¤ เคย(เป็น) อยู่ อย่าง อยาก ¤
สวัสดีทุกท่านค่ะ
ช่วงนี้แนวการเขียนของดิฉัน เปลี่ยนโค้งไปมากเลยจากเมื่อก่อน
อาจเป็นเพราะตอนนี้ได้เจอเหตุการณ์อะไรหลายอย่างที่เครียดๆ ด้วย
ก็เลยทำให้รู้สึกตัวเองเหมือนจะเริ่มปลง ปล่อยวาง อยากอยู่แบบเงียบๆ
จากที่เมื่อก่อนใช้ชีวิตสวิงสวาย หวือหวามาก สังคมจัด ดื่มจัด เล่นจัด
ใครชวนไปไหน ทำอะไร ดิฉันไม่เคยขัดศรัทธาเพื่อนพ้องน้องพี่
พอมาพักหลังใครชวนไปไหน ดิฉันปฏิเสธหมด นอกจากงานสำคัญจริงๆ ถึงจะไป
แหม ๆ ทำยังกับออกงานไฮโซที่มีนักข่าวมาสัมภาษณ์ มะช่ายยยย
คือชีวิตที่ผ่านมาสามสิบกว่าฝนของดิฉันนี่มันก็ไม่ได้นานอะไรมากนักหรอก
แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาของดิฉันนั้น ก็คิดว่าตัวเองได้เรียนรู้อะไรๆ
มาเยอะพอสมควร พอกับการที่จะทำให้คิดได้ว่าเราจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง
ชีวิตที่ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากมายนัก เพราะถึงแม้ทุกวันนี้จะไม่ได้ร่ำรวย
แต่ก็ไม่ได้ขาดอะไรเลย มีที่อยู่ที่กิน ที่ซุกหัวนอน เตียงนุ่มๆ กับผ้าห่มอุ่นๆ
มีหน้าที่การงานมั่นคง คนข้างกายข้างใจก็ดูแลเอาใจใส่ดี......
แล้วแกยังจะอยากได้อะไรมากไปกว่านี้อีก (ยะ)
เปรียบเทียบจากเมื่อก่อน ที่ดิฉันมีชีวิตที่อาจจะลำบากกว่านี้มาก
ต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อที่จะไปเบียดเสียดกับผู้คนบนรถประจำทาง
ซึ่งเป็นรถสองแถวท้องถิ่นที่ช่วงเช้าๆ ใช้ขนมนุษย์งานเข้าเมือง
เบียดเสียดยัดทะนานกันไปจนแทบจะเป็นผัวเมียกันบนรถ
ถ้าโชคดีหน่อยก็ได้ชิดเข้าไปโหนอยู่ข้างใน แต่ถ้าวันไหนคนเยอะ
แตะได้แค่บันไดทางขึ้นรถสองแถว แล้วก็ใช้มือเหนี่ยวเอวคนแถวนั้นไว้กันร่วง
ไม่ตกสองแถวตายไปก่อนจะได้รู้รสชาติของการมี " สามี " ก็นับว่าบุญแล้ว
ค่าตอบแทนที่ได้รับจากการต้องโหนรถไปทำงาน ก็แค่พอกินพอใช้ไปเดือนชนเดือน
ไม่ต้องไปคิดไกลถึงอนาคตที่จะเก็บไว้ดาวน์บ้าน ผ่อนรถ
เพราะมันไม่มีวันนั้นสำหรับหล่อนหรอก (ย่ะ)
*****
ใช้ชีวิตดักดานอยู่อย่างนั้นหลายปี และแล้วโชคชะตาบวกกับความแรด
ก็ทำให้มีสามีเป็นของตัวเอง แบบไม่ต้องไปง้อขอยืมจากคนอื่น เหอ เหอ
พอมีคนรับเลี้ยงได้สามีเป็นถึงฝรั่งไวกิ้ง(กือ) ที่ใครๆ ต่างก็ประณามยินดี
ไปพร้อมๆ กันกับวาสนาหอยสังข์ของดิฉันว่า ต่อไปมันคงจะร่ำรวยมีเงินมีทอง
กลับมาปลูกบ้านหลังโตๆ ให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาแก่วงศ์ตระกูล
เชอะ ฝันไปเถอะย่ะ !!
สามีหนุ่มที่ครองตัวเป็นโสด เพื่อรอคอ(ลอยคอ)ดิฉันมานานแสนนาน
(ปานคุณชายใหญ่จากแต่ปางก่อนรอเจ้านางม่านแก้วยังไงยังงั้น)
คฤหาสน์หลังแรกที่คุณชายมีไว้สำหรับรับรองดิฉันตอนนั้นก็คือ
ห้องกว้างขนาดแมวสองตัวดิ้นไปมาหากันได้จากฝากหนึ่งถึงฝากหนึ่ง
ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาทีเท่านั้นเอง ไม่ได้มากมายหลายเอเคอร์
จนเดินหากันไม่พบ
โฮะ โฮะ
เพราะฉะนั้นความฝันของชาวบ้านที่คอยลุ้นว่าเมื่อได้สามีฝรั่งดั้งขอแล้ว
ชีวิตคุณลำไยอย่างดิฉันจะเปี๋ยนไป ใช้กระเป๋าหนังครอกคอดาย (crocodile)
ชิส์ ไม่สำเร็จหรอกย่ะ !!
ฉันก็ยังคงเป็นคุณลำไยคนเดิม ที่ยังไม่ได้ลอยหน้าเป็นนังแก้ว (หน้าม้า)
อยู่กันมาอยู่กันไป เราสองคนก็ขยับขยายพื้นที่ให้มีที่ฟุตเวิรค์กันมากขึ้น
เป็นอพาร์ท์เม้นท์ขนาดสามห้องนอน หนึ่งครัว หนึ่งห้องน้ำ กินข้าว รับแขก
ที่ยังเช่าเขาอยู่ ..............
แต่ข้อเสียของการอยู่อพาร์เม้นท์แบบนี้ก็คือ เวลา " ร้อง โอ้ว เย่ "
กรุณาอย่าโหยหวนให้ดังหนัก เพราะต้องเกรงใจห้องติดกันข้าง ๆ ด้วย หุหุ
*****
สังคมเด็กนอกมีหลากหลายรูปแบบค่ะ ทั้งเข่นฆ่ากันด้วยสายตา วาจา
และทรัพย์สิน ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกหลายอย่างที่เราต้องเข้าไปร่วมรับรู้
รับฟังปัญหาสารพัดของพวกเขา ยิ่งรู้จักคนมาก ปัญหาก็ยิ่งมาก
ถึงตอนนี้ที่ฉันจึงเริ่มทำตัวถอยห่างออกมาทีละนิด จนเพื่อนพ้องตกใจ
ว่าทำไมอยู่ดีๆ สาวฮอตอย่างดิฉันถึงปฏิเสธการออกสังคมทุกครั้งที่มีงานเข้า
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะรู้สึกถึงความอิ่มตัวกับ รูป รส กลิ่น และเสียง
ที่เคยได้ไปสัมผัสมาแล้วนั่นเอง.....ถึงตอนนี้พอมีเวลาให้กับตัวเอง
ถึงแม้ว่ามันจะดูโดดเดี่ยว โฮมอโลนไปบ้าง แต่ก็รู้สึก " สงบ " ดี
เพราะอะไรที่ฉันเคย(เป็น) อยู่ อย่าง อยาก มาก่อนนั้น
มันไม่ได้ทำให้ชีวิตฉันรู้สึกสบายมากหรือน้อยไปกว่าเดิมเลยสักนิด
การได้อยู่กับบ้านและกับคนที่รักแค่คนเดียวแบบนี้....มันก็มีความสุขดี
อาจจะดูเงียบเหงาไร้สีสันไปสักหน่อย แต่มันก็ไม่วุ่นวายเหมือนที่เคยเป็น
" ทำไมฉันถึงเพิ่งมารู้สึกได้ตอนนี้นะ "
Create Date : 09 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2551 0:45:21 น. |
|
34 comments
|
Counter : 447 Pageviews. |
|
|