เมื่อเราป่วยด้วยโรคลมพิษเรื้อรัง
เห็นหัวข้อฟังดูแล้วน่ากลัวนะคะ แต่รักษาหายค่ะ แต่จะหายขาดหรือไม่อยู่ที่ตัวผู้ป่วยเองค่ะ
.......เมื่อประมาณเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเกิดอาการคันที่ผิวหนัง แล้วมีผื่นคันเป็นปื้นๆ ตอนแรกอาการไม่มากนัก ประมาณสองเดือนผ่านไป อาการเริ่มเป็นบ่อย และมากขึ้นจนทนไม่ไหว จึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลอนันต์พัฒนา บางกรวย หมอบอกว่าเป็นลมพิษรื้อรัง และให้ยามาทาน จึงได้หาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้และนำมาลงไว้สำหรับบางคนที่มาอ่านพบ จะได้ทราบสาเหตุและรักษาได้อย่างถูกโรคค่ะ (ไม่เหมือนเจ้าของบล็อกที่พยายามหาสาเหตุด้วยตัวเองว่าแพ้อะไร แต่ไม่เป็นผล) วันนี้ทานยามาสามวันแล้ว ไม่มีอาการคันเลยค่ะ แต่คงต้องทานให้ครบเดือนตามที่คุณหมอให้มาค่ะ เพราะเวลาป่วย ไม่รักษาตัวเอง ก็ไม่มีใครเขามาทรมานด้วยโรคกับเราด้วยนะคะ...
ลมพิษ
ลมพิษ หมายถึง อาการผิวหนังขึ้นเป็นวงนูนแดง คัน มักเกิดขึ้นฉับพลันเมื่อเกิดอาการแพ้ เช่น แพ้ยา แพ้อาหาร แพ้ฝุ่นหรือขนสัตว์ เป็นต้น ส่วนใหญ่มักมีอาการอยู่ไม่นานก็ทุเลาไปได้ หรือหลังกินยาแก้แพ้ก็มักจะหายขาดไปได้ แต่บางคนอาจเป็นลมพิษขึ้นทุกวันอย่างต่อเนื่องกัน ถ้าเป็นนานเกิน ๒ เดือน ก็เรียกว่า ลมพิษชนิดเรื้อรัง ซึ่งจำเป็นต้องไปพบแพทย์ เพื่อค้นหาสาเหตุและให้ยาบรรเทา
ชื่อภาษาไทย ลมพิษ ชื่อภาษาอังกฤษ Urticaria, Hives สาเหตุ ลมพิษ เป็นโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่ง เมื่อร่างกายมีปฏิกิริยาต่อสิ่งที่แพ้จะสร้างสารแพ้ ที่เรียกว่า ฮิสตามีน (histamine) ออกมาจากเซลล์ในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้หลอดเลือดฝอยขยายตัว มีพลาสมา (น้ำเลือด) ซึมออกมาในผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นผื่นนูนแดง มักมีสาเหตุจากการแพ้อาหาร* เช่น อาหารทะเล กุ้ง ปลา ไข่ เนื้อสัตว์ ถั่ว มะเขือเทศ ซีอิ๊ว เต้าเจี้ยว เป็นต้น สารที่ผสมในอาหาร (เช่น ผงชูรส สารกันบูด สีผสมอาหาร) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยา (เช่น แอสไพริน ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ เพนิซิลลิน ซัลฟา ) เซรุ่ม วัคซีน พิษแมลงสัตว์ กัดต่อย (เช่น ผึ้ง ต่อ มด ยุง ) ฝุ่นละอองเกสร ขนสัตว์ นุ่น (ที่นอน หมอน) ไหม หรือสารเคมี (เช่น เครื่องสำอาง สเปรย์ สารพิษฆ่าแมลง ) บางรายที่เป็นโรคติดเชื้อ เช่น ทอนซิลอักเสบ หูอักเสบ ท้องเดิน ไซนัสอักเสบ ไตอักเสบ โรคเชื้อรา โรคพยาธิ ก็อาจมีอาการของลมพิษเกิดขึ้นได้ แต่บางรายก็อาจตรวจไม่พบสาเหตุชัดเจน
ในรายที่เป็นลมพิษเรื้อรัง (เป็นติดต่อกันนานเกิน ๒ เดือน) ส่วนมากจะไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด ส่วนน้อยที่อาจพบว่ามีสาเหตุ ซึ่งนอกจากจะเกิดจากสาเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าว (โดยเฉพาะแอสไพริน ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์) แล้ว ยังอาจมีสาเหตุจากการแพ้ความร้อน ความเย็น (น้ำเย็น น้ำแข็ง อากาศเย็น ห้องปรับอากาศ) แสงแดด เหงื่อ (เช่น หลังจากออกกำลังกาย) น้ำ แรงดัน แรงกด หรือการขีดข่วนที่เกิดกับผิวหนัง การยกน้ำหนัก โรคติดเชื้อเรื้อรัง (เช่น ฟันผุ ไซนัสอักเสบ โรคพยาธิลำไส้ ตัวจี๊ด หูน้ำหนวก) บางรายอาจเกิดร่วมกับโรคอื่นๆ เช่น เอสแอลอี มะเร็ง เป็นต้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้เป็นส่วนน้อย นอกจากนี้ ความเครียด ความวิตกกังวล และอารมณ์ของผู้ป่วย ก็อาจเป็นสาเหตุของลมพิษเรื้อรังได้ รวมทั้งทำให้อาการลมพิษกำเริบในรายที่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ อาการ มักเกิดขึ้นฉับพลัน ด้วยอาการขึ้นเป็นวงนูนแดง มีขนาดและรูปร่างต่างๆ กัน เช่น วงกลม วงรี วงหยัก เนื้อภายในวงจะนูนและสีซีดกว่าขอบเล็กน้อย ทำให้เห็นเป็นขอบแดงๆ คล้ายเอาลิปสติกผู้หญิงมาขีดเป็นวงไว้ ผู้ป่วยจะรู้สึกคันมาก พอเกาตรงไหน ก็จะมีผื่นแดงขึ้นตรงนั้น บางรายอาจมีไข้ขึ้นเล็กน้อย หรือรู้สึกร้อนผ่าวตามผิวกาย ลมพิษอาจเกิดขึ้นที่หน้า แขนขา ลำตัว หรือส่วนอื่นๆ ของร่างกายก็ได้ มักขึ้นกระจายตัวไม่เหมือนกันทั้ง ๒ ข้างของร่างกาย วงนูนแดงจะเป็นอยู่ประมาณ ๓-๔ ชั่วโมง ก็จะยุบหายไปเอง แต่อาจเกิดขึ้นใหม่ในตำแหน่งเดิม หรือตำแหน่งใหม่ได้อีกภายในวันเดียวกัน หรือวันต่อมา หรือในเดือนต่อๆ มา บางรายอาจขึ้นติดต่อกันเป็นวันๆ ก็ได้ แต่ส่วนมากมักจะยุบหายได้เองภายใน ๑-๗ วัน
ในรายที่เป็นลมพิษชนิดรุนแรง ที่เรียกว่าลมพิษยักษ์ หรือแองจิโอเอดิมา (angioedema/angioneurotic edema) จะมีอาการบวมของเนื้อเยื่อชั้นลึกของผิวหนัง มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑-๓ นิ้ว หรือมากกว่า กดไม่บุ๋ม มักขึ้นที่ริมฝีปาก หนังตา หู ลิ้น หน้า มือ แขน หรือส่วนอื่นๆ มักเป็นอยู่ไม่เกิน ๒๔ ชั่วโมง ก็จะยุบหายไปเอง แต่ถ้ามีอาการบวมของกล่องเสียงร่วมด้วย อาจทำให้หายใจลำบาก ตัวเขียว เป็นอันตรายได้ อาจเกิดจากการแพ้อาหาร หรือแพ้ยา ยาที่ทำให้เกิดลมพิษชนิดรุนแรงที่พบบ่อย ได้แก่ แอสไพริน ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ (ใช้แก้ปวดข้อ ข้ออักเสบ) ยาลดความดันกลุ่มต้านเอซ (เช่น อีนาราพริน) ในรายที่เป็นเรื้อรัง มักมีลมพิษขึ้นเป็นๆ หายๆ ติดต่อกันแทบทุกวันเป็นเวลานานกว่า ๒ เดือน และอาจเป็นอยู่เป็นปีๆ กว่าจะหายขาดไปได้เอง การแยกโรค อาการผื่นคันตามผิวหนัง อาจเกิดจากสาเหตุอื่น ที่พบบ่อยได้แก่ ผื่นคันจากการแพ้ กับโรคเชื้อรา (กลาก เกลื้อน) ผื่นคันจากการแพ้ มีลักษณะขึ้นเป็นผื่นหรือตุ่มนูนเล็กๆ คัน อาจขึ้นตรงบริเวณข้อพับแขน ข้อพับขา ใบหน้า พร้อมกันทั้ง ๒ ข้าง หรือขึ้นตามบริเวณ ที่แพ้สิ่งสัมผัส เช่น มือ (แพ้ปูน ผงซักฟอก) รอบเอว (แพ้เข็มขัด) ข้อมือ (แพ้สายนาฬิกา) เป็นต้น กลาก มีลักษณะเป็นวงมีขอบเขตชัดเจน ขอบนูนเล็กน้อยและมีสีแดง มักมีตุ่มน้ำใสเล็กๆ หรือขุยขาวๆ อยู่รอบๆ วง วงนี้จะค่อยๆ ลุกลาม ขยายใหญ่ออกไปเรื่อยๆ มักขึ้นตามผิวหนังเพียงแห่งเดียว เช่น ที่ใบหน้า แขนขา ขาหนีบ มือ เท้า เป็นต้น เกลื้อน ลักษณะเป็นดวงกลมเล็กๆ ขนาด ๔-๕ มิลลิเมตร จำนวนหลายดวง กระจายทั่วไปในบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก เช่น หน้า ซอกคอ แผ่นหลัง เป็นต้น ผื่นมักแยกกันอยู่เป็นดวงๆ บางครั้งอาจแผ่มาต่อกันเป็นแผ่นขนาดใหญ่ มีสีได้หลายสี เช่น สีขาว น้ำตาลจางๆ จนถึงน้ำตาลแดง การวินิจฉัย แพทย์จะวินิจฉัยจากลักษณะอาการที่ขึ้นเป็นวงนูนแดง คัน กระจายทั่วทั้ง ๒ ข้างของร่างกาย ในรายที่เป็นเรื้อรัง แพทย์อาจทำการตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจอุจจาระ เอกซเรย์ เป็นต้น บางครั้งอาจทำการทดสอบผิวหนัง (skin test) ว่าแพ้สารอะไร การดูแลตนเอง เมื่อมีอาการเป็นลมพิษเกิดขึ้นฉับพลัน ควรปฏิบัติดังนี้ กินยาแก้แพ้ คลอร์เฟนิรามีน ครึ่ง ถึง ๑ เม็ด ซ้ำได้ทุก ๖ ชั่วโมง ประคบด้วยน้ำเย็น หรือน้ำแข็ง หรือทาด้วยยาแก้ผดผื่นคัน (คาลาไมน์โลชั่น) หรือใช้ใบพลูสดตำให้ละเอียดผสมกับเหล้าทาบ่อยๆ (ถ้าแพ้เหล้าควรหลีกเลี่ยง) หาสาเหตุที่แพ้ เช่น ยา อาหาร เหล้า เบียร์ แมลง ฝุ่น ละอองเกสร ขนสัตว์ เป็นต้น แล้วหลีกเลี่ยงเสีย ถ้าไม่ทุเลา มีอาการหายใจลำบาก หรือเป็นๆ หายๆ เรื้อรัง ควรไปพบแพทย์ การรักษา แพทย์จะให้ยาแก้แพ้ซึ่งมีอยู่หลายชนิด ถ้าใช้คลอร์เฟนิรามีนไม่ได้ผล ก็จะให้ยาแก้แพ้ที่มีชื่อว่า ไฮดรอกไซซีน (hydroxyzine) ๑ เม็ดทุก ๖-๘ ชั่วโมง ในรายที่เป็นรุนแรง แพทย์อาจใช้ยาแก้แพ้ฉีดเข้ากล้าม ในรายที่เป็นเรื้อรัง ถ้าตรวจพบสาเหตุก็จะให้การรักษาตามสาเหตุ (เช่น ฟันผุ ไซนัสอักเสบ หูน้ำหนวก) หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะตรวจไม่พบสาเหตุชัดเจน แพทย์ก็จะให้ยาแก้แพ้บรรเทา ได้แก่ ไฮดรอกไซซีน ซึ่งอาจต้องให้กินทุกวัน หรือวันเว้นวันไปเรื่อยๆ บางครั้งอาจนานเป็นแรมปี จนกว่าจะหายขาด ในรายที่ใช้ยาแก้แพ้อย่างเดียวไม่ได้ผล แพทย์มักจะให้ยาต้านเอช ๒ (H2 antagonist) ได้แก่ รานิทิดีน (ranitidine) ร่วมด้วย ปกติยาชนิดนี้ใช้รักษาโรคกระเพาะ แต่ถ้านำมากินร่วมกับยาแก้แพ้ ก็มีฤทธิ์เสริมยาแก้แพ้ ทำให้รักษาโรคลมพิษได้ผลดี ภาวะแทรกซ้อน ส่วนใหญ่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน นอกจากมีอาการคันมาก อาจเกาจนเป็นรอยข่วน หรือติดเชื้ออักเสบ ในรายที่เป็นลมพิษยักษ์ อาจทำให้กล่องเสียงบวม หายใจลำบาก ถ้าแก้ไขไม่ทัน ก็อาจมีอันตรายได้ ผู้ที่เป็นลมพิษ อาจแพ้ยาได้ง่าย จึงต้องระมัดระวัง ในการใช้ยาต่างๆ
การดำเนินโรค ส่วนใหญ่เป็นอยู่เพียงไม่กี่วันก็มักจะหายได้ และมักจะตอบสนองต่อยาแก้แพ้ได้ดี ส่วนน้อยที่อาจเป็นๆ หายๆ หรืออาจเป็นเรื้อรัง เป็นแรมปี บางคนอาจนาน ๓-๕ ปีกว่าจะหายขาด การป้องกัน ถ้าทราบว่าแพ้อะไร ก็ควรหลีกเลี่ยง และควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน และยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ เพราะยาเหล่านี้อาจทำให้ลมพิษกำเริบได้ ความชุก โรคนี้พบได้บ่อยในคนทุกวัย แต่จะพบมากในช่วงอายุ ๒๐-๔๐ ปี และในผู้ที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ หรือมีญาติพี่น้องเป็นโรคภูมิแพ้
* อาการแพ้ที่เกิดจากอาหาร เรียกว่า แพ้อาหาร (food allergy) พบได้ในคนทุกวัย แต่พบมากในเด็กเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ (เช่น หวัดภูมิแพ้ หืด ลมพิษ ผื่นคัน) หรือมีพ่อแม่เป็นโรคแพ้อาหาร เกิดจากการแพ้สารโปรตีนในอาหาร ส่วนใหญ่ได้แก่ นมวัว ไข่ ปลา กุ้ง หอย ปู ข้าวสาลี ถั่วลิสง ถั่วเหลือง เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดอัลมอลด์
อาการแพ้อาหารอาจเริ่มตั้งแต่วัยทารก โดยหลังกินอาหารที่แพ้จะมีอาการลมพิษ ผื่นคัน หรือผิวหนังบวมคัน อาจมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดินร่วมด้วย บางรายอาจมีอาการคัดจมูก หอบหืด เป็นลม ถ้าเป็นรุนแรง อาจเกิดภาวะช็อกจากการแพ้ (anaphylactic shock) ทารกที่เป็นโรคนี้ อาการลมพิษผื่นคันจะลดลงเมื่ออายุประมาณ ๑ ขวบ และมักจะหายดีเมื่ออายุประมาณ ๑๐ ขวบ แต่อาจมีอาการของหวัดภูมิแพ้หรือโรคหืดมากขึ้น
ในผู้ใหญ่ที่แพ้อาหาร มักมีอาการลมพิษ ผื่นคัน บ วมคันตามหนังตา รอบปาก บางรายอาจเป็นหวัดภูมิแพ้หรือโรคหืด ในรายที่เป็นรุนแรง แม้กินอาหารที่แพ้ (เช่น กุ้ง หอย ปู ถั่วลิสง) แต่เพียงเล็กน้อยหรือเจือปนอยู่ในอาหารอื่นโดยบังเอิญ ก็อาจมีอาการแพ้รุนแรง เช่น ลมพิษยักษ์ (angioedema) ซึ่งอาจมีอาการบวมของกล่องเสียง (เกิดอาการหายใจลำบาก ตัวเขียว) หรือถึงขั้นช็อกจากการแพ้เป็นอันตรายได้
ข้อมูลจาก นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่ม : 347 เดือน-ปี : 03/2551 คอลัมน์ : สารานุกรมทันโรค นักเขียนหมอชาวบ้าน : รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ
Create Date : 22 มิถุนายน 2553 |
|
44 comments |
Last Update : 22 พฤษภาคม 2557 12:14:22 น. |
Counter : 45841 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) 24 มิถุนายน 2553 21:18:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมอ0823877288 IP: 222.123.19.83 12 สิงหาคม 2553 16:59:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: เหมียว IP: 180.183.207.179 21 ธันวาคม 2553 22:42:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: เอก001 IP: 124.122.140.121 15 มีนาคม 2554 16:35:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: bigeye (tewtor ) 15 เมษายน 2554 18:32:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริว IP: 180.210.216.131 1 มกราคม 2555 8:49:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนกระบี่ IP: 1.0.159.186 8 พฤษภาคม 2555 19:36:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: 0850624395 IP: 110.49.235.84 12 มิถุนายน 2555 14:07:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: 0850624395 IP: 110.49.235.84 12 มิถุนายน 2555 14:41:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: tum IP: 171.7.147.25 12 กรกฎาคม 2555 21:05:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: bigong IP: 49.48.125.241 22 สิงหาคม 2555 15:03:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมอมุขสับเส้น IP: 182.52.40.71 5 พฤศจิกายน 2555 19:30:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: พอล..ก็เป็น IP: 49.48.140.178 18 ธันวาคม 2555 22:23:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: Jhum IP: 183.88.248.116 12 มีนาคม 2556 3:14:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: หลิว IP: 180.183.205.36 14 พฤษภาคม 2556 21:04:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: หลิว IP: 180.183.205.36 14 พฤษภาคม 2556 21:09:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: ษา IP: 110.77.154.195 14 มิถุนายน 2556 14:04:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: แจง IP: 157.157.233.39 22 มิถุนายน 2556 18:05:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: โม IP: 223.207.92.236 25 มิถุนายน 2556 14:18:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: Y IP: 124.122.31.189 5 กรกฎาคม 2556 8:21:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: หนึ่ง IP: 101.109.190.223 15 กรกฎาคม 2556 11:44:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: เอ็ม IP: 58.9.48.187 23 สิงหาคม 2556 22:57:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: สุรเดช IP: 125.27.74.22 7 พฤศจิกายน 2556 15:30:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: Kit IP: 202.176.88.146 8 พฤศจิกายน 2556 18:37:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: bbuta IP: 110.49.235.119 8 พฤศจิกายน 2556 22:17:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: วีรยา IP: 27.55.1.253 20 พฤศจิกายน 2556 23:33:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: สมศักดิ์ IP: 180.180.36.18 3 ธันวาคม 2556 21:48:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: เคยเป็นมาเกือบ 2 ปี หายเฉย IP: 115.87.108.163 18 ธันวาคม 2556 13:19:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: ร่งลาวัลย์ IP: 171.98.30.157 18 เมษายน 2557 17:15:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: กันตภณ IP: 1.10.213.50 17 พฤษภาคม 2557 11:48:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปราณี IP: 49.48.212.75 29 พฤษภาคม 2557 22:16:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: บัวพรรณ์ IP: 49.230.173.44 4 มิถุนายน 2557 1:12:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: กุ๊กกิ๊ก IP: 49.230.177.154 6 กรกฎาคม 2557 9:14:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: เต้ย พลากร IP: 180.183.107.135 31 สิงหาคม 2557 8:34:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: ครูปุ้งกี๋ IP: 49.230.115.210 6 ตุลาคม 2557 22:59:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: บัว IP: 49.48.63.198 11 ตุลาคม 2557 19:53:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทินวร IP: 223.204.181.244 31 ตุลาคม 2557 13:16:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: พัชรสภรณ์ พาดพิน IP: 27.55.161.43 16 กุมภาพันธ์ 2558 21:19:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตุ๊ก IP: 27.55.159.90 26 มิถุนายน 2558 14:57:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ด้วยความจริง IP: 183.89.171.15 12 ตุลาคม 2558 23:00:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: นัน IP: 49.228.226.170 5 มีนาคม 2559 11:43:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดาว IP: 223.24.55.10 23 กันยายน 2560 18:14:07 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|