|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
|
|
|
|
|
|
|
One Step At A Time
วันนั้นเป็นวันเกิด...
เสียงฝีเท้าย่ำถนนเป็นจังหวะถี่เร็ว ย่ำ ย่ำ ย่ำ วิ่ง วิ่ง วิ่ง
พ้นจากปากซอยหน้าบ้าน ผมรีบจับแท็กซี่ไปยังที่นัดหมาย ก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ อีกครึ่งชั่วโมงเที่ยง ปล่อยให้ตัวเองหลับได้ยังไงกันนะ ผมพึมพำต่อว่าตัวเอง
ตีสี่กว่า...ของเมื่อคืนไฟในห้องทำงานเพิ่งดับลง คอมพิวเตอร์ได้นอนหลับพักผ่อน ผมจุดบุหรี่มวนสุดท้าย ก่อนจะเข้านอน ยิ้มกับตัวเอง...งานเสร็จแล้ว ก่อนเช้า ในวันเกิด...ของตัวเอง
เสียงประตูรถปิดดังปัง!
เสียงร้องเท้ากระทบกับบันไดพื้นหินอ่อนดังเป็นดังต้อกแต้ก ย่ำ ย่ำ ย่ำ เร็ว เร็ว เร็ว ก่อนจะลดความเร็วฝีเท้าให้ช้าลง เหลืออีก 5 นาที ไม่เห็นต้องรีบ
ชั้น 8 ค่ะ รีเซฟชั่นสาว ยิ้มหวานก่อนพาเดินยังลิฟต์
ที่ห้องของโรงแรม...ทุกคนมาพร้อมแล้ว เสียงทักทายดังประสาน ทันทีที่วางกระเป๋าอันหนักอึ้งไปด้วยสิ่งละอันพันละน้อยที่ขาดไม่ได้ ช่างภาพก็จูงมือผมออกไปดูโลเคชั่นทันที
โอ ไหมพี่ อืมมม...
เราตกลงแชร์ความคิดกันอย่างละครึ่ง 50-50 เขามีภาพในหัวหลังจากได้ดูสถานที่ ผมมีภาพในหัวหลังจากที่ทำการบ้าน จากเสื้อผ้า เครื่องประดับที่ครบพร้อม
รู้สึกเป็นไงบ้างที่ต้องทำงานหนักในวันเกิดตัวเอง เขาถาม ผมยิ้มก่อนจะตอบว่า รู้สึกเหมือนทุกวัน
เสียงชัตเตอร์ดังลั่นกลางอากาศที่ร้อนระอุยามบ่าย ที่สระว่ายน้ำของโรงแรมหรูกลางใจเมือง เสียงซิงก์ไฟดังฉับ ตามด้วยประกายแฟลชสว่างวาบเหมือนฟ้าแลบในขณะที่แสงอาทิตย์ครอบคลุมทุกพื้นที่ในอากาศ
เสียงโทรศัพท์ดังตลอดเวลา ผมปล่อยให้มันดังอย่างนั้น แม้อยากจะรับ อยากจะพูดคุยกับทุกสายที่โทร. มา แต่งานเบื้องหน้านั้นรัดตัวเกินกว่าจะทำอย่างอื่น
พี่มาดูนี่ ช่างภาพที่ทั้งรักทั้งเกลียดของผมเรียกมาดูภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ ชอบไหมพี่ ไม่มีคำตอบ ผมยิ้มอย่างมีความสุข ซบหน้าลงบนบ่าของเขา ตบไหล่อีกข้างเบาๆ
ชอบใช่ไหมล่ะ เขายิ้มกวนๆ เหมือนทุกครั้ง ก่อนจะชูนิ้วโป้งขึ้น สุดพลังเลยพี่
เย็นย่ำ...
บนถนนเส้นยาวที่เลื้อยผ่านกลางเมือง ขนาบไปด้วยตึกสูงใหญ่ และสวนสีเขียวครึ้ม แดดโรยแสง พร้อมกับอีก 1 วันที่กำลังจะจบลง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น... Happy Birthday เสียงทักทายดังขึ้นจากต้นสาย Happy Birthday เช่นกันนะ ผมทักทายกลับ
บางครั้ง ผมมักลืมวันเกิดของตัวเอง เพราะปกติก็ไม่ค่อยจะจำว่าวันพรุ่งนี้วันที่เท่าไร มีเพียงแค่ตารางในหัวว่าพรุ่งนี้ต้องไปไหน ทำอะไร แต่การที่มี เพื่อนสนิท เกิดวันเดียวกันทำให้ผมจำวันเกิดของตัวเองได้ เพราะมันเป็นวันเกิดของใครอีกคน...
เสียงรองเท้าดังกระทบขั้นบันไดรถไฟฟ้าเป็นจังหวะกระชั้นถี่...ย่ำ ย่ำ ย่ำ ก้าว ก้าว ก้าว
แดดยามเย็นคลุมเมืองทั้งเมืองด้วยสีส้มทอง ชานชาลารถไฟฟ้าสะท้อนแดดเป็นประกาย รถไฟฟ้าเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเข้าเทียบ โผล่จากหลุมแดดสว่างจ้า เหมือนรถขบวนนี้ตรงดิ่งมาจากสรวงสวรรค์
ผมกึ่งวิ่งกึ่งเดิน หอบข้าวของพะรุงพะรังบนสกายวอล์ก หลบเลี้ยวเข้าสู่ห้างซ้ายขวาที่ยืนเรียงรายบนถนนสายนั้น เข็มนาฬิกาวิ่งจากซ้ายไปขวา ไม่มีหยุด เหมือนจะเร่งให้วันนี้หมดไปอย่างรวดเร็ว เร่งฝีเท้าของผมให้ทำงานอย่างขยันขันแข็ง
ที่ออฟฟิศ...
แสงไฟส่องสว่างหลังจากแดดหลบหาย เข็มนาฬิกาเดินเข้าสู่ความมืดของกลางคืน ผมนั่งหน้าคอมพ์จัดการงาน ตัวหนังสือ ที่กองอยู่บนโต๊ะ ในอีเมล์ทุกอันที่มี เสียงเครื่องปรินต์แก่ชราดังครืดคราด เสียงคีย์บอร์ดดังเป็นจังหวะดนตรี สายตาไล่เลียงแต่ละบรรทัดอย่างเร่งรีบ เหนื่อยล้า แต่ว่าละเอียดถี่ถ้วน ผมมองนาฬิกาที่ผนัง ตรงหน้า มันถูกแขวนไว้ในระดับสายตา มุงตรงกับโต๊ะทำงานเหมือนยามคอยจับตาดูทุกขณะวินาที ที่ผมนั่งอยู่ตรงนี้ หน้าคอมพิวเตอร์
จะ 4 ทุ่มแล้ว...
เสียงที่เย็บกระดาษดังกระทบกัน 1 2 3 4...กระดาษ 3-4 แผ่นกอดกันแน่นเหมือนคู่รักที่ไม่ได้เจอกันนานนับปี ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปิดคอมพิวเตอร์ เดินไปบอกลาเพื่อนๆ ห้องกราฟิกที่ยังอยู่ทำงานต่อ คว้ากระเป๋าไปเดิมเดินออกจากออฟฟิศ
ลมเย็นพัดผ่านช่องอาคาร หอบความเหนื่อยล้าบางส่วนหนีหายไปด้วย เสียงย่ำของรองเท้าช้าลง 1 2 3 4 บันไดรถไฟฟ้าดูสูงชันขึ้น ยาวไกลกว่าที่เคยเป็น เสียงโทรศัพท์เงียบลงแล้ว บนชานชาลาคนบางตา ลมพัดเอื่อยรอไฟฟ้าหอบลมอีกกลุ่มตามมาสมทบ
สองเท้าเดินทอดน่องช้าๆ เหมือนไม่อยากรุดหน้าไปก่อนเข็มนาฬิกา เหมือนอยากมีเวลาชื่นชมกับกลางคืนมากขึ้น ผมหยุดยืนที่ข้างหน้าร้านกาแฟที่ประจำ บอกตัวเองว่ากาแฟแก้วนี้ ในอีกครึ่งชั่วโมงจะ 5 ทุ่ม คือของขวัญวันเกิดในวันที่เหนื่อยล้า
พนักงานร้านที่แปรเปลี่ยนจากคนแปลกหน้าเป็นคนคุ้นเคยเอ่ยทักทาย
เหมือนเดิมนะคะ วันนี้มาดึกจัง พี่ดูเหนื่อยๆ นะ
ผมยิ้มเป็นการตอบรับ กอดแก้วกาแฟด้วยมือข้างซ้าย เดินออกมารับลมที่หน้าร้าน ปักหลักกับของขวัญวันเกิด และของแถมเป็นบุหรี่อีก 2 ตัว
ควันสีเทาปลิวหายไปตามลมกลางคืน ผมหยิบมือถือขึ้นมากดดูข้อความที่ดังทั้งวัน ของขวัญวันเกิดอีกชิ้นจากเพื่อนๆ เพียงไม่กี่คน
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปลายสายบอกได้รับงานแล้ว ขอเวลาอ่านอีกนิด แล้วค่อยคุยกัน ขอบคุณสำหรับงานและการเขียนถึงงานของเธอ และเธอก็กล่าวขอบคุณสำหรับการตรวจต้นฉบับของเธอตลอดระยะเวลา 1 ปี ...
งานที่ว่าคืองานเมื่อตี 4 กว่าของวันนี้ ที่เดินทางอ่านอีเมล์ของผมไป งานที่ไม่คาดคิดว่าจะทำเสร็จ แต่เสร็จสิ้นในเช้าวันเกิดของตัวเอง ซึ่งต่อแต่นี้คงได้แต่เฝ้ารอคำตอบว่าสำนักพิมพ์จะว่าอย่างไร
ผ่านไปอีกปีแล้วนะ...
ผมทำงานมา 4 ปีแล้ว แต่หากจะนับอย่างจริงจังคือ 6 ปี เมื่องานชิ้นแรกได้ตีพิมพ์ตอนอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2 และเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ แต่เมื่อเช้าคืออีกหนึ่งก้าวของชีวิต ก้าวที่ยากลำบากและเหนื่อยหนัก กับการเขียนอะไรสักอย่างที่ไม่ได้อยู่ในหน้ากระดาษนิตยสารเหมือนเคย ไม่ได้มีความยาวเพียงไม่กี่หน้า
และหากมันจะมีอนาคตได้เป็นหนังสือสักเล่ม มันก็คงเป็นก้าวแรกที่จะทำให้ผมทำต่อในก้าวที่สอง ซึ่งผมก็หวัง และได้แต่หวังอยากให้เป็นเช่นนั้น แต่อย่างน้อยในความหวังนั้นก็เห็นแต่ละก้าวที่จะต้องเดินแล้วว่า ไปทางไหน เดินอย่างไร
ซึ่งบางครั้งก็เชื่อมั่น บางครั้งก็สงสัย บางครั้งก็สับสน บางครั้งก็พบคำตอบ หรือบางครั้งก็ได้แต่รอ โอกาส และบางครั้งก็ได้แค่เห็น โอกาส และบางครั้งก็ได้แต่เห็นมันปิดประตูดังปัง! ต่อหน้า...นี่คืองาน คือชีวิต
ความรักก็เช่นเดียวกัน บางครั้งก็ได้แต่ยืนหน้ากระจกแล้วถามตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา เป็นเพราะอะไร เพราะตาสองคู่นี้หรือเปล่า หรือเพราะจมูกอันนี้ หรือกระใต้ขอบตา รอยแผลจากสิวที่ตรงโหนกแก้ม หรือเพราะกระดูกที่ปูดโปนไปทั่ว แขนขาที่ลีบเล็ก ผอมแกร็น
บางครั้งก็สงสัย บางครั้งก็คิดว่าใช่ บางครั้งก็สับสน บางครั้งก็ไม่ใช่ บางครั้งก็ดูเหมือนจะพบคำตอบ และหลายต่อหลายครั้งก็กลับมาถามตัวเองใหม่กับคำถามเดิม กับตัวเอง ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามในกระจก
เรียนรู้ที่จะอยู่กับคำถามนั้น บางครั้งกดมันไว้ลึกที่สุด กลบมันไว้ในที่ที่ความรู้สึก จิตใจ จะมองไม่เห็น แต่บางครั้งก็มีใครบางคน เหตุการณ์บางอย่างขุดมันขึ้นมาใหม่ และกองไว้ตรงนั้น รอให้ผมฝังมันไว้อีกครั้ง หรือทำเป็นลืม มองไม่เห็น แต่ก็เพียงชั่วระยะ ขณะหนึ่ง...เท่านั้น
บางทีมันอาจเป็นการเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างหนึ่ง ใช้ชีวิตเพื่อเรียนรู้ในทุกย่างก้าว ทุกขณะที่ดำเนินไป ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ เดิน ค่อยๆ ก้าว เหมือนนกเรียนรู้ที่จะบิน เหมือนการตกหลุมรักใครสักคน มันจะต้องเกิดขึ้น มันสมควรที่จะเกิดขึ้น เมื่อเรารู้เหตุผลว่าทำไม ว่าแต่ละย่างก้าวนั้นมาได้อย่างไร จะไปทางไหน
แต่บางเรื่องก็ไม่อาจหาเหตุผลได้ว่าทำไม...
ไม่ว่าจะรีบร้อน หรือนั่งรอ บางครั้งดูเหมือนใกล้เข้ามาแล้ว แต่สุดท้ายก็ไกลแสนไกล เอื้อมไม่ถึง ไม่ว่าจะหันกลับไปมองแต่ละก้าว แต่ละขณะเวลาที่เดินมาอย่างไร ก็ไม่เห็นเหตุผล ว่าทำไม เพราะอะไร
นกที่บินได้ครั้งแรกมันคงมีความสุข...จริงไหม เพราะมันรู้แล้ว่าจะขยับปีกอย่างไร ทิศทางไหน และต่อจากนั้นมันก็รู้ว่าจะบินไปไหน เพื่ออะไร ทุกขณะเวลาที่ปีกขยับ แม้จะเหนื่อย แต่มันก็คงมีความสุขที่ได้บิน
ผมคว้าแก้วกาแฟ ขยี้ก้นบุหรี่ด้วยปลายรองเท้าและออกเดินอีกครั้ง ลมยังพัดเย็น เหมือนอยากจะให้กลางคืนมีความสุข สองเท้าค่อยๆ ก้าว ไม่เร่ง ไม่รีบ บันไดรถไฟฟื้นรอให้พิชิต ก้าวหนึ่ง ก้าวสอง ก้าวสาม และก้าวต่อๆ ไป
กระจกเงาส่องตัวเองยืนอยู่อีกด้าน ผมสองสีอยู่ด้วยกันบนศีรษะอย่างขัดแย้งแต่กลมเกลียว เสื้อกล้ามเผยให้เห็นกระดูกที่ผุดเป็นร่างจากเนื้อหนังบางเฉียบ แขนยาวเก้งก้างโผล่ออกมา ผมหยุดยืนมองดูตัวเองในอีกด้าน ก่อนจะแลบลิ้นล้อเลียนมัน ตาคู่นั้น จมูกอันนั้น หน้าโทรมๆ นั้น ตัวผอมๆ แกร็นๆ นั้น...แล้วบอกมันว่า
Happy Birthday นะ...
Jordin_Sparks_-_One_Step_At_A_ -
Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2552 |
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2552 13:59:49 น. |
|
12 comments
|
Counter : 730 Pageviews. |
|
|
|
โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:17:09:58 น. |
|
|
|
โดย: ซซ วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:14:41:46 น. |
|
|
|
โดย: yatiko IP: 118.173.146.171 วันที่: 2 มีนาคม 2552 เวลา:17:58:16 น. |
|
|
|
โดย: พี่แหม๋ว^____^ (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 3 มีนาคม 2552 เวลา:19:02:47 น. |
|
|
|
โดย: lamerdejoy IP: 58.10.231.37 วันที่: 7 มีนาคม 2552 เวลา:11:14:41 น. |
|
|
|
โดย: ซซ วันที่: 9 มีนาคม 2552 เวลา:15:25:20 น. |
|
|
|
โดย: ซากุระ IP: 125.24.42.148 วันที่: 20 มีนาคม 2552 เวลา:11:36:16 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เราชอบสุดๆ เลย...
ทั้งหมดที่อ่านมาตั้งแต่สิ้นปีก่อน
ยกให้ที่เขียนของวันนี้เป็น "ที่สุด" จริงๆ