ในวงการ "เกมคอนโซล" หรือเครื่องเล่นวิดีโอเกม จะมีการเปลี่ยนรอบของตัวเครื่องทุกๆ 6-7 ปี โดยผู้ขายเครื่องเกม (ซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่แค่ 3 บริษัท) จะเปิดตัวเครื่องเกมรุ่นใหม่ๆ ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน วงการเกมเรียกเครื่องเกมแต่ละรุ่นว่า generation ซึ่งตอนนี้หลายๆ ฝ่ายนับตรงกันว่า เข้าสู่ eighth generation หรือเครื่องเกมยุคที่แปดแล้ว

เมื่อปลายปีที่แล้ว เจ้าพ่อแห่งวงการเกมญี่ปุ่น นินเทนโด ได้เปิดตัวเครื่องเกมยุคที่แปดเป็นรายแรกคือเครื่อง Wii U (อ่านว่า "วียู") ซึ่งพัฒนาต่อจากเครื่อง Wii ที่โด่งดังเมื่อหลายปีก่อนอีกทีหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เครื่อง Wii U ยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก เพราะมีเกมออกมาน้อย และสมรรถนะด้านการประมวลผล ก็ไม่เยอะเท่าที่แฟนเกมหวัง

ส่วนผู้ขายเครื่องเกมรายใหญ่อีก 2 รายคือ ไมโครซอฟท์ และโซนี่ ก็รอเวลาคล้อยหลังจากนี้อีกหนึ่งปี มาเปิดตัวเครื่องเกมรุ่นใหม่ไล่เลี่ยกันในเดือนพฤศจิกายน 2556 นี้เองครับ

ฝั่งโซนี่ เปิดตัวก่อนเมื่อต้นเดือน ชื่อเครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ ไม่มีอะไรพิสดาร เรียกเป็น PlayStation 4 หรือ PS4 แค่เพิ่มตัวเลขมาอีกหนึ่งจาก PS3 ที่เป็นเครื่องเล่นรุ่นก่อน

โซนี่ประสบความสำเร็จอย่างมากกับ PS1 และ PS2 แต่ในยุคของ PS3 กลับประสบความสำเร็จไม่มากเท่าที่ควร (แต่ก็ห่างไกลกับคำว่าล้มเหลว) เพราะออกแบบฮาร์ดแวร์มาซับซ้อนเกินไป ราคาแพงเกินไป คนสร้างเกมก็ทำเกมให้ยาก คนเล่นเกมก็รู้สึกว่าแพงเกินความจำเป็น

พอมาถึงยุคของ PS4 โซนี่ แก้ปัญหาเหล่านี้เกือบหมด เครื่องเกมราคาถูกลงมาก (399 ดอลลาร์ หรือประมาณ 13,000 บาท) ความซับซ้อนลดลง ใช้เทคโนโลยีการประมวลผลข้อมูลแบบเดียวกับเครื่องพีซี (ใช้ซีพียูของบริษัทเอเอ็มดี) และมีความสามารถที่จับตลาดเกมเมอร์อยู่มากมาย เบื้องต้น PS4 เปิดตัวในสหรัฐฯ ก็มียอดขายร้อนแรงมาก วันแรกวันเดียวขายได้ถึง 1 ล้านเครื่อง

ฝั่งของไมโครซอฟท์เปิดตัวตามหลัง 1 สัปดาห์ โดยใช้ชื่อเครื่องรุ่นใหม่ว่า Xbox One (แต่จริงๆ นับเป็น Xbox รุ่นที่สามของบริษัทแล้ว เพียงแต่วิธีตั้งชื่อไม่ได้นับเลขเรียงรุ่นแบบโซนี่) ในแง่ของสเปกแล้วใกล้เคียงกับ PS4 โดยใช้ซีพียูของเอเอ็มดีเหมือนกัน แต่เครื่องของไมโครซอฟท์จะพิเศษกว่าหน่อย ตรงที่แถมกล้อง Kinect (อ่านว่า คิเน็คต์) มาให้ด้วย ทำให้ผู้เล่นสามารถสั่งงานเครื่องด้วยท่าทางหรือเสียงพูด (ภาษาอังกฤษ) ได้

การที่ Xbox One รวมกล้อง Kinect มากับเครื่องด้วย ทำให้ราคาขายต้องแพงกว่าโซนี่อยู่ 100 ดอลลาร์คือ 499 ดอลลาร์ (17,000 บาท) แต่ก็ยังเปิดตัวได้ดีไม่แพ้กัน ทำยอดขาย 1 ล้านเครื่องในวันแรกได้เหมือนกัน

ในต่างประเทศเอง ก็มีการเปรียบเทียบความสามารถของเครื่องเกมทั้งสองกันมาก ซึ่งในตอนนี้ถ้าไม่นับเรื่อง Kinect และราคาที่ต่างกัน 100 ดอลลาร์ ก็ยังไม่มีความแตกต่างมากนัก เพราะซอฟต์แวร์เกมยอดฮิตส่วนใหญ่ที่เปิดตัวขายพร้อมกัน ก็ลงทั้งสองเครื่อง (มีบางเกมที่ลงเฉพาะเครื่อง แต่เป็นส่วนน้อยอยู่ในตอนนี้) เรียกว่า ถ้าอยากเล่นเกมทั่วๆ ไปก็ซื้อเครื่องไหนก็ได้

แต่ในระยะยาว พอมีเกมออกมามากขึ้น ความแตกต่างของทั้งสองเครื่องจะเริ่มชัดเจนขึ้นครับ เรียกว่าถ้าอยากเล่นเกมบางเกม ก็ต้องลงทุนซื้อเครื่องเกมนั้นๆ มาโดยเฉพาะ ตรงนี้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของวงการเกมอยู่แล้ว และในอีก 5-6 ปีข้างหน้า ทั้งไมโครซอฟท์และโซนี่ ก็จะต้องต่อสู้แย่งชิงค่ายเกมอิสระต่างๆ ให้หันมาผลิตเกมเฉพาะเครื่องของตัวเองให้ได้

ผมยังไม่ได้ลองจับเครื่องเกมทั้งสองเครื่อง คงยังวิจารณ์อะไรไม่ได้มากนัก แต่ถ้าเอาเฉพาะข้อมูลที่ออกมา ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์ตัวจริง PS4 อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะถูกกว่า สเปกแรงกว่านิดๆ (นิดเดียว) และมีฟีเจอร์เฉพาะทางที่เหมาะกับเกมเมอร์มากกว่า แถมเกมที่ลงเครื่อง PS4 มักเป็นเกมจากค่ายฝั่งญี่ปุ่นที่คนไทยคุ้นเคยกว่า



ส่วน Xbox One มีดีที่นวัตกรรมด้านการสั่งงานด้วยเสียง ด้านความบันเทิงอื่นๆ ที่ไม่ใช่เกม แต่ครอบคลุมไปถึงการดูหนัง-ดูทีวีออนไลน์ด้วย (ไมโครซอฟท์คิดการใหญ่ถึงขนาดครอบครองห้องนั่งเล่นเลยครับ) อย่างไรก็ตาม ความสามารถเหล่านี้ มักใช้ได้เฉพาะในสหรัฐฯ และประเทศฝั่งตะวันตก ดังนั้นถ้าซื้อมาเล่นในเมืองไทยตอนนี้ ก็คงไม่สามารถใช้ความสามารถหรือบริการเหล่านี้ได้ จุดหลักคงเหลือแต่การเล่นเกมเท่านั้น ซึ่งเกมบน Xbox One ส่วนใหญ่ก็มาจากค่ายฝรั่ง อันนี้คงขึ้นกับว่าชอบแนวไหนครับ

ตอนนี้เครื่องเกมทั้งสอง เริ่มเข้ามาขายในไทยแบบเครื่องหิ้วแล้ว ราคาก็จะบวกค่าหิ้วเข้ามาด้วย ถ้าไม่ใช่คอเกมตัวจริงที่ต้องเล่นเครื่องเกมใหม่สุดทันที ผมแนะนำให้รออีกสักพัก (ประมาณหนึ่งปี) เพื่อให้ซอฟต์แวร์เกมทยอยออกวางขายกันเยอะขึ้นก่อนตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ ถ้าดูประวัติเก่าแล้ว โซนี่ไทยก็น่าจะเอา PS4 เข้ามาขายอย่างเป็นทางการด้วย ซื้อเครื่องที่นำเข้าโดยบริษัทอย่างถูกต้องสบายใจกว่า (ส่วน Xbox นี่ ไมโครซอฟท์ประเทศไทยไม่สนใจเอาเข้ามาทำตลาด อันนี้คงต้องช่วยกันเรียกร้องไปยังไมโครซอฟท์ประเทศไทยให้เยอะๆ แทน)