Group Blog
 
<<
เมษายน 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
19 เมษายน 2556
 
All Blogs
 
บทความเพศศึกษา คอลัมน์ " ติวรักให้เต็มร้อย "



ในฐานะผู้ชายดีๆ ที่หายากคนหนึ่ง ผมรู้สึกเห็นใจสตรีเพศจริงๆ ครับ…

ช่วงเวลาในการเลือกคู่ของเธอทั้งหลายช่างสั้นยิ่งนัก

เพราะช่วงอายุขัยของวัยสาวเริ่มผลิบานเมื่อประมาณ 13 ปี

แล้วมาสุดเขตแดนเมื่อวัยสามสิบ…วันเกิดครบรอบ 30

จึงเป็นตัวเลขแห่งความสะเทือนขวัญ ก่อให้เกิดความตื่นตระหนก…

หลายคนไม่อยากพูดถึง คนอื่นก็ไม่ควรเอ่ยปากด้วย…

ถือเป็นมารยาทสังคมอย่างหนึ่ง ยกเว้นพวกมีวาจาเป็นอาวุธที่ชอบถามว่า

" ปาอะไรเอ่ยที่ผู้หญิงกลัวที่สุด " เฉลย

"ปาเข้าไปสามสิบ ยังไม่มีผัว "

ใครดันถาม "มันผู้นั้นสมควรตาย "


ตอนเรียนหนังสือเป็นนักเรียนนักศึกษา คุณพ่อคุณแม่ก็สอนนักสอนหนาว่า

" อย่าริรักในวัยเรียน "

" ตั้งใจเรียนหนังสือให้ดี จบแล้วค่อยมีแฟน "

ทั้งๆ ที่ไอ้ตอนเรียนหนังสือมีโอกาสพบปะเพศตรงข้ามมากหน้าหลายตา

ก็หาได้สนใจไม่ เป็นคนประเภท " รักไม่ยุ่ง มุ่งแต่เรียน "

ทุ่มเทชีวิตให้แก่การศึกษา…เมื่อเติบใหญ่เราจะได้มีวิชา เป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน

หลังจบการศึกษา ประกอบสัมมาอาชีวะ ขณะเดียวกันก็ใช้เวลาว่าง "เลือกสรร - ควานหา"

ผู้จะมาเป็นเจ้าบ่าวในอนาคต ตั้งสเปกว่าต้องได้แฟนหนุ่มประเภทซูเปอร์เพอร์เฟค

อย่างวิลลี่ แมคอินทอทหรือจอห์นนี่ แอนโฟเน่

หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องมาดแมนแฮนซั่ม หล่อล่ำดำขรึมถึงจะได้มาตรฐาน…

ไอ้ประเภทหุ่นอัฟริกา หน้าติมอร์

อย่าได้สเออะหน้ามาให้เห็น…ไม่มีทางได้แอ้มหรอก


จากวันเป็นเดือน - จากเดือนเป็นปี ความรักไม่มีวี่แววคืบหน้าแม้วันเวลาผ่านไป…

เพราะที่ทำงานทั้งห้องมีผู้ชายอยู่แค่ 5 คน - เจ้านายก็มีเมียแล้ว…

ไม่อยากตกเป็นภรรยาบุญธรรม สองคนดันเป็นเกย์…

อีกคนยังลังเลอยู่ว่าจะเป็นดีหรือเปล่า…คนสุดท้ายเป็นชายแท้

แต่กำลังถูกแย่งตัวระหว่างเกย์สองคนอยู่

ไม่อยากเข้าไปเป็นมือที่สาม…นั่งรถมาทำงานก็สองชั่วโมงครึ่ง

กลับอีกสองชั่วโมงสี่สิบนาที กลับถึงบ้านหมดสิ้นกำลัง

ขอนอนเอาแรงก่อน ขณะที่งีบหลับอย่างสนิท

ภาพในความฝันที่เธอเห็นคือสถาบันการศึกษาที่เธอจบมา…แหล่งที่มีเพศตรงข้ามชุกชุม

เธอหวนรำลึกนึกถึงผู้ชายดีๆ ที่เขาเคยอุตส่าห์มาเฝ้าตามจีบตามง้อตามตื๊อ แล้วเราเล่นตัวจนเคยตัว

ในที่สุดผลประโยชน์ตกอยู่ที่เพื่อนสนิทเป็นที่เรียบร้อย…แหม !

ไม่น่าเลย ยิ่งคิดยิ่งเสียดายจริงจริ๊ง…ตื่นพอดี เจอโลกแห่งความจริง

ดำเนินชีวิตไปแต่ละวัน ยิ่งเข้าหน้าหนาว ซองสีชมพูกลิ่นหอมๆ จากเพื่อนๆ เริ่มทยอยมา

ตามหลังซองกฐินซองผ้าป่าที่เพิ่งหมดฤดูกาล…พอไปในงาน ดันเจอคำถามสะกิดใจอีกว่า

"เมื่อไรจะถึงคิวแจกการ์ดของตัวบ้างล่ะ" … "โถ! การ์ดแต่งงานน่ะพิมพ์เสร็จแล้ว

เหลือแต่ชื่อเจ้าบ่าวที่ยังไม่ได้เลือกว่าจะเป็นใคร เพราะครั้งนี้เขาเปลี่ยนระบบเลือกตั้งใหม่

ยังงงๆ เรื่องปาร์ตี้ลิสต์อยู่เลย" เอ๊ะ…เกี่ยวอะไรกัน!…ในใจก็คิดว่า "

ก็ฉันอยู่เป็นโสดนี่มันไม่ดียังไง หนักกระบา_ใครรึเปล่า"


เคยตั้งคำถามกันไหม…ว่าทำไมต้องแต่งงาน (กันด้วย !)…

คำตอบจากเพื่อนๆ ที่แต่งงานแล้วหรืออยากจะแต่งงานอาจมีหลากหลาย…


" อยู่คนเดียวมันว้าเหว่ อยากมีใครสักคนไว้แก้เหงา " …รายนี้เห็นผู้ชายเป็นตัวคลายเหงา

" รายได้ไม่พอใช้ หาคนช่วย (หาเงิน) " …ผมกลัวมาช่วยผลาญเงินมากกว่า

" อยากมีลูก ก็ต้องหาพ่อก่อนสิ "…เกิดได้ลูกแล้ว จะทิ้งพ่อรึเปล่าเนี่ยะ

" โรงงานพร้อมแล้ว ขาดผู้ประกอบการ "…เจ้าของคำตอบกำลังหาผู้ร่วมลงทุน ฯลฯ ๆๆๆๆๆ


อันว่า " ชีวิตคู่ " อยู่ไปเพื่อสิ่งใด ?

ชีวิตคู่ คือ การเติมเต็มซึ่งกันและกัน ดังนั้นเมื่อมีชีวิตสมรสแล้ว ครึ่งหนึ่งของชีวิตเราจะหายไป

ในส่วนที่ขาดจะมีครึ่งชีวิตของอีกฝ่ายมาเติมแต่งแห่งพื้นที่ว่างนั้น

ขณะที่ครึ่งชีวิตของเราที่หายก็มิได้สูญสลายไปไหน มันก็ไปเติมที่ว่างของคู่เรานั่นเอง

จุดมุ่งหมายของการแต่งงานคือการใช้ชีวิตคู่ให้มีความสุขมากขึ้นและมีชีวิตที่ดีขึ้น

เมื่อเป็นสามีภรรยาแล้วต้องมีความสุขมากกว่าตอนอยู่คนเดียว ถ้าตอนอยู่ด้วยกันแล้วมีแต่ความทุกข์

ความเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน ก็ไม่รู้ว่าจะแต่งงานไปหาพระแสงดาบคาบค่ายที่ไหน…อยู่คนเดียวมันส์กว่า

ชีวิตคู่ต้องเกื้อกูลกันและกัน ความก้าวหน้าของสามี ภรรยาต้องมีส่วน

อย่างน้อยก็ปลอบใจในยามที่สามีเครียดจากการงาน

ชีวิตภรรยาถ้าไม่คิดเอาดีในทางโลกก็เจริญในทางธรรม

กำลังใจต้องได้จากสามีเช่นกัน อย่างน้อยก็อย่าหาทุกข์มาสุมเพิ่ม…

ถ้าคู่รักของเราประกอบมิจฉาอาชีวะ ติดเหล้า

เล่นการพนัน โกงบ้านกินเมือง ชีวิตอีกฝ่ายก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น

เพราะฉะนั้นเวลาเลือกแฟน แทนที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องรูปร่างหน้าตา ฐานะการเงิน

ยี่ห้อรถเก๋งที่ใช้อยู่ ฯลฯ เปลี่ยนเป็นเงื่อนไขแค่สองข้อที่จำแสนง่าย คือ


หนึ่ง – สุขใจยามอยู่ใกล้ชิด

สอง – คู่ช่วยคิดชีวิตก้าวหน้า


เพราะชีวิตคู่คือการเติมเต็มชีวิตแก่กันและกัน…หาใช่เป้าหมายเพื่อการเสริม เพิ่มความเสียว…

เพราะอยู่คนเดียวก็เสียวได้ ไม่ง้อใครให้เสียเวลา

ไม่เสียชาติเกิดหรอกครับ ถ้าคุณจะใช้ชีวิตเป็นโสด - ถือคติประจำใจว่า

" อยู่เป็นโสด ดีกว่ามีผัวเลว "


[ ที่มา...บทความเพศศึกษา คอลัมน์ " ติวรักให้เต็มร้อย "
นิตยสารกุลสตรี ฉบับปลายเดือนสิงหาคม 2544 ]


Create Date : 19 เมษายน 2556
Last Update : 19 เมษายน 2556 14:17:52 น. 0 comments
Counter : 950 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ART19
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]





ความเสมอภาคที่แท้จริง คือ
การที่ทุกคนต้องมีหน้าที่
การทำหน้าที่ของตนเอง
จะเป็นสิ่งที่กำหนดว่า
เราควรได้รับอะไร แค่ไหน
Friends' blogs
[Add ART19's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.