก็ขับออกสู่ถนนใหญ่(แต่ไม่ใช่ไฮเวย์) ตอนแรกนึกว่าจะเจออะไรที่หินมากๆอย่างจอดชิดฟุตบาท(ที่มีรถขนาบทั้งหัวท้าย) แต่เปล่าเลย คนสอบให้ขับไปตามถนนเรื่อยๆ เจอสี่แยกก็แค่เลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวา พอเจอทางตรงก็ให้ลองเปลี่ยนเลนสักสองสามครั้ง ขับแป๊บเดียวก็กลับมาที่ DMV แระ (คิดในใจว่าเสร็จแล้วเหรอ? เครื่องยังไม่ทันอุ่นเลยเนี่ย) ด่านสุดท้ายคือจอดเข้าซอง อันนี้ทำได้ดี จอดรถไม่เบี้ยว เพระเข้าไปเสียบทางตรง ไม่ได้เลี้ยวเข้า สบายไป คิๆๆคนสอบก็ถามนิดหน่อยว่าอยู่ Leesburg(บ้านโฮสเก่า)เหรอ ไอ้เราก็อธิบายไปว่าเพิ่งย้ายมา เค้าก็อ๋อ นึกว่าอยู่ตั้งไกลแล้วดั้นด้นมาสอบแถวนี้ ฮ่าๆจากนั้นก็เข้าไปข้างในตามเดิม คนสอบบอกให้รอฟังชื่อ อีนังกะเหรี่ยงก็เดินเอ๋อๆไปหาโฮสพ่อ โฮสพ่อถามว่าผ่านไหม นังหัวดำตอบไม่รู้ ไม่ได้ถามคนสอบ แป่ว ก็คิดว่าเค้าจะบอก แต่เค้าดันไม่บอก ไอ้เราก็ไม่กล้าถาม กลัวได้คำตอบว่าไม่ผ่าน ก็เลยได้แต่ยืนวิเคราะห์กับโฮสพ่อกันไปว่าผ่านป่าวหว่า โฮสพ่อก็ถามไถ่ว่าเป็นไงบ้าง ขับไปทางไหน เค้าให้ทำอะไร บลาๆๆ เม้าท์มอยกันจนหมดเรื่องเม้าท์ ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่เรียกชื่อ ขณะนั้นเวลา 11.50 น. ซึ่งเป็นเวลาใกล้ปิดของ DMV แล้ว วันเสาร์ที่นี่เปิดถึง 12.00 น. เท่านั้น โฮสพ่อบ่นว่า ถ้าถึงเที่ยงแล้วเค้ายังไม่เรียกชื่อแล้วจะทำไงเนี่ย แต่สุดท้ายชื่อของกะเหรี่ยงไทยก็ได้รับการขานนามเมื่อเวลา 11.55 น. พอไปยืนที่เค้าท์เตอร์เจ้าหน้าที่ก็พูดประโยคแรกว่า.. 8 dollars ...เอิ่ม ขอตังค์แปดดอลฯ แสดงว่าตรูสอบผ่านแล้วใช่ไหมเนี่ย โฮสพอซึ่งเดินตามมาทีหลังก็ถามเขาทันทีเลยว่าผ่านหรือเปล่า เจ้าหน้าที่ก็บอกผ่าน! เย้ๆๆๆ ผ่านแล้วโว้ยยย(ขออภัยที่ไม่สุภาพนะคะท่านผู้อ่าน) ก็จ่ายเงิน เสร็จแล้วเค้าก็ให้เซ็นต์ลายเซ็นต์ที่ใบขับขี่ชั่วคราว(เป็นแผ่นกระดาษขนาดA4หนึ่งใบ พร้อมรายละเอียด) ใบขับขี่จริงจะส่งให้ทางไปรษณีย์อีกทีหนึ่ง เท่านี้ก็จบขั้นตอนการทำใบขับขี่อเมริกา ยะฮู้ววถ้าถามว่าสอบผ่านได้ไงอ่ะ ทำไงถึงให้ผ่าน อืม...ไม่รู้สิ อ้าว ฮ่าๆๆคิดว่าคนคุมสอบคงจะดูหลักๆที่ 1. หยุดจอดสนิทที่ป้าย stop sign ไหม2. เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวเวลาจะเลี้ยวหรือเปล่า3. เวลาเปลี่ยนเลนเปิดไฟสัญญาณ มองกระจก และมองข้ามหัวไหล่ตลอดเวลาหรือเปล่า4. speed limit เกินป้ายหรือเปล่าคิดว่าคงมีประมาณนี้ที่ทำให้ผ่าน หรือไม่ผ่านในการสอบใบขับขี่และนี่ก็เป็นประสบการณ์ในการทำใบขับขี่ของรัฐเวอร์จิเนียที่อยากเอามาแชร์จ้าใครมีข้อสงสัยหรือซักถามทุกเรื่องเกี่ยวกับโครงการออแพร์ถามมาได้เลยนะจ๊ะ