Home, แจ้งลิงค์เสีย-ติชม-สอบถาม ตรงนี้เท่านั้น, ตั้งเวปเป็นหน้าแรก
ทศชาติ ที่ 10 พระเวสสันดร

[Main : กลับ หน้ารวมศาสนา]

ธรรมะนิทาน แนว ละครวิทยุ โดย คณะเกศทิพย์ แนะนำให้ฟัง หรือดาวโหลดไปฟังครับ
พระชาติที่ 10 พระเวสสันดร ตอนที่ 1

Save Target As... Download

พระชาติที่ 10 พระเวสสันดร ตอนที่ 2

Save Target As... Download

พระชาติที่ 10 พระเวสสันดร ตอนที่ 3

Save Target As... Download

เมื่อครั้งอดีตกาลที่ล่วงมา
นครสีพีรัฐบุรี นั้นมีพระราชาพระนาม สีพีราช ทรงครองเมืองโดย ทศพิธราชธรรม พระราชาทรงยกบัลลังก์ให้พระโอรสขึ้นเสวยราชย์แทน เมื่อเจริญวัยสมควรแล้ว พระราชโอรสมีพระนามว่า "สัญชัย" และได้อภิเษกกับ พระนางผุสดี พระธิดาแห่งราชากรุงมัททราช

พรจากภพสวรรค์

แต่ปางก่อนนั้น ผุสดีเทวี เสวยชาติเป็นอัครมเหสีของพระอินทร์ เมื่อจะสิ้นพระชนมายุจึงขอ กัณฑ์ทศพร จากพระอินทร์ได้ 10 ข้อ ทั้งยังเคยโปรยผงจันทร์แดงถวาย พระวิปัสสีพุทธเจ้า และอธิฐานให้ได้เกิดเป็นมารดาพระพุทธเจ้าด้วย พร 10 ข้อนั้นมีดังนี้

1 ขอให้เกิดใน กรุงมัททราช แคว้นสพี
2 ขอให้มีดวงเนตรคมงามและดำขลับดั่งลูกเนื้อทราย
3 ขอให้คิ้วคมขำดั่งสร้อยคอนกยูง
4 ขอให้ได้นาม "ผุสดี" ดังภพเดิม
5 ขอให้มีพระโอรสเกริกเกียรติที่สุดในชมพูทวีป
6 ขอให้พระครรภ์งาม ไม่ป่องนูนดั่งสตรีสามัญ
7 ขอให้พระถันเปล่งปลั่งงดงามไม่ยานคล้อยลง
8 ขอให้เส้นพระเกศาดำขลับตลอดชาติ
9 ขอให้ผิดพรรณละเอียดบริสุทธิ์ดุจทองคำธรรมชาติ
10 ขอให้ได้ปลดปล่อยนักโทษที่ต้องอาญาประหารได้

เมื่อได้มาเกิดเป็นอัครชายาของพระราชาแคว้นสีพีรัฐสมดั่งคำพระอินทร์นั้น พระนางยังมีพระสิริโฉมงดงามตามคำพรอีกด้วย ครั้งเมื่อทรงพระครรภ์ครบ 10 เดือน พระอินทร์ ก็ทูลอาราธนาพระโพธิสัตว์มาจุติในครรภ์พระนาง

ประสูติพระกุมาร

วันหนึ่งพระนางผุสดีทรงทูลขอพระราชาประพาสพระนคร เมื่อขึ้น สีวิกาเสลี่ยงทอง เสด็จสัญจร ไปถึงตรอกทางของเหล่าพ่อค้าก็เกิดปวดพระครรภ์ และทรงประสูติพระราชาโอรสกลางตรอกนั้น พระราชกุมารจึงได้พระนามว่า "เวสสันดร"

ในวันที่พระราชกุมารทรงประสูติ พญาช้างฉัททันต์ ได้นำลูกช้างเผือกเข้ามาในโรงช้างต้น ช้างเผือกคู่เผือกคู่บารมีนั้นมีนามว่า "ปัจจัยนาเคนทร์"

พระราชกุมารเวสสันดร ทรงบริจาคทานตั้งแต่ 4-5 ชันษา ทรงปลดปิ่นทองคำ และเครื่องประดับเงินทองแก้วเพชรให้แก่นางสนมกำนัลทั่วทุกคนถึง 9 ครั้ง เพื่อมุ่งหวังพระโพธิญาณภายภาคหน้า

เมื่อทรงเจริญชันษาได้ 9 ปี ก็ทรงตั้งจิตอธิษฐานว่าจะบริจาคเลือดเนื้อ และดวงหทัยเพื่อมุ่งพระโพธิญาณในกาลข้างหน้าอย่างแน่วแน่

ครั้นถึงวัย 16 พรรษา ก็แตกฉานในศิลปวิทยา 18 แขนง
ทรงได้ขึ้นครองราชย์และอภิเษกกับ พระนางมัทรี และมีพระโอรสกับพระธิดาพระนามว่า "ชาลีกุมาร" และ "กัณหากุมารี" อันหมายถึงห่วงทองบริสุทธิ์

เวลาต่อมาเมืองก ลิงครัฐ เกิดกลียุค ฝนแล้งผิดฤดูกาลข้าวยากหมากแพงเป็นที่ยากเข็ญทุกข์ร้อนไปทั่ว ชาวนครมาชุมนุมร้องทุกข์หน้าวังกันแน่นขนัด พระเจ้ากลิงคราชจึงทรงถือศีล 7 วัน เพื่อขอบุญกุศลช่วย ทว่าฝนฟ้าก็ยังแล้งหนัก อำมาตย์จึงทูลให้ทรงขอ ช้างเผือกแก้วปัจจัยนาเคนทร์ ของพระเวสสันดร ด้วยว่าพระเวสสันดรกษัตริย์สีพีรัฐนั้นขี่ช้างคู่บารมีไปหนใด ก็มีฝนโปรยปรายชุ่มชื้นไปทั่วแคว้น

พระเจ้ากลิงคราชจึงส่ง 8 พราหมณ์ไปทูลขอช้างแก้วจากพระเวสสันดร

เมื่อได้ ช้างแก้ว จากพระเวสสันดรแล้ว พราหมณ์ก็ขี่ช้างออกจากกรุง บรรดาชาวนครเห็นช้างพระราชาก็กรูกันเข้าล้อม และตะโกนด่าทอจะทำร้ายพราหมณ์ทั้ง 8 คน

แต่พราหมณ์ตวาดตอบว่า พระเวสสันดรพระราชทานช้างให้พวกตนแล้ว

เมื่อพราหมณ์นำช้างแก้วไปถึงเมือง ฝนฟ้าก็โปรยปรายลงมาเป็นที่ยินดีทั้งแคว้น

แต่ในกรุงสีพีนั้นกลับอลหม่าน มหาชนต่างมาชุมนุมที่หน้าพระลานร้องทุกข์พระเจ้ากรุงสัญชัยว่า พระเวสสันดรยกพระยาคชสารคู่บ้านเมืองให้คนอื่น ผิดราชประเพณี เกรงว่าอีกต่อไปภายหน้าอาจยกเมืองให้คนอื่นก็ได้ ขอให้เนรเทศพระเวสสันดรออกจากนครเถิด

พระเจ้ากรุงสัญชัยจำต้องเนรเทศพระราชโอรสด้วยเสียพระทัยนัก พระนางผุสดีทูลขออภัยโทษก็มิเป็นผลสำเร็จ
พระเวสสันดรทูลลาพระมารดาพระบิดา และขอบริจาคทานให้พิธี สัตตสตกมหาทาน คือ ช้าง ม้า โคนม รถม้า ทาสและทาสี อย่างละ 700 บริจาคให้คนทั่วไป

สัตตสตกมหาทานนั้น คือ
ช้าง 700 เชือก
ม้า 700 ตัว
โคนม 700 ตัว
รถม้า 700 คัน
นารี 700 นาง
ทาส 700 คน
ทาสี 700 คน
ผ้าอาภรณ์ 700 ชิ้น

เสด็จออกจากนคร

พระนางมัทรี พาพระโอรสและพระธิดาตามเสด็จออกป่าด้วย มิทรงยอมอยู่ในวังแม้พระเวสสันดรจะยับยั้งห้ามปราม มิให้มาตกระกำลำบากด้วยกันในป่า

ระหว่างทางที่เสด็จขึ้นราชรถทองไปนั้น มีพราหมณ์วิ่งมาทูลขอม้าบ้าง ขอราชรถบ้าง พระเวสสันดรก็ยกให้ทั้งสิ้น ในที่สุดจึงต้องทรงอุ้มพระโอรสและพระธิดาเสด็จเข้าป่าไป

เมื่อเสด็จด้วยพระบาทถึง เมืองเจตรัฐ พระราชาเสด็จมาต้อนรับและทูลเชิญให้ครองเมืองเจตรัฐนั้น แต่พระเวสสันดรขอไปบำเพ็ญเพียรในป่า กษัตริย์เจตรัฐจึงรับสั่งให้เจตบุตรคอยอารักขาในป่า และถวายน้ำผึ้งและเนื้อให้พระเวสสันดรด้วย

เมื่อพระเวสสันดรเดินทางมาถึง เขาวงกต พระนางมัทรี และชาลี กุมาร กัณหา กุมารีต่างก็เหน็ดเหนื่อยสะอื้นไห้ด้วยความลำบากยากเข็ญ พระเวสสันดรจึงทรงเปลี่ยนเครื่องทรงเป็นนุ่งห่มของนักบวช พระนางมัทรีก็ทรงบวชเป็น ดาบสินี บำเพ็ญศีลกันในป่าอยู่ที่อาศรม พระนางมัทรีต้องปัดกวาดอาศรมทุกวันแล้วก็หาผลไม้ในป่า ตักน้ำมาเตรียมไว้

ในป่านั้นอุดมด้วยผลไม้นานาชาติ มี สระโบกขรณี น้ำสะอาดใสไหลเย็น มีพฤกษาร่มรื่นและมีดอกไม้หอมหวลทั่วทั้งป่าราวกับวิมานทิพย์

ชูชก ขอทานเฒ่า

อีกด้านหนึ่งนั้น พราหมณ์นาม "ชูชก" ได้เที่ยวขอทานเก็บเงินได้ถึง 100 กษาปณ์ จึงนำเงินไปฝากเพื่อนไว้พลางคุยอวดเศรษฐีอย่างปีตินัก จากนั้นก็ออกเดินทางตระเวนขอเงินสืบไป

ส่วนพราหมณ์ผัวเมียเก็บเงินไว้นานแล้ว เห็นว่าชูชกไม่มาเอาสักที คิดว่าชูชกคงจะตายไปแล้ว จึงชวนกันนำเงินนั้นออกมาใช้จ่ายเสียจนหมดทั้งสิ้น

ครั้นชูชกหวนกลับมาทวงเอาเงิน สองผัวเมียก็ตกใจงันงกมิรู้จะทำประการใด

ด้วยความที่กลัวชูชกจะเอาความ จึงตกลงจะยกนาง อมิตดา ลูกสาวให้แก่ชูชกแทนเงินที่ใช้หมดไป

นางอมิตดา มีรูปงามและวัยสาว ส่วนชูชกนั้นเฒ่าชราและมีรูปลักษณ์อุบาทว์อัปลักษณ์ยิ่งนัก

เมื่อชูชกพานางอมิตดาไปอยู่กินด้วยกันที่หมู่บ้านทุนวิฐ พวกเมียพราหมณ์บ้านอื่นต่างพากันริษยาอิจฉานางอมิตดา พราหมณ์ทั้งหมู่บ้านก็ชื่นชมนางอมิตดาจนมาทุบตีเมียตนกันทุกวัน ด้วยเพราะนางอมิตดานั้นเป็นบุตรกตัญญู เมื่อมาอยู่กับชูชกก็ปรนนิบัติรับใช้ทุกประการมิให้ขาดตกบกพร่อง วาจาก็ไพเราะมิเคยขึ้นเสียง

เหล่าเมียของพราหมณ์จึงมาดักนางอมิตดาที่ท่าน้ำ รุมด่าว่นางอมิตดาที่มาเป็นเมียชูชกน่าเกลียดตัวเหม็นน่าขยะแขยง ยอมรับใช้ตาเฒ่าทุกอย่างน่าสมเพช

นางอมิตดาถูกรุมด่าก็หิ้วหม้อน้ำร้องไห้กลับบ้าน บอกแก่ชูชกว่าจะไม่ไปตักน้ำและไม่ทำงานบ้านอีกแล้ว ขอให้ชูชกไปทูลขอกัณหาชาลี จากพระเวสสันดรมาช่วยงานบ้านก็แล้วกัน

ด้วยความรักภรรยา เฒ่าชูชกจึงเตรียม ข้าวตู และ ถั่วงา ใส่ย่ามออกเดินทางไปยังเขาวงกตทันที

ในระหว่างเดินทาง ตาเฒ่าชูชกแวะเวียนถามชาวบ้านว่า พระเวสสันดรเสด็จประทับอยู่ ณ ที่แห่งใด

พวกชาวบ้านต่างก็เขวี้ยงอิฐหินเข้าใส่ขอทานเฒ่า แล้วขับไล่ด้วยถ้อยคำหยาบคายต่าง ๆ ว่าเป็นไอ้พวกจัญไร มักขอเอาทุกอย่างจนพระเวสสันดรตกระกำลำบาก

เฒ่าชูชกเดินดุ่มเข้าป่าไปเจอสุนัขของ เจตบุตร ที่อารักขาป่า สุนัขต่างวิ่งกรูเข้าไล่กัดขอทานเฒ่า จนต้องวิ่งขึ้นต้นไปม้ด้วยตกใจเสียขวัญ

พรานเจตบุตร ผู้มีรูปร่างกำยำไว้หนวดแดงหน้าตาถมึงทึง ก็ถือหน้าไม้อาบยาพิษมาหาชูชกหมายจะฆ่าให้ตายตามคำสั่งกษัตริย์เจตรัฐ

เฒ่าชูชกเจ้าเล่ห์คิดอุบายเอาตัวรอดจึงตัวสั่นงันงกรีบร้องว่า ตนเองเป็นราชทูตของพระราชา มาทูลเชิญเสด็จพระเวสสันดรกลับวัง เพราะพระราชาทรงอภัยโทษแล้ว

พรานเจตบุตรได้ยินก็ดีใจจึงเชื่อคำเท็จนั้น จึงจัดเสบียงเพิ่มให้ชูชกและชี้ทางให้อีกด้วย

เฒ่าชูชกเดินทางไปกลางป่า พบ ฤาษีอัตจุต ก็เล่าความเท็จอีก ฤาษี จึงยอมชี้ทางไปอาศรมของพระเวสสันดร เมื่อไปถึงเป็นเวลาพลบค่ำ เฒ่าชูชกก็ซ่อนตัวบนชะง่อนเขาด้วยคิดว่า ต้องรอรุ่งเช้าให้พระนางมัทรีออกไปหาผลไม้ เพราะนางคงไม่ยอมยกลูกให้ใครแน่

เคราะห์ร้ายมาถึง

และในคืนนั้นเอง พระนางมัทรีทรงสุบินร้ายว่า มีบุรุษผิวดำร่างสูงใหญ่นุ่งผ้าย้อมฝาด สองหูทัดดอกไม้แดง มือถือดาบใหญ่ ตรงเข้าจิกพระเกศาแล้วแทงดาบใส่ดวงพระเนตร ควักดวงตาออกไปทั้งสองข้าง จากนั้นกรีดพระอุระควักเอาพระทัยไปทั้งดวง

พระนางร้องลั่นสะดุ้งตื่นบรรทมพระวรกายสั่นสะท้าย รีบไปหาพระเวสสันดรเพื่อจะให้ทำนายฝัน แต่เมื่อเข้าไปในอาศรมพระเวสสันดรก็ตรงตรัสว่า

"น้องหญิงจงเล่าความอยู่ที่ข้างนอกเถิด"

พระนางมัทรีทรงทูลเล่าพระสุบินนั้นพระทัยสั่น พระเวสสันดรทรงทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นในรุ่งเช้า แต่ทรงตรัสแก่พระนางว่าเป็นความตรากตรำลำบาก จึงทำให้เกิดธาตุวิปริตดังนี้

เมื่อรุ่งเช้าพระนางมัทรีมีลางสังหรณ์ไม่อยากเสด็จเข้าป่า จึงตรัสสั่งพระโอรสและธิดาให้อยู่ใกล้ ๆ เสด็จพ่อ

ครั้นพระนางมัทรีไปแล้ว เฒ่าชูชกจึงรีบเข้าไปยังบริเวณอาศรมทันที

เมื่อพระกุมารชาลีเข้าไปถามต้อนรับ ชูชก สังเกตุรู้ว่าพระกุมารเป็นเด็กฉลาด จึงทรงร้องตวาดไล่ไปด้วยหวังจะข่มให้กลัวแล้วหนีไป

แล้วเฒ่าชูชกก็เข้าเฝ้าพระเวสสันดร พยายามอ้างถึงความลำบากยากเข็ญนานาประการ ในการเดินทางฝ่าอันตรายมาถึงป่านี้ ก็เพื่อขอปิยบุตรไปช่วยงานที่บ้าน เนื่องจากตนจนยากไม่มีเงินซื้อทาสได้

พระเวสสันดรทรงตรัสอนุญาต ชาลีกุมารแอบได้ยินจึงพาน้องสาวไปซ่อนที่ใต้ใบบัวข้างสระน้ำ

เฒ่าชูชกเห็นเด็กทั้งสองหายไป ก็แกล้งติเตียนตัดพ้อพระเวสสันดรด้วยคำบริภาษว่า

"ไหนล่ะที่พระองค์บริจาคทาน ปากยกให้แต่ไหนละเด็กร้ายทั้งสองคงจะคิดหนีไปแล้ว พระองค์มิได้มีจิตบริจาคทานตามที่ลั่นสัจจะไว้เลย"

เมื่อสดับดังนั้น พระเวสสันดรจึงทรงเสด็จออกตามหาทั่วบริเวณ

ชาลีราชกุมารมิอยากให้พระราชบิดาออกร้องเรียกนานไป
จึงจูงน้องออกมา พระเวสสันดรขอให้ กัณหาชาลี ติดตามเฒ่าชูชกไปเถิด แต่ให้รอร่ำลาพระนางมัทรีก่อน

เฒ่าชูชกไม่ยอมฟัง รีบหาเชือกเถาวัลย์มาผูกมัดพระโอรสพระธิดา แล้วเอาหวายเฆี่ยนตีต่อหน้าพระเวสสันดร พลางฉุดกระชากลากไปอย่างโหดเหี้ยม

กัณหา ชาลี ถูกตีรุนแรงก็ร่ำไห้หาพระบิดาพระมารดา พระเวสสันดรทรงกันแสง แต่ก็ตั้งมั่นในสัจจะที่พระองค์ตั้งจิตไว้

ก่อนไปนั้นชูชกว่า ถ้าจะไถ่ตัวกันหาชาลีได้ต้องให้ ทาส ทาสี ช้าง ม้า โคนม ทองคำ สิ่งละ 100 แก่ชูชก

ครั้นเมื่อเฒ่าร้ายนำตัวพระกุมารและกุมารีไปแล้ว ก็ให้เกิดอัศจรรย์ดินฟ้าวิปโยคครืนครั่น ฟ้าผ่าน่าสะพรึงกลัวไปทั่ว ป่าหิมพานต์

ฝ่ายพระนางมัทรีอยู่ในป่า ประสบแต่เหตุอาเพศ ทรงหลงทางและมีสัตว์ป่ามานอนขวางมิให้เสด็จกลับได้ จนเย็นย่ำถึงกลับอาศรมได้สำเร็จ เรียกหาธิดากับโอรสอยู่นานก็มิพบเห็น

พระเวสสันดรทรงเล่าความทั้งหมดให้พระนางทราบ พระนางมัทรีทรงตกพระทัยกันแสงจนสลบไป ครั้นฟื้นขึ้นมาจึงทรงยอมอนุโมทนา ในพระโพธิญาณซึ่งบริจาคทานด้วยบุตรไป

ขณะนั้น ท้าวสหัสนัย บนสวรรค์ เกรงว่าจะมีชายโฉดมาทูลขอพระนางมัทรี จึงจำแลงกายเป็นนักบวชชรามาทูลขอพระนาง พระเวสสันดรทรงยินดีบริจาคทานให้

องค์อินทร์ประสาทพร

พระสหัสนัยจึงทูลว่าขอฝากไว้ แล้วให้พระเวสสันดรรับพร 8 ประการดังนี้ คือ

หนึ่ง ให้ทรงได้รับอภัยโทษ
สอง ให้ทรงช่วยคนถูกฆ่าได้
สาม ให้ไพร่ฟ้าได้พึ่งพา
สี่ ให้มั่นคงในมเหสี ไม่ลุ่มหลงสตรีอื่น
ห้า ให้ได้สืบสันติวงศ์
หก ให้มีสิ่งของบริจาคทานมิสิ้น
เจ็ด ให้มีอาหารทิพย์พอเพียงทุกรุ่งเช้า
แปด ให้ได้สำเร็จพระโพธิญาณ

แล้วท้าวสหัสนัยก็เนรมิตรร่างเป็นพระอินทร์เหาะขึ้นฟ้าไปทันที

ด้านชูชกเฒ่านั้นฉุดลากสองกุมารน้อยไปพลางทุบตีไปพลาง ด้วยหวังจะกลับไปหาภรรยาโดยเร็ว เมื่อถึงทางแยกเข้า เมืองกลิงคราฐ เทพยดาก็ดลบันดาลให้ชูชกเดินเข้ามาในเมือง สีพีรัฐ

พระเจ้ากรุงสัญชัยก็ได้ทรงสุบินประหลาดว่า มีชายอัปลักษณ์นำดอกบัวตูมและดอกบัวบานมาถวายให้ พระองค์รับมาทัดที่พระกรรณแล้วก็ทรงตื่นบรรทม

เหล่าโหรก็ถวายคำทำนายว่า พระราชวงศ์ที่จากพลัดไปจะเสด็จคืนวัง

วันรุ่งขึ้นนั้นเฒ่าชูชกจูงกุมารน้อยผ่านหน้าพระลาน พระราชาทรงเฉลียวพระทัย จึงให้เรียกตัวเฒ่าอัปลักษณ์และกุมารน้อย มอมแมมแต่ผิวพรรณเปล่งปลั่งนั้นเข้ามาเฝ้า

เมื่อพระราชาสอบถาม ชูชกก็กราบทูลว่าได้รับบริจาคมามิได้ไปฉุดคร่ามาที่ใด

พระราชาจึงทรงรู้ว่า 2 กุมารน้อยนั้นเป็นหลานของพระองค์ จึงทรงไถ่ตัวหลานและพระราชทานรางวัลให้แก่ชูชกมากมาย ทั้งยังจัดอาหารคาวหวานชั้นเลิศมาให้แก่ชูชกอีกด้วย

ขอทานเฒ่าไม่เคยเห็นอาหารชั้นดี มีความโลภจะกินให้หมด จึงกินเข้าไปไม่หยุดจนกระทั่ง ท้องแตกตาย ไป

พระราชาเจ้ากรุงสัญชัยทรงจัดพิธีเวียนเทียนบายศรี สมโภชรับขวัญหลานเป็นที่ยิ่งใหญ่สมเกียรติ ครั้นแล้วก็ทรงถามถึงพระนางมัทรีและพระเวสสันดร ที่จากไปนานเป็นเวลา 1 ปี 15 วันแล้ว

"พระมารดาทรงลำบากเหลือแสนพระเจ้าข้า"

ชาลีราชกุมารทูลพระราชาด้วยสุรเสียงกำสรดยิ่งนัก

เสด็จคืนเวียงวัง

พระราชาจึงทรงให้จัดขบวนแต่งกองเกียรติยศ ยกออกนครไปรับพระเวสสันดร กลับสู่เวียงวังด้วยทรงคิดถึงราชบุตรและสำนึกผิดแล้ว
กองขบวนเกียรติยศ พร้อมมโหรีและไพร่พล ก็เคลื่อนสู่ป่าด้วยเสียงอันกึกก้องลั่นป่า พระเวสสันดรเข้าพระทัยว่า
กองในพระราชวังคงจะมาประหารพระองค์ จึงทรงพาพระนางมัทรีไปหลบซ่อนในพุ่มไม้

ครั้นพระเจ้ากรุงสัญชัยบอกความให้ทราบ พระนางมัทรีก็ออกมาถวายบังคม ต่างก็ร่ำไห้ด้วยสลดใจกันถ้วนทั่วในเคราะห์กรรมนี้ แม้บรรดาเสนาอำมาตย์และนางกำนัลต่างก็ร้องไห้กันทั่ว

พระราชาตรัสให้พระเวสสันดรลาผนวชกลับคืนสู่เวียงวัง พระนางผุสดีก็ขอให้พระนางมัทรีคืนสู่พระราชวังเถิด พระนางมัทรีได้แต่กันแสงสวมกอดกัณหาพระธิดา และพระโอรสชาลีไว้แนบอกด้วยทรงคิดถึงยิ่ง บริเวณป่าเต็มไปด้วยเสียงคร่ำครวญระงมจนหมดสติไปทั้งสิ้น

พระอินทร์บนสรวงสวรรค์เล็งทิพยเนตรเห็นดังนั้น จึงทรงบันดาลสายฝนให้โปรยปรายเป็นอัศจรรย์ ในป่าชุ่มชื้นด้วยใน โบกขรพรรษ ที่มิสาดให้ผู้ใดเปียกปอน บรรดาพระราชวงศ์ก็ทรงฟื้นขึ้นมาด้วยความแช่มชื่นปราโมทย์

พระเวสสันดรเสด็จขึ้นครองราชย์ครองแผ่นดิน ให้ไพร่ฟ้าเสนาอำมาตย์มีสุขสงบกันทั่วทั้งแคว้น ชาวเมืองต่างก็หมั่นถือศีลบำเพ็ญกุศลตามสัตย์อธิษฐานของพระเวสสันดร กษัตริย์เมืองกลิงคราฐก็นำ ช้างปัจจัยนาเคนทร์ มาถวายคืน เพราะบ้านเมืองมีฝนตกต้องตามฤดูกาลแล้ว พระเวสสันดรก็ทรงอยู่ในทศพิธราชธรรม ทรงบริจาคทานตราบจนสิ้นพระชนมายุ

ชาดกเรื่องนี้มีคติธรรม
สั่งสอนให้คนเราเพียรประกอบคุณงามความดีโดยมิท้อถอย หากรู้จักสละทรัพย์บริจาคทานเนื่องนิจก็จะเป็นที่สรรเสริญทั่วไป คนโลภคนจิตบาปหยาบร้ายก็ต้องได้ภัยเพราะตัวเอง ดั่งชูชกนั้นเอง

credit ไฟล์เสียง คุณโจโฉ และเวป cddhamma.com, เนื้อหา คุณโก๋ 2000 ปี


[Main : กลับ หน้ารวมศาสนา]


Create Date : 12 เมษายน 2550
Last Update : 28 กันยายน 2552 9:23:01 น. 11 comments
Counter : 3278 Pageviews.

 
แวะมาหาความรู้อีกเช่นเคย

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่นำมาฝาก

สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ


โดย: เพียงแค่เหงา วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:21:02:37 น.  

 
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ

ไม่ได้ถ่อมตัวกันนะคะ เป็นชื่อกลุ่ม 9 คานจริงๆ


โดย: gratang IP: 58.9.199.6 วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:21:16:04 น.  

 
วันนี้กินข้าวเย็นยัง



อยากจะบอกว่าอร่อยมาก แต่หมดแล้วล่ะ


โดย: varissaporn327 วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:22:43:02 น.  

 





ขอบคุณนะคะที่แวะไปที่บล๊อก
วันนี้เอื้องแวะมาทักทายก่อนค่ะ
วันหน้าจะกลับมาอ่านธรรมะน่าสนใจอีกค่ะ


โดย: เอื้องศาลา วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:0:47:07 น.  

 




สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะคุณต่อตระกูล


เที่ยวให้สนุกน่ะค่ะ




โดย: icebridy วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:1:47:34 น.  

 
สุขสันต์วันสงกรานต์จ้ะ
มีความสุขมากๆ นะจ๊ะ



โดย: N-Bankk วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:2:20:27 น.  

 
แวะมาทักทาย เช้า เช้า ค๊า สาย ๆ จะไปสาดน้ำหน้าบ้าน อิ อิ สุขสันต์วันสงกรานต์นะค่ะ


โดย: นู๋นีล (นางน่อยน้อย ) วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:8:21:08 น.  

 
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ

สงกรานต์นี้ เราคงไม่ไปไหน เพราะกลัวจะออกจากบ้าน แล้วไม่เปียก แหะ ๆ

ขอให้เที่ยวสงกรานต์อย่างสนุกและมีความสุขมาก ๆ นะคะ


โดย: Nilz วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:9:38:56 น.  

 
ขอบคุณนะคะ....ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ

อ่อนไหวแต่ไม่อ่อนแอค่ะ


โดย: คนแบบนี้แหละ วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:10:20:06 น.  

 
^
^
คุณนิ สาดน้ำตัวเองก่อนออกจากบ้านสิค้า

มาสวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ อิๆ


โดย: พจมารร้าย วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:10:27:08 น.  

 
ขอบคุณเรื่องราวดีๆอ่านแล้วเข้าใจมากขึ้นค่ะ


โดย: นัชชา ทานธี IP: 222.123.204.176 วันที่: 21 ตุลาคม 2550 เวลา:12:14:59 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
12 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add 's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.