Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
14 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 

งานราชพฤกษ์รวมใจภักดิ์รักพ่อหลวง [Part VI การแสดงโขน ตอน "พระรามครองเมือง"]

ภาพถ่ายการแสดงโขน จากงานราชพฤกษ์รวมใจภักดิ์รักพ่อหลวง ณ สวนเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549

มานำเสนอให้ชมกันเป็นภาพถ่ายชุดที่ 6 ภาพถ่ายชุดนี้เป็นของวันที่ 9 ธค. 51 วันนี้ตามโปรแกรมแล้วจะเป็นการแสดงโขน ตอน "พระรามครองเมือง"

จับความตั้งแต่ในภาคสวรรค์ บรรดาเหล่าเทวดานางฟ้า ต่างพากันมาเข้าเฝ้าพระอิศวร บนวิมานยอดเขาไกรลาส










นนทุก เป็นยักษ์อสูร เดิมมีอัธยาศัยอ่อนน้อม เรียบร้อย มีความเพียรและมีความอดทนอย่างยิ่ง


ที่เชิงเขาไกรลาศ นนทุกมีหน้าที่ล้างเท้าให้กับเหล่าทวยเทพและบรรดาผู้มาเข้าเฝ้าพระอิศวร



ทุกครั้งที่นนทุกทำหน้าที่ล้างเท้าให้กับเทวดา
ก็มักจะมีเทวดาเกเรคอยกลั่นแกล้งนนทุกอยู่เป็นประจำ


บ้างก็ไม่ให้ล้างเท้าง่ายๆ บ้างก็เอามือจับหัวนนทุกไว้
พอล้างเท้าเสร็จก็ถอนผมนนทุกเสียทีละเส้นสองเส้น จนหัวล้านโล้น
ครั้นเมื่อไม่มีผมจะให้ถอนก็ใช้วิธีเขกหัวแทน


จนกระทั่งวันหนึ่ง
นนทุกส่องดูเงาของตัวเองในอ่างน้ำเห็นศีรษะตนเองล้านโล้น
จึงเกิดความโทมนัสระคนโกรธเคือง ที่ตนอุตส่าห์ทำงานรับใช้เทวดาด้วยดีตลอดมา
แต่ก็ยังถูกรังแกจนดูอัปลักษณ์ ทำให้นนทุกผูกใจเจ็บ
นนทุกคิดจะล้างแค้นพวกเทวดาและบรรดาผู้มาเข้าเฝ้าพระอิศวรให้หนำใจ
เลยคิดเข้าเฝ้าพระอิศวร


นนทุกได้เข้าเฝ้าและเล่าเรื่องทุกข์ใจของตนเองให้พระอิศวรทราบ
ว่าตนเองทำหน้าที่ล้างเท้าอย่างมีความมานะอดทนมาโดยตลอด
แต่แล้วพวกเทวดาเกเรมาคอยกลั่นแกล้งอยู่เป็นประจำ
จนศีรษะล้านโล้นทำให้รู้สึกทุกข์ใจเป็นยิ่งนัก


เมื่อพระอิศวรเป็นเจ้าได้ฟังคำกราบทูลของนนทุกว่า
ได้บำเพ็ญเพียรสร้างความดี ความชอบมาเป็นเวลาช้านาน
พระอิศวรทรงคิดเมตตานนทุก
ตรัสถามนนทุกว่าอยากจะขอพรสิ่งใดก็จะประทานให้

นนทุกอ้างว่าเพื่อป้องกันตนเองถูกรังแก จึงขอพรว่า
"ให้นิ้วข้าเป็นเพชรฤทธี จะชี้ใครจงม้วยสังขาร์
จะได้รองเบื้องบาทา ไปกว่าจะสิ้นชีวี ฯ"


ครั้นพระอิศวรได้รับฟังความทุกข์ใจของนนทุก
และการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ว่า
จะทำหน้าที่ด้วยความสัตย์สุจริตและด้วยความจงรักภักดี
ด้วยความเมตตาพระอิศวรจึงประสิทธิประสาทให้พร
ตามที่นนทุกทูลขอ

เมื่อนนทุกได้พรตามที่ขอ
ทำให้นนทุกซึ่งเป็นยักษ์อสูรที่มีหน้าที่ล้างเท้า
จากเดิมที่มิได้มีฤทธิ์เดชแต่ประการใด
ได้กลายเป็นเทพอสูรที่มีฤทธิ์เดชมาก
คือมีนิ้วชี้เป็นเพชร ชี้ใครให้ตายก็ได้

หากนนทุกยึดมั่นในคำถวายสัตย์ปฏิญาณ
และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระอิศวร
พระผู้มีพระบรมเจตนาที่จะให้สามโลกร่มเย็นเป็นสุข
ก็ย่อมใช้อำนาจและฤทธิ์เดชนั้น
เพื่อประโยชน์สุขของสรวงสวรรค์และสามโลก
นนทุกก็จะมีแต่ความสุข ความเจริญ
เป็นที่รักใคร่ของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

แต่นนทุกได้ฤทธิ์และอำนาจแล้วเกิดความยินดีระเริงใจ
เกิดความหลงติดยึดว่า ฤทธิ์และอำนาจนั้นเป็นของตน
ไม่มีผู้ใดในสามโลกต่อสู้ต้านทานได้
จึงลืมคำที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระอิศวรเป็นเจ้า
แล้วใช้อำนาจนั้นในทางไม่ชอบ
เข่นฆ่าสังหารเทวดา ครุฑ นาค และคนธรรพ์ล้มตายลงเป็นเบือ
เพราะนนทุกชี้นิ้วไปถึงไหน
". . .ต้องสุบรรณเทวานาคี ดั่งพิษอสุนีทนไม่ได้
ล้มฟาดกลาดเกลื่อนลงทันใด บรรลัยไม่ทันพริบตา ฯ"

ครั้นถึงคราวที่เหล่าเทวดานางฟ้ามาให้นนทุกล้างเท้าก่อนขึ้นเฝ้าพระอิศวร เหล่าเทวดาต่างก็ยังรังแกนนทุกอีกเช่นเคย




นนทุกจึงเกิดความโกรธเกินจะยับยั้ง
แผลงฤทธิ์ชี้นิ้วเพชรไปยังเทวดานางฟ้าจนล้มหายกระจัดกระจายไป


เมื่อเป็นดังนี้ทั่วทั้งสามโลกก็เดือดร้อนวุ่นวายไปหมด
บรรดาครุฑ นาค คนธรรพ์และเหล่าเทวดาก็พากันไปหาพระอินทร์เทวราช
ผู้มีหน้าที่ดูแลความเป็นไปของโลก
แล้ววิพากษ์วิจารณ์กันอึงมี่ไปว่า
ยักษ์อสรูนนทุกที่เคยรับใช้ถวายงานพระอิศวรอยู่ที่เชิงเขาไกรลาศนั้น
บัดนี้กลับกลายเป็นอันธพาล
อาศัยนิ้วเพชรที่พระอิศวรเป็นเจ้าประทานพรให้มา
บังอาจเข่นฆ่าราวีเทวดา ครุฑ นาค และคนธรรพ์ทั้งปวง
จนเดือดร้อนทั่วไตรภพ

เมื่อปรึกษาหารือพร้อมกันแล้ว
พระอินทร์จึงนำเหล่าเทวดา คนธรรพ์ ครุฑ นาคทั้งหลาย
ไปเข้าเฝ้าฯ พระอิศวรเป็นเจ้า
กราบทูลกลียุคอันเป็นไปให้ทรงทราบทุกประการ

การกระทำรุนแรงของนนทุกในครั้งนี้
ความทราบถึงองค์พระอิศวร
ซึ่งพินิจเล็งเห็นว่า
คงไม่มีผู้ใดเหมาะที่จะปราบปรามเหตุอันร้ายแรงนี้ได้
นอกจากพระนารายณ์เป็นเจ้า
จึงตรัสให้เชิญพระนารายณ์มาระงับเหตุ

เมื่อนั้น พระอิศวรบรมนาถา
ได้ฟังองค์อมรินทรา จึ่งมีบัญชาตอบไป
ไอ้นี่ทำชอบมาช้านาน เราจึ่งประทานพรให้
มันกลับทรยศกบฏใจ ทำการหยาบใหญ่ถึงเพียงนี้ ฯ

ตรัสแล้วจึ่งมีบัญชา ดูราพระนารายณ์เรืองศรี
ตัวเจ้าผู้มีฤทธี เป็นที่พึ่งแก่หมู่เทวัญ
จงช่วยระงับดับเข็ญ ให้เย็นทั่วพิภพสรวงสวรรค์
เชิญไปสังหารอ้ายอาธรรม์ ให้มันสิ้นชีพชีวา ฯ

ครั้นพระอิศวรเป็นเจ้ามีบัญชาเช่นนั้นแล้ว
พระนารายณ์จึงรับโองการแห่งจอมเทพ
แล้วตรองดูด้วยญาณก็ทราบว่า
ชะตากรรมของนนทุกมาถึงวาระสุดท้ายแล้ว
แต่ชะตากรรมของนนทุกจะดับสิ้นเพราะสตรี

ดังนั้นพระนารายณ์
จึงแปลงโฉมเป็นนางเทพอัปสรที่สวยสดงดงามกว่าใครในสามโลก


เมื่อพระนารายณ์ได้รับทราบโองการจึงเสด็จมายังเชิงเขาไกรลาส
และคิดหาวิธีปราบนนทุก
โดยจำแลงเป็นนางเทพอัปสร รูปร่างหน้าตาหมดจดงดงาม
เข้าไปพูดจาล่อลวงยั่วยวนนนทุก


ครั้นนนทุกพลันได้เห็นนางอัปสรที่มีรูปโฉมงามเกินกว่าใคร
หน้าผ่องใส ปากสวย ผมสวย ตาสวย มือสวย
สวยเหมือนนางฟ้า ก็หลงรักหลงชอบนางอัปสรทันที
นนทุกจึงคิดเข้าเกี้ยวนางอัปสรผู้เลอโฉม


นางอัปสรผู้เลอโฉม ได้วางกลท่ารำไว้
โดยสอนให้นนทุกรำในท่าทางต่างๆ
ซึ่งท่ารำที่นางอัปสรใช้รำต่อมาถือว่าเป็นท่ารำแม่บท

นนทกจึงเดินเข้าไปถามนางอัปสรว่า “เจ้าต้องการสิ่งใด”
นางอัปสรจึงตอบไปว่า
“เราเป็นนางรำระบำใน จะมีรักได้เจ้าก็ต้องรำตามเรา”

นนทกจึงตอบไปว่า
“เชิญเจ้ารำเถอะให้สิ้นท่าที่เจ้าจำได้แล้วข้าจะรำตามไปไม่ให้ผิดเพลง"

ท่ารำแม่บท ที่ต้นด้วยคำว่า "เทพนนม ปฐม พรหมสี่หน้า"

".........เทพนมปฐมพรหมสี่หน้า
สอดสร้อยมาลาเฉิดฉิน
ทั้งกวางเดินดงหงส์บิน
กินรินเลียบถ้ำอำไพ"


นางอัปสรซ่อนกลท่ารำ ไว้ที่ท่ารำนาคาม้วนหาง
ซึ่งท่ารำนี้ จะต้องให้นิ้วชี้ ชี้ลงตรงบริเวณหน้าขาของผู้รำ

นนทุกหลงกลในท่ารำของนางอัปสร
นนทุกร่ายรำตามในท่ารำนาคาม้วนหาง และชี้นิ้วไปที่ขาของตัวเอง


ด้วยฤทธิ์ของนิ้วเพชร ที่นนทุกชี้ไปโดนขาของตัวเอง
จึงล้มลงด้วยฤทธิ์นิ้วเพชรของตนเอง


จากนั้นนางอัปสรที่อยู่ในร่างพระนารายณ์
ก็แปลงร่างคืนเป็นพระนารายณ์ และยืนเหยียบนนทุกไว้

ครั้นนนทุกเห็นนางอัปสรเป็นพระนารายณ์
นนทุกจึงถามไปว่า “ข้ามีโทษอะไรให้ว่ามา”
เมื่อนั้นพระนารายณ์ได้ฟังจึงมีบัญชาว่า
“โทษเจ้านั้นใหญ่หลวงนักด้วยการโอหังไม่เกรงพระอิศวร
เจ้าฆ่าเทวดาโทษหนักถึงตาย
ข้าคิดเมตตา
แต่จะไว้ชีวิตเจ้าไม่ได้ โทษของเจ้าคือตาย”

นนทุกตัดพ้อว่า
“ซึ่งพระองค์ จะผลาญชีวี
เหตุใดมิทำซึ่งหน้า มารยาเป็น หญิงไม่บัดสี
ฤาว่ากลัวนิ้วเพชรนี้ จะชี้พระองค์ให้บรรลัย
ตัวข้ามีแต่สองมือ ฤาจะสู้ทั้งสี่กรได้
แม้นมีสี่มือเหมือนพระองค์ทรงชัย ที่ไหนจะทำได้ดั่งนี้”

พระนารายณ์ฟังแล้วก็ตอบว่า
“กูนี้แปลงเป็นสตรีมา
เพราะมึงจะถึงแก่ความตาย ฉิบหายด้วยหลงเสน่หา
ใช่ว่าจะกลัวฤทธา ศักดานิ้วเพชรนั้นเมื่อไร
ชาตินี้มึงมีแค่สองหัตถ์ จงไปอุบัติเอาชาติใหม่
ให้สิบเศียรสิบพักตร์เกรียงไกร เหาะเหินเดินได้ในอัมพร
มีมือยี่สิบซ้ายขวา ถือคฑาอาวุธธนูศร
กูจะเป็นมนุษย์แต่สองกร ตามไปราญรอนชีวี”

แล้วพระนารายณ์ก็ปลิดชีพนนทุก


ศึกรามเกียรติ์จึงเกิดขึ้นด้วยการที่นนทุกถูกฆ่า
และจากคำท้าทายอาฆาตซึ่งกันและกัน
ระหว่างนนทุกกับพระนารายณ์

นนทุกได้ไปเกิดเป็นทศกัณฐ์


พระนารายณ์อวตารเป็นพระราม


โดยที่พระนารายณ์ทรงทูล
ขอจักร-ขอสังข์-ขอคธา-ขอพระลักษมี
จากพระอิศวรให้ร่วมไปเกิดเป็น
พระพรต-พระลักษม์ พระสัตรุดและนางสีดา (ตามลำดับ)
รวมทั้งเทวดาอีก 18 องค์ ก็พร้อมใจกันไปเกิดเป็นพญาวานร 18 มงกุฎ
จากนั้น ศึกระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์ก็เกิดขึ้นด้วยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงอีกครั้งหนึ่งในหลายปีต่อมา

.......................................พักยกกันก่อน......................................

การสงครามระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์ เกิดขึ้นด้วยเหตุเมื่อ
พระราม พร้อมด้วยนางสีดา และ พระลักษม์ ละทิ้งเมืองออกมาอยู่ป่าตามกำหนด 14 ปี


ระหว่างนั้น ทศกัณฐ์ได้ทราบข่าวความงดงามของนางสีดา ผู้เลอโฉม


ทศกัณฐ์จึงคิดวางแผนชวนมารีศ ให้แปลงร่างเป็นกวางทองไปล่อตานางสีดา


มารีศมีศักดิ์เป็นน้าของทศกัณฐ์


มารีศแปลงร่างเป็นกวางทอง


ขณะที่พระราม นางสีดาและพระลักษม์ กำลังพักผ่อนกันอยู่ในป่า

นางสีดาเห็นกวางทองที่แปลงร่าง นางสีดาก็อยากได้กวางทองมาเลี้ยง

แต่พระลักษม์กลับทักขึ้นมาว่า มันแปลกๆ ที่กวางทองมาวิ่งเล่นแถวนี้


แต่นางสีดาอยากได้กวางทองตัวนั้น
ถ้าไม่ได้กวางทองขอตายดีกว่า
พร้อมกับเอ่ยปากขอให้พระรามออกไล่จับกวางทองให้ได้


พระรามจึงออกไปจับกวางทอง และช่วงที่ตามจับกวางทองอยู่นั้น


พระรามได้แผลงศรยิงกวางทอง


จากนั้นกวางทองได้แปลงร่างกลับเป็นยักษ์อสูรมารีส
และก่อนตายได้ส่งเสียงร้องเป็นเสียงของพระราม
...... เจ้าลักษณ์ช่วยพี่ด้วย ๆ

นางสีดาและพระลักษณ์เมื่อได้ยินเสียงร้องของพระราม
นางสีดาจึงขอให้พระลักษณ์รีบตามเข้าป่าเพื่อไปช่วยพระราม
จนพระลักษม์ต้องออกตามเข้าป่าไปอีกองค์หนึ่ง

ครั้นเมื่อเหลือนางสีดาอยู่คนเดียว


ทศกัณฐ์เห็นนางสีดาอยู่เพียงคนเดียว จึงคิดวางแผนเพื่อลวงนางสีดา


โดยทศกัณฐ์ได้แปลงเป็นฤาษีดาบส


ครั้นนางสีดาได้เห็นฤาษีดาบส
จึงลงมานั่งและถามฤาษีดาบสไปว่า เดินเข้าป่ามานี่แล้วจะไปที่ใด
ฤาษีดาบสที่เป็นทศกัณฐ์นั้น กลับชวนพูดคุยทำนองเกี้ยวพาราสี


นางสีดาจึงพูดว่า เหตุไฉนฤาษีผู้ทรงศีล กลับประพฤติตัวเยี่ยงนี้
ทศกัณฐ์ เห็นว่านางสีดาไม่หลงกล

และเมื่อกลลวงนั้นไม่สำเร็จ ทศกัณฐ์ในร่างฤาษีดาบสก็แปลงร่างกลับมาเป็นทศกัณฐ์แล้วลักพานางสีดาขึ้นราชรถหนีไป


ระหว่างทางที่ทศกัณฐ์พานางสีดาหนีไปนั้น ได้พบกับพญานกสะดายุ


นกสดายุนั้นเพื่อนรักของท้าวทศรถ นกสะดายุจึงเข้าช่วยนางสีดา


ทศกัณฐ์แผลงศรใส่นกสดายุดอกแล้วดอกเล่า


แต่ทศกัณฐ์ก็ไม่สามารถฆ่านกสดายุให้ตายได้

นกสดายุกลับโอ้อวดไปว่า
"ไม่มีใครฆ่าเราได้ นอกจากแหวนพระยาอิศวรที่นางสีดาสวมอยู่นั่น "
ทศกัณฐ์จึงแย่งถอดแหวนจากนางสีดา
แล้วขว้างโดนนกสดายุปีกหางหักยับและล้มลงแน่นิ่ง

จากนั้นทศกัณฐ์ลักพานางสีดาไป
ระหว่างทางนางสีดาได้ทิ้งสะไบไว้ในป่า
เพื่อหวังว่าพระรามจะตามมาช่วยและเจอสะไบของนาง


ส่วนนกสดายุที่บาดเจ็บเจียนตายนั้น
ได้ใช้ปากคาบแหวนพระอิศวรไว้ และนอนรอความตาย


พระรามและพระลักษณ์ได้ออกตามนางสีดา
จนมาเจอนกสดายุที่นอนบาดเจ็บอยู่


นกสดายุได้เล่าเรื่องการต่อสู้กับทศกัณฐ์ให้พระรามฟัง
พร้อมกับมอบแหวนของนางสีดาให้กับพระราม
ก่อนที่นกสดายุจะสิ้นใจ
ได้บอกกับพระรามให้ปลิดชีพตัวเองด้วยศรของพระราม

พระรามรู้สึกเศร้าใจเป็นยิ่งนักที่ต้องฆ่านกสดายุ
จากนั้นพระรามได้แผลงศรอัคนิบาต เกิดเป็นไฟ เผาศพให้นกสะดายุ

พระรามและพระลักษณ์ก็เดินป่าเพื่อตามหานางสีดาต่อไป
ในช่วงที่นางสีดาได้ทิ้งสะไบไว้ในป่านั้น
ขณะนั้นมีลิงน้อยในป่าได้เห็นเหตุการณ์ และได้เก็บผ้าสะไบไว้

ระหว่างทางที่พระรามกับพระลักษณ์เดินอยู่ในป่า
เทวดาได้นิมิตให้เดินทางไปยังทิศหรดี
เพื่อจะได้เจอกับลิงน้อยที่เก็บผ้าสะไบของนางสีดาไว้

แล้วเมื่อพระรามตามหานางสีดาในป่า
ได้พบกับลิงน้อยในป่า
ลิงน้อยจึงมอบสะไบของนางสีดาให้กับพระราม
พระรามรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ไม่สามารถตามนางสีดาได้ทัน

จากนั้นพระรามและพระลักษณ์ก็ออกเดินป่าเพื่อตามนางสีดากลับคืนมา และเป็นจุดเริ่มต้นในการยกทัพไปตีเมืองลงกา

.......................................พักยกกันก่อน......................................

ส่วนทศกัณฐ์ได้พานางสีดาไปไว้ในสวน
ให้สหัสกุมารและยักษ์เฝ้าไว้
แต่ทศกัณฐ์ไม่สามารถเข้าใกล้นางสีดาได้เลย
เพราะบุญบารมีของนางสีดาบันดาลให้ทศกัณฐ์เมื่อเข้าใกล้จะร้อนเหมือนโดนไฟ

ในขณะที่พระรามกำลังเดินอยู่ในป่ากัลลีวัน
. . เทพารักษ์ได้ช่วยบันดาลให้พระรามเหนื่อย และพักในป่านี้
เพื่อที่จะได้หนุมานถวายตัวกับพระราม
และไปเป็นทหารเอกของพระราม ไว้ปราบยักษ์อสูร

ขณะที่พระรามเศร้าใจและความเสียใจที่พลัดพรากนางสีดา
และทรงรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจึงได้นอนหลับพักผ่อนในป่าป่ากัลลีวัน

. . หนุมานชาญสมรซึ่งถูกพระอุมาสาปให้หมดฤทธิ์
เพราะความซุกซนไปหักกิ่งไม้ทำลายสวนของพระอุมา
ได้ตระเวณเที่ยวเล่นในป่าบริเวณนั้น

. หนุมานพอดีปีนเล่นอยู่บนต้นไม้และเก็บผลไม้อยู่นั้น
หนุมานได้มองเห็นพระราม พระลักษณ์ นอนหลับอยู่
จึงแปลงเป็นลิงเผือกตัวน้อย
แล้วลู่ใบไม้โปรยใบไม้ใส่ทั้งสองพระองค์ เพื้อให้ตื่น
เพราะหนุมานอยากรู้ว่าเป็นใครถึงได้มานอนหลับในป่าเช่นนี้

พระลักษณ์เมื่อได้เห็นลิงเผือกมาเล่นไม่รู้ที่ต่ำที่สูง
เลยออกไปไล่ลิงเผือก
แต่ฝ่ายลิงเผือกยังคิดเล่นสนุกสนานอยู่
จากนั้นพระลักษณ์กับหนุมานเลยต่อสู้ไล่กันไปมา
จนพระรามตื่นขึ้นมา

. . .เมื่อพระรามรู้สึกตัวตื่น ก็พิศดูลิงเผือกแล้วบอกพระลักษณ์ว่า

"นี่ไม่ใช่ลิงธรรมดา เพราะมีกุณฑลขนเพชรและเขี้ยวแก้ว"

พระลักษณ์ทูลว่า "หม่อมฉันไม่เห็นสิ่งที่พระองค์ตรัสถึงนั้นเลย"

. . . หนุมานได้ยินก็นึกถึงคำมารดาได้ว่า
"แม้ใครเห็นกุณฑลขนเพชร และเขี้ยวแก้วของตน
ผู้นั้นคือพระนารายณ์อวตาร
ให้หนุมานถวายตัวรับใช้อย่างจงรักภักดีไปตลอด"

ลิงเผือกจึงกลายร่างกลับมาเป็นหนุมาน
และลงมาเข้าเฝ้าถวายตัวต่อพระราม

พระรามได้เห็นหนุมานแล้วก็รู้สึกเอ็นดูรักใคร่
จึงแก้คำสาปของพระอุมาให้ด้วยการลูบหลังหนุมาน 3 ครั้ง
ฤทธิ์ของหนุมานจึงกลับมาคืนคงเดิม


ว่าแล้วหนุมานชาญสมรก็ตีลังกาโชว์ให้ชม 1 รอบ


ต่อมาหนุมานได้พาสุครีพมาเข้าเฝ้าเพื่อถวายตัวต่อพระราม


สุครีพเป็นลิงมีกายสีแดง เป็นลูกของพระอาทิตย์กับนางกาลอัจนา
สุครีพมีศักดิ์เป็นน้าของหนุมาน
เมื่อพระฤาษีโคดมรู้ความจริงจากนางสวาหะว่า
สุครีพไม่ใช่ลูกของตน แต่เป็นลูกชู้
จึงสาปให้กลายเป็นลิงพร้อมกับพาลีผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งเป็นลูกของพระอินทร์


เมื่อหนุมาน-สุครีพ ได้เล่าเรื่องในกรุงขีดขิน
ที่มีพาลี(พี่ชายของสุครีพ) ครองเมืองอยู่
แต่พาลีมีนิสัยไม่ดีทำผิดศีลธรรมในหลายเรื่อง เช่น
ตอนที่พระอิศวรฝากนางดารามากับพาลีเพื่อให้กับสุครีพผู้เป็นน้อง
พาลีกลับยึดนางดาราไว้เป็นภรรยาเสียเอง
แล้วไล่สุดรีพให้มาอยู่ในป่า

เมื่อพระรามทรงทราบเรื่องแล้ว ทรงคิดช่วยสุครีพ
โดยให้สุครีพไปท้ารบกับพาลีก่อน


แล้วพระรามก็ยกทัพไปช่วย


พระรามแผลงศรฆ่าพาลีตาย

. . . ก่อนพาลีจะตายได้รู้สึกผิด
จึงสั่งสอนหนุมานและสุครีพให้จงรักภักดีต่อพระราม
ตรงเรื่องนี้ต่อมาได้กลายเป็นตำนานในเรื่อง "พาลีสอนน้อง"

ด้วยความสำนึกในบุญคุณอันใหญ่หลวงของพระราม
หนุมานจึงมอบตัวเป็นข้ารับใช้
และนำพวกพ้องวานรทั้งกรุงขีดขินและกรุงชมพู
มาเป็นไพร่พลกระทำศึกกับทศกัณฐ์

แล้วพระรามก็ได้พลวานรในเมืองขีดขิน
ทั้งนิลพัทกับองคต และชมพูพาน
มาเป็นกำลังของกองทัพและนัดชุมนุมไพร่พลกันที่ภูเขาคันธมาทน์

ซึ่งพระอิศวรได้มาเนรมิตพลับพลาถวายไว้แล้ว พร้อมเครื่องทรง
เพราะทั้งสององค์ต้องลาเพศฤาษีมาเป็นจอมทัพ
จากนั้นพระรามก็สั่งการให้มีการจองถนน-สร้างถนนไปยังกรุงลงกา

.......................................พักยกกันก่อน......................................

. . .ณ กรุงลงกา คืนหนึ่งทศกัณฐ์ได้นอนหลับและฝันร้ายว่า

"พระยาแร้งขาวบินจากทิศตะวันออก
ข้ามสมุทรที่พระลาน
แล้วมีแร้งดำบินจากทิศตะวันตกมาตีกัน
แร้งดำถูกตีตายกลายเป็นยักษ์"

แล้วยังฝันต่ออีกว่า
"ทศกัณฐ์ ได้เอากะลาน้ำมันมีไส้เชื้อไฟ วางในมือ
มีหญิงมาจุดไฟให้ลุกโพลงจนไหม้มือ และพิษไฟร้อนทั้งตัว"

เมื่อทศกัณฐ์ตื่นขึ้นมา รู้สึกร้อนใจเป็นยิ่งนัก


จึงสั่งให้เรียกพิเภกมาทำนายฝัน

พิเภกทำนายว่า ดังนี้ .. กะลา คือ เมืองลงกา
ไส้เชื้อไฟ คือ ทศกัณฐ์ .. น้ำมัน คือ วงศ์ยักษ์
ไฟลุกไหม้ คือ นางสีดา .. หญิงที่มาจุดไฟ คือ นางสำมะนักขา
แร้งขาว คือ พระราม .. แร้งดำ คือ ทศกัณฐ์

. . . แล้วสรุปว่า เป็นฝันร้าย
ทายว่าบ้านเมืองและวงศ์ยักษ์จะพินาศหมด เพราะศึกครั้งนี้


ทศกัณฐ์ จึงขอให้พิเภกช่วยสะเดาะห์เคราะห์ให้พิเภกตอบว่า

"มีวิธีแก้อย่างเดียว คือ
ขอให้พี่ตั้งมั่นในสัตย์ธรรมรักษาศีล
และคืนนางสีดาไป ก็จะพ้นความวิบัติได้"

. . . ทศกัณฐ์ ฟังแล้วโมโหโกรธาเป็นยิ่งนัก

ทศกัณฐ์หาว่า
พิเภกเข้าข้างศัตรู จึงทำร้ายลงโทษพิเภก
แต่บรรดายักษาต่างก็ทูลขอต่อทศกัณฐ์ไม่ให้ฆ่าพิเภก

ทศกัณฐ์จึงเนรเทศพิเภกออกจากกรุงลงกา
พรัอมกับลงโทษ นางตรีชาดา ชายาพิเภก
ให้ไปเป็นนางทาสีรับใช้นางสีดา อยู่ในสวน


. . .แต่พิเภกรู้ดวงชะตาของตนแล้วว่า
จะได้พระนารายณ์อวตารเป็นองค์อุปถัมภ์
จึงเหาะไปเฝ้าพระองค์ที่ภูเขาคันธกาลา
จนได้เจอกับพระราม
พระรามให้พิเภกถือน้ำพิพัฒน์สัตยาแล้วรับไว้เป็นโหรประจำทัพ


การสงครามระหว่างพระราม-พระลักษณ์ กับ ทศกัณฐ์
ก็ได้เกิดการต่อสู้อยู่เป็นเวลานาน

เหตุการณ์เกิดสู้รับกันในหลายๆ ศึกสงคราม

ศึกสงครามแล้ว สงครามเล่า

การต่อสู้ก็ยังไม่แพ้ชนะกัน

หลายครั้งต่อหลายครั้งที่พระราม-พระลักษณ์ แผลงศร ใส่ทศกัณฐ์

แต่ทศกัณฐ์ก็ไม่ตาย


. . .พระรามจึงได้สอบถามพิเภกว่า
เหตุใดจึงฆ่าทศกัณฐ์ไม่ตาย
พิเภกจึงแจ้งว่า
"ทศกัณฐ์ได้ถอดดวงใจฝากพระฤาษีโคบุตรไว้
จึงทำให้ทศกัณฐ์ถูกฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย"


หนุมานจึงออกบายร่วมกับองคต มาลวงพระฤาษีว่า
ขอเป็นข้ารับใช้ทศกัณฐ์แทนพระราม
พระรามนั้นใจร้ายใจดำต่อตนเป็นอย่างมาก
พระฤาษีถูกอ้อนวอนมาก ๆ ก็ใจอ่อน
จึงพาไปจะฝากตัวเป็นข้าทศกัณฐ์

แต่ก่อนไปหนุมานก็หลอกถามจนรู้ว่า
กล่องดวงใจทศกัณฐ์อยู่ที่พระฤาษีนี่เอง
จึงบอกให้พระฤาษีถือไปด้วย
เพราะกลัวพระรามจะใช้ใครมาขโมย ระหว่างที่ท่านไม่อยู่
พระฤาษีหลงเชื่อก็ถือกล่องดวงใจทศกัณฐ์ไปด้วย


หนุมานพลันเอ่ยถามพระฤาษี
"ทำไมทศกัณฐ์ไม่เก็บดวงใจเองขอรับพระเจ้าตา"
หนุมานแกล้งถามซื่อ ๆ

"ถ้าดวงใจใกล้ตัวก็จะวิ่งเข้าในอกตามเดิม ต้องไว้ห่าง ๆ"
พระฤาษีตอบตามตรง
"ถ้าอย่างนั้น ท่านฝากกล่องดวงใจไว้กับองคตดีกว่าและอยู่นอกวัง
แล้วพาอีฉันไปถวายตัวก่อน เพราะถ้าท่านตาถือกล่องเข้าวังไป
เดี๋ยวหัวใจจะวิ่งเข้าร่างท้าวทศกัณฐ์ก็จะต้องเดือดร้อนทำพิธีใหม่
แล้วค่อยพาองคตไปถวายตัวภายหลัง"
พระฤาษีโคบุตรเห็นชอบ
ก็เลยฝากกล่องดวงใจไว้กับองคตโดยดี
พอเดินไปได้ไม่เท่าไร

หนุมานก็หลอกลวงอีกว่า
"ขอให้อีฉันกลับออกไปเตือนองคต ให้ระวังพวกยักษ์ดี ๆ
เพราะลิงกับยักษ์ไม่ถูกกันมาก่อน
อีฉันจะไปบอกองคตให้ชี้แจงแก่พวกยักษ์ว่า
องคตเป็นลูกศิษย์พระเจ้าตา
มาอยู่ที่นี่เพื่อถวายตัวเป็นข้าทศกัณฐ์ จะได้ไม่เกิดเหตุร้าย
อีฉันวิ่งเร็ว เดี๋ยวเดียวก็มา ท่านแก่แล้วรออยู่ที่นี่ดีกว่าขอรับ"

"เออ ดีก็ดี ไปเร็ว ๆ มาเร็ว ๆ นะ"
พระฤาษีตกลงง่าย ๆ

. . . หนุมานรีบไปนิมิตกล่องดวงใจใหม่อีกกล่องให้เหมือนกัน
ส่งให้องคต และสั่งให้ฝังกล่องจริงซ่อนไว้ที่ฝั่งทะเลก่อน
พอฤาษีท่านกลับออกมาก็มอบกล่องดวงใจเก๊ให้
แล้วองคตรีบกลับไปรักษากล่องจริงไว้
และถ้าเมื่อไรเห็นหนุมานหาวเป็นดาวเป็นเดือนในท้องฟ้า
ก็ให้รีบนำกล่องจริงมาให้หนุมานทันที

. . . ครั้นฤาษีพาหนุมานมาเป็นข้ารับใช้ของทศกัณฐ์
ทีแรกทศกัณฐ์จะไม่ยอมรับหนุมาน
เพราะเรื่องเคืองแค้นเรื่องเก่าๆ มากมาย
แต่พระฤาษีรับรองไว้ดี ทศกัณฐ์จึงรับไว้
และรู้ว่าหนุมานเก่งเป็นทหารเอก
ทศกัณฐ์ซึ่งชอบผู้มีฝีมือทางรบก็โปรด
ถึงกับตั้งเป็นโอรสบุญธรรมทรงมงกุฏ

. . . ฝ่ายองคตก็ทำการเรียบร้อย ตามหนุมานสั่งทุกอย่าง
และมาอยู่รักษากล่องดวงใจจริง
รอหนุมานหาวเป็นดาวเป็นเดือนอยู่ริมทะเล
เพื่อให้ทศกัณฐ์เชื่อในหนุมาน
หนุมานจึงอาสาออกรบ
โดยแต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศออกไปด้วย
และได้พบกับพระลักษณ์
ซึ่งพระลักษณ์เข้าใจผิดว่าหนุมานทรยศ
เพราะเห็นแก่เงินและยศศักดิ์ และเกิดโต้เถียงกันจนเย็น

หนุมานจึงว่า
"เย็นแล้ว ต้องกลับกรุงลงกาก่อน
พรุ่งนี้เราจะออกมารบใหม่
จะจับตัวพวกเจ้าไปให้ทศกัณฐ์ให้หมดเลย"

ทศกัณฐ์รู้เข้าก็ชื่นใจ
และชมเชยว่าหนุมานเก่งมากและยกสมบัติอินทรชิตให้เป็นรางวัล
รวมทั้งนางสุวรรณกันยุมาด้วย

. . ส่วนพระลักษณ์นึก ๆ แล้วสงสัยหนุมาน
แต่ไม่ยกทัพกลับ เพราะเกรงหนุมานจะทรยศ
จะใช้ ความว่องไวกลับมาโจมตีกระทันหัน
จึงให้สุครีพกับนิลนนท์
ไปเล่าเรื่องนี้ให้พระรามฟัง
พระรามนึกรู้ว่าเป็นอุบายของหนุมาน
จึงสั่งให้สุครีพและนิลนนท์ กลับไปอยู่ช่วยพระลักษณ์
พอรุ่งเช้า พระรามก็ยกทัพมาสมทบ

. . ฝ่ายหนุมานก็ชวนทศกัณฐ์มารบด้วย
ทศกัณฐ์จึงจัดทัพใหญ่ออกมารบกับพระราม


พอมาถึงสนามรบหนุมานก็ออกอุบายว่า
ตนจะหายตัว ไปจับพระรามและพระลักษณ์มัด
ถ้าทศกัณฐ์เห็นตน เหาะไปในท้องฟ้าเมื่อไร
ก็ให้ยกทัพเข้าไปรบทันที

แล้วหนุมานก็หายตัวเหาะขึ้นท้องฟ้า ไม่ให้ใครเห็นเลย
และหาวเป็นดาวเป็นเดือน
ให้สัญญาณเฉพาะองคต
องคตจึงรีบนำกล่องดวงใจกล่องจริง
มาให้หนุมานตามนัดหมายกัน
และหนุมานได้ชูกล่องดวงใจ อันเป็นตอน "หนุมานชูกล่องดวงใจ"


จากนั้นหนุมานได้นำกล่องดวงใจของทศกัณฐ์ไปถวายให้กับพระราม

หนุมานได้เล่าอุบายในการได้มากล่องดวงใจของทศกัณฐ์ถวายด้วย

พระลักษณ์ชมเชยว่า
"ลิงเจ้าเล่ห์อย่างนี้หาไม่ได้อีกแล้วในสามโลก"

. . .ดังนั้น ในการรบวันรุ่งขึ้นอีกวัน
พระรามจึงแผลงศร ฆ่าทศกัณฐ์ตายได้


โดยหนุมาน เป็นผู้ขยี้ดวงใจพระยายักษ์ทศกัณฐ์


ก่อนจะเริ่มการฆ่าฟันนี้ ทศกัณฐ์ได้ตัดพ้อต่อว่าหนุมานเป็นอันมาก


หนุมานจึงบอกว่า

"ท่านคืนพระแม่สีดามาเถิด
แล้วเราจะคืนกล่องดวงใจให้
เรื่องทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะท่านหลงผิดไป"

ทศกัณฐ์ฟังแล้วก็รู้สึกว่าตนผิดจริง ๆ
แต่ก็ไว้ยศไม่ยอมแก่ศัตรู และอ้างว่า
"เรื่องทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะพรหมลิขิต บันดาลให้เป็นไปแท้ๆ"

เป็นอันจบตอน "พระรามครองเมือง" ไว้เพียงเท่านี้

สำหรับเนื้อเรื่องรามเกียรติ์ได้คัดลอกมาจาก
//www.siamnt.com/literature-ramakien/html/ramakien-literature-1.html

ขอขอบคุณนักแสดงทุกๆ ท่านที่ร่วมแสดงโขนชุดนี้ให้ชมกันด้วย และรวมถึงทีมงานอื่นๆ ทุกๆ ทีมงานด้วย
และก็ขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่แวะมาชมภาพถ่ายการแสดงโขนชุดพระรามครองเมืองนี้ด้วย




 

Create Date : 14 ธันวาคม 2551
31 comments
Last Update : 18 ธันวาคม 2551 18:39:18 น.
Counter : 12406 Pageviews.

 

ได้ทำภาพชุดนี้ 3 วันติดๆ กันเลย กว่าจะทำเสร็จใช้เวลานานมากๆ และ blog นี้คงทำเป็น blog ที่ยาวที่สุดเลยล่ะ แต่ตั้งใจทำ blog นี้ให้จบใน blog เดียว จะได้ชมกันจนจบตอน เช่นเดียวกับที่ถ่ายภาพตลอดเวลาเกือบ 5 ชั่วโมง ตั้งแต่ 17.00 น. จนถึง 22.00 น. ถ้าแบ่งเป็นตอนๆ ก็จะชมกันไม่สนุก แต่ทำเป็นตอนเดียวแบบนี้ และหากเพื่อนๆ ไม่สามารถเข้ามาชมได้ หรือ ต้อง load blog นานๆ ก็ต้องขออภัยไว้ด้วยล่ะนะ
หวังว่าหากใครได้ชมในชุดท่ารำมาก่อน ได้เห็นท่าทางของตัวแสดงตัวพระ ตัวนาง ตัวยักษ์ ตัวลิง จะพอทราบลักษณะท่าทางการแสดงสื่ออารมณ์ได้บ้างแล้ว พอมาชมภาพชุดนี้ต่อก็คงจะได้ตามชมเนื้อเรื่องการแสดงได้จากภาพถ่ายชุดนี้ด้วยนะ
ที่ต้องขอมา comment ยาวๆ ไว้ก่อน เนื่องจากตอนทำ blog ชุดนี้ โดนเตือนมาว่าใช้ข้อความเกินกำหนดไปแล้ว เลยตัดข้อความที่จะเล่าอะไรที่นอกเรื่องการแสดงโขนชุดนี้ออกไป ก็เลยมาขอเล่าใน comment นี้ให้ทราบกันไว้นิดหน่อยด้วย
ขอขอบคุณไว้ตรงนี้อีกครั้งสำหรับนักแสดงทุกๆ คน ที่อนุรักษ์การแสดงโขนให้คนรุ่นหลังๆ ได้ชมกันด้วย

 

โดย: ถปรร 16 ธันวาคม 2551 23:41:32 น.  

 


ชอบรูปถ่ายที่บ้านนี้มากๆค่ะ มีสไตล์ไม่เหมือนที่บ้านไหนจริงๆ ทุกครั้งที่มาประทับใจมากๆค่ะ

Photobucket

 

โดย: Sweety-around-the-world 17 ธันวาคม 2551 1:56:46 น.  

 

ขอบคุณ k.วา Sweety-around-the-world ด้วยที่แวะมาเจิมให้ด้วย และขอบคุณเช่นกันสำหรับ comments

 

โดย: ถปรร 17 ธันวาคม 2551 6:25:34 น.  

 

ชุดนี้ชอบค่ะ โดยส่วนตัวเป็นคนชอบหนุมานอะนะ ขอบคุณที่ไปชมดอกไม้ที่บ้านค่ะ

 

โดย: Summer Flower 17 ธันวาคม 2551 9:17:59 น.  

 


แวะมาชมภาพงามๆ จ๊ะ
อากาศที่เชียงใหม่เป็นไง...เจ้า

 

โดย: อุ้มสี 17 ธันวาคม 2551 11:02:09 น.  

 

อ่านเพลินเลย อิอิ
เผลอหลับไปด้วยค่ะ ฮิฮิ
เพราะเป็นคนชอบรามเกียร์ติอยู่แล้วด้วย
แล้วตอนของ"นนท์ทุก" นี้ก็เป็นตอนที่ชอบมากค่ะ
ขอบคุณในความพยายามที่เอาทั้งเนื้อเรื่อง ปละภาพมาให้ชมตั้งแต่ต้นกำเนิดจบจบเลยนะคะ

อิอิ

 

โดย: ณ ปลายฉัตร 17 ธันวาคม 2551 11:15:57 น.  

 

ขอบคุณ k.Summer Flower , k.อุ้มสี , k. ณ ปลายฉัตร ด้วยที่ทุกคนแวะมาชมภาพถ่ายการแสดงโขนชุดนี้
:- เรื่องอากาศหนาวในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังไม่หนาวมากนัก แต่ก็เกือบได้ใส่เสื้อกันหนาวได้ทั้งวัน (ถ้าอยู่นอกอาคารนะ) จะมีก็ช่วงเย็นถึงเช้าๆ นี่ละที่ได้สัมผัสอากาศเย็นๆ จริงๆ
:- ดีใจที่เห็นว่าพอมีเพื่อนๆ หลายคนตามเข้ามาชมภาพถ่ายชุดการแสดงโขนนี้ได้อยู่ เพราะที่จริงกลัวว่า blog จะ load ได้ช้าๆ มาก และอาจทำให้เข้ามาชมได้ค่อนข้างยากไปด้วย

 

โดย: ถปรร 17 ธันวาคม 2551 11:56:08 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ เดี๋ยวจะลองทำตามดูค่ะ
จริงๆด้วยค่ะ ตอนถ่ายก็ว่าเล็งแล้วนะคะ แต่ออกมาเอียงซะ งง เลยค่ะ

Photobucket

 

โดย: Sweety-around-the-world 17 ธันวาคม 2551 17:09:37 น.  

 

ภาพใสเนียนมากเลยค่ะ พิมชอบดูนะคะ ที่นี้ถ้ามีการแสดงอย่างนี้มักจะไปดูทุกครั้งค่ะ

 

โดย: pim(พิม) 17 ธันวาคม 2551 22:29:13 น.  

 

Magnetic Sponsoring Mike Dillard

 

โดย: Magnetic Sponsoring Mike Dillard (mlmboy ) 18 ธันวาคม 2551 1:53:18 น.  

 

สวัสดีตอนเช้ากับเพื่อนๆ ทุกคนด้วย เช้าวันนี้ (พฤหัส 18 ธค. 51) อากาศที่เชียงใหม่เริ่มหนาวเย็นมากขึ้นกว่าวันก่อนแล้ว เริ่มจะต้องไปหาถุงมือมาเตรียมไว้ใส่ตอนขับมอเตอร์ไซค์กันแล้วล่ะ
แวะมาทักทายกับเพื่อนๆ และขอบคุณ k.pim , k.mlmboy ด้วยที่แวะมาชมภาพถ่ายการแสดงโขนชุดนี้ด้วย เรื่องการแสดงโขนก็ยังเป็นอะไรที่น่าชม น่าติดตามอยู่เสมอๆ ยิ่งได้นักแสดงฝีมือดีๆ จากกรมศิลปากรมาแสดงให้ชมยิ่งน่าชมน่าติดตามทุกๆ ครั้งไป

 

โดย: ถปรร 18 ธันวาคม 2551 8:21:55 น.  

 

ภาพสวย ครับ...ขออนุญาตนำภาพไปเผยแพร่ต่อจะได้หรือไม่

 

โดย: สิทธิพร (วนศ.ชม.) IP: 118.172.27.25 18 ธันวาคม 2551 16:21:41 น.  

 

ทักทายกับ k.สิทธิพร(วนศ.ชม.) ด้วย เรื่องภาพถ่ายหากนำไปใช้ในด้านการศึกษาหรือเผยแพร่ ก็สามารถนำภาพไปใช้ได้เลย

 

โดย: ถปรร 18 ธันวาคม 2551 18:03:00 น.  

 

คุณถปรร ได้อยู่ใกล้ทะเลสวยๆ ตั้งแต่เด็กดีจังเลยค่ะ
ตอนนี้ทะเลที่บ้านเป็นยังไงค่ะ นักท่องเที่ยวเยอะไหมค่ะ

พีเอส วันนี้เจอ …..ขณะนี้มีผู้เข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก กรุณารอสักครู่ แล้วพยายามเข้าใหม่อีกครั้ง… สกัดจุดบ่อยมากค่ะ
เจอเหมือนกันไหมค่ะ
Photobucket

 

โดย: Sweety-around-the-world 18 ธันวาคม 2551 22:45:30 น.  

 

ขอบคุณ k.วา Sweety-around-the-world ด้วยที่นำภาพประกาคารสวยๆ มาชวนให้ไปชมด้วยนะ
เรื่องทะเลแถวบ้าน โดยหลักๆ ก็เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนไปคือสถานที่ ภูมิทัศน์ มีการปรับเปลี่ยนกันยกใหญ่ จุดนี้ล่ะที่เปลี่ยนไปเยอะ และก็น่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งต่างถิ่น และคนท้องที่ให้ไปร่วมมีกิจกรรมต่างๆ ได้มากมาย

 

โดย: ถปรร 19 ธันวาคม 2551 8:15:30 น.  

 

สนุกมากเลยค่ะ อ่านซะเพลินเลย

 

โดย: VELEZ 19 ธันวาคม 2551 12:35:30 น.  

 


พูดได้คำเดียวว่า "เยี่ยม"
ขออนุญาตคัดลอกไปสอนนักเรียนครับ

 

โดย: ไผ่ IP: 61.7.150.74 5 เมษายน 2552 18:06:59 น.  

 

ยินดีเสมอครับ k.ไผ่ หากภาพถ่ายใน blog จะนำไปใช้ประโยชน์ได้ บอกกล่าวกันให้ทราบก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งแล้วครับ

 

โดย: ถปรร 7 เมษายน 2552 8:08:12 น.  

 

ภาพสวยๆทั้งง้านเลยคราบ

 

โดย: เด็กปี่พาทย์ IP: 222.123.238.22 23 เมษายน 2552 12:49:23 น.  

 

ภาพสวยมากเลยคะ

 

โดย: ตะเกียงแก้ว IP: 118.173.210.107 28 สิงหาคม 2552 20:10:04 น.  

 

อ่านแร้วเพลินเลยค่ะ อิอิ :p_^^05

 

โดย: :p _^^05 IP: 117.47.46.186 29 สิงหาคม 2552 19:30:41 น.  

 

ภาพสวยมากและได้นำไปเป็นสื่อการสอนแล้ว...ไม่ว่ากันนะคะ
ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้นะคะ

 

โดย: ครูติ๊ก IP: 58.10.146.119 12 ตุลาคม 2552 23:25:00 น.  

 

สีดาสวยมากอ่ะ

 

โดย: 11235 IP: 112.142.143.147 19 ตุลาคม 2552 20:27:11 น.  

 

กำลังทำหนังสืออ่านเพิ่มเติม
ขออนุญาตนำภาพบางส่วนไปประกอบ
ในหนังสือนะคะ หากยินดีให้คัดลอกกรุณาตอบด้วยค่ะ

ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
ครูมณฑา

 

โดย: ครูมณฑา IP: 113.53.60.102 27 ตุลาคม 2552 12:55:54 น.  

 

ครูมณฑา:- ยินดีนะครับกับการนำภาพไปใช้งาน และร่วมกันเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมการแสดงโขน นี้ด้วยครับ

 

โดย: ถปรร 27 ตุลาคม 2552 13:20:45 น.  

 

ขอขอบพระคุณอีกครั้ง เมื่อหนังสืออ่านเพิ่มเติมสำเร็จ เชื่อว่าเด็กๆที่ห้องจะมีหนังสือที่มีภาพที่สวยงามหาดูยากไว้เป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งค่ะ

 

โดย: ครูมณฑา IP: 125.27.68.67 28 ตุลาคม 2552 11:34:05 น.  

 

ชุดเครื่องสีฟ้าน่ารักจัง โคะ ป๊าด

 

โดย: หา IP: 10.0.0.103, 119.42.78.105 17 พฤศจิกายน 2552 22:49:30 น.  

 

ขออนุญาตินำภาพไปใช้ทำงาน ปิดทองหลังพระ ของโครงการพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนะคะ ถ้ามีโอกาสขอเชิญไปชมงานด้วยคะ เทศกาลปิดทองหลังพระจัดขึ้นที่ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ เป็นการรวมโครงการพระราชดำริ ครั้งแรก วันที่ 30 พ.ย -5 ธ.ค 52 นี้นะคะ เปิดตั้งแต่ 10.00 -21.00 แต่การแสดง เริ่ม 17.00 น.คะขอบคุณคะ

 

โดย: may IP: 58.10.64.21 20 พฤศจิกายน 2552 18:58:17 น.  

 

ขอบคุณ k.may ด้วยนะครับ ที่แวะมาเยี่ยมชมภาพถ่ายการแสดงโขนชุดนี้ด้วยนะครับ และยินดีเป็นอย่างยิ่งครับที่จะนำภาพถ่ายใน blog ไปใช้ทำงานด้วยครับ

 

โดย: ถปรร 20 พฤศจิกายน 2552 21:54:35 น.  

 

สุนารีเต็มที่เลยหนู แต่ชุดเครื่องสีฟ้าอย่าทำโจ๊ก

 

โดย: คุณน้อย.......คนดี IP: 118.172.23.28 25 พฤศจิกายน 2552 13:27:06 น.  

 

ดีคับที่เราคนไทยยังช่วยกันอนุรักษ์การแสดงของไทยเราให้รุ่นลูก รุ่นหลานได้ดูกัน แต่หากเราไม่ช่วยกันสิ่งดีๆเหล่านี้ก็จะเลือนหายไปกับกาลเวลาที่ผ่านพ้นไป

 

โดย: อดีตเด็กนาฏศิลป IP: 114.128.184.242 4 เมษายน 2553 0:24:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ถปรร
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ถปรร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.