ทศชาติชาดก ที่ 4 พระเนมิราช
[Main : กลับ หน้ารวมศาสนา]
พระชาติที่ 4 พระเนมิราช ธรรมะนิทาน แนว ละครวิทยุ โดย คณะเกศทิพย์ แนะนำให้ฟัง หรือดาวโหลดไปฟังครับ
Save Target As... Download
ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าทรงบิณฑบาตแล้วเสด็จประทับ ณ อัมพวัน สวนมะม่วง กรุงมิถิลา และ พระอานนท์ กับ พระภิกษุทั้งมวลได้กราบทูลอาราธนาให้พระองค์ ทรงโปรดปรานเล่าเรื่องอดีตชาติดังต่อไปนี้
เมื่อครั้งอดีตกาล พระพุทธเจ้า ทรงเสวยพระชาติเป็นพระราชาครองมิถิลานคร มีพระนามว่า "มะฆะเทวราช"
ซึ่งการครองบัลลังก์ของราชวงศ์นี้จะเป็นไปตามสัตย์อธิษฐานว่า เมื่อเกศาหงอกเมื่อใดก็จะทรงออกผนวชและยกราชสมบัติให้พระราชโอรสต่อไป ดังนั้นเวลาที่ช่างภูษามาลามาตบแต่งพระเกศาพระราชาก็จะทรงรับสั่งเสมอว่า ถ้ามีพระเกศาหงอกก็จงทูลให้ทรงทราบด้วย
เทพบุตรจุติ
ยามนั้นเทพบุตรบนสวรรค์นาม "เนมิราช" เล็งเห็นว่าราชวงศ์กษัตริย์นี้อาจจะมิมีผู้ใดสืบสันติวงศ์ต่อไป จึงจุติลงมากำเนิดในครรภ์ของพระอัครมเหสีของพระเจ้ามะฆะเทวราช เมื่อประสูติออกมาก็ได้รับพระนามว่า "เนมิราช" ด้วยว่าเหล่า พราหมณ์ คิดว่าพระราชโอรสประสูติมาแล้ว ก็ต้องกระทำตามกฎสัตย์อธิษฐานของราชวงศ์ที่ต้องขึ้นครองราชย์ และก็ต้องออกบรรพชาเมื่อพระเกศาหงอกแล้ว
พระเนมิราช เมื่อทรงเยาว์ก็มีพระทัยเปี่ยมด้วยเมตตาธรรมทรงตั้งโรงให้ทาน และพระราชทานทรัพย์วันละหลายแสน พระองค์เองก็ทรง ถือศีล 5 ประพฤติปฏิบัติธรรมเคร่งครัด
ต่อมาพระเนมิราชทรงได้ขึ้นครองราชย์แทนพระบิดาซึ่งออกบรรพชาไปแล้ว พระองค์ทรงสงสัยเรื่องการให้ทานกับการถือศีลว่าอานิสงส์สิ่งใดจะมากกว่ากัน พระอินทร์จึงเสด็จจากทิพย์อาสน์ลงมายังห้องบรรทมของพระเนมิราช แล้วตอบความคลางแคลงพระทัยนั้นว่า
"ดูกรสมมติเทพ ผลบุญของการถือศีลนั้นมากกว่าการให้ทานหลายร้อยเท่า หากถือศีลเจริญสมาธิแล้วก็จะได้นิพพาน ไปเกิดในพรหมโลก ดังนั้นขอให้ท่านจงอุตสาหะหมั่นถือศีลมิรู้เสื่อมสิ้น"
เมื่อพระเนมิราชสดับฟังดังนั้นก็นิมนต์สงฆ์มาเทศนาสั่งสอน ไฟร่ฟ้าข้าแผ่นดินเนือง ๆ พระองค์เองก็รักษาศีล และพร่ำอบรมให้เสนาอำมาตย์และพสกนิกรถือศีลให้เคร่งครัด
เสด็จชมสวรรค์-นรก
บรรดาไฟร่ฟ้าเมื่อตายไปก็ได้ไปเกิดเป็นเทวดาในพรหมโลก ต่างก็สำนักว่าเป็นเพราะพระเนมิราชสั่งสอนให้ตน รักษาศีลรักษาธรรมนั่นเอง จึงอยากชมพระบารมีพระเนมิราช พระอินทร์จึงให้ พระมาตุลีเทพบุตร เทียมเวชยันต์ราชรถลงไปยัง มิถิลาพระนคร เพื่อเชิญเสด็จพระเนมิราชขึ้นสู่ สวรรค์ชั้นดาวดึงษ์
พระเนมิราชทรงลาเสนาอำมาตย์ขึ้นราชรถไป ครั้นถึงระหว่างทางพระมาตุลีเทพบุตรจึงกราบทูลว่า
"พระองค์จะเสด็จสู่นรกภูมิก่อนหรือไม่ บรรดาสัตว์ที่กระทำบาป หยาบช้าเมื่อพบพระองค์บำเพ็ญกุศลศีลทาน อาจได้ไปเกิดในสวรรค์บ้าง"
"ถ้าเช่นนั้น ท่านจงพาเราไปชม นรก ก่อนเถิด จากนั้นค่อยไปทางสวรรค์"
เมื่อพระเนมิราชตกลงดังนั้น พระมาตุลีเทพก็นำเสด็จไปยังชั้นนรก ในภูมินรกนั้นมีธารน้ำอันเดือดเป็นนิจ มีเปลวรุ่งโรจน์แผดเผาให้เร่าร้อนมิมีวันดับ นาย นิรยบาล ก็ยืนถือดาบใหญ่และหอกยาวคอยทิ่มแทง สัตว์นรกทั้งปวงเมื่อเจ็บปวดก็กระโดดลงแม่น้ำเวคะตะระณีนัทที ซึ่งมีแต่หนามหวายคมดั่งกรด เมื่อถูกเนื้อตัวส่วนใดเนื้อก็ขาดแหว่งทันที หากหนีจากหนามหวายก็เจอฉมวกหลาวเสียบเข้าร่างกาย ตกลงไปสู่บัวเหล็กก็ถูกบาดให้ขาดเป็นท่อน ตกลงไปในน้ำร้อนเดือดเป็นพวยพุ่ง หนีขึ้นฝั่งก็ถูกทิ่มแทงสกัดไว้ มีคีมคีบถ่านแดงใส่ปากให้แสบร้อนทุรนทุราย เป็นนรกขุมที่คนผู้เคยรักแกคนที่อ่อนแอกว่าต้องมารับกรรม
อีกด้านหนึ่งมีสุนัขตัวดั่งช้างคอยไล่กัดกิน มีนกแร้งคอยรุมแทะไส้พุงและกระดูก เหล่าสัตว์นรกร่างกายฉีกขาด ต่างก็ร่ำร้องคร่ำครวญโหยหวนไปทั่วทุกแห่ง
คนที่ฆ่าสัตว์หรือทำร้ายสัตว์ก็จะถูกหิ้วคอด้วยพรนเหล็ก ถูกกวัดแกว่งแล้วโยนใส่น้ำร้อนจนตายไป ไม่นานก็ฟื้นใหม่มาถูกรัดคอจนตายแล้วตายอีก
คนที่เคยคดโกงเงินทาน ก็จะถูกโยนลงไปในถ่านเพลิงให้ไฟไหม้ท่วมตัว
คนที่ใจบาปหยาบช้า ก็จะถูกทุบตีด้วยกระบองเหล็กจนตัวแหลกราญ ร่างลุกเป็นเปลวไฟดิ้นพล่านอย่างปวดแสบเจ็บแสน
คนที่ ฆ่าบุพการี ก็จะกลายเป็นสัตว์นรกเหม็นเน่า ต้องดื่มกินเลือดหนองของตัวเองต่างน้ำยามหิวกระหาย
คนที่มีชู้ ก็ถูกไล่ทิ่มแทงให้ปีน ต้นงิ้ว ที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคม ตกลงมาก็ถูกฝังทับด้วยภูเขาเหล็กจนร่างปี้ป่น เกิดเสียงดังกำปนาทน่าระทึกหวาดผวา
นรกขุมต่าง ๆ 15 ขุม นั้นมีดังนี้คือ เวตรณีนรก นรกสุนัข นรกทองแดง นรกหม้อทองแดง นรกถ่านเพลิง นรกโซ่ทองแดง นรกแหลมหลาว นรกทุบตี นรกแม่น้ำแกลบ นรกน้ำหนอง นรกคูถ นรกเป็ด นรกสัตว์อุบาทว์ นรกบ่อไฟ นรกภูเขา-เหล็กไฟ
ภาพขุมต่าง ๆ ในนรกทั้ง 15 ขุมทำให้พระเนมิราชสลดหดหู่พระทัย และประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งนัก ขณะนั้นองค์อินทร์ได้ส่งเทวบุตรมาเตือน ให้ พระมาตุลีเทพ รีบเชิญเสด็จพระเนมิราชสู่ภพของสวรรค์ ด้วยเกรงว่าเวลาของพระชนมายุจะหมดลงเสียก่อน หากใช้เวลาในนรกภูมินานเกินไป พระมาตุลีเทพบุตรจึงขับรถเวชยันต์สู่สวรรค์
บนชั้นวิมานแมนนี้ มีเทพธิดาเทพบุตรมากมาย คนบางคนเคยเป็นทาสรับใช้พราหมณ์ ได้รับทรัพย์จากพราหมณ์นำไปซื้อเครื่องไทยทานถวายภิกษุ เมื่อตายก็ได้จุติเป็นนางฟ้านางสวรรค์
พระมาตุลีเทพบุตรได้นำราชรถเสด็จผ่านสวรรค์ทั้ง 7 ขั้น แต่ละชั้นวิมานนั้นมีแต่แสงรุ่งเรืองพราวพราย ดั่งรัศมีทรงกลดของดวงอาทิตย์
ในวิมานแก้ววิมานทองนั้นมีเทวบุตร 1 องค์ แวดล้อมพร้อมพรักด้วยเหล่า นางอัปสร
เทวบุตรในวิมานหนึ่งเคยเป็นคหบดีนาม "โสณทินนะ" อยู่ที่ เมืองกาสักราช ได้หมั่นทำบุญสร้างอุโบสถ 7 อุโบสถ ถวายจตุปัจจัยทั้ง 4 แก่ภิกษุสงฆ์ จิตใจยึดมั่นรักษาศีลประพฤติชอบด้วยธรรม เมื่อดับจิตแล้วจึงมากำเนิดเป็น เทวบุตร อยู่ในวิมานแก้วดังนี้เอง
เมื่อเล่าความแต่ละหนทางที่เคลื่อนรถผ่านแล้ว พระมาตุลีเทพก็นำเสด็จพระเนมิราชไปชมวิมานแก้วสูง 25 โยชน์ ประดับ 7 แก้วแวววาว ฉัตรเงินฉัตรทอง ส่องแสงรุ่งรัศมี มี สระโบกขรณี ที่ผนังล้วนเป็นผลึกแก้ว มีเทพบุตรเทพธิดาเสพย์ทิพย์อยู่ทั่วสถาน
พระเนมิราชทรงตรัสถามว่า เทพเหล่านั้นประพฤติชอบใดเมื่อยังเป็นมนุษย์
พระมาตุลีเทพบุตรกราบทูลว่า เทพเหล่านี้เมื่อเป็นมนุษย์ได้รักษาศีลบำเพ็ญทานอยู่ตลอดชีวิต เมื่อตายจึงได้มาเกิดเป็นเทพอยู่บนวิมานชั้นนี้
วิมานแก้วไพฑูรย์และวิมานแก้วผลึกก็เป็นของเทพที่เคยบริจาค ถวายจีวรให้สงฆ์ในฤดูหนาว วิมานทองนั้นเป็นของเทพที่เคยรักษาศีล ถวายทานบิณฑบาตให้ทานคนยากไร้อนาถา สร้างพระอารามถวายสงฆ์
ในแต่ละชั้นวิมานมีแต่เสียงมโหรีไพเราะ และกลิ่นหอมฟุ้งขจรของมวลพฤกษาบุปผชาติสวรรค์ แต่มิทันจะครบถ้วนทุกวิมานพระอินทร์จึงให้มหาชวนะเทพบุตร มาตามด้วยเกรงว่าจะหมดพระชนมายุพระเนมิราชเสียก่อน
พระมาตุลีเทพบุตรจึงขับราชรถผ่านภูเขาและ แม่น้ำสีทันดร ซึ่งมีสายน้ำลึกนักมิอาจมีสิ่งใดข้ามได้แม้แต่เรือ แพ หรือเกล็ดแววนางนกยูง ริมน้ำมีเขา 7 ชั้น เรียงดั่งอัฒจันทร์ เป็นที่อยู่ของ กินนร วิทยาธร คนธรรพ์ และ ยักษ์
หน้าประตูชั้น ดาวดึงส์ มีรูปพระอินทร์ประดิษฐ์ไว้ ในเมืองกว้างกว่า 1 หมื่นโยชน์ เหนือยอดเขาพระสุเมรุ ล้อมรอบด้วยซุ้มทวารแก้วและกำแพงทองประดับแก้ว 7 ประการ
พื้นทั่วไปนั้นมิมีฝุ่นผง มีแต่มวลบุปผานานาพันธุ์ออกดอกโต และส่งกลิ่นหอมรวยรินทั่วทุกหน
พระเนมิราชถูกเชิญเสด็จสู่โรงสุธัมมาเทวสถาน เหล่าทวยเทพยดาและเทพธิดาพากันนำดอกไม้ และเครื่องหอมทิพย์มาสักการะบูชาพระเนมิราช และอันเชิญเสด็จให้เสวยสิริสุขอยู่บนสรวงสวรรค์ อันเป็นทิพย์นิรันดร์
หากทว่าพระเนมิราชทรงตรัสว่า
"เรามิมีประสงค์เช่นนั้น เราได้เห็นผลกรรมของมนุษย์ที่น่าทุกขเวทนายิ่งนัก ให้รู้สึกสลดหดหู่ใจเหลือเกิน และเราก็ปีตินัก ที่ได้เห็นคนได้ผลบุญจนมาเสวยสุขในชั้นวิมาน เราจึงปราถนาจะได้สั่งสอนคนให้รู้จักประกอบคุณงามความดีไว้ เพื่อมิต้องมาตกนรกหมกไหม้ดังนี้"
จากนั้นพระเนมิราชก็ทรงแสดงธรรมและสรรเสริญพระมาตุลีเทพบุตร แล้วจึงร่ำลากลับมายังเมืองมนุษย์
พระเนมิราชทรงตรัสเล่าเรื่องราวที่ทรงทอดพระเนตรมาในเมืองนรก และเมืองสวรรค์อย่างละเอียดให้แก่ข้าราชบริพารและชาวเมือง เมื่อได้ฟังความน่ากลัวของนรกและความงดงามของสวรรค์แล้ว เหล่าชาวเมืองก็ตื้นเต้นและตระหนักในเรืองบุญและกรรมกันยิ่งขึ้น
พระเนมิราชได้ทรงปฏิบัติมโนปณิธานของพระองค์ รักษาศีลส่งสอนไพร่ฟ้าเสนาอำมาตย์ให้หมั่นทำความดีทำการกุศลมิได้ขาด แล้วจึงเสด็จออกบรรพชาอยู่ใน อัมพวัน อุทยานของมิถิลาพระนคร และได้เสด็จจุติในสวรรค์ชั้นฟ้าเมื่อทรงสวรรคตแล้ว
เนมิราชชาดก เรื่องนี้มีคติธรรมสอนถึงการหมั่นรักษาความดี ประพฤติชอบโดยตั้งใจ โดยมุ่งมั่น หากทำความดีแล้วย่อมได้ดี ประพฤติชั่วย่อมได้ผลชั่วตอบแทน นี้เป็นเรื่องที่สมควรยึดมั่นโดยแท้
credit ไฟล์เสียง คุณโจโฉ และเวป cddhamma.com, เนื้อหา คุณโก๋ 2000 ปี [Main : กลับ หน้ารวมศาสนา]
Create Date : 08 เมษายน 2550 |
|
6 comments |
Last Update : 28 กันยายน 2552 9:24:40 น. |
Counter : 2577 Pageviews. |
|
|
|