Beloved
Group Blog
 
 
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
27 กันยายน 2549
 
All Blogs
 
ภูสอยดาว

ภูสอยดาว 12-14 สิงหาคม 2549

ผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 15 คน ดังนี้
พี่ไก่ พี่หนี่ง แมว นก พี่แป้ง พี่ฉั่ว พี่กอล์ฟ พี่โอเล่ พี่ชิน พี่หมี พี่เด็ด พี่เทพ พี่พร พี่ปู พี่เอ

การเดินทาง
ออกเดินทางวันที่11 สิงหาคม เวลาา 21.00 น. ที่ตึกไวท์กรุ๊ป กลับถึงบ้าน วันที่ 15 สิงหาคม เวลา 01.00 น.

วันที่ 11 สิงหาคม 2549
เช้าตรูนกต้องรีบตื่นนอนให้เร็วที่สุดเพื่อเตรียมตัว แต่ดันตื่นสาย เลยต้องตารีตาเหลือกเพื่อไปเตรียมข้าว เตรียมน้ำให้ลูกๆ ทั้ง 17 ตัว เตรียมอาหารเม็ดให้ลูกแมวทั้งหลาย ประมาณ 6-7 กิโลได้ กินกันให้เต็มที่เลยนะลูกๆ พร้อมกับน้ำอีกสองกะละมัง พร้อมกับกะบะทราย อีกสามกะละมังใหญ่ๆ แล้วก็เตรียมอาหารเม็ดให้ลูกหมาทั้ง 3 อีก 4 ชาม (ชามข้าวน้องหมา) พร้อมน้ำอีกหนึ่งกะละมัง หลังจากนั้นก็รำลากัน เด็กๆ เหมือนรู้ว่าแม่จะหนีไปเที่ยวอีกตามเคย ทำตาละห้อยกันเป็นแถวๆ เห็นแล้วน่าสงสาร จนน้ำตาจะไหล แต่ก็พูดได้แค่ว่า “แม่ไปแป๊บเดียวเองลูก เดี๋ยวก็กลับมา” อย่าดื้อ อย่าซน อย่าทะเลาะกันนะลูก ลูกหมีดูแลน้องๆ ด้วยนะ แล้วเฝ้าบ้านให้ดีๆ ด้วยนะลูก ลูกหมีรับคำหนักแน่น แม่เลยต้องจำใจจากลูกๆ ไปเที่ยวอย่างน้ำตานองหน้า (เวอร์ซะจริงๆ เลยเรา) จากนั้นก็ปิดบ้านปิดช่อง ดูความเรียบร้อยในบ้านว่าปิดน้ำปิดไฟ ถอดปลั๊กเรียบร้อย ออกจากบ้านได้

แต่กำลังจะก้าวขาออก ก็เกิดนึกขึ้นได้ว่าลืมร่ำลาลูกปลาน้อยของแม่อีก 6 ตัวนี่นา เลยต้องเดินกลับเข้าไปใหม่ แล้วก็ให้อาหารเม็ดเล็กน้อย แล้วบอกว่าอยู่บ้านนะลูกเดี๋ยวแม่มา แล้วอย่ากินอาหารหมดก่อนแม่กลับนะ ไม่งั้นอดไม่รู้ด้วย จากนั้นก็ออกจากบ้านอย่างหน้าชื่นตาบาน ก่อนออกหันไปหาเจ้าจักรยานคู่ใจ แล้วบอกว่าวันนี้พักผ่อนนะ เดี๋ยวจะนั่งมอเตอร์ไซด์ออกไปแทน เพราะกระเป๋าเสื้อผ้าหนักมากๆ แล้วก็ไม่อยากเอาจักรยานไปจอดทิ้งไว้หน้าหมู่บ้านหลายวันด้วย สงสารกลัวว่าฝนตกแล้วจะเปียก

ร่ำลาทุกอย่างเสร็จสรรพ ก็ปิดประตูบ้าน เดินทางไปขึ้นมอเตอร์ไซด์ ไปหน้าหมู่บ้าน พอไปถึงหน้าหมู่บ้านต้องเสียใจอย่างสุดซึ้ง เพราะรถตู้เพิ่งออกไปไม่ถึงหนึ่งวินาที โอ้ววววววววววว พระเจ้า นี่เราต้องนั่งรถไปขึ้นรถตู้ที่ต้นสายหรือนี่ ช่างเป็นอะไรที่ลำบากขนาดนี้ T_T พอรถมาก็ขึ้นไปอย่างลำบากลำบน เพราะกระเป๋าใบใหญ่มาก แต่ก็ดันๆ เข้าไปได้สำเร็จ นั่งรถไปก็มองนาฬิกาไป วันนี้สายอีกตามเคย ไม่เคยไปทำงานทันเวลากับเขาเลย จะโดนไล่ออกเมื่อไรก็ไม่รู้ เฮ้ยยยยยยย

ถึงคิวรถตู้ กำลังจะเดินขึ้น คนขับรถตู้ดันถามว่าไปหมอชิตเหรอ นกมองหน้าอย่างงงๆ แล้วตอบไปว่า เปล่าค่ะ ไปทำงาน (นี่เขาเห็นหน้านก เป็นคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเหรอเนี่ย -_-”) นั่งรถตู้อย่างอึดอัดเพราะกระเป๋าใบใหญ่ แล้วต้องกอดไว้เพราะกลัวกระเป๋าจะไปโดนคนนั่งข้างๆ กว่าจะถึงท่าเรือเมื่อยไปเลย พอถึงท่าเรือก็แบกกระเป๋าตัวเอียงเพื่อเดินไปซื้อตั๋ว แต่... กระเป๋าใบใหญ่มากเข้าช่องซื้อไม่ได้ทำไงหว่า ผลสุดท้ายเลยต้องให้เขาเปิดประตูสำหรับให้คนออก แต่ให้นกเดินเข้าไป แล้วถึงจ่ายตังค์ ไม่งั้นคงเข้าไม่ได้แน่ๆ พอเรือมาก็เดินไปลงเรือ คิดในใจ จะตกน้ำตายปะเนี่ย ลงไปแล้วหาที่ยืนที่มั่นคง แล้วก็วางกระเป๋าเอาไว้ เฮ้ยยยยยยยยย ค่อยโล่งหน่อย มายืนคิดดูนี่นกขนอะไรมามากมายเนี่ย พอถึงท่าสาธร ก็เดินขึ้นเรือตัวเอียงไปขึ้นรถสองแถวต่อ กว่าจะถึงออฟฟิศได้ ช่างเหนื่อยเหลือเกิน

พอก้าวขาเข้าออฟฟิศปุ๊บ พี่ๆ ก็ถามทันทีว่า “จะไปไหนอะนก” ก็เลยตอบกลับไปว่า “หนีออกจากบ้าน” พวกพี่ๆ หัวเราะกันเป็นแถว แล้วพูดว่า “ถ้าจะจริงนะ ก็ขนเสื้อผ้ามาขนาดนี้เนี่ย” จากนั้นก็นั่งทำงานตามปกติ

พอห้าโมงเย็นก็ดีดตัวจากออฟฟิศเดินทางไปมาบุญครอง เนื่องจากเวลานัดตั้งสามทุ่ม เลยไปเดินเล่นมาบุญครองก่อนดีกว่า ไปถึงมาบุญครองก็หกโมงเย็นแล้ว รถติดมากๆ สงสัยคงเป็นเพราะคงจะออกต่างจังหวัดกันเยอะ พอหาที่จอดรถได้ ก็แบกกระเป๋าเดินตัวเอียงไปเดินเล่นในมาบุญครอง อย่างแรกที่ไปคือ ไปหาหมอสิว ไปเสริมสวยกันซะหน่อยก่อนจะไปเที่ยว (แบบว่ากลัวไม่สวย) พอได้เข้าพบหมอ หมอก็ทำการจี้กระ ที่สุดแสนจะเจ็บปวด แล้วก็ทำให้หน้าเป็นจุดดำๆ เลย แทนที่จะสวย กลับขี้เหร่ไปมากกว่าเดิม T_T จากนั้นก็แบกหน้าอันสุดแสนจะขี้เหร่ ไปกินบาร์บีคิวกันต่อ กินกันอย่างมหาศาลมากๆ เพื่อตุ่นไว้ก่อนออกเดินทาง

หลังจากกินเสร็จก็ร่ำลาพี่ๆ แล้วนกก็เดินทางมุ่งหน้าไปรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อหยอดซื้อบัตรรถไฟฟ้า มองที่หน้าตู้ว่าจากสนามกีฬาไปเอกมัยกี่บาทหว่า อ่อ 30 บาท หยอดๆ แล้วก็รับบัตร เดินไปถึงช่องทางเข้า มีคนคอยบริการเสียบบัตรให้ เหมือนเป็นคนสำคัญมากๆ ไม่ต้องทำเอง (จริงๆ ถือกระเป๋าใบใหญ่ เข้าช่องเสียบบัตรไม่ได้) เข้าไปในสถานีก็เดินขึ้นไปรอรถไฟฟ้า พอรถมาก็เข้าไปยืนไม่ไกลจากประตูนัก เพราะเดี๋ยวต้องเปลี่ยนสายรถที่สยาม พอถึงสยามก็พยายามเบียดตัวเองกับฝูงชน เพื่อไปต่อรถไฟฟ้าอีกคันนึง คนก็เยอะ กระเป๋าก็หนัก เดินชนใครบ้างก็ไม่รู้ (ขอโทษด้วยนะคะ) แล้วก็พาตัวเองเข้าไปในรถไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย แต่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูเลย พยายามเอากระเป๋าเสื้อผ้าแอบๆ เพราะกลัวเกะกะคนเดินเข้าเดินออก จะเดินเข้าไปข้างในก็ทำไม่ได้เพราะคนแน่นมากๆ คนเดินเข้าเดินออกก็มองกระเป๋าใบสวยของนก สงสัยจะอิจฉาที่กระเป๋าก็สวย คนก็น่ารัก อิอิ พอถึงสถานีเอกมัย ก็เดินออกจากรถไฟฟ้าแล้วลงบันไดมาที่ทางออก เอ!!! แล้วเราจะลงทางไหนดีหว่า ซ้ายหรือขวา เดินๆ ดู เลยตัดสินใจโทรหาพี่ไก่ดีกว่า
นก : ฮัลโหล พี่ไก่ นกนะคะ
พี่ไก่ : จ้า
นก : พี่ไก่นกถึงสถานีเอกมัยแล้วค่ะ นกต้องลงทางไหนคะ
พี่ไก่ : ลงทางที่ไปเอกมัยจ้า
นก : ลงแล้วไปยังไงต่อคะ
พี่ไก่ : ลงแล้วนกก็เดินไปที่ซอยใกล้ๆ เอกมัย ที่มีรถสวนกันอะ นกเห็นไหม
นก : เห็นค่ะ แล้วเดินเข้าไปไกลไหมคะ
พี่ไก่ : ก็..... เกือบถึงพระรามสี่นะค่ะ
นก : หา เกือบถึงพระรามสี่
พี่ไก่ : ใช่จ๊ะ เอางี้นกเดินลงบันไดมา ถ้าเจอรถมอเตอร์ไซด์ ก็นั่งมาก็ได้ค่ะ
นก : งั้นนกนั่งมอเตอร์ไซด์ไปดีกว่าค่ะ เดี๋ยวไปถึงแล้วนกโทรหาอีกทีนะคะ
พี่ไก่ : จ้า

พอลงบันไดรถไฟฟ้าก็เจอรถมอเตอร์ไซด์พอดี เลยถามเขาว่าไปตึกไวท์กรุ๊ปเท่าไหร่คะ เขาก็ตอบมาว่า 20 บาท ก็โอเคไปได้ รถมอเตอร์ไซด์ที่นกนั่ง ดันขับผ่านซอยที่พี่ไก่บอก นกก็เริ่มคิด เอ๊ะ!! เมื่อกี้นี้เราพูดไม่ชัดหรือเปล่าน้า เขาถึงขับเลยมาทางนี้ เอ๊ะ!! หรือว่าเขาจะพาไปทางลัด ก็นั่งไปเรื่อยไม่ได้ถามอะไร มอเตอร์ไซด์ก็พาเลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 40 ในซอยก็มืดๆ แต่ในใจนกยังคิดว่าต้องมีทางลัดไปที่ตึกไวท์กรุ๊ปแน่ๆ แล้วก็เป็นจริงอย่างที่นกคิด รถมอเตอร์ไซด์พาไปจอดที่หน้าตึก นกก็ส่งตังค์ให้ 20 บาท แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากำลังจะโทรหาพี่ไก่ คนขับรถมอไซด์ก็บอกว่า 20 บาทครับ นกก็หันไปมองหน้าอย่างงงๆ แล้วก็บอกว่า แล้วนั่นไม่ใช่แบงค์ 20 หรือคะ คนขับรถมอเตอร์ไซด์ก็มองที่ตังค์แล้วพยักหน้า แล้วก็ยิ้ม แล้วก็ขับรถออกไป นกก็งงๆ แล้วก็โทรหาพี่ไก่ บอกว่ามาถึงหน้าตึกแล้ว พี่ไก่ก็ตอบว่าเดี๋ยวเดินออกไปรับ และแล้วก็มีสาวสวยคนหนึ่งเดินมารับนกที่หน้าประตู นกสวัสดีทักทายกัน แล้วพี่ไก่พาเดินไปที่ตึก แล้วก็บอกว่ารถตู้มาแล้วหนึ่งคัน โดยมีบังซา กำลังจัดของอยู่ ส่วนพี่ต่าย นั่งฟังเพลงอยู่ ก็สวัสดีทักทายกัน แล้วเอากระเป๋าไปไว้ที่รถ จากนั้นพี่ไก่ก็พาขึ้นไปบนตึกเพื่อนั่งรอ สมาชิกคนอื่นๆ แล้วก็รอรถตู้อีกคันนึง

ขึ้นไปถึงก็เจอพี่เด็ด นั่งคุยโทรศัพท์อยู่ กับพี่พรที่นั่งอยู่เฉยๆ พี่ฉั่วนั่งทำไรไม่รู้อยู่ที่คอม ก็ยกมือไหว้สวัสดีพี่เด็ด กับพี่พร เนื่องจากดูหน้าตาแล้วยังไงก็ต้องแก่กว่านก อิอิ ส่วนพี่ฉั่วนั่งหน้าคอมไม่สนใจนก จากนั้นก็มีพี่แป้ง กับพี่หมีเดินมาแต่ไม่ได้ทักทายหรือสวัสดีกัน นั่งรอสมาชิกสักพัก ในที่สุดก็มากันครบจนได้ ก็เลยขนข้าวของ อาหารการกินที่จะไปทำกินกันจากบนตึกลงไปข้างล่างเพื่อจัดขึ้นรถตู้ พอไปถึงรถตู้อีกคันยังไม่มาเลยนั่งรอรถตู้ก่อน จากนั้นพี่หนึ่งก็มาทัก บอกว่าทำไมตัวจริงดำกว่าในรูป -_-“ นกเลยตอบว่ารูปมันหลอกมั้งพี่5555

พอรถตู้คันที่สองมา พวกเราก็ช่วยกันขนข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ขึ้นรถ แล้วพี่ไก่ก็บอกว่าใครอยากนั่งคันไหนก็เลือกนั่งกันตามสบาย นกเลือกนั่งรถตู้ของคุณพร(ชื่อนี้หรือเปล่าน้าจำไม่ค่อยได้) ในรถตู้มีทั้งหมด 8 คน คุณพร(คนขับ) พี่หนึ่ง แมว นั่งเบาะหน้า พี่เอ พี่ปู นั่งเบาะกลาง พี่ฉั่ว พี่แป้ง นก นั่งเบาะหลัง สักพักนึงพี่ฉั่วก็ย้ายไปนั่งเบาะเดี่ยวแถวกลางเพื่อความสะดวกในการนอน ก่อนออกรถพี่ไก่ก็มาบอกว่าให้แนะนำตัวแล้วคุยกันไปนะ พอรถออกก็เริ่มคุยกัน แรกสุดเลยคือ บอกชื่อของแต่ละคน จากนั้นก็คุยกันว่ามาจากไหนกันบ้าง คุยกันได้สักพักก็ถึงเวลานอน นกก็นอนทันที แต่ก็นอนหลับๆ ตื่นๆ นอนไปตั้งนาน รถยังไปไม่ถึงไหนเลย รถติดมากๆ แต่ก็ยังนอนต่อไป ตื่นมาอีกทีถึงไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าแวะปั้ม ก็เลยลงไปฉี่ กับยืดเส้นยืดสายสักหน่อย เข้าห้องน้ำเสร็จก็เดินไปซื้อน้ำกับยาดมที่มินิมาร์ท จากนั้นก็ขึ้นรถตู้ออกเดินทางต่อ เดินทางไปนานแค่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าตื่นมาอีกทีก็ถึงปั้มอีกแล้ว ก็ลงไปเข้าห้องน้ำเหมือนเดิม จากนั้นก็ขึ้นมานอนต่อไป

วันที่ 12 สิงหาคม 2549
แล้วในที่สุดก็มาถึงตลาดในตอนเช้าตรู เพื่อซื้อของสดเอาไปทำกินกันบนภู พี่ๆ ก็เดินเลือกซื้อของกันไป ส่วนนกก็เดินดูอะไรเรื่อยเปื่อย แล้วว่าจะโทรหาแม่เพราะวันนี้เป็นวันแม่แต่ก็ไม่ทันได้โทรขึ้นรถพอดี ก็เลยกะว่าเดี๋ยวค่อยโทรก็ได้ จากนั้นก็ออกเดินทางไปที่น้ำตกภูสอยดาว ใช้เวลาเดินทางจากตลาดมาถึงน้ำตกประมาณ 2 ชั่วโมงได้ พอถึงก็หยิบโทรศัพท์มาว่าจะโทรหาแม่ แต่ก็โทรไม่ได้ เพราะไม่มีสัญญาณ -_-“ จากนั้นพวกเราก็ช่วยกันขนของลงจากรถมากองรวมกันไว้ เพื่อจะขนขึ้นไปชั่งน้ำหนักเพื่อให้ลูกหาบแบกขึ้นไปอีกที

ส่วนใครที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ไปเปลี่ยน แต่นกไม่ได้เปลี่ยนใส่ชุดเดิม แล้วพวกเราก็ขนของขึ้นไปชั่ง รวมน้ำหนักทั้งหมด ราว 314 กิโล เป็นเงินประมาณ 4710 บาท (ค่าแบกกิโลละ 15 บาท) จากที่ชั่งของเสร็จเรียบร้อย ก็ไปกินข้าวเช้ากันที่ร้านอาหารแถวนั้น อาหารมื้อแรกที่เรากินด้วยกันคือ ข้าวผัด แล้วก็มีลูกชิ้น ไส้กรอกปิ้ง ด้วย กินข้าวกันเสร็จก็คุยกัน แนะนำตัวกันไป เพื่อรอข้าว สำหรับกินมื้อกลางวัน ซึ่งบังซากำลังทอดไข่ดาวให้อยู่

เมื่อข้าวหมูกระเทียมไข่ดาวเสร็จเรียบร้อย ก็แจกกันไปคนละถุง พร้อมกะช้อนอีก 1 คัน จากนั้นก็เตรียมตัวเดินทางขึ้นภู ก่อนขึ้นภูแวะถ่ายรูปที่ป้ายน้ำตกภูสอยดาวกันหน่อย แชะ แชะ แชะ แล้วก็เข้าห้องน้ำ ห้องท่ากันให้เรียบร้อย จากนั้นก็ออกเดินทางได้

นาทีแรกที่เดินทางนกรู้สึกตื่นเต้น เพราะอยากจะรู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นยังไง พอเดินไปแป๊บนึงก็แวะถ่ายรูป ก็เดินต่อ แล้วก็แวะถ่ายรูปอีก ถ่ายรูปกันไปตลอดทาง เส้นทางช่วงแรกยังไม่ลำบากลำบนอะไรมากนัก ยังเดินกันสบายๆ ชิวๆ แต่เดินไปสักพักคนก็เริ่มหายไปทีละคนๆ เพราะคงแวะถ่ายรูปกันตามทาง เหลือนกเดินไปกับพี่หมีสองคน ก็เดินกันไปเรื่อยๆ จนถึงทางๆ หนึ่ง ที่เขียนว่า “ ถ้าลัดไปลานสน” กับ “ทางไปลานสน” ก็มองหน้ากับพี่หมีแล้วถามว่าจะไปทางไหนอะพี่ พี่หมีก็ไม่รู้จะตัดสินใจยังไง เลยบอกว่างั้นรอคนอื่นมาก่อนดีกว่าแล้วค่อยคุยกันว่าจะไปทางลัดหรือทางปกติ จากที่เดินมาสักพักแล้ว เหงื่อ ก็เริ่มออกแล้ว นกจึงควักหวีออกมาจากกระเป๋า แล้วรวบผมดีกว่า มัดผมเสร็จก็หยิบกล้องมาถ่ายรูปนิดหน่อย พี่หมีเลยอาสาถ่ายรูปให้นก ก็เลยถ่ายไปซะ 2 รูป จากนั้นพอทุกคนเดินมา ก็ปรึกษากันว่าจะไปทางไหน เลยตกลงว่ากลุ่มหนึ่งไปทางลัด อีกกลุ่มหนึ่งไปทางปกติ ซึ่งนกตัดสินใจไปทางปกติดีกว่าอ้อมหน่อยแต่อาจไม่ลำบากมาก จากนั้นก็เดินทางกันต่อไป เจอน้ำตกเมื่อไรก็แวะถ่ายรูปกันตลอดทาง ถ่ายรูปบนสะพานบ้าง บนขอนไม้บ้าง ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน เดินไปสักพักก็เห็นทางที่เป็นทางลง นั่นก็คือ ถ้าลงจากทางลัดเมื่อกี้นี้เอง แสดงว่าทางลัดนั้น ไม่ได้ลัดไปถึงลานสน แต่ลัดแค่นิดเดียวเอง ดีนะที่ไม่ขึ้นไป เพราะจากที่ถามพี่ๆ ที่เดินไปทางลัด เขาก็บอกว่า ก็เป็นทางเดินขึ้นๆ ไป จากนั้นก็เดินลง แล้วก็มาเจอกันตรงนี้แหละ แล้วยังงี้เรียกว่าเป็นทางลัดยังไงหว่า จากนั้นก็ยังเดินกันต่อไปเรื่อย ยังไม่มีใครรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอะไร เพราะทางยังเป็นทางปกติอยู่ เดินกันตั้งนานยังไม่ถึงจุดแรกเลย จุดแรกก็คือเนินส่งญาติ ก็ยังเดินต่อไปเรื่อย ในที่สุดก็มาถึงเนินส่งญาติจนได้ เป็นทางที่เดินขึ้น เดินขึ้นอย่างเดียว ซึ่งกว่าจะก้าวขาขึ้นไปได้แต่ละขาเนี่ย เมื่อยสุดๆ ถ้ามีญาติมาส่งจริงๆ ญาติคงจะกลับไปก่อน ที่จะขึ้นเนินแน่ๆ กว่าจะขึ้นไปถึงเนินส่งญาติได้ เล่นเอาแต่ละคนเหนื่อยกันไปเลย พอถึงก็นั่งพักตรงที่พัก กันแป๊บนึง ก็มีแมลง มาต่อมตามตัว ส่วนนกมีผึ้งมาตอมเลยแหละสงสัยจะหวานจัด ทำให้นั่งไม่ค่อยจะได้ นั่งพักเหนื่อยกันสักพักนึง ก็ออกเดินทางต่อ เนินต่อไปคือเนินอะไรไม่รู้จำไม่ได้ ทางเริ่มลำบากขึ้นเรื่อยๆ คนก็เริ่มเหนื่อยขึ้นเรื่อยๆ แวะพักกันตลอด แต่ที่แย่ คือ ขวดน้ำนกหล่นหายไม่มีน้ำกินเลย T_T ดีนะที่มีพี่ใจดีคนหนึ่งแบ่งน้ำให้ขวดหนึ่ง พี่เขาเป็นใครก็ไม่รู้ไม่รู้จัก เขามาเที่ยวเหมือนกัน ต่อจากนั้นน่าจะเป็นเนินเสือโคร่ง ทางเริ่มลำบากขึ้นเรื่อยๆ แต่ละคนเริ่มเหนื่อยหอบกันมากขึ้น ต้องแวะพักตลอด เพราะทางเดินจะเป็นการเดินขึ้นเขาอย่างเดียว เดินได้นิดนึงก็เหนื่อย จะเป็นลมกัน ต้องดมยาดมกันเป็นแถบๆ คนที่ดูอาการหนักสุดคงจะเป็นพี่ชิน เดินไปพักไป กินน้ำไป ตลอดทาง คนต่อมาก็คือแมว ซึ่งดูหน้าซีดๆ เหมือนจะไม่ไหว แต่ก็พอได้นั่งพักก็ดีขึ้น เดินกันไปเหนื่อยกันไป ช่วงที่เดินนี้ก็มีคุยกันไปบ้าง แต่ไม่รู้จะเล่ายังไง เพราะจำไม่ได้ จำได้แต่ว่าเหนื่อยอย่างเดียว เดินไปเรื่อยๆ แบบเหนื่อย ต่อไปจะเป็นเนินที่ลำบากขึ้น คือ เนินปราบเซียน เพราะมีแต่ทางขึ้นๆ ตลอดระยะทาง แถบจะไม่มีทางปกติเลย มีบ้างนิดหน่อยแต่ไม่มาก เดินมาถึงเนินนี้ ไม่ได้ยินเสียงน้ำตกแล้ว มีแต่เสียงนกร้อง เสียงจั๊กจั่น ได้บรรยากาศป่าดีมากๆ ถึงแม้จะเหนื่อยแต่ก็มีความสุขในการเดินในธรรมชาติ อากาศก็บริสุทธิ์ สดชื่น เดินกันไปเรื่อยๆ เหนื่อยกันไปเรื่อยๆ พักกันไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็มาถึงจุดพักกินข้าว ที่เรารอคอย ต่างคนต่างหยิบข้าวหมูกระเทียมไข่ดาวขึ้นมากินกันอย่างเอร็ดอร่อย มีแต่แมวคนเดียวที่ไม่กิน เพราะบอกว่าเหนื่อยกินไม่ลง นั่งกินข้าวกันไปคุยกันไปสักพักนึงก็พร้อมที่จะออกเดินทางต่อ เดินต่อไปเรื่อยๆ ที่เนินนี้เราเริ่มมองเห็นยอดภูสอยดาวอยู่รำไร แล้ว เราก็ยังเดินทางกันต่อไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักดมยาดม กินน้ำกันเป็นช่วงๆ พวกลูกหาบก็บอกว่าเดินอีกแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว แต่เดินแล้ว เดินเล่ายังไงก็ไม่ถึงยอดภูสักที

จนในที่สุดก็ถึงเนินสุดท้าย เนินมรณะ ซึ่งมรณะสมชื่อจริงๆ เพราะมีแต่ทางขึ้นๆ เดินได้สามก้าวหยุด สามก้าวหยุดจริงๆ เหนื่อยมากๆ เดินไปก็ชมธรรมชาติควบคู่กับความเหนื่อยไป แต่ก็มีความสุข บางทีเจอดอกไม้ เจอแมลงก็หยุดพักแวะถ่ายรูปกัน และในที่สุดเราก็ขึ้นมาถึงยอดภูจนได้ เย้ๆๆๆๆ

กว่าจะขึ้นมาได้เล่นเอาเหนื่อยมากๆ ตัวนี้เปียกไปด้วยเหงื่อ ขาแถบหมดแรงเดิน แต่ยังไงก็ขึ้นมาถึง งั้นต้องขอถ่ายรูปกับป้ายผู้พิชิตภูสอยดาวซะหน่อยแล้ว

ขึ้นมาถึงภาพที่เห็นช่างสวยงามมาก เพราะเป็นภาพของทุ่งดอกหงอนนาคสีม่วงเต็มไปหมด บวกกับทิวสนสวยละฟ้า กับหมอกขาวๆ ล่องลอยผ่านหน้าเราไป เหมือนเดินอยู่บนสวรรค์ไงก็ไม่รู้ อากาศก็สดชื่นมากๆ

เดินไปถึงจุดที่จะกางเต้นท์ซึ่งพี่เทพได้ขึ้นมาจองที่ให้เราตั้งเป็นชั่วโมงแล้ว เออ ลืมบอกไป น่าจะขึ้นมาถึงประมาณ 14.30 นะ ใช้เวลาเดินประมาณ 5 ชั่วโมงได้ ก็ถือว่ายังทำเวลาโอเคสำหรับมือสมัครเล่นอย่างนก

จากนั้นก็ช่วยกันกางเต้นท์ แล้วรอของจากลูกหาบ กางเต้นท์ยังไม่ทันจะเสร็จฝนดันตกซะเนี่ย ต้องรีบหยิบกระเป๋าทุกใบโยนเข้าไปในเต้นท์เพราะกลัวจะเปียก ส่วนตัวคนนะเหรอ ยืนตากฝนกัน

จากนั้นก็เตรียมตัวทำอาหารเย็นกินกัน พี่ๆ ผู้ชายช่วยกันก่อกองไฟ เพื่อหุงข้าว บางคนก็จัดเตรียมของๆ ตัวเอง นกเลยถือโอกาสนั้นไปอาบน้ำก่อนดีกว่า อาบก่อนที่จะมืด น้ำที่ใช้อาบนั้นเป็นน้ำในลำธาร ซึ่งเราจะต้องเอากระป๋องไปตักเอง แล้วหิ้วมาในห้องน้ำเพื่ออาบ การอาบน้ำที่นี่ อย่าฟอกสบู่เยอะ จะล้างยากเพราะน้ำลำธารไม่เหมือนน้ำประปา

อาบน้ำเสร็จก็มาช่วยพี่ๆ ทำกับข้าว ก็ถามว่าจะทำไรกินกันบ้าง ได้ข้อสรุปว่า ทอดไข่เจียว ทอดกุนเชียง แล้วก็ทำต้มยำไก่ พี่โอเล่เป็นคนทอดไข่เจียว กับทอดกุนเชียง ส่วนนกหั่นกุนเชียง กับทำต้มยำไก่ มื้อนี้หุงข้าง 4 หม้อ เหลือนึงหม้อ แต่กับข้าวไม่พอ

หลังจากกินข้าวกันเสร็จก็ช่วยกันเก็บจานชามไปล้าง บางคนก็ไปอาบน้ำ แล้วที่เหลือก็มานั่งคุยกัน ฝนก็เริ่มตกเป็นระยะๆ ตกๆ หยุดๆ เรานั่งคุยกันไปเรื่อยๆ แล้วก็มีอาหารไฮโซมากๆ ให้กิน นั่นคือ เฟรนฟรายนั่นเอง พี่ไก่ นกนั่งทอดกันไป พวกพี่ๆ ก็นั่งกินกันไป จนในที่สุดเฟรนฟรายก็หมด เหลือให้กินแต่ของมึนเมากันไปเรื่อยๆ ซึ่งพี่ไก่มีเป้าหมายว่าต้องกินว๊อคก้าให้ถึงครึ่งขวด ก็เลยป๊อกๆ กันไปเรื่อย แมวได้กินไปแก้วนึง ตาหวานเยิ้มเลย แล้วจากนั้นก็เริ่มทยอยไปนอนกันบ้าง ส่วนที่เหลือก็คุยกันต่อ มีการสอบถามกันว่ามาจากที่ไหน ทำอะไร ขำๆ กันไป พอดึกก็เข้านอนกัน ตอนแรกนกก็เข้าไปนอน แต่ก็รู้สึกว่ายังไม่ง่วงเลยออกมาคุยต่อ ซึ่งตอนนี้เหลืออยู่แค่ 3 คน คือ พี่เด็ด พี่ไก่ พี่พร ก็นั่งคุยกันไปกินกันไปเพื่อให้ว๊อกก้าพี่ไก่เหลือครึ่งขวดให้จงได้ แล้วนกเกิดนึกอยากกินรีเจนซี่ผสมแรงเยอร์ของพี่เด็ดบ้างก็เลยขอลองชิมหน่อยนึง ชิมนิดนึงเลยรู้ว่าหวานอร่อยๆ มากๆ พี่เด็ดเลยส่งมาให้กินอีกแก้ว ทีนี่กินหมดเลย อร่อยจริงๆ ด้วย ตอนนั่งคุยกันยังไม่รู้สึกอะไรก็คุยกันไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาสมควร แล้วเหล้าหมดแล้วด้วย จึงแยกย้ายกันไปกันนอน ก่อนนอนไปห้องน้ำก่อนดีกว่า พอลุกขึ้นเท่านั้นแหละ เลยรู้สึกตัวเลยว่า ตัวเราเดินเซๆ นะ คงจะเป็นเพราะแรงเยอร์ที่กินแน่ๆ เดินไปห้องน้ำโดยมีพี่พรเดินคุยไปเป็นเพื่อน ซึ่งพี่พรก็คงเมาอยู่เหมือนกัน

เมื่อกลับจากห้องน้ำ ก็เข้าเต้นท์ใครเต้นท์มัน นกก็กางถุงนอนออก แล้วนำตัวเข้าไปอยู่ เอาผ้าขนหนูมารองหัว แต่พอนอนแล้วดันนอนไม่ได้ เพราะตรงหลังโดนก้อนหินพอดี เลยต้องขยับตัวลงมาอีกหน่อย ทำให้ขายืดไม่พอ เลยต้องนอนงอๆ ตัว แล้วก็พยายามข่มตาลง นอนหลับๆ ตื่นๆ เพราะเมื่อย ได้หลับนิดหน่อย

วันที่ 13 สิงหาคม 2549
และแล้วก็เช้า ได้ยินเสียงพี่ๆ บางคนตื่นแล้ว ก็เลยลุกออกจากเต้นท์ เปิดเต้นท์มาปุ๊บ โอ้ว บรรยากาศดีมากๆ หมอกลงเต็มไปหมดเลย สวยจริงๆ อากาศก็เย็นสบายไม่หนาวมาก เดินไปล้างหน้าล้างตาที่ลำธาร แล้วก็กลับมาทำอาหารเช้ากินกัน มื้อเช้ามื้อนี้เป็น กาแฟ ขนมปัง แล้วก็ข้าวต้ม

จากนั้นพี่ไก่ก็ไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อจะไปเดินชมธรรมชาติกัน หลังจากที่กินข้าวเช้ากันเสร็จก็เตรียมตัวไปเดินชมธรรมชาติ ทางเดินเป็นแบบสบายๆ ไม่มีอะไรมาก ไม่เหนื่อย เดินไป ถ่ายรูปไป เจ้าหน้าที่พาไปดูทุ่งดอกหงอนนาค แล้วก็พาไปสุดเขตแดนไทย ซึ่งติดกับเขตแดนลาว ก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อยว่าเรามาถึงประเทศลาวเชียวนะ จากนั้นก็พาเดินขึ้นไปที่จุดชมวิว ซึ่งสูงมากๆ แต่ก็สวยมากๆ มองเห็นหมอกเต็มไปหมดเลย เรียกว่าเป็นทะเลหมอกก็ว่าได้ จากนั้นนกก็เดินลงมากับพี่ชิน แล้วก็พี่เทพ เพื่อมารอพี่ๆ คนอื่น นั่งรอที่ขอนไม้ นกก็เจอเห็บเข้าหนึ่งตัว ก็จับมาพิจารณาดูว่าหน้าตาเป็นไง ก็สรุปได้ว่า หน้าตาเหมือนเห็บน้องหมาบ้านเรานี่เอง แต่ตัวใหญ่กว่านิดหน่อย พี่ชินก็เลยถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก จากนั้นก็เดินทางต่อไปตามจุดชมวิวต่างๆ ซึ่งสวยงามมากๆ บรรยาศดีมากๆ มีจุดหนึ่งที่ต้นมอสขึ้นเขียวขจีไปหมด พวกเราพยายามถ่ายรูปให้ติดต้นมอส เลยต้องนั่งกึ่งนอนถ่าย ถึงจะได้ถ่าย การเดินทางในเช้านี้เป็นการเดินทางชมธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ ตลอดทาง มีจุดชมวิวตลอดทาง ใช้เวลาเดินกี่ชั่วโมงไม่รู้ ก็กลับวนกลับมาที่ตรงที่เราพัก คือ เดินขึ้นอีกทาง ลงอีกทาง ก่อนจะถึงเต้นท์ก็แวะถ่ายรูปที่ที่ทุ่งดอกหงอนนาคกันอีกรอบ รูปสุดท้ายนกได้นอนถ่ายบนขอนไม้ใหญ่ด้วย ซึ่งพี่โอเล่จัดท่าทางให้ พอเอาให้เพื่อนๆ ดู เพื่อนๆ ชอบกันใหญ่บอกว่าสวยดี แต่ระวังไม่ได้ลงจากคานนะ -_-“

จากนั้นก็มาช่วยกันทำอาหารกลางวันกินกัน มื้อนี้มีอะไรบ้างจำไม่ค่อยได้แล้ว รู้สึกว่าจะมี ไข่เจียว แกงจืด หมูทอด ฯลฯ ทำเสร็จกินข้าวกันอย่างเอร็ยอร่อย จากนั้นพี่ไก่ ก็บอกว่าได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ไว้แล้วนะ ตอนบ่ายเราจะไปเดินชมน้ำตกกัน เจ้าหน้าที่เดินมาดูแล้วบอกว่าให้เตรียมตัวกัน บอกว่าเดินแค่สองชั่วโมงเอง จากนั้นพวกเราก็เตรียมตัว พี่ไก่ บอกว่าเดินสบายๆ เหมือนไปเดินเล่นสวนหลังบ้าน ไปเล่นน้ำตกกันได้เลย พูดอย่างงี้ทุกคนก็เลยเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อไปเล่นน้ำตกกัน จากที่นกใส่กางเกงขายาว ก็เปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นเพื่อไปเล่นน้ำ พี่ๆ บางคนก็ใส่รองเท้าแตะกันไป ส่วนพี่ไก่ไม่ยอมไปด้วย บอกว่าจะอยู่เตรียมอาหารมื้อเย็นให้ แต่พี่ๆ ไม่ยอมบอกว่าต้องไปด้วยกัน ผลสุดท้ายพี่ไก่ก็ต้องไปด้วย

เริ่มออกเดินทางกันเป็นขบวน เพราะมีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ไปด้วย ไปกันเกือบหมดที่มาเที่ยวในวันนั้น ทางเดินตอนแรกมีป้ายบอกว่าทางลงน้ำตก....

จากนั้นก็เป็นทางลง แล้วก็ทางลง เป็นเหมือนบันไดขั้นเล็กๆ ให้เดินลงไปเรื่อยๆ ลงไปยาวนานมาก จนรู้สึกว่าน้ำตกอยู่ลึกมาก แถมทางลงก็ลื่นสุดๆ พี่เทพที่เดินตามหลังใส่รองเท้าแตะมา เดินลื่นตลอดทาง นกหละกลัวว่าจะลื่นหล่นลงมาทับนกตายจริงๆ กว่าจะลงมาสุดทางได้เล่นเอาเหนื่อยเลย ไหนพี่ไก่บอกว่าทางสบายๆ ไง พอลงมาถึงก็เห็นน้ำตกใสไหลเย็น แวะถ่ายรูปกันนิดหน่อย ตอนแรกนึกว่ามีแค่นี้ แต่ที่ไหนได้ มีทางเดินต่อไปข้างหน้าอีก ก็เลยเดินต่อไปเรื่อยๆ ทางเดินเป็นโขดหิน เป็นหน้าผา ซึ่งถ้าถามก็ค่อยข้างลำบากพอดู เพราะฝนตกลื่น ทางเดินเป็นทางลงไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบ แต่พวกเราก็ไม่มีใครย่อท้อ ยังคงเดินกันต่อไป บางทีต้องมีโหนเถาวัลย์กันด้วย แต่เราก็ยังเดินกันต่อไป แล้วในที่สุดเราก็มาถึงน้ำตกจนได้ (เล่าแบบย่อสุดๆ เพราะนานแล้วเริ่มจำไม่ได้) ตอนแรกนึกว่าที่ลงมาเจอน้ำตกคืออันนั้น แต่ที่จริงน้ำตกอยู่ตรงนี้นี่เอง เราพักถ่ายรูปกันหน้าป้ายน้ำตก และหน้าน้ำตกกันอย่างสนุกสนาน จากนั้นก็เดินต่อ นกคิดว่าคงจะเดินกลับแล้วเพราะจากที่เดินมาก็ไกลมากแล้ว แล้วก็เห็นว่าถึงน้ำตกแล้วด้วย แต่ไม่ใช่อย่างที่นกคิดเลยแม้แต่นิด พวกเรายังเดินกันไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ทางก็ยังเหมือนเดิม เป็นก้อนหินบ้าง เป็นหน้าผาบ้าง แต่ก็เดินกันได้เรื่อยๆ มีคนลื่นตกน้ำด้วย พวกเราเดินกันไปถ่ายรูปกันไปเหมือนเคย จนเจ้าหน้าที่บอกว่าให้หยุดถ่ายรูปก่อนเถอะ แล้วรีบเดินเพราะกลัวว่าจะมืด พวกเราจึงเลิกถ่ายรูปแล้วรีบเดินไป เดินไปสักพักก็เห็นคนกลุ่มใหญ่ก็คิดในใจว่าถึงแล้วแน่ๆ

แต่ที่ไหนได้ จากภาพที่เห็น ช่างอเมซิ่งมากๆ เพราะการเดินทางต่อไปนั้น ต้องไต่เชือกขึ้นไป ซึ่งสูงมากๆ มีคนกำลังไต่เชือกขึ้นไป แล้วก็คนรอต่อคิวกันเพื่อจะไต่ขึ้นไปอยู่ด้วย มองแล้วน่าหวาดเสียวสุดๆ เพราะทั้งลื่น ทั้งชัน แล้วพวกเราจะไปรอดไหมเนี่ย ยืนมองกันอยู่นาน

ในที่สุดฮีโร่ของเราก็ทนไม่ได้ เลยหาเส้นทางใหม่เพื่อจะเดินขึ้นไป พอหาทางได้ พี่เทพก็เดินๆ ดุ่มๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ พวกเราได้แต่มองตาม แล้วพูดอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “เพื่อนหนูค่ะ เพื่อนหนู” จากนั้นพวกเราก็เดินตามทางที่พี่เทพได้ปูไว้ให้ แต่ทางก็ใช่ว่าจะเดินง่ายๆ เรียกว่าเป็นการไต่เขาได้เลย เพราะต้องไต่กันขึ้นไปเรื่อยๆ ทีละคนๆ ก้าวได้ทีละนิด แล้วต้องจับต้นไม้กันให้แน่นๆ ถ้าพลาดมีหวังตกลงมาตายแน่ๆ เดินไปหยุดไป เพราะจราจรติดขัด ในที่สุดก็มาถึงจนจุดที่เขาไต่เชือกขึ้นมา มองลงไปแล้วหน้าหวาดเสียวมาก เพราะสูงมากๆ แต่อีกใจก็คิดว่าน่าไต่เชือกขึ้นมาบ้างจัง คงจะสนุกน่าดู

จากนั้นก็เป็นทางที่ต้องเกาะหน้าผา ซึ่งมีที่เหยียบอยู่นิดเดียวเอง คือถ้าเหยียบพลาดหรือลื่นก็ตกลงไปตายอีกตามเคย ช่วยกันดัน ช่วยกันดึงไปตลอดทาง มีผู้หญิงข้างหน้าบางคนกลัวมากจนเดินไม่ได้ ร้องไห้ไปเลยก็มี พี่หนึ่งต้องไปช่วยพาเขาเดินไป เส้นทางเป็นอย่างนี้ตลอด เป็นเส้นทางที่อันตรายมากๆ เป็นการเดินริมหน้าผาจริงๆ เพราะว่าเราต้องหันหน้าเข้าที่หน้าผา เอามือเกาะไว้ ส่วนข้างหลังก็เป็นเหมือนเหว ส่วนทางเดินก็พอดีเท้าไม่สามารถขยับไปไหนได้ แล้วไม่สามารถยืนอยู่หลายๆ คนได้ ต้องเดินทีละคนเท่านั้น เท่ากับว่าไม่สามารถมีใครช่วยใครได้ทันถ้าตกลงไป มีอยู่อย่างเดียวคือตาย มีอยู่ครั้งหนึ่งเหมือนกันที่นกเดินไป แล้วคว้าต้นไม้ แต่ต้นไม้ดันหลุดติดมือ นกเกือบหงายหลังตกไปแน่ะ ดีนะที่คว้าต้นไม้อีกต้นไว้ได้ทัน ไม่งั้นปานนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง ความรู้สึกตอนนั้นหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเลย ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลย กลัวมากๆ ว่าจะมีชีวิตรอดกลับไปหรือเปล่า พยายามเดินอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ลื่น แล้วก็คิดว่าถ้าเรายังไม่ถึงที่ตาย ยังไงเราก็ต้องผ่านพ้นไปได้ เดินต่อไปขาก็สั่น ใจก็สั่น แต่ก็ต้องสู้ เพราะไม่มีใครสามารถช่วยเราได้ เราต้องช่วยตัวเอง

จากนั้นก็ไปถึงจุดหนึ่งที่เราต้องดึงตัวเองขึ้นไปด้านบน โดยมีเชือกห้อยให้เท่านั้น แล้วก็ไม่สามารถมีใครยื่นมือมาช่วยดึงเราขึ้นไปได้ มีแต่เสียงพี่เทพพูดว่าพยายามดึงตัวขึ้นมา ออกกำลังแขนให้เยอะๆ นาทีนั้นต้องฮึดสู้ รวบรวมกำลังทั้งหมดเพื่อดึงตัวเองขึ้นไปให้ได้ เพราะถ้าขึ้นไม่ได้ ก็หมายความว่าต้องอยู่อย่างนั้น หรือไม่ก็ตก แต่แล้วก็ผ่านไปได้อย่างปลอดภัย แล้วเราก็ยังเดินขึ้นกันต่อไปเรื่อยๆ ทางก็ลื่นลาดชันเหมือนเดิม เดินจับต้นไม้กันไปตลอดทาง ระหว่างทางก็ตรวจสอบสมาชิกกันไปว่าใครอยู่ไหนครบหรือเปล่ากันไป คุยกันไปบ้าง ยังขำๆ กันได้ และในที่สุดก็มาถึงทางที่ดูเหมือนจะไม่ลำบากแล้ว แล้วก็เหมือนว่าจะถึงจุดหมาย พวกเราดีใจว่าในที่สุดเราก็เดินทางกันมาอย่างปลอดภัย แล้วการเดินทางครั้งนี้ทำให้พวกเรารู้สึกว่ารักกันมากขึ้น เพราะต่างคนต่างได้ช่วยเหลือกัน

แล้วในที่สุดเราก็ได้เห็นแสงสว่างสักที เย้ๆๆ พวกเราทำสำเร็จแล้ว ถึงทางออกแล้ว พวกเราเดินตามทางไปเรื่อยๆ แต่มองแล้วยังอีกยาวไกลเหลือเกินกว่าจะถึงเต้นท์ จากนั้นก็มีคำสั่งออกมาว่าให้เก็บฟืนไปคนละอัน ใครไม่มีฟืนเย็นนี้อดกินข้าว ทุกคนเลยเดินถือฟืนกันไปคนละท่อน แล้วเดินกลับที่เต้นท์กันอย่างเหนื่อย แล้วก็เลอะเทอะสุดๆ จากที่เจ้าหน้าที่บอกว่าเดิน 2 ชั่วโมง แต่ที่ไหนได้ เดิน 4 ชั่วโมงกว่าๆ กว่าจะเอาชีวิตรอดขึ้นมาได้ก็ 5 โมงเย็นแล้ว การเดินไปดูน้ำตกครั้งนี้ถือว่าเป็นที่น่าจดจำมากๆ เพราะทางลำบากกว่าเดินขึ้นภูเป็นไหนๆ และเป็นที่กล่าวขานกันตลอดว่า สวนหลังบ้านพี่เด็ดเป็นอย่างนี้นี่เอง

จากนั้นก็ช่วยกันจัดเตรียมอาหารเย็น บางคนก็ไปอาบน้ำ นกก็ไปอาบน้ำด้วยเพราะตัวเลอะเทอะมากๆ ห้องน้ำก็เต็ม เลยไปนั่งที่ลำธารล้างขา ล้างแขนก่อน เพราะมีแต่ขี้ดินเต็มไปหมดเลย กว่าจะได้อาบน้ำก็สักพักหนึ่ง อาบน้ำเสร็จก็มาทำกับข้าวเย็นกินกัน มื้อนี้เป็นมื้อที่มีอะไรต้องทำกินให้หมด เพราะว่าพรุ่งนี้จะเดินทางกลับแล้ว

เย็นนี้อาหารเลยเต็มไปหมดเลย มีทั้งยำวุ่นเส้น ต้มยำปลากระป้อง ผัดผัก ไข่เจียว หมูทอด ฯลฯ มื้อนี้กินกันอย่างอิ่มสุดๆ กินเสร็จก็ล้างจานแล้วก็กลับมานั่งคุยกัน ก็มีการถามกันว่ารู้สึกอย่างไรกับการมาเที่ยวทริปนี้ เสียงตอบเป็นเสียงเดียวกัน ว่าสนุก และประทับใจมากๆ คุยกันไปสักพักก็แยกย้ายก็ไปนอน เพื่อเก็บแรงไว้พรุ่งนี้เช้าเราจะเดินทางกลับ

วันที่ 14 สิงหาคม 2549
เช้านี้เป็นเช้าที่สดใสเช่นเดิม ตื่นกันตั้งแต่เช้า แล้วก็มาช่วยกันทำอาหารเช้ากินกัน มื้อนี้กินกันง่ายๆ คืออาหารกระป๋อง เพราะอาหารสดๆ พวกเราทำกินกันไปหมดแล้วเพราะกลัวจะเสีย เช้านี้ก็เลยมีข้าวต้ม ผักกระป๋อง แล้วก็ต้มไข่ไว้กินกันเป็นอาหารกลางวัน กินเสร็จก็เก็บสัมภาระ ทุกอย่างเพื่อให้ลูกหาบแบกลงไป เก็บของกันครบหมดทุกอย่างแล้ว ก็เตรียมตัวเดินทางกลับได้

การเดินทางขากลับเป็นไปอย่างสบายมากๆ เพราะเราเจออะไรที่ลำบากมาแล้วทางแค่นี้ชิวๆ ก่อนกลับก็แวะถ่ายรูปที่ป้ายผู้พิชิตภูสอยดาวกันอีกรอบ มีการถ่ายรูปเป็นคู่ๆ ด้วย แล้วก็เดินทางกันลงจากภูกันไป ขาลงนี้ทางลื่นพอดู เพราะว่าฝนตกทุกวันเลย ก็มีลื่น มีล้มกันบ้าง แต่ก็เดินกันไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยได้พัก เพราะเดินลงไม่ค่อยเหนื่อย ใช้เวลาเดินกันไม่มากนัก มีแวะพักกินไข่ต้มกันแป๊บนึง แต่นกไม่ได้กิน เพราะไม่ชอบกินไข่ต้ม แล้วก็เดินทางต่อ เดินไปถ่ายรูปกันไปเหมือนเดิม สนุกสนานดี ในที่สุดเราก็ลงมาถึงจนได้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง พวกเราออกเดินทางประมาณเก้าโมงถึงประมาณบ่ายโมง จากนั้นก็เดินไปที่รถตู้ที่จอดรออยู่ ซึ่งบังซาบอกว่าจะพาไปเล่นน้ำตกกัน ก็ดีใจเพราะอยากเล่นน้ำตกมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ก็นั่งรถตู้ไปตรงบ้านพักอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว แต่พอไปถึงก็ไม่มีใครเล่นน้ำตกกันเลย นั่งพัก นั่งคุยกัน เพื่อรอกระเป๋าเสื้อผ้าจากลูกหาบ รู้สึกว่าขาลงน้ำหนักของทั้งหมดจะลดลงไปนิดเดียวเอง ขนาดพวกเรากินทุกอย่างไปหมดแล้วนะ ทำไมน้ำหนักลดน้อยจัง สงสัยเป็นเพราะเสื้อผ้าเปียกแน่ๆ จากที่นั่งรอกระเป๋า รอข้าว พี่บางคนก็อาบน้ำ รวมทั้งนกด้วย พอนกอาบน้ำเสร็จก็ได้กินข้าวพอดี กินข้าวเสร็จก็คุยกันนิดหน่อย แล้วก็เตรียมตัวกลับ ตอนนี้แยกย้ายกันนั่งรถตู้ตามเส้นทางที่จะกลับว่าบ้านใครอยู่ไหน ลงที่ไหน ก่อนกลับก็ถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึกอีกสักรูปสองรูป แล้วก็เดินทางกลับได้

นั่งในรถตู้ก็คุยกันไป ขำกันไป หลับกันไปเป็นระยะๆ พอตอนแวะที่ปั้มน้ำมันก็มีการชวนพี่เทพมานั่งคุยด้วย จากนั้นเราจะแวะกินข้าวกันที่นครสวรรค์ มื้อนี้จะเป็นมื้อสุดท้ายที่เราจะกินข้าวด้วยกัน อาหารที่กินกันก็คือหอยทอด กินกันไปคุยกันไป แล้วก็กลับ จากนั้นก็ร่ำลากันอีกรอบเพราะต้องแยกกันไปคนละเส้นจากรถสองคัน พอขึ้นรถคราวนี้คุยกันนิดหน่อย จากนั้นก็นอนกันตลอดทาง จุดหมายแรกที่มาถึงก็มีพี่หนึ่ง แมว พี่กอล์ฟ พี่โอเล่ลง จุดที่สอง พี่แป้ง กับพี่ฉั่วลง จากนั้นก็เหลือนกคนเดียวนั่งต่อไป จนถึงจุดหมายปลายทางที่จะลงคือบิ๊กคิงส์นั่นเอง ลงแล้วก็นั่งแท็กซี่ต่อไปเพื่อเข้าบ้าน ถึงบ้านอย่างปลอดภัย เวลาประมาณตีหนึ่ง

วันที่ 15 สิงหาคม 2549
ถึงบ้านแล้วแทนที่จะอาบน้ำนอนกลับไม่นอน เพราะคงนอนมาเยอะแล้วก็เลยเปิดคอม เพื่อโหลดรูป แล้วโพสต์รูปกันสักหน่อย จากนั้นก็ออกไปทักทายลูกๆ ทั้งหลาย อย่างคิดถึง ลูกๆ ดีใจกันใหญ่เลยว่าแม่กลับมาแล้ว คุยกันสักพัก นกก็อาบน้ำนอน

ทริปนี้เป็นทริปที่นกประทับใจมากๆ แล้วก็สนุกมากๆ พี่ๆ ทุกคนน่ารัก เป็นกันเอง ช่วยเหลือกันดีมากๆ จากคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น รักกันมากขึ้น

ขอบคุณพี่ไก่ที่จัดทริปนี้ขึ้นมา แล้วก็ขอบคุณพี่หนึ่งที่ชวนนกไป และที่ขาดไม่ได้ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนที่ได้ไปใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข นกจะไม่ลืมความสุข และความประทับใจในครั้งนี้เลย

ปล.1 ช่วงเดินขึ้นภูอาจมีการจำเนินสับสนไปบ้างนะคะ

ปล.2 ส่วนรูปจะเอาไปลงไว้ใน Gallery นะคะ


Create Date : 27 กันยายน 2549
Last Update : 27 กันยายน 2549 14:08:41 น. 52 comments
Counter : 465 Pageviews.

 
ว๊าว ดีจัยจังเจอขาเที่ยวแบบเดียวกันแย้วววว

เล่าเรื่องได้สนุกสนานเห็นภาพเป็นฉาก ๆ เลยนะคะ

ลูกดกจังนะคะ คงหลายพ่อพันธฺ์แม่ นี่เป็นความลำบสกใจ

อย่างนึงนะคะ ก่อนไปเที่ยว


โดย: ดาวทะเล วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:14:20:53 น.  

 
หนุกๆ


โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:14:43:57 น.  

 
หวัดดีค่ะคุณดาวทะเล กับคุณตี้น้อย

คุณดาวทะเลก็ชอบไปเที่ยวแบบนี้เหมือนกันเหรอคะ ไว้วันหน้าไปด้วยกันสักครั้งนะคะ

ส่วนลูกๆ ก็มาจากหลายที่นะคะ แต่มักจะบอกกับลูกๆ เสมอว่า "เป็นลูกแม่ต้องอดทน"


โดย: ไข่มุกน้อย วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:15:01:38 น.  

 
รูปมะมีเลย แล้วเค้าจะเอาไปทำอะไรได้ล่ะ


โดย: กบน้อย IP: 222.123.36.56 วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:15:42:16 น.  

 
อยากไปเที่ยวมั่งจังงงงงงงง


โดย: Happy BlaBla IP: 124.120.204.214 วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:16:29:10 น.  

 
อ้าวก็บอกแล้วไง ว่ารูปให้ไปดูใน Gallery เดี๋ยวจะรีบเอามาแปะให้ดู


โดย: ไข่มุกน้อย วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:16:29:42 น.  

 
โอ้วววว .... ยาวจัง

เดี๋ยวว่างๆเข้ามาอ่านนะ


โดย: debby the gunner วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:16:43:17 น.  

 
ว้าวๆๆๆ
เคยไปแต่ภูกระดึงค่ะ
เล่าเรื่องจูงใจแบบนี้ ต้องหาเวลาซะแล้ว


โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:16:45:39 น.  

 



ยังไม่เคยไปเลยค่า.....น่าสนุกจัง


ปล. คิดถึงนะคะ



โดย: อย่ามาทำหน้าเขียวใส่นะยะ วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:16:51:09 น.  

 
อยากจาไปมั่งจังค่ะ


โดย: แอร์เอง IP: 61.19.69.109 วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:17:33:55 น.  

 
ยาวจังค่ะ แต่ก็อ่านนะคะ น่าจะมีรูปเนอะ อยากเห็นจัง

รบกวนไปแวะเยี่ยมที่ blog ช่วย comment และโหวตผลงานการทำ blog หน่อยนะคะ(รูปแบบและเนื้อหา)...งานส่งอาจารย์ค่ะ ขอบคุณมากๆ


โดย: gotokhonkaen (tan_jee ) วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:17:58:58 น.  

 
ทริปที่วิบากหน่อยๆ

จะสร้างความประทับใจเสมอ

อยากไปมั่งจัง


โดย: เจ้าแห่งโชคชะตา วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:18:43:52 น.  

 
ยาวจังครับแต่สนุกครับ เห็นด้วยกับความเห็นด้านบนคือน่าจะมีรูปประกอบในบล็อกด้วยเน้อะ
อ่านแล้วอยากไปบ้างจัง


โดย: bite25 วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:19:03:35 น.  

 
เล่าได้สนุกดีค่ะแล้วจะรอมาดูรูปนะคะ


โดย: oryzaja วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:19:27:10 น.  

 
เล่าเก่งจังเลยค่ะ อยากไปมั้งแล้วสิ


โดย: คุณดอกไม้ กะ นายกาแฟ วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:19:29:48 น.  

 

...ดีใจที่ไปเยี่ยมป้าค่ะ...



โดย: ป้าหู้เองค่ะ (fifty-four ) วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:19:31:49 น.  

 
ไม่มีรูปให้ดูเลยเหรอค่ะ?


โดย: Candydolls วันที่: 27 กันยายน 2549 เวลา:21:47:42 น.  

 
สวัสดีค่ะ อยากไปมั้งจังเลย ถ้ามีรูปยิ่งดีจ้า 555ชื่อ พรค่ะ
วันหลังจะมาเยี่ยมอีกนะคะ


โดย: pon00 วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:0:45:10 น.  

 
มาภูอีกทีค่ะ



โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:5:40:24 น.  

 


ลุงกล้วยตามไปเที่ยวด้วยนะครับ อย่างอื่นนะทำแล้วสนุกนะครับ แต่ลุงกล้วยเป็นโรคกลัวความสูงครับ ถ้าภาคพื้นดินสู้ตายครับ แต่อยู่บนที่สูงนี่ตายสถานเดียวครับ...5555


โดย: ลุงกล้วย วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:7:42:28 น.  

 
ขอบคุณทุกๆ คนที่เข้ามาเยี่ยมบล๊อกนะคะ

จริงๆ ก็อยากลงรูปแต่เห็นว่ายาวแล้วก็เลยว่าจะเอาไปลงในแกลลอรี่แทนนะค่ะ

ยังไงก็ตามไปดูที่แกลลอรี่กันนะคะ(แต่ไม่รู้จะลงเมื่อไร)


โดย: ไข่มุกน้อย วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:9:11:01 น.  

 
ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่นะคะ
เลี้ยงสัตว์เยอะแยะเลยค่ะ อยากเห็นรูปเหมือนที่คนอื่นๆ บอกด้วย ยังอ่านไม่จบเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้มาอ่านต่อนะคะ
ฝันดีค่ะ


โดย: สร้อยสายรุ้ง วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:11:08:21 น.  

 


เหอๆๆ ... บล็อคสวยจัง อิจฉา



แวะมาสวัสดีคร๊า ...ขอบคุณนะที่ไปฟังเพลงบ้านเรา

ยินดีที่รู้จักคร่ะ


โดย: @ ปั๊กกาเป้า @..อิอิ วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:14:46:05 น.  

 
อยากดูรูปจัง


โดย: kengCAD วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:15:39:52 น.  

 
วาทำบล็อคเสร็จแล้วนะค่ะ ยังไงช่วยเข้าไปดูและแนะนำที่ค่ะ

ขอบคุณค่ะ


โดย: VaLovE วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:18:17:51 น.  

 
ดีจ้า แวะมาหาอีกแล้วค่ะ


โดย: Candydolls วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:22:13:10 น.  

 
อิจฉาจัง
ไว้คราวหน้า
ขอไปด้วยคนนะคะ
....ขอบคุณนะคะที่แวะไปเยี่ยม
วันที่รถโดนทุบ
ก้อมีกระเป๋าเครื่องสำอางค์หายค่ะ
...
สงสัยว่าโจรคงเป็นกระเทยค่ะ


โดย: montagio วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:22:20:46 น.  

 
เพลงเพราะดีนะครับ


โดย: Bluejade วันที่: 29 กันยายน 2549 เวลา:5:18:01 น.  

 

ยาวเชียวแต่อ่านสนุกนะ
ขอนอกเรื่องหน่อยนึงนะ
พี่สาวพี่โทรมาบอกว่าแมวที่บ้านคลอดลูกมาน่ารักมากๆเลย
พี่อยากเห็นมากๆจ๊ะแต่ยังไม่ได้เห็นเลยไว้มีภาพจะแบ่งให้ชื่นชมนะ


โดย: miz u so much วันที่: 29 กันยายน 2549 เวลา:15:18:04 น.  

 
ยังไม่เคยไปภูสอยดาวเลย
เคยไปแต่ภูกระดึง


โดย: Michiyo วันที่: 29 กันยายน 2549 เวลา:18:01:12 น.  

 
แวะมาทักทายนะคะ..


โดย: nods วันที่: 1 ตุลาคม 2549 เวลา:7:57:07 น.  

 



วันนี้แอนมาทักทายเช้าวันอาทิตย์นะค่ะ ขอให้มีความสุขค่ะ


โดย: แอน (thattron ) วันที่: 1 ตุลาคม 2549 เวลา:11:40:47 น.  

 
Happy Monday นะจ๊ะ



โดย: อย่ามาทำหน้าเขียวใส่นะยะ วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:12:13:29 น.  

 
ยาวววววว ... ถึงภูสอยดาวเลย เด๋วมาอ่านใหม่นะครับ

อ้อ ... มาขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ


โดย: Cymry วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:17:51:54 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนจ๊ะ หนุกดีจัง


โดย: maxpal วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:17:56:35 น.  

 
....เจนนี่แวะมาทักทายค่ะ ขอบคุณมากน่ะคะ ที่แวะไปเดินเที่ยวกับเจนนี่เสมอมานะคะ ว่างๆก็อย่าลืมไปเดินเที่ยวเป็นเพื่อนเจนนี่อีกน่ะคะ....

....แล้วเจนนี่จะแวะมาทักทายอีกคะ....

....ขอให้วันนี้และวันต่อๆไป เป็นวันดีๆ ของคุณน่ะคะ....


โดย: jenny (สาวอิตาลี ) วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:18:30:46 น.  

 


โดย: fluffyboy101 วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:18:37:33 น.  

 
อยากเที่ยวแบบนี้บ้างจังเลยค่ะ กำลังอยากไปแต่เพื่อนๆไม่ค่อยว่างกัน แค่อ่านก็เห็นภาพแล้ว
.......ตอนนี้เปนน้องใหม่ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ...

.... 21-23 นี้จะไปเที่ยวภูสอยดาวค่ะ...


โดย: นม-เนย-น้ำตาล วันที่: 2 ตุลาคม 2549 เวลา:19:30:22 น.  

 
ยู้...ฮู...สวัสดีคร๊าบ



โดย: อ้วนดำปื๊ดปื๊อ วันที่: 3 ตุลาคม 2549 เวลา:23:44:05 น.  

 
ตามไปเที่ยวด้วยคน น่าจะมีภาพด้วยนาาาาาา


โดย: its_gemmi วันที่: 4 ตุลาคม 2549 เวลา:17:52:17 น.  

 
ก๊อก ... ก๊อก.... บัดดี้เอาอาหารเช้าสำหรับคนลำไส้ยาวมาฝากคร๊าบ



โดย: อ้วนดำปื๊ดปื๊อ วันที่: 5 ตุลาคม 2549 เวลา:5:03:24 น.  

 
เหนื่อยไหมขอรับนี่
..
ท่าทางเที่ยวมาเต็มปรี.....


โดย: แร้ไฟ วันที่: 5 ตุลาคม 2549 เวลา:23:09:12 น.  

 


ถึงไข่พะโล้จะสีดำ แต่ใจคนทำก็สีชมพูน่ะค่ะ^_^


โดย: หนุอุ๋ม (tenno_jung ) วันที่: 8 ตุลาคม 2549 เวลา:19:09:23 น.  

 
สวัสดี สวีดัด
สุขสันต์ วันศุกร์
ขอให้มีความสุขทุกศุกร์
ไม่ทุกข์ ไม่โศก

สุขใจ สุขใจ เด้อค่ะ

----------------------
ปล. อยากไปเที่ยว อ่ะ อยากไปเที่ยว

ละแวกนี้มีเขาคิชกูฎ แล้วก็ เขาชะเมา เขาสอยดาวด้วย แต่หน้าน้ำหลาก ขึ้นเขาไม่ได้ อ่ะ


โดย: ดาริกามณี วันที่: 13 ตุลาคม 2549 เวลา:9:14:31 น.  

 
อยากไปเที่ยวด้วยจังเลย ดีจังท่ได้ไป แล้วจะไปดูรูปที่ไหนล่ะจ๊ะ


โดย: บุ้งบิ้ง วันที่: 14 ตุลาคม 2549 เวลา:19:10:55 น.  

 
หวัดดีคับ แวะมาทักทาย เว็บสวยจังคับ เห็นแล้วอยากไปเที่ยวทุ่งทานตะวัน


โดย: matt (everything on ) วันที่: 19 ตุลาคม 2549 เวลา:22:49:08 น.  

 

มามี้ให้หนู(มีโอ)กะน้อง(ชีโนหรือดำเกิงงง) มาเรียนเชิญค่ะ...คับ...

ไปเที่ยวบ้านเราน้าค้า ม่ามี้มีเรื่องมาเล่าให้ฟัง หลังจากที่เข้าบ้านไม่ได้ตั้งนาน...

ม่ามี้ฝากบอกมาด้วยว่า "คิดถึงทุกๆคนมากๆเลยค่ะ"

อย่าลือแวะไปนะคะ บ๋าย..บายยย...



โดย: ป้าหู้เองค่ะ (fifty-four ) วันที่: 26 ตุลาคม 2549 เวลา:1:54:12 น.  

 


แวะมาเยี่ยมจ้ะ


โดย: แตนต่อย วันที่: 27 ตุลาคม 2549 เวลา:21:54:30 น.  

 


โดย: Candydolls วันที่: 31 ตุลาคม 2549 เวลา:23:59:02 น.  

 
แวะมาเยี่ยม นักท่องเที่ยวครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:1:26:25 น.  

 
ว่าจะไปภูสอยดาวเหมือนกัน อยากไป วางโครงการไว้แล้ว

แต่ยังหาเวลาไม่ได้เลยค่ะ พี่นก


โดย: ปลากัด (LonelySeason ) วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:14:25:43 น.  

 
เคยไปมาหน 1 สนุกและสวยมากเลยอ่ะครับ


โดย: แมท (everything on ) วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:20:42:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไข่มุกน้อย
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





: คนน่ารักที่เข้ามาเยี่ยม

Friends' blogs
[Add ไข่มุกน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.