Home, แจ้งลิงค์เสีย-ติชม-สอบถาม ตรงนี้เท่านั้น, ตั้งเวปเป็นหน้าแรก
อานิสงค์ อานิสงส์ การ ทำบุญ

Custom Search


[Main : กลับ หน้ารวมศาสนา]


บุญกิริยาวัตถุ
      บุญกิริยาวัตถุ แปลว่าหลักแห่งการบำเพ็ญบุญ หรือหลักแห่งการทำบุญ บุญกิริยาวัตถุ โดยย่อมี 3 อย่าง คือ
1.ทานมัย บุญเกิดจากการให้ทาน
2.ศีลมัย บุญเกิดจากการรักษาศีล
3.ภาวนามัย บุญเกิดจากการเจริญภาวนา
      หมายความว่า วิธี หรือหลักแห่งการทำบุญในพระพุทธศาสนา เมื่อพูดโดยย่อแล้วก็มีเพียง 3 อย่าง คือ ทาน ศีล ภาวนา แต่ถ้าขยายความให้กว้างออกไป บุญกิริยาวัตถุมี 10 ประการ คือ
1.ทานมัย บุญเกิดจากการให้ทาน
2.ศีลมัย บุญเกิดจากการรักษาศีล
3.ภาวนามัย บุญเกิดจากการเจริญภาวนา
4.อปจายนมัย บุญเกิดจากการอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่
5.ไวยยาวัจจมัย บุญเกิดจากการขวนขวายในกิจที่ชอบ
6.ปัตติทานมัย บุญเกิดจากการให้ส่วนบุญ
7.ปัตตานุโมทนามัย บุญเกิดจากการอนุโมทนาส่วนบุญ
8.ธัมมัสสวนมัย บุญเกิดจากการฟังธรรม
9.ธัมมเทสนามัย บุญเกิดจากการแสดงธรรม
10.ทิฏฐุชุกัมม์ การทำความเห็นให้ตรง การปรับปรุงความคิดเห็นให้ถูก

มาสร้างบุญกันเถอะ

1. นั่งสมาธิ อย่างน้อยวันละ 15 นาที(หรือ เดินจงกรม ก็ได้)
อานิสงส์ - เพื่อสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้และภพหน้า เพื่อจิตใจที่สว่างผ่อนปรนจาก กิเลส ปล่อยวางได้ง่าย
จิตจะรู้วิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติ ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพกายและจิตแข็งแรง
เจ้า กรรมนายเวร และญาติมิตรที่ ล่วงลับ จะได้ บุญกุศล

2. สวดมนต์ ด้วย พระคาถา ต่างๆอย่างน้อยวันละครั้งก่อนนอน
อานิสงส์ - เพื่อให้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครอง ชีวิตหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง จิตจะเป็น สมาธิ ได้เร็ว แนะนำพระคาถา พาหุงมหากา, พระคาถาชินบัญชร, พระคาถา ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นต้น เมื่อสวดเสร็จต้อง แผ่เมตตา ทุกครั้ง

3. ถวายยารักษาโรค ให้วัด, ออกเงินค่ารักษาให้พระตาม โรงพยาบาลสงฆ์
อานิสงส์ - ก่อให้เกิดสุขภาพร่มเย็นทั้งครอบครัว โรคที่ไม่หายจะทุเลา สุขภาพกาย จิตแข็งแรง อายุยืนทั้งภพนี้ และภพหน้า ถ้าป่วยก็จะไม่ขาดแคลนการรักษา

4. ทำบุญตักบาตร ทุกเช้า
อานิสงส์ - ได้ช่วยเหลือศาสนาต่อไปทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ขาดแคลนอาหาร ตายไปไม่หิวโหย อยู่ใน ภพ ที่ไม่ขาดแคลน ข้าวปลาอาหาร อุดมสมบูรณ์

5. ทำหนังสือ หรือสื่อต่างๆเกี่ยวกับ ธรรมะ แจกฟรีแก่ผู้คนเป็น ธรรมทาน
อานิสงส์ - เพราะธรรมทานชนะการให้ทานทั้งปวง ผู้ให้ ธรรม จึงสว่างไปด้วย ลาภยศ สรรเสริญ ปัญญา และ บุญบาร มีอย่างท่วมท้น เจ้ากรรมนายเวร อโหสิกรรม ให้ ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่คาดฝัน

6. สร้างพระ สร้างพระถวายวัด
อานิสงส์ - ผ่อนปรนหนี้กรรมให้บางเบา ให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง ครอบครัวเป็นสุข ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ ของ พุทธศาสนา ตลอดไป

7. แบ่งเวลาชีวิตไป บวชชีพราหมณ์ หรือ บวชพระ อย่างน้อย 9 วันขึ้นไป
อานิสงส์ - ได้ตอบแทนคุณพ่อแม่อย่างเต็มที่ ผ่อนปรน หนี้กรรม อุทิศผลบุญให้ญาติ มิตรและ เจ้ากรรมนายเวร สร้างปัจจัยไปสู่ นิพพาน ในภพต่อๆไป ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของ พุทธศาสนา จิตเป็นกุศล

8. บริจาคเลือด หรือ บริจาค ร่างกาย
อานิสงส์ - ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพแข็งแรง ช่วยต่ออายุ ต่อไปจะมีผู้คอยช่วยเหลือไม่ให้ตกทุกข์ได้ยาก เทพยดา ปกปักรักษา ได้เกิดมามีร่างกายที่งดงามในภพหน้า ส่วน ภพนี้ก็จะมีราศีผุดผ่อง

9. ปล่อยนก ปล่อยปลา ที่ซื้อมาจากตลาดรวมทั้ง ปล่อย สัตว์ ไถ่ชีวิต สัตว์ต่าง ๆ
อานิสงส์ - ช่วยต่ออายุ ขจัดอุปสรรคในชีวิต ชดใช้หนี้กรรม ให้ เจ้ากรรมนายเวร ที่ เคยกินเข้าไป ให้ทำมาค้าขึ้น หน้าที่การงานคล่องตัวไม่ติดขัด ชีวิตที่ผิดหวังจะค่อยๆฟื้นคืนสภาพที่สดใสเป็นอิสระ

10. ให้ทุนการศึกษา, บริจาคหนังสือ หรือสื่อการเรียนต่าง ๆ, อาสาสอนหนังสือ
อานิสงส์ - ทำให้มี สติปัญญา ดี ในภพต่อ ๆ ไปจะฉลาดเฉลียวมีปัญญา ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนอย่างรอบรู้ สติปัญญาสมบูรณ์พร้อม

11.ให้เงินขอทาน, ให้เงินคนที่เดือดร้อน(ไม่ใช่การให้ยืม)
อานิสงส์ - ทำให้เกิดลาภไม่ขาดสายทั้ง ภพนี้ และ ภพหน้า ไม่ตกทุกข์ได้ยาก เกิดมา ชาติหน้า จะร่ำรวยและไม่มีหนี้สิน ความยากจนในชาตินี้จะทุเลาลง จะได้เงินทองกลับ มาอย่างไม่คาดฝัน

12. รักษาศีล 5 หรือ ศีล 8

อานิสงส์ - ไม่ต้องไปเกิดเป็น เปรต หรือ สัตว์นรก ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ ครบบริบูรณ์ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง กรรมเวร จะไม่ถาโถม ภัยอันตรายไม่ย่างกราย เทวดา นางฟ้า ปกปักรักษา

อานิสงส์ 10 ข้อของการ ไม่กินเนื้อสัตว์
1. เป็นที่รักของบรรดา เทพ พรหม ตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์เหี้ยมโหดเครียดแค้นในใจลงได้
4. ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
5. มีอายุมั่นขวัญยืน
6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจาก เทพ ทั้งปวง
7. ยามหลับ นิมิต เห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นสิริมงคล
8. ย่อมระงับการ จองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน
9. สามารถดำรงอยู่ในกระแส พระนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสู่ อบายภูมิ
10. ทันทีที่ละ สังขาร จากโลกนี้ จิตจะมุ่งสู่ สุคติภพ

อานิสงส์การจัด สร้างพระพุทธรูป หรือสิ่งพิมพ์อันเกี่ยวกับ พระธรรม คำสอน เป็นกุศลดังนี้
1. อกุศลกรรม ใน อดีตชาติ แต่ปางก่อน จะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นสูญ
2. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครอง สรรพภยันตรายสลาย ปวงภัยไม่มีคนคิดร้ายไม่สำเร็จ
3. เจ้ากรรมนายเวร ใน อดีตชาติ แต่ปางก่อน เมื่อได้รับ ส่วนบุญ ไปแล้วก็จะเลิก จองเวร จองกรรม
4. เหล่า ยักษ์ ผีรากษส งูพิษเสือร้าย ไม่อาจเป็นภัยอยู่ในที่ใดก็แคล้วคลาดจากภัย
5. จิตใจสงบ ราศี ผ่องใส สุขภาพแข็งแรง กิจการงานเป็นมงคล รุ่งเรืองก้าวหน้าผู้คนนับถือ
6. มั่นคงในคุณธรรม ความอุดมสมบูรณ์ปรากฏ (เกินความคาดฝัน) ครอบครัวสุขสันต์ วาสนายั่งยืน
7. คำกล่าวเป็นสัจจ์ ฟ้าดินปราณี ทวยเทพ ยินดี มิตรสหายปรีดา หนี้สินจะหมดไป
8. คนโง่สิ้นเขลา คนเจ็บหายได้ คนป่วยหายดี ความทุกข์หายเข็ญ สตรีจะได้ เกิด เป็นชายเพื่อ บวช
9. พ้นจากมวล อกุศล เกิดใหม่บุญเกื้อหนุน มีปัญญาล้ำเลิศ บุญกุศลเรืองรอง
10. สิ่งที่สร้างจะบังเกิดเป็น กุศลจิต แก่ทุกคนที่ได้พบเห็น เป็นเนื้อนาบุญอย่างเอนกทุกชาติของผู้สร้างที่เกิดจะได้ฟัง ธรรม จาก พระอริยเจ้า ปัญญาในธรรมแก่กล้า สามารถได้ อภิญญาหก สำเร็จ โพธิญาณ

อานิสงส์ การ บวชพระ บวชชีพราหมณ์
(บวช ชั่วคราวเพื่อ สร้างบุญ, อุทิศ ให้พ่อแม่ เจ้ากรรมนายเวร)
1. หน้าที่การงานจะเจริญรุ่งเรือง ได้ลาภ ยศ สรรเสริญ ตามปรารถนา
2. เจ้ากรรมนายเวร จะ อโหสิกรรม หนี้กรรม ในอดีตจะคลี่คลาย
3. สุขภาพแข็งแรง สติปัญญาแจ่มใส ปัญหาชีวิตคลี่คลาย
4. เป็นปัจจัยสู่ พระนิพพาน ในภพต่อๆไป
5. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครอง โพยภัยอันตรายผ่อนหนักเป็นเบา
6. จิตใจสงบ ปล่อยวางได้ง่าย มองเห็น สัจธรรม แห่งชีวิต
7. เป็นที่รักที่ เมตตามหานิยม ของมวลมนุษย์มวลสัตว์และเหล่า เทวดา
8. ทำมาค้าขึ้น ไม่อับจน การเงิน ไม่ขาดสายไม่ขาดมือ
9. โรคภัย ของตนเอง ของพ่อแม่ และของคนใกล้ชิดจะเบาบางและ รักษาหาย
10. ตอบแทน พระคุณ ของ พ่อแม่ ได้เต็มที่สำหรับผู้ที่ บวช ไม่ได้เพราะติดภาระกิจต่าง ๆ ก็สามารถได้รับ อานิสงส์ เหล่านี้ ได้ด้วยการสร้างคนให้ได้ บวช สนับสนุนส่งเสริม อาสาการให้คนได้บวช
++++++++++++++++++++++++++

ถวายฉัตรยอด พระเจดีย์ ได้รับการเคารพยกย่อง เกิดในชาติตระกูลสูง มีสง่าราศี

ถวายทองคำ ผิวพรรณงาม เปล่งปลั่ง อุดมมั่งคั่ง

ถวายเงิน ใจสว่างไสว อยู่เย็นเป็นสุข

ถวายอัญมณี รัศมีกายทิพย์สว่าง มีราศี มักประสบโชคดี

ถวาย บรรจุพระเครื่อง มีกำลังใจต่อสู้กับอุปสรรค มักมีคนช่วยเหลือเวลามีปัญหา

ถวายแผ่นทองคำเปลวปิด องค์พระเจดีย์ มีราศีผิวพรรณงาม ใจสว่าง อบอุ่นใจ

ถวาย อิฐ หิน ปูน ทราย มีแต่ความมั่นคงในชีวิต ใจคอหนักแน่น ไม่โลเล

สร้างองค์พระเจดีย์ มักได้สิ่งอันพึงปรารถนา สุขภาพดี ไม่มีวันอดตาย

ถวายธงหลากสีประดับองค์พระธาตุ มีสง่าราศี กายทิพย์สว่าง

ถวายโคมไฟ ให้แสงสว่าง ,เทียน ใจสว่าง ชีวิตสะดวกสบาย มีอุปสรรคน้อยลง มีปัญญาธรรมสูงขึ้น เบิกทางสู่ทิพยเนตร

ถวายดอกไม้ อันบริสุทธิ์ต่างๆ สุขสงบใจ ใจสะอาดสดชื่นผ่องแผ้ว

ถวายธูป เครื่องหอม ต่างๆ อบอุ่นมั่นคงในใจ ใจสว่างมีอุปสรรคน้อยลง มีกลิ่นกายสะอาด รู้สึกสดชื่นเสมอ

ถวายแผ่นหินปูพื้นพระเจดีย์ มีบริวารดี มีสมาธิดีขึ้น มีเวลาปฏิบัติธรรมมากขึ้น

ถวายกระจกสีประดับองค์พระเจดีย์ กายทิพย์สว่าง มีสง่าราศี มีคนศรัทธา เห็นความดีในตัว

ถวายผ้าเหลืองครอง(หุ้ม)องค์พระเจดีย์ เพิ่ม เนกขัมมบารมี ใจสงบขึ้น มีโอกาสได้วิมุตติธรมเร็วขึ้น

สรงน้ำพระธาตุ ใจสะอาดสงบสว่างขึ้น กายและใจชุ่มชื่นแจ่มใส สุขภาพดี

ถวายข้าว อาหาร เวรข้าวบูชาพระธาตุ อุดมสมบูรณ์ อิ่มอกอิ่มใจ สุขภาพดี

เวียนเทียนรอบองค์พระเจดีย์ เพิ่มวิสัยปัจจัยแห่งกุศลธรรม เป็นสิริมงคล ช่วยยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น สะอาดขึ้น

แสดงความเคารพอย่างสูงสุดต่อพระธาตุจากใจจริง เป็นที่เคารพยกย่อง มักไม่มีใครเข้าใจผิดหรือมองอะไรผิดๆ ได้บารมีวิมุตติรรมจากพระบรมธาตุ พาไปสู่วิสุทธิมรรค ผล นิพพานได้เร็วยิ่งขึ้น

เป็นเจ้าภาพ หรือมีส่วนช่วยจัดงานฉลองพระธาตุ ประสบสุขในชีวิตโดยทั่ว ไปแทบทุกด้านอุดมมั่งคั่ง มีคนเคารพยกย่องช่วยเหลือเสมอ

บูรณซ่อมแซมเจดีย์พระธาตุ สุขภาพดี อายุยืน รูปร่างหน้าตาผิวพรรณดี มีฐานะมั่นคง

สร้างเจดีย์ บรรจุ พระบรมธาตุ ชีวิตมั่นคงสุขสมปรารถนาทุกด้าน เป็นที่เคารพยกย่อง ได้มรรคผล นิพพาน เร็วขึ้น

      ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่าง บุญ ที่ยกขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึง อานิสงส์ ที่ท่านพึงจะได้รับ จงเร่ง ทำบุญ เสียแต่วันนี้ เพราะเมื่อท่าน ล่วงลับ ท่านไม่สามารถ สร้างบุญ ได้อีกจนกว่าจะได้เกิด หากท่านไม่มี บุญ มาหนุนนำแรง กรรม อาจดึงให้ท่านไป สู่ภพ เดรัจฉาน ภพเปรต ภพสัตว์ นรก ที่ไม่อาจ สร้างบุญ สร้างกุศล ได้ ต่อให้ญาติโยมทำบุญ อุทิศ ให้ก็อาจไม่ได้รับบุญ
      ดังนั้นท่านจงพึ่งตนเองด้วยการสร้างสม บุญบารมี ซึ่ง เป็นทรัพย์สินที่ท่านจะนำติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติเสียแต่วันนี้ด้วยเทอญ

ที่มา: forward mail



++++++++++++++++++++++++++

"ให้ทาน ก็ได้บุญ รักษาศีล ก็ได้บุญ เจริญภาวนา ก็ได้บุญ แต่

ให้ทาน 100 ครั้ง ยังได้บุญไม่เท่า รักษาศีล 5 เพียงครั้งเดียว

รักษาศีล 5 ร้อยครั้ง ยังได้บุญไม่เท่า ทำสมาธิภาวนาเพียงครั้งเดียว

ทำสมาธิภาวนา (สมถภาวนา) ร้อยครั้ง ยังไม่เท่าภาวนาแล้วได้วิปัสนาญาณเพียงครั้งเดียว

ได้วิปัญณาญาณ 100 ครั้ง ยังไม่เท่าเป็น พระโสดาบัน"



"ให้ทานกับสัตว์ 4 เท้า 100 ครั้ง ยังได้บุญไม่เท่ากับ ให้ทานกับสัตว์ 2 เท้าเพียงครั้งเดียว

ให้ทานกับคนพิการ 100 ครั้ง ก็ยังไม่เท่ากับให้ทานกับ มนุษย์ผู้มีร่างกายสมบูรณ์เพียงครั้งเดียว

ให้ทานกับพระโสดาบัน 100 ครั้ง ยังไม่เท่าให้ทานกับ พระสกิทาคามี เพียงครั้งเดียว

ให้ทานกับพระสกิทาคามี 100 ครั้ง ยังไม่เท่าให้ทานกับ พระอนาคามี เพียงครั้งเดียว

ให้ทานกับพระอนาคามี 100 ครั้ง ยังไม่เท่ากับให้ทานกับ พระอรหันต์ เพียงครั้งเดียว"

เหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่า "การให้ทานกับผู้ที่สามารถทำประโยชน์ต่อโลกได้มากกว่า จะได้บุญมากกว่า"

"การให้ทานกับผู้ที่มีศีลมีธรรม มีคุณธรรมมากกว่า ก็ได้บุญมากกว่า"


++++++++++++++++++++++++++

ลำดับอานิสงส์ของทาน (ทานํ=การให้)
ให้แก่สัตว์เดรัจฉาน 100 ครั้ง ก็ไม่เท่ากับให้มนุษย์ 1 ครั้ง
ให้แก่มนุษย์ 100 ครั้ง ก็ไม่เท่ากับให้สมมติสงฆ์ 1 ครั้ง
ให้กับสมมติสงฆ์ 100 ครั้ง ก็ไม่เท่ากับให้พระโสดาบัน 1 ครั้ง
ให้กับพระโสดาบัน 100 ครั้ง ก็ไม่เท่ากับให้พระสกิทาคามี 1 ครั้ง
ให้กับพระสกิทาคามี 100 ครั้ง ก็ไม่เท่ากับให้พระอนาคามี 1 ครั้ง
ให้กับพระอนาคามี 100 ครั้ง ก็ไม่เท่ากับให้พระอรหันต์ 1 ครั้ง
ให้กับพระอรหันต์ 100 ครั้ง ก็ไม่เท่ากับให้พระปัจเจกพุทธเจ้า 1 ครั้ง
ให้กับพระปัจเจกพุทธเจ้า 100 ครั้ง ก็ไม่เท่ากับให้พระพุทธเจ้า 1 ครั้ง
ให้กับพระพุทธเจ้า 100 ครั้ง ก็ไม่เท่ากับให้สังฆทาน 1 ครั้ง
ให้สังฆทาน 100 ครั้ง ก็ไม่เท่ากับให้อภัยทาน 1 ครั้ง
ให้อภัยทาน 100 ครั้ง ก็ไม่เท่ากับให้ธรรมทาน 1 ครั้ง
ดังนั้น การให้ธรรมะย่อมชนะการให้ทั้งปวง ดังพุทธภาษิตที่ว่า “สพฺพทานํ ธมมทานํ ชินาติ”
++++++++++++++++++++++++++

ทำบุญด้วยการ รักษาศีล
ศีล คือ หลักปฏิบัติ สำหรับควบคุมกายและวาจาของคนให้ตั้งอยู่ในความดีงาม เฉพาะผู้ครองเรือน มี ๕ ข้อ

ความหมาย ของศีล ๕
ในศีลห้า ข้อที่หนึ่ง พึงกำหนด ขึ้นต้นบท ว่า"ปาณา" ห้ามฆ่าเขา
ข้อที่สอง "อทินนา" อย่าถือเอา ของที่เขา มิให้ อย่าใฝ่ปอง
ข้อที่สาม "กาเม" เล่ห์สวาท ต้องเว้นขาด คู่เขา เราอย่าข้อง
ข้อที่สี่ "มุสา" อย่าคะนอง คำพูดต้อง ตามสัตย์ อรรถธรรม
ข้อที่ห้า "สุรา" ท่านว่าไว้ ห้ามมิให้ ดื่มเหล้า ทั้งเช้าค่ำ
เฮโรอีน ฝิ่นยาบ้า พาระกำ ท่านแนะนำ ให้งด เพื่อหมดเวร

วิธีรักษาศีล ๕
จะรักษา ศีลห้า ดังว่านั้น ให้คงมั่น ศักดิ์สิทธิ์ สัมฤทธิ์ผล
จำต้องมี คุณธรรม ประจำตน ตามยุบล โบราณ ท่านสอนมา
ข้อที่หนึ่ง พึงระวัง ยั้งความโกรธ ไม่เหี้ยมโหด ใฝ่จิต ริษยา
รู้โอบอ้อม อารี มีเมตตา กรุณา เป็นธรรม ประจำใจ
สองเลี้ยงชีพ โดยสัมมา อาชีวะ รู้สละ รู้ประหยัด อัชฌาสัย
ข้อที่สาม คู่ครอง ของใครใคร ไม่สนใจ ยินดีอยู่ แต่คู่ตน
ข้อที่สี่ มีสัตย์ ประหยัดปาก ไม่พูดมาก กลอกกลับ ให้สับสน
ข้อที่ห้า สติตั้ง ระวังตน อยากก็ทน หักห้าม ไม่ตามใจ
ท่านผู้ใด ใจบุญ รู้คุณค่า ของศีลห้า เบญจธรรม ดั่งคำไข
ประพฤติมั่น อยู่เสมอ ไม่เผลอใจ จะต้องได้ ผลดี มีแก่ตน

ความเสียหายที่จะได้รับจากการไม่รักษาศีล ๕
อันบาปกรรม ทั้งห้า ถ้าไม่ละ บาปนั้นจะ ส่งวิบาก ให้ยากเข็ญ
ตามประเภท เหตุที่ทำ เป็นกรรมเวร คิดให้เห็น เว้นให้ไกล อย่าได้ทำ
การเบียดเบียน ชีวิต ปลิดชีพเขา ทำให้เรา อายุน้อย ถอยลงต่ำ
ปราศจาก อนามัย ไข้ประจำ ผู้ใดทำ กรรมนี้ ชีพไม่ยืน
ปล้นสะดม โกงกิน ทรัพย์สินเขา จะร้อนเร่า จิตใจ ไม่แช่มชื่น
บางคราวรวย ก็อย่าหวัง ว่ายั่งยืน ต้องเป็นอื่น และจนลง อย่าสงกา
การสมสู่ คู่ครอง ของผู้อื่น ก็จะชื่น ชั่วประเดี๋ยว จริงเจียวหนา
ผลของกรรม ทำให้มี ไพรีมา เบียฬบีฑา ปองชีวิต คิดผูกเวร
การพูดหลอก ลวงใคร ให้หลงผิด โทษจะติด ตามตน ให้คนเห็น
จะถูกตู่ ใส่ความ ตามประเด็น เท็จจริงเป็น อย่างไร เขาไม่ฟัง
การดื่มเหล้า เมายา ว่าให้คิด ถ้าเสพติด โทษร้าย เมื่อภายหลัง
ต้องเสื่อมทรัพย์ อับโชค โรคประดัง ทอนกำลัง ปัญญา พาให้ทราม

ประโยชน์ที่จะได้รับจากการรักษาศีล ๕
อานิสงส์ ข้อที่หนึ่ง นั้นพึงรู้ ชีพจะอยู่ วัฒนา อย่าฉงน
อนามัย สมบูรณ์ จำรูญชนม์ ถึงร้อยฝน เทียวนะ จึงจะตาย
ข้อที่สอง สมบัติ พัสถาน จะโอฬาร ล้นหลาก มีมากหลาย
ยามใช้สอย ไม่ขาดแคลน แสนสบาย ใช้จนตาย ไม่จน เพราะผลบุญ
ข้อที่สาม จะไม่มี ไพรีร้าย มาปองหมาย ชีวิต คิดเฉียวฉุน
จะได้คู่ เป็นศรี มีแต่คุณ ไม่หันหุน กลับกลอก คิดนอกใจ
ข้อที่สี่ พูดอะไร ใครก็เชื่อ คนไม่เบื่อ ระอา เมื่อปราศรัย
จะเชิญชวน ชายหญิง ทำสิ่งใด เขาเต็มใจ พร้อมพรัก สมัครทำ
ข้อที่ห้า อานิสงส์ จงประจักษ์ จะมีหลัก จรรยา ท่าคมขำ
มีสติ มั่นคง ความทรงจำ ปัญญาล้ำ เลิศสัตว์ ในปฐพี
หากเห็นจริง หญิงชาย ทั้งหลายเอ๋ย อย่าละเลย พยายาม ตามวิถี
ประพฤติเถิด เกิดผล กุศลมี เป็นความดี ติดตามอาตม์ ทุกชาติไป

ศีล ๕ หน้าที่ ๖
วัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหาร ต.ขุนโขลน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี


[Main : กลับ หน้ารวมศาสนา]


Create Date : 16 มกราคม 2549
Last Update : 19 สิงหาคม 2553 12:54:51 น. 25 comments
Counter : 63999 Pageviews.

 
ชอบบล๊อกแบบนี้ นะคะ ให้สาระ และคุณประโยชน์แก่ชีวิตเป็นอย่างมาก
คนเรา เมื่อมีทุกข์ถึงจะเริ่มเห็นธรรมะ แต่สิ่งเหล่านี้ ช่วยให้คนเป็นคนดีได้ อยากให้คนมาศึกษาธรรมะให้มากขึ้นค่ะ


โดย: joycandles วันที่: 19 มกราคม 2549 เวลา:23:55:11 น.  

 
เอ๊ะ ท่านต่อนี่รสนิยมคล้ายเราเลย

ช่าง ธรรมะ หว้ากอ ราชดำเนิน ศาสนา ชายคา

ยังดีที่ไม่ไปBP JJต้นไม้ ลุมพินี ด้วย ไม่งั้นนึกว่าคู่แฝดเราที่ถูกพยาบาลอุ้มไปเมื่อ44ปีที่แล้วแหงแหง


โดย: ต้นโพธิ์ต้นไทร วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:22:34:28 น.  

 

นาน ๆ ผมก็โผล่เข้าห้อง Google Earth, Sony Club,สินธร, ห้องน้องแมว บ้างเหมือนกัน มั่วไปเรื่อยจนคิดว่าตัวเองมาทำอะไรตรงนี้
(ห้องน้องแมวนี่ เหมี้ยว ๆ น่ะครับ)


โดย: ต่อตระกูล วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:23:06:38 น.  

 
อยากมีเวลาทำจิตให้สดใส


โดย: maxpal (maxpal ) วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:5:41:24 น.  

 
ขอบคุณมากๆครับมีสาระมากๆๆๆๆๆๆ


โดย: justin IP: 124.120.239.61 วันที่: 30 มกราคม 2550 เวลา:17:32:40 น.  

 
เข้ามาอ่านเรื่องอานิสงส์การทำบุญให้ทานต่างๆ
ขอบคุณค่ะ และขออนุญาตแอ้ดไว้ที่บล๊อกด้วยค่ะ


โดย: woodchippath วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:17:41:37 น.  

 
ดีมากครับ..ตาสว่างครับ..ขอบคุณครับ


โดย: sara man IP: 203.113.62.4 วันที่: 29 มีนาคม 2550 เวลา:21:43:51 น.  

 
ขอบคุณสำหรับ ธรรมะดีๆ ค่ะ


โดย: หมีอารักขา (หมีอารักขา ) วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:13:01:56 น.  

 
สวดมนต์ทุกวันค่ะแล้วก็นั่งสมาธิด้วย ทำแล้วสบายใจค่ะ อยากให้ทุกคนทำค่ะดีจริงๆ


โดย: kerry IP: 124.121.45.75 วันที่: 16 เมษายน 2550 เวลา:10:54:34 น.  

 
อานิสงค์ของการไถ่ชีวิตโคกระบึอ

ได้มีการบันทึกหรือเล่าต่อกันมาในคัมภีร์พระพุทธศาสนา ในเรื่องของสามเณร ซึ่งเป็นศิษย์ในสำนักของพระสารีบุตร พระอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า ซึ่งสามเณรท่านนี้ได้รับการพยากรณ์จากพระสารีบุตรว่า " ชะตาถึงฆาต" จะต้องมรณภาพ ภายใน ๗ วันขอให้ปลงอายุสังขารเสีย พอสามเณรได้ฟังดังนั้น ในฐานะนักปฎิบัติธรรม ท่านก็มิได้สะทกสะท้าน หรืออาลัยในชีวิตแต่อย่างใด ไหน ๆ ก็จะละสังขารแล้ว ก็ใคร่จะขออำลาพระอาจารย์ไปโปรดโยมบิดา มารดาสัก ๓ วัน เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ก็ออกเดินทาง กะว่าจะใช้เวลาไปกลับให้ทันก่อนกำหนด เพื่อฟังธรรมจากพระสารีบุตรเป็นครั้งสุดท้าย ในระหว่างการเดินทาง เนื่องจากในช่วงเวลานั้นเป็นหน้าแล้ง น้ำในลำธาร ห้วยหนอง เหือดแห้ง สามเณรได้เห็นปลาน้อย จำนวนหนึ่ง ดิ้นกระแด่ว ๆ ใกล้จะถึงเวลาตายอยู่ในบ่อน้ำที่กำลังแห้งเหือด ด้วยจิตที่เป็นเมตตา ท่านได้นำจีวรช้อนตักปลาฝูงนั้น ไปปล่อยในแม่น้ำสายใหญ่ แล้วจึงเดินทางต่อไป หลังจากโปรดโยมบิดามารดาและเดินทางกลับมายังสำนักแล้ว พอครบกำหนดตามที่พระสารีบุตรพยากรณ์เอาไว้ ก็เข้าไปกราบลาเพื่อขอฟังธรรมก่อนละสังขาร แต่พระสารีบุตรกลับไม่แสดงธรรมโปรด และได้กล่าวกับสามเณรว่า "กรรมดีที่เณรได้ช่วยชีวิตฝูงปลา ซึ่งบังเอิญเป็นเจ้ากรรมของเณรแต่อดีตชาติ ประกอบกับบุญกุศลที่เณรได้ทำไว้ด้วยการถือเพศบรรพชิตในปัจจุบัน ทำให้เจ้ากรรมนายเวรเกิดความปีติ ทั้งสองฝ่ายได้ยินยอมให้กรรมหนักถึงตายของเณรหลุดพ้น ด้วยการ "อโหสิกรรม" ต่อกัน เณรได้พ้นกรรมบัดนี้แล้ว" จากเรื่องดังกล่าว จึงทำให้มีการทำบุญสะเดาะเคราะห์ด้วยการปล่อยนก ปล่อยปลา หรือให้ทานชีวิตสัตว์อื่น ๆ เช่น ไถ่ชีวิตโคกระบือ ฯลฯ ในพุทธศาสนาแต่นั้นมา ดังนั้นการแก้กรรมเมื่อชะตาถึงฆาต โหราจารย์ก็จะแนะนำให้แก้กรรมด้วยการให้ทานชีวิตสัตว์เป็นดีที่สุด ยังมีวิธีการแก้กรรมอื่น ๆ อีกมากเช่น หากวิถีชิวิตต้องระทมขมขื่นเกี่ยวกับคู่ครอง ความรัก หรือการแต่งงาน เช่น คนรัก สามีภรรยา ปันใจให้คนอื่น จะทำอย่างไร อยากมีบุตรสืบสกุลทั้งๆ ที่ทั้งสองฝ่ายไปตรวจร่างกายแล้วแพทย์ลงความเห็น ว่าสามารถมีบุตรได้ แต่ไม่ยักจะมีสักที หรือจะทำอย่างไรถ้าดวงชะตาจะต้องพบกับอุบัติเหตุหรือการผ่าตัด จะทำอย่างไรหากต้องมีคดีความขึ้นโรงขึ้นศาล อาจต้องติดคุก ติดตะราง จะทำอย่างไรฯลฯปัญหาต่างๆเหล่านี้จะนำมาชี้แจงในตอนหน้าครับ


โดย: อริน IP: 124.120.62.27 วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:22:55:44 น.  

 
การทำบุญที่ส่งผลเร็วที่สุดคือ การทำบุญช่วยชีวิตสัตว์ใหญ่ เช่นการไถ่ชีวิตโค-กระบือ ช่วยชีวิตสัตว์ใหญ่จากโรงฆ่าสัตว์ เห็นผลเร็วมาก การงาน การเงินคล่องขึ้น ทำอะไรก็ราบรื่น ที่เจ็บไข้ก็หาย อันนี้พบเห็นกับตัวเอง

คนไข้อาการหนักอยู่ ICU หมอบอกให้ทำใจแต่ญาติๆและลูกได้ไปไถ่ชีวิตโคกระบือที่วัดที่ช่วยชีวิตจากโรงฆ่าสัตว์ สามวันคนไข้มาอยู่ห้องธรรมดาได้ และหายได้ ของอย่างนี้เป็นบุญเป็นกุศลจริงๆ เราทำ เราเชื่อก็ไม่ได้เสียอะไร อานิสงค์ผลบุญจะส่งให้กับผู้ที่ทำด้วยศรัทธา ทำไปก็มีแต่ได้บุญสะสมไว้เป็นกำไรชีวิต


โดย: ริสา IP: 124.120.62.27 วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:22:57:23 น.  

 
ความเห็นที่ 12 (910823)
วิธีแก้กรรม การแก้กรรม แก้กรรม ลดกรรม

วิธี ลดกรรมให้ตนเองได้ผลดีเร็วขึ้น

เรื่องนี้ มีผู้แนะนำมาอีกทอดหนึ่ง ผู้เขียนเห็นว่าเข้าท่า จึงขอบอกต่อ โดยขอให้ท่านใช้วิจารณญาณของท่านพิจารณาเอง หากเห็นว่าไม่เสียหายอะไร ทำดีกว่าไม่ทำ ก็ขอให้ทำ อย่างน้อยที่สุด ท่านก็จะได้รับความสบายใจ แต่ถ้าเป็นสิ่งได้ผลจริง ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่เยี่ยมยอด พวกเราจะได้ลดผลกรรมที่ไม่ดี หรือ กรรมชั่ว ในอดีตให้น้อยลง กรรม ก็เหมือนเกลือที่อยู่ในน้ำเกลือ หรือกรรมมิได้หายไปไหน ผู้ใดก่อกรรมใดไว้ ไม่ว่าดีหรือชั่ว ย่อมต้องชดใช้ หรือได้รับผลตอบแทนจากการกระทำของตน แต่เกลือแม้จะมีอยู่เพียงไรก็ตาม หากเติมปริมาณน้ำให้มาก เกลือก็ย่อมลดความเค็มลงได้ ความดีที่กระทำมาก ๆ หากทำถูก ทำดี ผลกรรมชั่วแม้มีอยู่ก็อาจตามไม่ทัน แม้ท่านองคุลีมานจะฆ่าคนตาย 999 คน ในพุทธกาล ก่อนที่จะบรรลุเป็น พระอรหันต์ แต่กรรมชั่วเช่นว่า ก็หาตามท่านทันไม่ เพราะความดีที่ท่านได้ดวงตาเห็นธรรม เพียงแต่ประโยคที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “เราสิหยุดแล้ว แต่ท่านสิหาหยุดไม่” หมายถึง พระพุทธองค์ทรงหยุด หรือตัดกิเลสลงได้สิ้นเชิง แต่ องคุลีมาน หาได้หยุด หรือตัดกิเลสใด ๆ ลงได้ไม่ พระพุทธองค์ ทรงหยุดกิเลสมิให้มากล้ำกรายได้ แต่องคุลีมานไม่สามารถหยุดกิเลสได้ ในขณะฆ่าคน เพื่อจะได้สำเร็จวิชาชั้นสูงจากอาจารย์ของตนที่หลอกให้ไปฆ่าคนให้ได้ 1,000 คน จึงจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาชั้นสูงให้

คำแนะนำในการลดกรรมชั่วก็มีว่า เวลาที่ทำบุญหรือทำความดีอะไรทุกครั้ง นอกจากจะทำบุญเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาแล้ว เช่น การ ใส่บาตร การ ถือศีล และอื่น ๆ หรือการพูดคุยธรรมะ, การช่วยให้ผู้อื่นสบายใจ ชี้แนะทางแก้ไขปัญหาชีวิต, การทำความสะอาด ห้องพระ, การร่วมอนุโมทนาการทำความดีของผู้อื่น การกวาดใบไม้ หรือทำความสะอาด สถานที่ปฏิบัติธรรม, การทำความสะอาดห้องน้ำ หรือของใช้ส่วนรวม, ความที่มีจิตใจดีหรือตั้งใจดีทั้งหมด การดูแลคนแก่ เด็ก ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็น กุศล ผลบุญทั้งสิ้น โดยขอให้เริ่มโดยการตั้งนะโม 3 จบ ทุกครั้ง (ขอให้พระพุทธเจ้าเป็นพระประธาน) เพราะบารมีพระพุทธเจ้าเปิด 3 ภพ (โลก) สวรรค์ มนุษย์ นรก เจ้ากรรมนายเวรจะอยู่ภพภูมิไหนก็ตาม เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรมให้ วิธีลดกรรม ให้ตนเอง ได้ผลดีเร็วขึ้น โดยให้อธิษฐานว่าลูกได้ทำความดี โดยได้ทำบุญกุศลใส่บาตร/สวดมนต์ไหว้พระ/ปฏิบัติสมาธิภาวนา /ปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา ฯลฯ ลูกขอถวายบุญกุศลแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอให้พระองค์นำส่งบุญให้ลูกมีเดชปัญญา โภคะ (ความสมบูรณ์) เพื่อจะได้อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ทุกภพทุกชาติ ศัตรูหมู่มารหรือหมู่พาล (คือ มนุษย์ เช่น บริวาร ญาติ มิตร คนรับใช้ สามี บุตร ธิดา ทุกภพ ทุกชาติ) ขอให้ได้รับ กุศลผลบุญ นี้ เมื่อได้รับแล้วขอให้อโหสิกรรม ให้ขาดจากกัน ณ เดี๋ยวนี้ บัดนี้ ขอให้ข้าพเจ้ามีบุญบารมีสูงขึ้น ๆ เต็มขึ้น ๆ เพื่อจะได้ช่วยสังคมให้สูงขึ้น และช่วยสร้างคนให้เป็นมนุษย์ เกิดปัญญาทางธรรมมากขึ้นด้วยเทอญ (จิตสัมผัสรู้ ชั่วดี เลว และรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า นอกจากนั้นขุมทรัพย์ ลาภยศจะมาเอง และยังช่วยผู้อื่นในครอบครัวได้ด้วย กรรมเวร ลดได้โดยการขอขมากรรม)

ถ้า เจ้ากรรมนายเวร เล่นงานส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายทำให้ที่เจ็บปวด หรือ เจ็บป่วย หากได้รับ อโหสิกรรม จะหายเจ็บป่วยทันที หรืออาการทุเลาโดยเร็ววันอย่างเห็นได้ชัด พระธรรมสิงหบุราจารย์ ท่านกล่าวว่า การแก้กรรม ต้องแก้ที่ต้นเหตุ เช่น ทำบุญใส่บาตร พระ 1 องค์ และถวาย พระสะดุ้งมาร 3 นิ้ว ดอกไม้ธูปเทียน ซึ่งเป็น วิธีแก้กรรม ที่ต้นเหตุวิธีหนึ่ง หลังจากใส่บาตร กรวดน้ำทำให้เสร็จวันเดียวกัน การหาหมอเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ผลช้า ถ้า นั่งกรรมฐาน ด้วย สติปัฎฐาน 4 จะแก้ได้เร็ว และหายป่วยเจ็บได้ หากยังไม่หายขาดก็เพราะเจ้ากรรมนายเวรชุดใหม่จะเข้ามาแทนที่ เพราะในอดีตเราสร้าง กรรม ไว้มาก เจ้ากรรมนายเวร แต่ละชุด ก็จะมาทวงหนี้กรรมตามลำดับ จะต้อง แก้กรรม ต่อไป ด้วยวิธีการที่แนะนำแล้ว กรรมทั้งหลายจะได้หมดไป

การลดกรรม ด้วยวิธีการใส่บาตรให้ได้ผล รวมทั้งสร้างกุศลผลบุญครั้งใด ๆ ก็ตาม (มิใช่ใส่บาตรเฉย ๆ แล้วจะได้ผล ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยจำนวนมากบอกว่า ได้ทำบุญใส่บาตรพระแล้ว โรคร้ายแรงต่าง ๆ ไม่หาย ไม่บรรเทาอาการป่วยหายได้อย่างไร เพราะทำไม่ถูกต้อง ใส่บาตร 100 องค์ ก็หาประโยชน์ในการลดกรรมเท่าใส่บาตรเพียงองค์เดียวไม่ เพราะไม่ถึงเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นเจ้าหนี้กรรมอยู่ เสมือนกับเป็นหนี้เจ้ากรรมนายเวร ชุด ก. แต่ไปใช้หนี้กลุ่มอื่น เจ้าหนี้ชุด ก. ก็ย่อมไม่พอใจ ไม่ อโหสิกรรม ให้แน่นอน กรรมเก่าที่ไม่ดีก็ย่อมไม่ลด) วิธีแก้กรรม/ลดกรรม ที่ถูกวิธีนั้น พระธรรมสิงหบุราจารย์ ท่านแนะนำว่าให้จุดธูป 3 ดอก กลางแจ้ง สวดนะโม 3 จบ แล้วกล่าวว่าข้าพเจ้าขอขมากรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร ศัตรูหมู่มาร หมู่พาล ทุกภพ ทุกชาติ ขอให้อโหสิกรรมให้ขาดจากกัน (กรณีที่ดวงตกมากขอ แผ่บุญ ให้ตนเองให้มาก ๆ ควรสวดอิติปิโสฯ เลยอายุ 1 จบ มีเวลาขอให้ไป ปฏิบัติธรรม ด้วย จะเกิดผลเร็ว ควรแผ่เมตตาให้มาก ๆ วันละ 10 – 30 ครั้ง การแผ่เมตตาที่ได้ผล ท่านพระธรรมสิงหบุราจารย์แนะนำว่า ถ้าจะ กรวดน้ำ ต้องกรวดน้ำลงดิน หรือใช้สมาธิกำหนดอธิษฐานจิตด้วยความตั้งใจ ประกอบด้วยความมีสติ และสัมปชัญญะ แผ่เมตตาออกจากลิ้นปี่ แล้วอุทิศส่วนกุศลจากจักระ 6 หรือบริเวณตาที่สามที่กลางหน้าผากต่ำลงเล็กน้อยจะได้ผลมากขึ้น


ที่มา สารชมรมศาสนาและการกุศล เรื่องที่ 44



โดย: อริน IP: 124.120.62.27 วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:22:59:55 น.  

 
การทำบุญที่ส่งผลเร็วที่สุดคือ การทำบุญช่วยชีวิตสัตว์ใหญ่ เช่นการไถ่ชีวิตโค-กระบือ ช่วยชีวิตสัตว์ใหญ่จากโรงฆ่าสัตว์ เห็นผลเร็วมาก การงาน การเงินคล่องขึ้น ทำอะไรก็ราบรื่น ที่เจ็บไข้ก็หาย อันนี้พบเห็นกับตัวเอง
คนไข้อาการหนักอยู่ ICU หมอบอกให้ทำใจแต่ญาติๆและลูกได้ไปไถ่ชีวิตโคกระบือที่วัดที่ช่วยชีวิตจากโรงฆ่าสัตว์ สามวันคนไข้มาอยู่ห้องธรรมดาได้ และหายได้ ของอย่างนี้เป็นบุญเป็นกุศลจริงๆ เราทำ เราเชื่อก็ไม่ได้เสียอะไร อานิสงค์ผลบุญจะส่งให้กับผู้ที่ทำด้วยศรัทธา ทำไปก็มีแต่ได้บุญสะสมไว้เป็นกำไรชีวิต ถ้าสนใจมีหลายที่ที่ทำ ที่เป็นโครงการพระราชดำริก็มี วัดที่มีธนาคารโค-กระบือก็มี แถวถนนรามอินทรามี 2 แห่งที่สามารถบุญได้
ถ้าชอบวัดกว้างๆก็ที่วัดพระศรีฯ ถ้าเป็นวัดธรรมยุตเคร่งๆและนำไปให้ชาวนายากจนเป็นประจำก็คือ วัดสัมมาชัญญาวาส ถนนพระยาสุเรนทร์ หรือเข้าทางหมู่บ้านปัญญาอินทราก็ได้ใก้ลห้างแฟชั่นไอส์แลนด์และใก้ลซาฟารีเวิลด์ ดูรายละเอียดที่ //www.watsamma.com หรือติดต่อสอบถามโดยตรงที่ เจ้าอาวาส

ติดต่อวัดสัมมาชัญญาวาส
พระมหาวราวุฒิ วรวุฑฺโฒ (วราภิวัฒน์)
เปรียญธรรมเอก พระอุปัชฌายะ (ธรรมยุต)
เจ้าอาวาสวัดสัมมาชัญญาวาส
แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ๑๐๕๑๐
โทร 0-2914-0924 , 08-9026-0955 , 08-9489-1126
เลขานุการวัดฯ 0-2914-3911
ชีวิตนี้เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะทำบุญสะสมไว้ได้


โดย: อีฟ IP: 124.120.62.146 วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:23:23:03 น.  

 
แนะนําศูนย์ปฏิบัติธรรม 40 แห่งทั่วไทย

๑. วัดธรรมมงคล
ซอยปุณณวิถี ๒๐ ถ. สุขุมวิท ๑๐๑ บางจาก พระโขนง กรุงเทพฯ
โทร. ๗๔๑-๗๘๒๑-๒, ๓๓๒-๒๘๒๖-๗
วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร
แนวการปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
สถานที่ปฏิบัติมีหลายแห่ง คือ ๑. ศาลาปฏิบัติธรรม เป็นห้องมุ้งลวด
๒. ถ้ำวิปัสสนา (จำลอง) ๓. ศูนย์สมาธิวิริยานุภาพ มี ๘๐ ห้องพัก
ทุกห้องมีเครื่องปรับอากาศ ๔. ห้องสำหรับทำสมาธิ
๕. สถานปฏิบัติธรรม จ. เชียงราย ๖. สำนักสงฆ์น้ำตกแม่กลาง

๒. วัดอัมพวัน
๕๓ บ. อัมพวัน ถ. เอเชีย กม. ๑๓๐ หมู่ที่ ๔ ต. พรหมบุรี อ. พหรมบุรี จ.สิงห์บุรี
โทร. (๐๓๖) ๕๙๙-๓๘๑), (๐๓๖) ๕๙๙-๑๗๕
วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
แนวการปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ บริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ”

๓. ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
๕๘/๘ ถ.เพชรเกษม ๕๔ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ๑๐๑๖๐
โทร. ๔๑๓-๑๗๐๖, ๘๐๕-๐๗๙๐-๔
วิปัสสนาจารย์ คุณแม่สิริ กรินชัย
แนวการปฏิบัติ แนวสติปัฏฐาน ๔ เจริญสติอย่างต่อเนื่อง
ตามแนวพระธีรราชมหามุนี วัดมหาธาตุ
สถานที่เป็นตึกทันใหม่ทันสมัยหลายหลัง โดยทั่วไปการอบรมใช้เวลา ๘ วัน ๗ คืน

๔. สวนโมกขพลาราม
๖๘ หมู่ ๖ ต. เลเม็ด อ. ไชยา จ. สุราษฎร์ธานี ๘๔๑๑๐
วิปัสสนาจารย์ ท่านพุทธทาสภิกขุ
แนวการปฏิบัติ อานาปานสติภาวนา

๕. วัดป่าสุนันทวราราม
บ้านลิ่นถิ่น ต. ท่าเตียน อ. ไทรโยค จ. กาญจนบุรี
วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
แนวการปฏิบัติ อานาปานสติภาวนา
เปิดอบรม “อานาปานสติภาวนา” แก่ผู้สนใจ ครั้งละ ๙ วัน
เปิดรับครั้งละ ๑๐๐-๑๕๐ คน เป็นการปฏิบัติที่เคร่งครัด กินอาหารวันละ ๑ มื้อ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คุณดารณี บุญช่วย (๐๒) ๓๒๑-๖๓๒๐

๖. วัดภูหล่น
๙ ต. สงยาง อ. ศรีเมืองใหม่ จ. อุบลราชธานี
ปฐมวิปัสสนาหลวงปู่มั่นฯ (สถานที่หลวงปู่มั่นออกธุดงค์ครั้งแรกกับหลวงปู่เสาร์)
วัดนี้ค่อนข้างจะห่างจากตัวเมือง บรรยากาศดีมาก เย็นสบาย และเงียบสงบ
มีสิ่งปลูกสร้างที่อยู่บนเขาไม่สูงนักสามารถกางกลดอยู่ได้
มีโบสถ์บนเขาและมีกุฏิโดยรอบ บ้างก็ซ่อนอยู่ตามซอกเขา
ที่นี่เหมาะกับผู้เคยปฏิบัติธรรมมาแล้ว ต้องการมาปฏิบัติขั้นอุกฤษฎ์

๗. วัดถ้ำขาม
บ้านคำข่า หมู่ที่ ๔ ตำบาลไร่ อ. พรรณานิคม จ. สกลนคร
วิปัสสนาจารย์ อาจารย์ฝั้น อาจาโร
วัดมีเนื้อที่ ๘๔๐ ไร่ พื้นที่จรดเขตอุทยานป่าแนวเทือกเขาภูพาน วัดอยู่บนเขาสูง
แต่ก็มีบันไดขึ้นลงสะดวก มีลิงป่า และไก่ป่า
ที่พัก มีที่พักเป็นกุฏิ (กุฏิละ ๑ คน) หรือพักรวมบนศาลาก็ได้
เหมาะสำหรับไปปฏิบัติแบบอุกฤษฎ์

๘. วัดมเหยงคณ์
ต. หันตรา อ. พระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยุธยา
แนวปฏิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิ กำหนดรู้ รูป-นาม

๙. สำนักปฏิบัติธรรมแสงธรรมส่องชีวิต
ต. โคกแย้ อ. หนองแค จ. สระบุรี ๑๘๒๓๐
โทร. (๐๓๖) ๓๗๙-๔๒๘
แนวปฏิบัติ เน้นให้ผู้ฝึกมีสติรู้ในอิริยาบท
ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันสำคัญทางศาสนา
จะมีการจัดอบรมฝึกวิปัสสนากรรมฐาน บวชชีพราหมณ์ เนกขัมมะ

๑๐. วัดสนามใน
๒๗ ต. วัดชลอ อ. บางกรวย จ. นนทบุรี
โทร. ๔๒๙-๒๑๑๙, ๘๘๓-๗๒๕๑
วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อเทียน จิตตฺสุโภ
แนวปฏิบัติ เน้นการเจริญสติ วิธีที่เป็นที่นิยมคือวิธีสร้างจังหวะ
เป็นวิธีสร้างสติแบบนั่งทำสมาธิแต่ไม่ต้องหลับตา

๑๑. วัดป่านานาชาติ
บ้านบุ่งหวาย หมู่ ๗ ต. บุ่งหวาย อ. วารินชำราบ จ. อุบลราชธานี
(สาขา ๑๑๙ ของวัดหนองป่าพง)
เป็นวัดป่าที่มีต้นไม้ใหญ่มาก มียุงและแมลงต่าง ๆ มาก
คนที่แพ้ยุงก็ควรหายากันยุงไปด้วย อากาศเย็นสบาย ทานอาหารวันละ ๑ มื้อ
การไป ให้เขียนจดหมายไปขออนุญาตจากเจ้าอาวาส แล้วจึงเดินทางไปอยู่

๑๒. วัดปทุมวนาราม
ถ. พระราม ๑ ปทุมวัน กรุงเทพฯ ๑๐๓๓๐
โทร. ๒๕๑-๒๓๑๕, ๒๕๒-๕๔๖๕
วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์ถาวร จิตฺตถาวโร
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
นั่งปฏิบัติในศาลาพระราชศรัทธา มีอาสนะและผ้าคลุมตักให้หยิบใช้ได้
บริเวณโดยรอบมีการปลูกแต่งด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย ร่มรื่นสวยงาม
กำหนดการปฏิบัติธรรมที่ศาลาฯ ประจำวันจันทร์ – ศุกร์ วันละ ๓ เวลา
เช้า ๗.๐๐ – ๘.๐๐ น. กลางวัน ๑๒.๐๐ – ๑๓.๐๐ น. เย็น ๑๗.๐๐ – ๒๐.๐๐ น.

๑๓. วัดปากน้ำภาษีเจริญ
เลขที่ ๘ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
วิปัสสนาจารย์ พระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด)
แนวปฏิบัติ ตามแนวธรรมกาย ใช้คำบริกรรม “สัมมาอรหัง”
สถานที่ปฏิบัติ ๑. หอเจริญวิปัสสนาฯ ชั้น ๒ เป็นห้องแอร์ปูพรม
๒. หอสังเวชนีย์มงคลเทพนิมิต ๓. ตึกบวรเทพมุนี

๑๔. วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎ์
เลขที่ ๓ ท่าพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
แนวปฏิบัติ ตามแนวสติปัฏฐาน ๔ ใช้คำบริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ”
สถานที่ปฏิบัติ คณะ ๕ สำนักงานกลาง กองการวิปัสสนาธุระ
เปิดทุกวัน สอนเดินจงกรมและนั่งสมาธิ
เช้า ๐๗.๐๐ – ๑๐.๐๐ น. กลางวัน ๑๓.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. เย็น ๑๘.๐๐ – ๑๙.๐๐ น.

๑๕. วัดอินทรวิหาร
อาคารปฏิบัติธรรม “เฉลิมพระเกียรติ” วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม
กรุงเทพฯ ๑๐๒๐๐ โทร. ๖๒๘-๕๕๕๐-๒
แนวการปฏิบัติ แนวหลักสูตรของคุณแม่สิริ กรินชัย ๘ วัน ๗ คืน หรือ ๔ วัน ๓ คืน
เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมขยายผล จากผู้ปฏิบัติธรรมกับคุณแม่สิริ กรินชัย
เป็นอาคารทันสมัย ๕ ชั้น จุได้ประมาณ ๕๐๐ คน

๑๖. สำนักงานพุทธมณฑล
พุทธมณฑล ถ. พุทธมณฑลสาย ๔ ต. ศาลายา อ. พุทธมณฑล จ. นครปฐม
โทร. ๔๔๑-๙๐๐๙, ๔๔๑-๙๐๑๒
แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ กำหนดรู้อารมณ์ บริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ”
สถานที่ปฏิบัติ ชั้น ๒ ของหอประชุม มีเครื่องปรับอากาศ ห้องนอน
มีเครื่องนอน เช่น หมอน มุ้ง ผ้าห่มให้พร้อม หรือนำไปเองก็ได้ ทานอาหาร ๒ มื้อ

๑๗. ศูนย์วิปัสสนายุวพุทธฯ เฉลิมพระเกียรติ
คลองสาม จ. ปทุมธานี โทร. ๙๘๖-๖๔๐๔-๕
เป็นสาขาของยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย – ภาษีเจริญ

๑๘. วัดอโศการาม
๑๓๖ หมู่ ๒ กม. ๓๑ ถ. สุขุมวิท (สายเก่า) ต. ท้ายบ้าน อ. เมือง จ. สมุทรปราการ
วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อลี ธมฺมชโช
บริเวณกว้างขวาง มีสระน้ำใหญ่ในบริเวณวัด
กุฏิพระ แม่ชี และที่พักแยกเป็นสัดส่วนเรียงรายรอบวัดเป็นร้อย ๆ หลัง
ส่วนมากอยู่ติดริมทะเลซึ่งเป็นป่าชายเลน

๑๙. วัดญาณสังวรารามวรวิหาร
ต. ห้วยใหญ่ อ. บางละมุง จ. ชลบุรี โทร. (๐๓๘) ๒๓๗-๖๔๒
สถานที่ปฏิบัติ เป็นอาคารคอนกรีต ๒ ชั้น มีอาคาร ญส. ๗๒ ชาย และ ญส. ๗๒ หญิง
ชั้นละ ๑๐ ห้อง มีห้องน้ำในตัว เรือนปฏิบัติธรรมมี ๑๗ หลัง

๒๐. สำนักวิปัสสนาวิเวกอาศรม
ซ. ประชานุกูล ๗ ถ. ชลบุรี-บ้านบึง ต. บ้านสวน อ. เมือง จ. ชลบุรี
โทร (๐๓๘) ๒๘๓-๗๖๖
วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์ภัททันตะ อาสภมหาเถระ
แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ ใช้คำบริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ”
มีเรือนพักปฏิบัติธรรมทั้งหญิงชายแยกเป็นสัดส่วนอยู่จำนวนมาก
การอยู่ปฏิบัติให้พักคนเดียว เน้นการเก็บอารมณ์ ไม่พูดคุยกัน อย่างเคร่งครัด
การรับประทานอาหารจะมีปิ่นโตส่งถึงห้อง ๒ มื้อ
ทุกวันจะมีการสอบอารมณ์กรรมฐานโดยพระอาจารย์
ค่าน้ำไฟ อาหาร วันละ ๕๐ บาท หรือเดือนละ ๑,๕๐๐ บาท ห้ามอยู่เกิน ๙๐ วัน

๒๑. สำนักวิปัสสนาสมมิตร – ปราณี
จ. ชลบุรี โทร. พระอาจารย์ใหญ่ (๐๑) ๙๒๑-๑๑๐๑
เป็นสถานที่ซึ่งมีผู้บริจาคเพื่อขยับขยายมาจากวิเวกอาศรม
แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ ใช้คำบริกรรม “ยุบหนอ พองหนอ”
สถานที่ล้อมรอบด้วยทุ่งและธรรมชาติ มีกุฏิสงฆ์สร้างในแบบธรรมชาติมุงจาก
อาคารปฏิบัติธรรมขนาดกลางและอุโบสถ ยังรับผู้ปฏิบัติธรรมได้ไม่มากนัก

๒๒. วัดเขาสุกิม
ต. เขาบายศรี อ. ท่าใหม่ จ. จันบุรี
วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อสมชาย ฐิตวิริโย
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ใช้คำบริกรรม “พุทโธ”
วัดตั้งอยู่สูงขึ้นไปบนเชิงเขา กว้างขวางกว่า ๓,๒๘๐ ไร่
มีทางบันได และรถรางขึ้นไปบนวัด บริเวณร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย
มีศาลาที่พักที่สะดวกสบาย เป็นห้องมุ้งลวด มีเตียง ที่นอน หมอนให้
หรือพักที่กุฏิว่างต่าง ๆ

๒๓. วัดจันทาราม (วัดท่าซุง)
๖๐ บ้านท่าซุง หมู่ ๑ ต. น้ำซึม อ. เมือง จ. อุทัยธานี
วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
แนวปฏิบัติ มโนมยิทธิ บริกรรม “นะ มะ พะ ธะ” และสอนอนุสติ บริกรรม “พุทโธ”

๒๔. สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง
อ. เชียงดาว จ. เชียงใหม่
วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่สิม พุทธจาโร
สำนักสงฆ์แห่งนี้อยู่บนดอย ทางขึ้นลงเทปูนเป็นบันไดเดินได้สะดวกแต่ค่อนข้างสูง
หลวงปู่เคยเล่าไว้ว่าที่ถ้ำผาปล่อง และถ้ำเชียงดาวนี้ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ให้สำรวมระวัง รักษาความสงบ ไม่ร้องรำทำเพลง เล่นตลกคะนอง
เพราะเคยมีพระอรหันต์ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้ากกุสันโธ
พระอรหันต์สมัยพระพุทธเจ้าโกนาคม พระอรหันต์สมัยพระกัสสโป
และพระอรหันต์สมัยพระพุทธโคดม มาบำเพ็ญเพียรและละสังขารอยู่หลายองค์
การนั่งภาวนาที่นี่จะทำเหมือนสมัยที่หลวงปู่ยังอยู่ คือ
ท่านจะให้ทุกคนที่ไปภาวนานั่งสมาธิเพชรฟังเทศน์ ด้วยเหตุผลว่า
”การนั่งสมาธิเพชรนั้นเป็นการฝึกฝนคนเราให้เกิดความตั้งใจมั่น”

๒๕. วัดป่าสาละวัน
อ. เมือง จ. นครราชสีมา
วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
วันที่ ๑-๕ ของทุกเดือน จะมีการอบรมการปฏิบัติแก่อุบาสกอุบาสิกา
ที่ใต้ศาลา และบนวิหารชั้น ๒ โดยจะมีพระให้การอบรม

๒๖. วัดสมเด็จแดนสงบ (แสงธรรมเวฬุราราม)
๙๙ ซอย ๑๙ ถ. มิตรภาพ อ. เมือง จ. นครราชสีมา ๓๐๐๐๐
โทร. (๐๔๔) ๒๑๔-๑๓๔, ๒๑๔-๘๖๙-๗๐
วิปัสสนาจารย์ พระครูภาวนาวิสิฐ
แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔

๒๗. วัดป่าวะภูแก้ว
ต. มะเกลือใหม่ อ. สูงเนิน จ. นครราชสีมา
แนวปฏิบัติ แนวหลวงปู่เสาร์ - หลวงปู่มั่น ภาวนา “พุทโธ”
วัดอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ มีต้นไม้ใหญ่น้อยมาก สถานที่เงียบสงบ สวยงาม
มีอาคารอบรมขนาดใหญ่ สำหรับผู้มาทำสมาธิเป็นหมู่คณะ

๒๘. วัดหนองป่าพง
๔๖ หมู่ ๑๐ ต. โนนผึ้ง อ. วารินชำราบ จ. อุบลราชธานี
วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อชา สุภทฺโท
แนวปฏิบัติ เน้นให้มีสติสม่ำเสมอ ฝึกสมาธิแบบอานาปานสติ

๒๙. ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน
บ้านเนินทาง ต. บ้านค้อ อ. เมือง จ. ขอนแก่น ๔๐๐๐๐
โทร. (๐๔๓) ๒๓๗-๗๘๖, ๑๒๗-๗๙๐
เป็นสถานปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานสาขา ของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน
แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ เช่นเดียวกับวัดอัมพวัน จ. สิงห์บุรี

๓๐. วัดป่าวิเวกธรรมวิทยาราม
ซ. ศรีจันทร์ ๑๓ ถ. ศรีจันทร์ ต. ในเมือง อ. เมือง จ. ขอนแก่น ๔๐๐๐๐
โทร. (๐๔๓) ๒๒๒-๐๔๒
วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”

๓๑. วัดถ้ำผาบิ้ง
ต. ทรายขาว อ. วังสะพุง จ. เลย
วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่หลุย จันทสาโร
เมื่อไปถึงจะพบศาลาสร้างด้วยไม้ที่โปร่งสะอาดน่านั่งสมาธิ มีกุฏิหลายหลัง
มีถ้ำอยู่ไม่สูงจากเชิงเขา มีบันได้ขึ้นสะดวก เป็นที่สงบวิเวกมาก
เหมาะแก่การปฏิบัติอย่างอุกฤษฎ์ พระในสายพระอาจารย์มั่นมักมากจำพรรษา
และปฏิบัติธรรมที่นี่ เพราะเป็นที่สัปปายะ บรรยากาศเงียบสงบ ห่างจากเมือง

๓๒. วัดถ้ำกองเพล
ต. โนนทัน อ. เมือง จ. หนองบัวลำภู ๓๙๐๐๐
โทร. (๐๔๒) ๓๑๒-๓๗๗
วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่ขาว อนาลโย
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
เป็นวัดป่ากว้างขวาง พร้อมศาลาปฏิบัติธรรมสร้างภายในถ้ำ
ทางไปถ้ำสะดวกอยู่ริมถนน รถเข้าถึงปากถ้ำได้ ไม่ต้องปีน
บางกุฏิก็ซ่อนอยู่ตามเหลือบผาต่าง ๆ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม
เมื่อไปถึงให้ติดต่อศาลาประชาสัมพันธ์เพื่อขออนุญาตก่อน ปฏิบัติธรรมอย่างเข้ม

๓๓. วัดป่าบ้านตาด
ต. บ้านตาด อ. เมือง จ. อุดรธานี
วิปัสสนาจารย์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
ในวัดมีกุฏิที่พักหลายกุฏิ มักจะมีลูกศิษย์มาอยู่ปฏิบัติกันมาก
แต่ผู้มาปฏิบัติที่นี่ต้องกินน้อย นอนน้อย ปฏิบัติมาก
กลางคืนมักจะเดินจงกรม นั่งสมาธิ จนดึก หรือโต้รุ่งก็มี
ไม่ใช้ไฟฟ้าในตอนกลางคืน ผู้ปฏิบัติจึงควรจำไฟฉายหรือเทียนติดตัวไปด้วย
เพื่อใช้ส่องทางเดิน ทางจงกรม ซึ่งมักจะเป็นทางดิน
และอาจมีสัตว์ เช่น งู อยู่บ้าง ต้องเจริญเมตตาไม่เบียดเบียนต่อกัน

๓๔. วัดหินหมากเป้ง
บ้านไทยเจริญ หมู่ ๔ ต. พระพุทธบาท อ. ศรีเชียงใหม่ จ. หนองคาย
วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
ในวัดมีกุฏิเรือนรับรองอยู่มาก บริเวณกว้างขวาง ประกอบด้วยป่าโปร่ง ป่าไผ่
ทะเลสาบใหญ่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง เหมาะแก่การอยู่ปฏิบัติ

๓๕. วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก)
อ. บึงกาฬ จ. หนองคาย
วิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
วัดตั้งอยู่บนภูทอก ทางขึ้นค่อนข้างชัน
สร้างด้วยความอัศจรรย์และด้วยจิตที่เด็ดเดี่ยวของพระเณร
ท่านพระอาจารย์จวนได้ทำทางขึ้นเป็นขั้นบันไดและทางเดินด้วยไม้รอบภูจนถึงยอด
บริเวณหน้าผา ท่านใช้ไม้ ๒ ลำมัดให้แน่นยื่นออกไป ๔ เมตร
เอาเชือกบังสุกุลผูกปลายไม้ที่ยื่นออกไป ตรึงใส่เสาที่ปักไว้ แล้วไปนั่งที่ปลายไม้นั้น
เพื่อตอกหินเจาะหลุมที่หน้าผา ปรากฏว่า ถ้าให้ฆราวาสไปนั่งปลายไม้ครั้งใด
ก็ไม่สามารถควบคุมสติสมาธิได้ เพราะมองไปข้างบ่างก็เกิดความหวั่นไหว
จนไม่สามารถตอกหินได้สำเร็จ ผู้สร้างจึงเป็นพระและเณร สิ่งปลูกสร้างนี้มี ๗ ชั้น
มีกุฏิที่พักเชิงเขาที่ชั้น ๒ หรือจะพักกุฏิว่างรอบเขาก็ได้ (ต้องขออนุญาตก่อน)
เหมาะกับผู้ปฏิบัติที่ฝึกมาดีพอสมควร มีความเข้มแข็งพึ่งตนเองได้
เนื่องจากเปลี่ยวและสูงอยู่บนภูเขา แต่บรรยากาศเย็นสบาย เงียบสงบ

๓๖. วัดดอยธรรมเจดีย์
บ้านทาสีนวล หมู่ ๓ ต. ตองโขบ อ. ศรีสุพรรณ จ. สกลนคร
วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
ปกติจะปฏิบัติที่ศาลา ส่วนที่พักมีกุฏิ และอาคารคึกสะอาดทันสมัย

๓๗. วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม
ถนน รพช หมู่ ๑ ต. ปทุมวาปี อ. ส่องดาว จ. สกลนคร
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภาวนา “พุทโธ”
ที่นี่มีหลายถ้ำ มีถ้ำหนึ่งชื่อถ้ำพวง ซึ่งพระอาจารย์มั่นเคยเล่าให้ฟังว่า
เป็นถ้ำที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เคยมีพระอรหันต์ชื่อ พระนรสีห์ มานิพพานที่นี่

๓๘. วัดป่าสุทธาวาส
๑๓๙๖ บ้านคำสะอาด หมู่ ๑๐ ต. ธาตุเชิงชุม อ. เมือง จ. สกลนคร
แนวปฏิบัติ แนวพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ”
มีอาคารเป็นตึกปูน ๓ ชั้นหลังใหญ่ จุคนได้หลายร้อยคน เย็นสบาย

๓๙. วัดคำประมง
เลขที่ ๒๐ หมู่ ๔ บ้านคำประมง ต. สว่าง
อ. พรรณนานิคม จ. สกลนคร ๔๗๑๓๐
วิปัสสนาจารย์ หลวงปู่สิม พุทธจาโร
เนื่องจากเป็นวัดที่มีพระจำพรรษาอยู่น้อยในฤดูนอกพรรษา จึงเงียบสงบ
มีเจ้าหน้าที่ตัดหญ้า ปลูกดอกไม้สวยงามอย่างดี
มีพระพุทธรูปปางต่าง ๆ และสิ่งก่อสร้างสวยงาม มีสระน้ำทะเลสาบใหญ่
ฝูงปลามากมาย มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมและให้อาหารปลาอยู่เสมอ

๔๐. สำนักปฏิบัติธรรมศิริธรรม (ถ้ำชี)
เขากิ่ว ต. ไร้ส้ม อ. เมือง จ. เพชรบุรี ๗๖๐๐๐
โทร. (๐๓๒) ๔๒๘-๕๒๒
วิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อกนฺตสิริ
แนวปฏิบัติ สติปัฏฐาน ๔ และอานาปานสติ
เขากิ่วเป็นภูเขาเตี้ย ๆ มีต้นไม้หนาแน่นมาก อยู่ใกล้เมือง เดินทางสะดวก
บนเขามีลิงอยู่บ้าง แต่ไม่ทำร้ายคน บนสำนักฯ มีเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ศาลา ถ้ำชี ซึ่งใช้เป็นอุโบสถ กุฏิที่พัก ห้องน้ำ-ส้วม พอสะดวกสบายแก่การปฏิบัติ
ที่นี่เน้นการปฏิบัติเคร่งครัด กินน้อย นอนน้อย ปฏิบัติมาก



โดย: oui IP: 203.152.57.5 วันที่: 24 เมษายน 2550 เวลา:18:10:21 น.  

 
ชอบอ่าน blog ของคุณมาก แต่ฉันมีปัญหาว่าฉันกลัวฝีมาก ๆ มากๆ นอนไม่หลับฉันสวดมนต์ก็แล้วแผ่เมตตาก็แล้วพุธโธก็แล้วแต่ไม่ค่อยได้ผลอ่านธรรมะก่อนนอนก็แล้วทำอย่างไรดีล่ะนี่


โดย: ตะวันยิ้มร่า (ตะวันยิ้มร่า ) วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:12:54:22 น.  

 
ขอบคุณมากๆ ค่ะ ที่บอกอานิสงค์ต่างๆทำการบ้านได้พอดี


โดย: คนตั้งใจเรียน IP: 58.147.102.111 วันที่: 31 กรกฎาคม 2550 เวลา:12:11:10 น.  

 


โดย: koy IP: 202.28.35.1 วันที่: 2 กันยายน 2550 เวลา:20:11:44 น.  

 
บังเอิญหาข้อมูลอยู่เลยเข้ามาเจอค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ได้อะไรดีๆเยอะเลย


โดย: เด็กเมืองโอ่ง :p IP: 125.26.41.106 วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:23:09:12 น.  

 
อ่านแล้วอยากทำบุญ สร้างความดีไว้มาก ๆ เลย เดี๋ยวจะไปไหว้พระที่ลานธรรม เดี๋ยวนี้แหละ


โดย: 072 IP: 202.28.77.32 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:11:43 น.  

 
ดีมากเลยค่ะ

ชอบมากๆๆๆ

ให้ประโยขน์สุดๆเลยยยยย



โดย: -*- IP: 58.8.86.47 วันที่: 17 มีนาคม 2551 เวลา:2:06:08 น.  

 
ไปปฏิบัติธรรม วัดอัมพวันมา ที่สิงห์บุรี รู้สึกดีมากคะ ติดใจอยากไปอีก


โดย: // IP: 203.144.139.226 วันที่: 12 เมษายน 2551 เวลา:11:44:16 น.  

 
ชอบมากเลย สารเยอะมากๆ


โดย: prisma IP: 125.26.107.8 วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:09:04 น.  

 
มีเรื่องเครียดหลายเรื่องเรารู้ว่าทำบาปอะไรมาบ้าง จะไปปฏิบัติธรรมอีกสัปดาห์ข้างหน้านี้ เพราะอยากจะอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรทุกภพทุกชาติค่ะ ชอบบล็อดนี้มากค่ะสาระเยอะดี ขอบคุณสำหรับที่แนะนำสิ่งดีๆให้นะค่ะ


โดย: ส้ม IP: 118.172.63.172 วันที่: 9 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:52:14 น.  

 
ถ้าคุณเป็นคนที่กลัวผีมากๆๆ แล้วเคยเห็นด้วยตัวเองหรือเปล่า ถ้าไม่เคยเห็น ก็อย่าอุปทาน ทำใจเฉยๆ อย่าคิดถง อย่าพูดถึง ก่อนนอนสวดมนต์ไหว้พระ พระคาถาชินบัญชรก็ได้ สวดมนต์แล้วแผ่เมตตาด้วย หลับสนิทมากเลย แต่ก่อนเราอนไม่ค่อยหลับ หรือหลับไม่ลึก หลับไม่สนิท ก็สวดมนต์ แผ่เมตตา ดีมากๆๆๆเลย ไม่ต้องกลัวหรกผีนะ แผ่เมตาให้เขาบ่อยๆซิคะ


โดย: ค้กกี้ IP: 118.172.103.114 วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:20:12 น.  

 
อนุโมทนา แด่ความรู้ด้วย


โดย: ann IP: 119.42.98.210 วันที่: 12 มีนาคม 2552 เวลา:1:55:19 น.  

Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Group Blog
 
 
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
16 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add 's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.