พยัคฆ์สาวเจ้าหัวใจชีค [ตัวอย่างเนื้อเรื่อง + ภาพปก]



ตีพิมพ์สำนักพิมพ์ภัทร์โญธิน
วางจำหน่ายที่ซีเอ็ดทุกสาขา และร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป


ตัวอย่างเนื้อเรื่องพยัคฆ์สาวเจ้าหัวใจชีค

ประพันธ์โดย..ทิตภากร

“เมื่อเวลาประมาณสิบเอ็ดนาฬิกาสิบห้านาที อะมีร์เชคลาซิโอ บินอัสซาร์ มูฮายาน ประทับเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์เสด็จเยือนประเทศไทยอย่างไม่เป็นทางการ...”
ผู้ประกาศข่าวสาวจากสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง รายงานข่าวผู้ปกครองประเทศแถบทะเลทรายเสด็จเยือนประเทศไทย พระบรมฉายาลักษณ์คู่กับเพชรน้ำงามปรากฏบนหน้าจอเครื่องรับโทรทัศน์ ฉุดความสนใจของหญิงสาวที่กำลังนอนขบเคี้ยวขนมกรุบกรอบอย่างสบายอารมณ์บนโซฟาตัวยาว
นัยน์ตากลมโตสีครามเปล่งประกายระยิบระยับ ขณะที่เรียวปากอิ่มกระตุกยิ้มอย่างหมายมาด มือเรียวควานหาโทรศัพท์มือถือแล้วกดโทรออก ก่อนจะกรอกเสียงหวานลงไป หญิงสาวสั่งการให้ทีมงานสืบเสาะหาสิ่งที่ต้องการ โดยไม่ละสายตาจากภาพที่อยู่ตรงหน้า

คฤหาสน์รีวิลล์
บนเนื้อที่กว้างกว่าสองไร่ คฤหาสน์สีขาวหลังงามตั้งอยู่เหนือเนินหญ้าเขียวขจี แสงแดดอ่อนหยอกเย้าสายน้ำที่โปรยปรายท่ามกลางไม้ดอกนานาพันธุ์ สร้างความอภิรมย์ในยามเช้าให้ผู้พบเห็น รถสปอร์ตสีดำเงางามเคลื่อนตัวช้าๆ ผ่านประตูอัลลอยชั้นดีไปตามถนนที่ทอดยาว อิฐหลากสีที่อวดลวดลายบนพื้นถนนส่งให้คฤหาสน์หลังงามนั้นดูโดดเด่น
บุรุษสูงสง่าหน้าตาคมคายก้าวลงจากรถคันหรู เมื่อรถเคลื่อนตัวเข้ามาจอดเทียบหน้าคฤหาสน์ ประมุขของบ้านส่งกระเป๋าเอกสารและเสื้อสูทให้สาวรับใช้ แล้วสาวเท้ายาวๆ เข้าไปในห้องโถง ก่อนจะตรงไปกดลิฟต์เพื่อลงไปยังห้องซ้อมอาวุธที่อยู่ชั้นใต้ดิน
“ปัง! ปัง! ปัง!”
“เยี่ยม! ฝีมือไม่ตกเลยนะเรา”
“พี่มาร์ค!”
‘อลิส’ สาวร่างระหงลูกครึ่งไทย-อังกฤษวางอาวุธปืนสั้นออโตเมติกลงบนโต๊ะ ก่อนจะหันไปหาที่มาของเสียงที่อยู่เบื้องหลัง ดวงตากลมโตแฝงแววซุกซนมีประกายยินดี รีบวิ่งรี่ไปหาพี่ชายที่เพิ่งจะเดินทางกลับจากต่างประเทศ
“ไง...ไม่ได้เจอหลายเดือน สวยขึ้นเป็นกองเลยนะเรา” มาร์คพูดขณะยีผมยาวสลวยของน้องสาว
“มันก็แหงอยู่แล้วละค่ะ พี่มาร์คยังหล่อขนาดนี้ อลิสจะไม่สวยได้ไงจริงไหมละคะ” สองแขนโอบกอดรอบเอวพี่ชาย ก่อนจะเอ่ยประจบประแจงอย่างน่าเอ็นดู
“พี่รู้นะ ที่พูดยอเพราะอยากได้ของฝากละสิ” พี่ชายเอ่ยดักคอ
“แหม...พี่มาร์คก็ อลิสพูดจริงๆ นะ ไม่ได้แกล้งยอเสียหน่อย ว่าแต่...ซื้ออะไรมาฝากอลิสบ้างละคะ” พูดไปก็สอดส่ายสายตามองหาไป
“ไม่ได้ซื้อหรอก งานมันยุ่งไม่มีเวลาไว้เที่ยวหน้าก็แล้วกัน” มาร์คลอบยิ้มแล้วแสร้งตอบกลับหน้าตาย โดยที่มือยังลูบศีรษะน้องสาวอย่างรักใคร่
“ว้า! นึกว่าจะได้ของฝากกับเขามั่ง” สองแขนปล่อยเอวพี่ชายเป็นอิสระทันที ใบหน้างามงอง้ำขณะที่เรียวปากบางยื่นออกคล้ายเด็กถูกขัดใจ
“โตแล้วนะเราน่ะ ทำงอนเป็นเด็กไปได้ มีเหรอ...ที่พี่จะไม่ซื้อของมาฝาก อยากได้อะไรก็ไปเลือกเอาอยู่ในห้องโถงนู้น แต่ห้ามยุ่งกับกล่องกำมะหยี่สีแดงเด็ดขาดเข้าใจไหม” มาร์ครั้งไหล่น้องสาวเข้าหา ก่อนจะพาเดินไปด้วยกัน
“รับทราบเจ้าค่ะ”
หญิงสาวยิ้มหน้าบานรีบเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนของพี่ชาย แล้วทำท่าถอนสายบัวเชิงล้อเลียน ก่อนจะวิ่งตื๋อนำหน้าไปกดลิฟต์
“เฮ้อ! เนี่ยอะนะ ‘พริตตี้วันเดอร์’ นักโจรกรรมสาวชื่อก้องโลก” มาร์คบ่นพึมพำตามหลัง แล้วส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อเห็นพฤติกรรมของน้องสาว
อลิส หรืออีกนัยหนึ่ง พริตตี้วันเดอร์ เธอเป็นนักโจรกรรมสาวชื่อก้องโลก ที่มักขมายของที่โดนขโมยมาส่งคืนเจ้าของที่แท้จริง โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนแม้แต่สตางค์แดงเดียว
ตำรวจทั่วทุกสารทิศพยายามสืบหาร่องรอย แต่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เบาะแสหรือเห็นใบหน้าแท้จริงของหญิงสาว ที่อยู่ภายใต้หน้ากากและชุดคลุมดำที่แฝงเร้นไปกับความมืดมิดแห่งรัตติกาล ใครจะคิดล่ะว่าหญิงสาวหน้าตาใสซื่อกิริยาท่าทางเหมือนเด็กไม่รู้จักโต คือนักโจรกรรมสาวชื่อก้องโลกที่ทุกคนกำลังตามหา
ชีวิตหญิงสาวเริ่มพลิกผันเมื่อบิดามารดาโดนฆ่าชิงทรัพย์ แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถจับกุมคนร้ายมาลงโทษได้ เหตุการณ์สะเทือนขวัญในครั้งนั้นสร้างความขุ่นเคืองใจให้หญิงสาว จึงลงมือสืบเสาะหาเบาะแสคนร้ายด้วยตนเอง
เพราะบิดาเป็นเจ้าของบริษัทรีวิลล์ เน็ทเวิร์ค จำกัด ที่ผลิตอุปกรณ์ด้านอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการสื่อสารที่ล้ำสมัย จึงไม่เป็นการยากที่จะใช้ทุนทรัพย์ที่มีอยู่มากมาย จัดจ้างบุคลากรที่ชาญฉลาดเข้าร่วมทีมเพื่อสืบหา และค้นคว้าอุปกรณ์พิเศษที่จะใช้ในการไล่ล่าและต่อกรกับคนร้าย หญิงสาวนอกจากจะมีเครื่องทุ่นแรงที่ทันสมัย ยังเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้เป็นอย่างดี เพราะได้รับการฝึกฝนจากค่ายมวยของคุณตา
หญิงสาวใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็สามารถลากคอคนร้ายที่ปลิดชีพบิดามารดามาชดใช้กรรมได้ตามกฎหมาย โดยทิ้งเพียงการ์ดใบเล็กสีชมพูที่ส่งกลิ่นหอมละมุนกับอักษรสวยๆ ที่เขียนว่า ‘พริตตี้วันเดอร์’ ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐไว้ดูต่างหน้า
“เฮ้! อย่ารื้ออย่างนั้นสิ เดี๋ยวเสื้อพี่ยับหมด” มาร์คหน้าตื่นเมื่อก้าวเข้ามาในห้องโถง
“ไหนละคะพี่มาร์คของขวัญของพี่ฟ้า ขออลิสดูหน่อยสิว่ากล่องใหญ่หรือเปล่า” พูดทั้งที่มือยังรื้อค้นข้าวของในกระเป๋า เพราะอยากรู้ว่าพี่ชายซื้ออะไรมาฝากว่าที่พี่สะใภ้
“จะดูไปทำไม เล็กนิดเดียวไม่ต้องดูหรอก” มาร์คเดินไปปิดกระเป๋า ทำท่าจะเดินขึ้นข้างบน
“ไม่ดูก็ได้ค่ะ ว่าแต่สร้อยเส้นนี้ท่าทางจะแพงน่าดูนะคะ” อลิสทำทีไม่สนใจ ก่อนจะเปิดกล่องสีแดงที่ซ่อนอยู่ข้างหลังแล้วหยิบสร้อยเพชรน้ำงามออกมาโชว์หราล้อแสงไฟ
“เฮ้! มือไวจริงเชียวยัยน้องสาวตัวยุ่ง เอาไปตอนไหนทำไมพี่ไม่ยักเห็น” มาร์คทำทีเป็นดุ ก่อนจะเดินมาคว้าสร้อยจากมือน้องสาวเก็บใส่กล่องตามเดิม
“ของแบบนี้มันต้องทดสอบก่อนลงสนามจริงค่ะพี่มาร์ค” อลิสพูดแล้วยิ้มอย่างมีความหมาย
“อย่าบอกนะ ว่าเราคิดจะทำอะไรแผลงๆ อีก” มาร์คคิ้วขมวด เมื่อได้ฟังคำพูดของน้องสาว
“มันแน่อยู่แล้วล่ะค่ะ ‘ไดมอนด์เฟอร์เซีย’ อุตส่าห์มาเยือนเมืองไทยทั้งทีนี่คะ” คำเฉลยพร้อมรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้างาม
‘ไดมอนด์เฟอร์เซีย’ สร้อยเพชรล้ำค่าที่พระนางเฟอร์เซียพระมารดาของชีคลาซิโอ ทรงสวมติดพระศอทุกครั้งที่มีการประกอบพระราชพิธีในสถานที่ต่างๆ ร่ำลือกันว่าสร้อยพระศอเส้นนี้ องค์อัสซาร์กษัตริย์แห่งซาร์รียาร์กผู้เป็นพระสวามีประทานให้ด้วยความรักก่อนที่จะสิ้นพระชนม์
ไดมอนด์เฟอร์เซีย จัดเป็นเพชรน้ำงามสีชมพูใสแปลกตาราวแก้วตกผลึก เป็นอัญมณีหายากแหล่งค้นพบไม่ทราบแน่ชัด แต่ที่สำคัญราคาหาค่าประเมินมิได้ จึงเป็นอัญมณีที่มีผู้หลงใหลอยากได้มาไว้ในครอบครองในอันดับต้นๆ หลังพระนางเฟอร์เซียสิ้นพระชนม์ สร้อยล้ำค่าเส้นดังกล่าวจึงตกเป็นสมบัติของชีคลาซิโอ กษัตริย์หนุ่มแห่งซาร์รียาร์กองค์ปัจจุบัน
แต่ในความเป็นจริงเรื่องร่ำลือหาได้เป็นอย่างที่เล่าขาน กษัตริย์อัสซาร์ทรงมีพระสนมมากมาย หนึ่งในนั้นเป็นหญิงสาวชาวไทยชื่อฟ้ามาศ พระองค์ทรงโปรดปรานและให้ความสนิทเสน่หา จนกระทั่งตั้งครรภ์และให้กำเนิดธิดาองค์น้อย องค์อัสซาร์ทรงปลาบปลื้มใจเป็นยิ่งนัก จึงพระราชทานไดมอนด์เฟอร์เซียรับขวัญธิดาน้อยเลือดผสมที่ถือกำเนิดขึ้นด้วยความรัก
เรื่องราวทุกอย่างน่าจะผ่านไปได้ด้วยดี หากองค์อัสซาร์ไม่สิ้นพระชนม์ไปเสียก่อน จนเป็นเหตุให้พระสนมฟ้ามาศและธิดาเลือดผสมต้องโบกมืออำลาดินแดนทะเลทราย กลับมายังถิ่นฐานบ้านเกิด ด้วยไม่อาจทนการบีบคั้นจากพระนางเฟอร์เซียได้ เพราะนอกจากถูกกลั่นแกล้งยังถูกขับไล่ รวมทั้งยึดครองไดมอนด์เฟอร์เซียไว้เป็นทรัพย์ส่วนพระองค์
โดยให้เหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นว่า สร้อยเพชรล้ำค่านั้นเป็นสมบัติส่วนพระองค์ เพราะมีชื่อเรียกเฉกเช่นเดียวกันกับพระนามของพระนาง อลิสได้แต่ส่ายหน้าและนึกค่อนขอดอยู่ในใจ ‘พระนางเฟอร์เซียนี่ช่างร้ายกาจ หนำซ้ำยังให้เหตุผลได้งี่เง่าสิ้นดี’
“อลิส อย่าล้อเล่นนะ นั่นชีคลาซิโอกษัตริย์แห่งซาร์รียาร์ก ราชองครักษ์ท่านมีเป็นร้อย ไม่ใช่เรื่องหมูๆ เหมือนที่เราจัดการกับพวกโจรกระจอกหรอกนะ” มาร์คผู้เป็นพี่ชายเอ่ยเตือนด้วยสีหน้ามีกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ อลิสซะอย่าง จะหมูหรือเสือไม่เคยกลัวอยู่แล้ว ชีคก็ชีคเถอะน่า จะจับมาทำชีสโรยหน้าพิซซ่าให้ดู”
อลิสเอ่ยแล้วยิ้มอย่างมั่นใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือกดเลขหมายปลายทางไปยังฐานข้อมูลลับเครือข่ายพริตตี้วันเดอร์ เพื่อสืบหาข้อมูลทั้งหมดของชีคลาซิโอ

อีกด้านหนึ่ง ณ โรงแรมดังระดับห้าดาว ใจกลางกรุงเทพฯ
“ฮ...ฮัดเช้ย...ฮัดเช้ย…”
“เฮ้อ! ดึกดื่นป่านนี้ยังจะมีคนบ่นถึงเราอีกเหรอเนี่ย ไม่รู้จักหลับจักนอนกันบ้างหรือไงนะ”
พระวรกายสูงใหญ่ที่บรรทมสนิทอยู่บนพระแท่นมีอันต้องโยกคลอนจนองค์งอตามแรงที่ทรงจามติดๆ กันอยู่หลายครั้ง มูลพระนาสิกไหลย้อย จนต้องควานหาผ้าซับพระพักตร์มาเช็ดทำความสะอาด พระปัสสาสะถูกทอดถอนก่อนจะบ่นพึมพำ แล้วล้มองค์ลงบรรทมต่อ

เช้าวันรุ่งขึ้น
‘กาย’ หนึ่งในสองเพื่อนสนิทเครือข่ายพริตตี้วันเดอร์ นำเอกสารข้อมูลมามอบให้หญิงสาวตามที่ร้องขอ เขาใช้เวลาทั้งคืนเสาะหาข้อมูลกษัตริย์หนุ่มแห่งซาร์รียาร์ก ไม่ว่าจะเป็นสถานที่พำนัก พระราชประวัติ เครือข่ายบริษัทฯ ต่างๆ ที่ชีคลาซิโอถือหุ้นอยู่ ตลอดจนหมายกำหนดการเดินทาง ขณะที่ยังทรงพำนักอยู่ในประเทศไทย และที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ พระบรมฉายาลักษณ์
“นี่นะเหรอ ชีคลาซิโอ บินอัสซาร์ มูฮายาน หน้าตาหล่อไม่เบาแฮะ เห็นข่าวในทีวีบอกว่าอายุตั้งสามสิบเจ็ดสามสิบแปดแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่แก่หงำเหงือกอย่างที่คิดนะ” ริมฝีปากบางวิจารณ์เจื้อยแจ้ว ขณะที่จ้องมองพระพักตร์ชีคหนุ่มรูปงามไม่วางตา
“อันนี้เป็นข้อมูลของชีคลาซิโอ” กายยื่นเอกสารข้อมูลต่างๆ ให้หญิงสาว
“อืม...ท่าทางจะรวยไม่ใช่เล่น มีหุ้นเกินกว่าครึ่งเกือบทุกบริษัทฯ เลย โอ้โห...เหมาห้องสูทโรงแรมชั้นหนึ่งยกชั้นเลยเหรอเนี่ย แถมไม่มีกำหนดกลับเสียด้วย อีตาชีคนี่ท่าจะไม่ธรรมดาแฮะ สงสัยคงไม่ได้มาพักผ่อนอย่างเดียวแน่” อลิสวิเคราะห์ข้อมูลตามเอกสาร
“อลิส ผมว่างานนี้อันตรายมากนะ คุณอย่าเสี่ยงดีกว่า” กายเตือนด้วยความเป็นห่วง
“คิดมากน่ากาย ยากกว่านี้ยังทำมาแล้ว เรื่องแค่นี้เด็กๆ น่ะ” อลิสไม่มีทีท่าว่าจะสนใจคำทัดทานของเพื่อนชายเลยสักนิด
“ผมว่าคุณไม่ควรประมาท เท่าที่ทราบชีคลาซิโอไม่ใช่หมูในอวยแน่ นอกจากเก่งเรื่องธุรกิจ ยังฉลาดเป็นกรด ที่สำคัญเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้เสียด้วยสิ” กายยังไม่ละความพยายามแต่ก็ถูกขัดขึ้นเสียก่อน
“แล้วไง...นายเลยคิดว่าฉันจะจัดการอีตาชีคหน้าหล่อนั่นไม่ได้อย่างงั้นสิ” อลิสชักสีหน้าบึ้งย้อนถาม
“ไม่ใช่อย่างนั้น” กายรีบปฏิเสธ เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของเพื่อนสาว
“ถ้าไม่ใช่ก็ดีแล้ว โทรบอก ‘ไท’ เตรียมเครื่องร่อนให้ด้วย หนึ่งนาฬิกาทุกอย่างต้องพร้อม” อลิสคว้าเอกสารบนโต๊ะแล้วลุกเดินหนีทันทีที่พูดจบ

อีกด้านหนึ่ง ณ โรงแรมดังระดับห้าดาว ใจกลางกรุงเทพฯ
ชีคลาซิโอในชุดสูทสากลตามสมัยดำเนินไปยังส่วนหน้าของโรงแรม เพื่อประทับรถยนต์พระที่นั่งที่ทางสถานทูตจัดเตรียมไว้ให้ ทรงมีพระประสงค์จะไปพบท่านหญิง ‘ปลายฟ้า’ พระกนิษฐภคินีต่างมารดา ที่ถือกำเนิดจากพระสนมชาวไทยชื่อฟ้ามาศ ตามที่ได้รับการแจ้งข่าวจากนักสืบเอกชนที่ทรงว่าจ้าง
จุดประสงค์หลักของการเสด็จเยือนเมืองไทยในครั้งนี้ ก็เพื่อจะไถ่โทษแทนพระมารดาด้วยการส่งคืนสร้อยเพชรล้ำค่าให้กับเจ้าของ ส่วนจุดประสงค์รองก็คงไม่พ้นเรื่องเชื้อเชิญให้ทั้งสองเดินทางกลับยังดินแดนทะเลทราย เพื่อเคารพสักการะดวงพระวิญญาณพระบิดา
ชีคลาซิโอยื่นแผนที่เส้นทางที่จะเสด็จให้กับพลขับ พระองค์ทรงตระหนักดีว่าค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงที่เสียไปนั้นคุ้มค่าเพียงไร ระยะเวลาแค่สองสัปดาห์นักสืบเอกชนที่ว่าจ้างก็สามารถค้นหาสถานที่พำนักของพระสนมฟ้ามาศมาทูลถวายได้ดังพระประสงค์ ภายในหทัยยามนี้รู้สึกยินดีเป็นยิ่งนัก ที่จะได้มีโอกาสพบหน้าพระสนมผู้เคยเลี้ยงดูพระองค์มาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย
รถยนต์พระที่นั่งจอดเทียบหน้าบ้านไม้สองชั้นกลางเก่ากลางใหม่ ชีคลาซิโอก้าวพระบาทลงมา ทรงยืนแล้วทอดพระเนตรไปโดยรอบก่อนจะดำเนินไปกดกริ่ง ชั่วเวลาเพียงไม่นาน สาวร่างระหงในชุดกระโปรงสีครีมสะอาดตาก็เดินมาเปิดประตู
“มาหาใครคะ?”
น้ำเสียงไพเราะเอื้อนเอ่ย พร้อมรอยยิ้มตามแบบฉบับไทยแลนด์ เดอะแลนด์ ออฟ สมาย
“ไม่ทราบว่าที่นี่ใช่บ้านคุณฟ้ามาศหรือเปล่าครับ” ชีคลาซิโอรับสั่งด้วยภาษาเดียวกันกับหญิงสาว ซึ่งเป็นผลพลอยมาจากการทำธุรกิจค้าขายกับคนไทยมานานหลายปี
“ใช่ค่ะ มาหาคุณแม่เหรอคะ?” คำถามของหญิงสาว ทำให้ชีคลาซิโอแย้มพระโอษฐ์ในทันที
“ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าคุณชื่อปลายฟ้าหรือเปล่าครับ?” ทรงย้อนถามแทนคำตอบ เพื่อให้มั่นพระทัย
“ค่ะ คุณรู้จักชื่อฉันด้วยเหรอคะ?” สีหน้าหญิงสาวเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
“ฟ้า...ใครมาเหรอลูก”
หญิงสูงวัยในชุดลำลองร้องถาม ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ข้างหญิงสาว ระยะเวลาแม้จะผ่านไปเกือบยี่สิบปี แต่มิได้ทำให้ความงดงามของสตรีซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงพระสนมของกษัตริย์แห่งซาร์รียาร์กลดน้อยลง แต่กลับยิ่งสง่างามสมวัยในสายตาของชีคลาซิโอ แม้รูปร่างหน้าตาจะแปรเปลี่ยนไปบ้างตามกาลเวลา แต่ความงดงามก็ยังคงปรากฏให้ได้เห็น
“เออ...คือคุณคนนี้เขา...” หญิงสาวหันไปตอบมารดายังไม่ทันจบประโยค
“ชีคลาซิโอ!”
หญิงสูงวัยหรืออีกนัยพระสนมฟ้ามาศ เอ่ยพระนามกษัตริย์หนุ่มแห่งซาร์รียาร์กอย่างแผ่วเบา ก่อนจะมีอาการเซซวนอย่างเห็นได้ชัด
“แม่! แม่ค่ะ! แม่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” บุตรสาวหน้าตื่นรีบตรงเข้าประคอง พร้อมทั้งร้องถามด้วยความเป็นห่วง
“แม่ไม่เป็นอะไรหรอกลูก คงจะนั่งนานไปหน่อย พอลุกขึ้นมาเดินเร็วๆ ขาแข้งมันก็เลยอ่อนแรง แม่ว่า...ฟ้าเข้าไปดูน้ำซุปให้แม่ดีกว่านะ เดี๋ยวมันจะแห้งเสียหมด ไปลูกไป” หญิงสูงวัยเอ่ยกับบุตรสาว
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ ทั้งที่อดแปลกใจไม่ได้ เพราะยังไม่เห็นมารดาเข้าครัวทำกับข้าว
“ฝ่าบาทเสด็จมาถึงที่นี่มีกิจอันใดให้หม่อมฉันรับใช้หรือเพคะ”
พระสนมฟ้ามาศถอนสายบัวพร้อมทั้งโค้งศีรษะทำความเคารพกษัตริย์หนุ่มตามแบบอย่างชาวซาร์รียาร์ก ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเป็นทางการหลังลับร่างบุตรสาว
“นั่นคงเป็นท่านหญิงปลายฟ้าสินะ” ชีคลาซิโอรับสั่งถามแทนคำตอบ ขณะหันพระพักตร์ไปทาง พระกนิษฐภคินี
“เพคะ” สีหน้าของพระสนมฟ้ามาศมีแววกังวลอย่างเห็นได้ชัดขณะรับคำออกไปสั้นๆ
“พระสนมไม่สบายหรือเปล่า สีหน้าไม่สู้ดีเลย” รับสั่งถามด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นหน้าซีดเซียวของพระสนมฟ้ามาศ
“ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันสบายดี ถ้าฝ่าบาทเพียงแค่เสด็จมาเยี่ยมเยียนไม่มีกิจอันใด หม่อมฉันคงต้องขอตัวก่อน” พระสนมเอ่ยตัดบทสนทนาแล้วทำท่าจะปิดประตู
“เดี๋ยวก่อนสิพระสนม ทำไมถึงด่วนตัดรอนแบบนี้ล่ะ นอกจากจะไม่เชื้อเชิญเราเข้าบ้าน ยังไม่อยากวิสาสะกับเราด้วยอย่างนั้นหรือ” ชีคลาซิโอยกพระหัตถ์รั้งขอบประตู แล้วขยับพระโอษฐ์ท้วงทันที เมื่อพระสนมเอ่ยปากไล่ทางอ้อม
“ไม่ใช่อย่างที่ฝ่าบาทรับสั่งหรอกเพคะ หม่อมฉันแค่ไม่อยากให้บุตรสาวรับรู้เรื่องราวที่ผ่านมา คงจะเป็นการดี ถ้าฝ่าบาทจะทรงลืมเลือนเรื่องราวทุกอย่างเสียให้หมดสิ้น” พระสนมฟ้ามาศตอบกลับเชิงขอร้อง
“จะทำอย่างนั้นได้ยังไง ที่เราดั้นด้นมาเมืองไทยก็เพื่อจะพาพระสนมและท่านหญิงปลายฟ้ากลับซาร์รียาร์กด้วยกัน”
“ที่นี่ไม่มีพระสนมฟ้ามาศและท่านหญิงปลายฟ้าหรอกเพคะ มีเพียงเราสองแม่ลูกสามัญชนคนธรรมดาที่อยู่อย่างสงบสุขบนพื้นแผ่นดินไทย หม่อมฉันต้องขอพระราชทานอภัย ที่ต้องกราบทูลเชิญฝ่าบาทเสด็จกลับเพคะ” พระสนมฟ้ามาศเอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างตัดรอนก่อนจะปิดประตู
ชีคลาซิโอทรงทราบดีว่ากิตติศัพท์เรื่องทะนงในศักดิ์ศรีและถือดีเป็นที่สุด คงไม่มีใครเกินพระสนมฟ้ามาศ ถึงแม้จะรูปงามและกิริยาอ่อนช้อย ยามเอื้อนเอ่ยวจีช่างไพเราะเสนาะหูจนเป็นที่โปรดปราน แต่ยามดื้อรั้นก็เอาแต่ใจตัวเป็นที่สุด น้ำคำที่เอื้อนเอ่ยออกจากปากดูราวจะเชือดเฉือน ลองพระสนมบอกว่าไม่ ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะกลับมากลืนน้ำลายของตนเอง ขนาดองค์อัสซาร์ผู้เป็นพระบิดายังต้องล่าถอย แล้วพระองค์เองเล่าเป็นผู้ใดจะไม่ย้อนกลับไปตั้งหลักใหม่ได้อย่างไรกัน
รถยนต์พระที่นั่งที่ชีคลาซิโอประทับยังไม่ทันเคลื่อนตัวออก รถสปอร์ตคันหรูสไตล์ยุโรปก็ตรงเข้ามาจอดเทียบที่หน้าบ้านไม้หลังนั้น ชีคลาซิโอทอดพระเนตรชายหนุ่มหน้าตาคมคายผ่านกระจกติดฟิล์มกรองแสงสีดำสนิท แล้วทรงร้องสั่งให้พลขับชะลอรถอยู่กับที่
ชายหนุ่มผู้มาใหม่ก้าวลงจากรถพร้อมดอกไม้ช่อโตแล้วเดินไปกดกริ่ง ไม่นานนักหญิงสาวร่างระหงในชุดกระโปรงสีครีมสะอาดตาก็วิ่งออกมาต้อนรับ ใบหน้ายิ้มแย้มแสดงอาการดีใจอย่างเป็นที่สุด ขณะรับดอกไม้ช่อโตเข้าสู่อ้อมแขน ปลายเท้าเรียวยาวเขย่งขึ้นจุมพิตข้างแก้มชายหนุ่ม แล้วเกี่ยวแขนพากันเดินเข้าไปในตัวบ้าน
ชีคลาซิโอทรงครุ่นคิดขณะทอดพระเนตรภาพเบื้องพระพักตร์ เหตุใดท่านหญิงปลายฟ้าจึงแสดงกิริยาไม่สมควรได้ถึงเพียงนี้ เท่าที่ทรงศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณีไทย สุภาพสตรีที่ดีต้องรักนวลสงวนตัวและรู้จักวางตัวมิใช่หรือ เหตุใดพระสนมฟ้ามาศจึงปล่อยปละละเลย ไม่อบรมสั่งสอนสิ่งที่เหมาะสิ่งที่ควรให้กับท่านหญิงปลายฟ้า
ทั้งที่ตัวพระสนมฟ้ามาศเองก็ได้ชื่อว่าหวงตัวยิ่งกว่าใคร เมื่อครั้งถูกบังคับให้ถวายงานรับใช้ต่อองค์อัสซาร์ พระบิดาของพระองค์ยังต้องใช้กำลังเข้าหักหาญถึงจะได้เชยชมสมพระราชหฤทัย เห็นทีพระองค์คงจะต้องสืบประวัติชายหนุ่มผู้นี้ให้แน่ชัด ว่ามีความสัมพันธ์เช่นใดกับผู้เป็นน้องสาวต่างมารดา ก่อนจะเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้น ทรงดำริแล้วมีพระกระแสรับสั่งให้พลขับออกรถกลับโรงแรมที่ประทับ

ภายในบ้านคุณฟ้ามาศ
มาร์คก้าวเท้าตามคู่หมั้นสาวเข้าสู่ตัวบ้าน หญิงสาวพาเดินผ่านห้องรับแขกขนาดกะทัดรัดที่ดูสบายตา ทั้งสองตรงไปยังห้องครัวทันสมัยที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งหญิงสูงวัยผู้เป็นมารดากำลังสาละวนกับการทำอาหาร
“สวัสดีครับน้ามาศ” มาร์คเอ่ยทักทาย เมื่อเดินเข้ามาในห้องครัว
“เรียกน้าอีกแล้ว บอกให้เรียกแม่ไงจ๊ะ อีกไม่กี่เดือน มาร์คก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลแล้วนะลูก หัดเรียกไว้จะได้เคยปาก” คุณฟ้ามาศเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้ม ก่อนจะตำหนิชายหนุ่มอย่างไม่จริงจังนัก
“ครับแม่” มาร์ครับคำ พร้อมยิ้มอย่างยินดี
“แม่คะ เห็นแจกันใบใหญ่ไหมคะ?” ปลายฟ้าร้องถามมารดา ขณะที่มีดอกไม้ช่อโตอยู่ในวงแขน
“อยู่ในตู้ชั้นบนด้านซ้ายจ้ะลูก” คุณฟ้ามาศหันไปตอบบุตรสาว
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับแม่?” มาร์คเอ่ยถามอย่างมีน้ำใจ
“ถ้าอยากช่วยก็มา ว่าแต่เราน่ะทำกับข้าวเป็นเหรอ” ร้องถามอย่างแปลกใจ
“แหะ...แหะ...ไม่เป็นหรอกครับ แต่ถ้าเป็นงานใช้แรงผมถนัด” ชายหนุ่มทำหน้าเจื่อนอย่างอายๆ และตรงไปนั่งลงข้างๆ
“งั้น มาร์คโขลกหอมโขลกกระชายให้แม่ก็แล้วกัน” คุณฟ้ามาศหันไปหยิบครกมาวางตรงหน้าชายหนุ่ม
“ได้เลยครับ ว่าแต่แม่จะแกงอะไรครับ” ร้องถามขณะตั้งท่าอย่างทะมัดทะแมง
“แกงเลียงจ้ะ มาร์คเคยทานไหม?” คุณฟ้ามาศถาม ขณะปอกหอมแดงใส่ครก
“แกงเลียงเหรอครับ ไม่เคยทานหรอกครับ แต่เคยเห็น ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะใส่ผักหลายชนิด มีฟักทองด้วยใช่ไหมครับ?” มาร์คลงมือโขลกไปนึกไป
“จ้า อาหารพื้นๆ แต่เปี่ยมคุณภาพนะจ๊ะ ไม่ว่าจะเป็นบวบ ฟักทอง ตำลึง กุ้งแห้ง หรือว่าใบแมงลัก ล้วนแล้วแต่ให้สารอาหารทั้งนั้นแหละจ้ะ โดยเฉพาะผู้หญิงที่คลอดลูกใหม่ๆ ถ้าทานแกงเลียงใส่หัวปลีจะช่วยเรียกน้ำนมได้ดีเชียวละ
สมัยนี้ดีหน่อยที่มีเครื่องบดเครื่องปั่น ไม่อย่างงั้น...ได้นั่งตำกุ้งแห้งกันเมื่อยมือ เอา...โขลกเบาๆ สิจ๊ะตามาร์ค อย่าโขลกแรงอย่างนั้น เดี๋ยวกระเด็นนะลูก” คุณฟ้ามาศพูดคุยกับว่าที่ลูกเขยในอนาคตอย่างเอ็นดู แต่ไม่ทันจะขาดคำที่ร้องเตือนก็เห็นผลทันตา
“โอ๊ย! แสบชะมัด”
“นั่นไง...แม่บอกแล้ว กระเด็นเข้าตาละสิท่า ฟ้าเอ้ย...ฟ้า มาพาพี่เขาไปล้างหน้าล้างตาหน่อยสิลูก” คุณฟ้ามาศเช็ดมือเช็ดไม้ แล้วหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้ ก่อนจะร้องเรียกบุตรสาว
“พี่มาร์คเป็นอะไรเหรอคะแม่” ปลายฟ้าร้องถาม ขณะถือแจกันใส่ดอกไม้กลับเข้ามาวางบนโต๊ะ
“โขลกหอมโขลกกระชายแรงไปหน่อยน่ะลูกเลยกระเด็นเข้าตา”
“เหรอคะ เอา...ลุกเร็ว คุณพ่อครัวใหญ่ไปล้างหน้ากัน” ปลายฟ้าอมยิ้มอย่างนึกขัน กับการขยันอาสาของนักธุรกิจหนุ่มผู้เป็นคู่หมั้น
มาร์คลุกขึ้นเดินตามปลายฟ้าแต่โดยดี หลังล้างหน้าล้างตาจนสะอาดก็ออกมารับผ้าขนหนูผืนน้อยที่สาวคนรักยื่นให้หน้าห้องน้ำ ในขณะที่หญิงสาวหมุนตัวกลับเพื่อจะเดินไปช่วยงานมารดาที่ห้องครัว ชายหนุ่มเห็นสบโอกาสเหมาะที่ได้อยู่กันตามลำพังสองต่อสองจึงฉวยข้อมือไว้ กล่องกำมะหยี่สีแดงสดขนาดเท่าฝ่ามือถูกหยิบยื่นไปตรงหน้า หญิงสาวมีอาการแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือออกไปรับแล้วเปิดออก
“ให้ฟ้าเนื่องในโอกาสอะไรคะ” ปลายฟ้าถาม ขณะลูบไล้สร้อยเส้นงาม
“อืม...ไม่รู้สิครับ ผมเห็นแล้วนึกถึงฟ้าก็เลยซื้อมาฝาก ฟ้าชอบหรือเปล่าครับ”
“ชอบสิคะ ขอบคุณมากนะคะพี่มาร์ค” ปลายฟ้ายกมือกระพุ่มไหว้
“ว้า! แค่นี้เองเหรอครับ”
มาร์คร้องประท้วงขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าไม่เป็นไปตามที่หวัง สายตาตัดพ้อที่เต็มไปด้วยความน้อยใจถูกส่งผ่านไปยังหญิงสาว เขาอยากได้จุมพิตแสนหวานจากคนรักมากกว่าคำพูดขอบคุณที่ดูจะธรรมดาไปสักนิดสำหรับคนเป็นคู่รัก เขาสู้อุตส่าห์เฝ้ารอมานานหลายปีกว่าเธอจะยอมใจอ่อนตกลงรับปากเรื่องแต่งงาน แต่บ่อยครั้งที่หญิงสาวมักจะทำให้ชายหนุ่มน้อยใจอยู่เสมอ
หนึ่งในนั้นที่จำได้ดี ก็คงเป็นครั้งที่หญิงสาวพาเขาไปผูกดวงเพื่อหาฤกษ์แต่งงาน ครั้งนั้นเขาโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงและน้อยใจอย่างเป็นที่สุด เพราะไอ้หมอดูบ้านั่นมันดันทำนายว่า ถ้าแต่งงานตอนนี้จะมีอันต้องเลิกกันภายในสามวันเจ็ดวัน หนำซ้ำมันยังบอกให้รอไปอีกครึ่งปีถึงจะได้ฤกษ์ดีที่จะอยู่กันยันแก่ยันเฒ่า
ชายหนุ่มหันไปสบตาสาวคนรักก็รู้ในทันทีว่าเธอเชื่อสนิท จึงจำต้องนิ่งเฉยเพราะรู้ดีว่าค้านไปก็คงจะเปล่าประโยชน์ ดีไม่ดีเกิดทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้นมาจากเรื่องเล็กก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเสียเปล่าๆ ด้วยเหตุผลงมงายบ้าๆ บอๆ ในวันนั้น มาร์คเลยต้องนั่งนับนิ้วรอวันวิวาห์ที่แสนหวานมาจนถึงทุกวันนี้
“ก็แค่นี้น่ะสิคะ พี่มาร์คจะเอาแค่ไหน” ปลายฟ้าตีหน้าตายย้อนถาม แล้วแอบอมยิ้มอย่างเข้าใจท่าทีของฝ่ายตรงข้าม
“โธ่! ฟ้าครับ ผมรู้นะว่าคุณเข้าใจ” น้ำเสียงออดอ้อนทำท่าทางเหมือนเด็กถูกขัดใจ
“เข้าใจอะไรเหรอคะ อ๋อ...รู้แล้ว พี่มาร์คอยากให้ฟ้าปลื้มที่ได้รับของขวัญหน้าห้องน้ำนี่ใช่ไหมคะ?” ปลายฟ้าแกล้งเย้าเชิงต่อว่า
“เออ...คือผม...” เกิดอาการพูดไม่ออกขึ้นมาทันที ได้แต่ตำหนิตัวเองที่รีบยื่นของขวัญให้หญิงสาว โดยไม่ทันนึกว่ากำลังอยู่หน้าห้องน้ำ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ ฟ้าล้อเล่นค่ะ ขอบคุณนะคะพี่มาร์ค ฟ้ารักพี่มาร์คที่สุดเลย” หญิงสาวเห็นสีหน้าคนรักสลดลงเลยเลิกเย้าแหย่ เปลี่ยนเป็นแตะริมฝีปากเบาๆ ที่ข้างแก้มชายหนุ่มก่อนจะสวมกอด
“ผมก็รักฟ้าครับ” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าขณะสองแขนกอดตอบสาวคนรัก ใบหน้าคมคายโน้มลงเพื่อจะสัมผัสริมฝีปากอิ่มแต่ก็ต้องหยุดชะงัก
“ฟ้า...ตามาร์ค เสร็จหรือยังลูก มายกกับข้าวไปตั้งโต๊ะได้แล้วจะได้ทานข้าวกัน”
เสียงประกาศิตของคุณฟ้ามาศดังขัดตาทัพขึ้นมาเสียก่อน ทั้งสองจึงขานรับขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะอมยิ้มกึ่งขำแล้วพากันเดินไปยังห้องครัว
“ครับ/ค่ะ”

ตอนที่ 2
ณ โรงแรมดังระดับห้าดาว ใจกลางกรุงเทพฯ
ยามรัตติกาลมาเยือนท้องฟ้าเปิดโปร่งบรรยากาศเงียบสงบ เหนือตึกรามบ้านช่องที่สูงเสียดฟ้าเครื่องร่อนบินโฉบเฉี่ยวไปมาตามแรงขับเคลื่อน ร่างบางภายใต้หน้ากากสีดำเฉกเช่นชุดรัดกุมที่สวมใส่ ดันคันบังคับเพื่อชะลอความเร็วและลดระดับลงเมื่อเห็นโรงแรมเป้าหมาย
ลวดสลิงเส้นเล็กแต่ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม พุ่งตรงเข้าเกี่ยวกวัดรัดราวระเบียงห้องพักอย่างแม่นยำราวจับวาง มือน้อยปล่อยเครื่องร่อนให้เป็นอิสระ ทันทีที่กระตุกลวดสลิงตรวจสอบความเรียบร้อย
ปลายเท้าเรียวแตะพื้นระเบียงราวแมวย่อง มือบางส่งกิ๊บตัวน้อยสอดผ่านร่องกุญแจประตูบานใส ริมฝีปากอิ่มกระตุกยิ้มอย่างย่ามใจ ก่อนจะเลื่อนบานประตูและแฝงกายฝ่าความมืดเข้าสู่ภายใน ลำดับการค้นหาเริ่มต้น ลิ้นชักตามตู้โต๊ะและกระเป๋าถูกเปิดออกเพื่อตรวจสอบ หากแต่ยังไม่พบสิ่งของที่ต้องการ
เงาตะคุ่มเปลี่ยนทิศทางมุ่งตรงสู่ห้องนอนใหญ่ บานประตูถูกแง้มออกอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะแทรกตัวผ่านเข้าไป สายตามองฝ่าความมืดเพื่อปรับรับภาพ โต๊ะข้างเตียงนอนคือจุดแรกของการค้นหา ปลายเท้าเรียวย่างก้าวอย่างแผ่วเบาจนถึงที่หมาย ก่อนจะปรายตามองบุรุษที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเพียงชั่วครู่ แล้วหันกลับมาแตะลิ้นชักเพื่อดึงออกอย่างช้าๆ
ยังไม่ทันที่การค้นหาจะเริ่มต้น ข้อมือเรียวกลับโดนกระชากอย่างแรงและเร็ว โดยบุรุษที่นอนนิ่งอยู่เมื่อครู่ ร่างบางรีบแก้สถานการณ์อย่างรู้หลัก โดยบิดข้อมือกลับก่อนจะปล่อยหมัดสวนออกไป หากแต่อีกฝ่ายกลับคว้าข้อมือเรียวเอาไว้แล้วยันกายลุกขึ้น ผ้าผวยผืนโตที่ใช้ห่มกายาจึงเลือนหลุด เผยให้เห็นเรือนร่างกำยำสมชายที่ไม่มีอาภรณ์ใด ๆ ติดกายเลยสักชิ้น
ร่างบางตื่นตระหนกเมื่อมองฝ่าความมืด กำปั้นอีกข้างจึงจู่โจมบุรุษผู้นั้นในทันทีที่ตั้งสติได้ แต่ยังช้ากว่าข้อมือใหญ่ที่ฉวยเอาไว้ได้ทัน ความร้อนรนที่ก่อเกิดทำให้ลืมวิธีการต่อสู้จนหมดสิ้น เพราะอาการขวัญผวาเข้าครอบงำจิตใจจนประสาทรั่ว จึงได้แต่เต้นเร่าๆ สะบัดไม้สะบัดมือให้หลุดพ้นจากพันธนาการที่แข็งราวกับเหล็ก
“ปล่อย! บอกให้ปล่อยไง!” ร่างบางกระสับกระส่ายอย่างร้อนรน
“ตัวเล็กเท่าลูกหมาริจะเป็นขโมย แบบนี้ต้องลากส่งตำรวจเสียให้เข็ด” บุรุษกำยำพูดขณะยกหูโทรศัพท์ขึ้นแล้วกดเลขหมายบนแป้น
ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘ตำรวจ’ อาการประสาทรั่วดูจะหายเป็นปลิดทิ้ง ร่างบางโถมทั้งตัวกระแทกบุรุษเบื้องหน้าจนล้มไปกองอยู่กับพื้น สองขาวิ่งรี่ไปที่ประตูหมายจะหลบหนี แต่ทว่ายังก้าวขาไม่พ้นปากประตูเสียด้วยซ้ำ ก็ต้องลอยละลิ่วกลับเข้ามากระแทกตู้เสื้อผ้าตามแรงเหวี่ยง
บุรุษร่างกำยำหาได้ละโอกาสงาม รีบสาวเท้าเข้าหาพร้อมกำหมัดขวาแน่น มือซ้ายตะปบเสื้อบริเวณหน้าอกแล้วออกแรงกระชาก ด้วยหมายจะตะบันหน้าเจ้าหัวขโมยร่างเล็กเป็นการสั่งสอนที่บุกเข้ามาถ้ำเสือ สัมผัสหยุ่นนุ่มที่บ่งบอกเพศ ทำให้มือแข็งราวเหล็กคลายออกเสมือนแตะต้องของร้อนก็ไม่ปาน
“เฮ้ย! ผู้หญิงนี่หว่า”
หัวขโมยได้จังหวะไม่รอช้ายกปลายเท้าเตะสวนกลับอย่างเต็มแรงบริเวณผ่าหมาก ก่อนจะวิ่งตื๋อออกจากห้อง มือเรียวคว้าปืนฉมวกจากเอวแล้วลั่นไก แรงอัดพุ่งปะทะประตูกระจกบานใสจนแตกละเอียด มันตรงเข้าเกี่ยวกวัดตรึงรัดราวระเบียงอย่างแม่นยำ หญิงสาวคว้าลวดสลิงไว้มั่นแล้วเหวี่ยงตัวไปยังชั้นล่าง สองเท้าวิ่งฝ่าเสียงกรีดร้องของผู้ใช้บริการห้องพัก แล้วปะปนไปกับผู้คนที่กำลังตื่นตระหนก ก่อนจะหายลับไปกับความมืด โดยทิ้งให้บุรุษร่างกำยำนอนกำของรักของหวงด้วยความเจ็บปวด
“ฝ่าบาทเป็นยังไงบ้างพระเจ้าค่ะ” ราชองครักษ์ต่างกรูกันเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงผิดปกติ
“จะเป็นยังไง ก็จุกนะสิถามได้ เจ้าจะลองดูบ้างไหมล่ะ” ชีคลาซิโอกัดพระทนต์ ฝืนขยับองค์ลุกขึ้น
“ไม่ดีกว่าพระเจ้าค่ะ” อับดุลลาหัวหน้าราชองครักษ์อมยิ้มกึ่งขำ ขณะรีบสั่นหน้าอย่างหวาดๆ
“พวกเจ้าทำงานกันยังไง ทำไมถึงหละหลวมแบบนี้ ถ้าหัวขโมยนั่นคิดจะเอาชีวิตเรา เรามิเป็นศพก่อนที่พวกเจ้าจะขึ้นมาเหรอ” พระขนงขมวดขณะตำหนิราชองครักษ์ แล้วคว้าฉลองพระองค์ตัวยาวที่ปลายพระแท่นขึ้นมาสวม
“ขอพระราชทานอภัยพระเจ้าค่ะที่พวกเกล้ากระหม่อมบกพร่องในหน้าที่ หากจะทรงลงอาญา เกล้ากระหม่อมขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียวพระเจ้าค่ะ” อับดุลลาทูลขอในฐานะที่เป็นหัวหน้าราชองครักษ์
“เอาเถอะ เราจะเว้นโทษพวกเจ้าสักครั้ง แล้วอย่าให้เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอีก จัดการแจ้งทางโรงแรมให้ปิดข่าวให้เรียบร้อย เขาจะเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ก็จ่ายไป อ้อ...แล้วตามพนักงานทำความสะอาดมาเก็บกวาดให้เรียบร้อยด้วย” ชีคลาซิโอมีรับสั่งก่อนจะส่ายพระพักตร์ไปมา เมื่อเห็นสภาพห้องที่ประทับส่วนพระองค์
“พระเจ้าค่ะ”
ลับร่างอับดุลลาราชองครักษ์คนสนิท ชีคลาซิโอหงายฝ่าพระหัตถ์ขึ้นทอดพระเนตร อกอวบอิ่มที่ทรงสัมผัสได้ถึงความหยุ่นนุ่มดูจะติดตรึงอยู่ไม่รู้หาย มโนภาพหัวขโมยตัวกะเปี๊ยกที่พระองค์เข้าใจว่าเป็นเพียงเด็กหนุ่มผุดขึ้น ทรงแปลกใจอยู่บ้างเหมือนกัน ว่าเหตุใดเนื้อตัวเจ้าหัวขโมยนั่นจึงนุ่มนิ่ม แต่มิได้เฉลียวใจเลยแม้แต่น้อยว่าร่างบอบบางแบบนั้นจะเป็นอิสตรี
ใครเลยจะคิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ จะกล้าหาญชาญชัย บุกเดี่ยวเข้ามาขโมยทรัพย์ส่วนพระองค์ ท่ามกลางกองกำลังราชองครักษ์ที่คอยรักษาการ
“ขอเดชะ เกล้ากระหม่อมพบสิ่งนี้ตกอยู่ที่ระเบียงด้านนอกพระเจ้าค่ะ” หนึ่งในราชองครักษ์รายงาน
‘เกมเพิ่งเริ่ม เที่ยวหน้าไม่พลาดแน่...พริตตี้วันเดอร์’
ชีคลาซิโอยื่นพระหัตถ์รับการ์ดใบเล็กที่ราชองครักษ์นำมาถวาย กลิ่นหอมละมุนลอยแตะพระนาสิกขณะทอดพระเนตรอักษรตัวน้อย ข้อความที่ปรากฏสร้างความขุ่นเคืองพระทัยเป็นยิ่งนัก พระพักตร์ที่งอง้ำดูจะบึ้งตึงมากกว่าเก่า ทรงเป็นถึงกษัตริย์เปรียบประดุจสีห์ราช ไฉนไหนเลยจะปล่อยให้อิสตรีตัวกระจ้อยมาหยามเกียรติ เจ็บองค์ยังไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บใจนี่สิมากกว่า พระเนตรเข้มแววโรจน์ด้วยบันดาลโทสะ พระสุรเสียงกร้าวร้องสั่งการขณะขยำกระดาษในอุ้งพระหัตถ์
“สั่งการลงไป...เราต้องการตัวหัวขโมยนั่น หากใครจับได้เราจะจ่ายไม่อั้น”
“พระเจ้าค่ะ”

คฤหาสน์รีวิลล์
รุ่งอรุณมาเยือนรถสปอร์ตมันวาวมุ่งสู่คฤหาสน์รีวิลล์ กายเร่งรุดมาดูอาการเพื่อนสาวหลังจากได้รับแจ้งจากสาวใช้ อลิสนอกจากจะเป็นคนดื้อรั้นยังเอาแต่ใจตัวอย่างเป็นที่สุด ความคิดเห็นของเธอมักเป็นใหญ่เสมอ ไม่ว่าใครหน้าไหนจะท้วงติงยังไงหญิงสาวไม่เคยรับฟัง เพราะคิดการใหญ่จนเกินตัวจึงไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้รับบาดเจ็บ กายยังจำได้ดีว่าเมื่อครั้งที่หญิงสาวฉกชิงภาพวาดอันลือเลื่องจากมหาเศรษฐีผู้มีอิทธิพลแดนซากุระ ครานั้นแม้งานจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เจ้าของภาพวาดที่แท้จริงดีใจจนหน้าบานที่ได้ของกลับคืนมา แต่คนขมายกลับต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มเป็นเดือนๆ เพราะได้ของแถมเป็นลูกตะกั่วกลับมาสองนัด
นานวันความผูกพันใกล้ชิดทำให้ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนนั้นผันแปร แต่ชายหนุ่มยังไม่กล้าพอที่จะเผยความในใจออกไป เพราะเกรงว่าความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันนั้นจะสูญสลาย หากหญิงสาวไม่ตอบรับเพราะคิดกับเขาเพียงแค่เพื่อนสนิท แม้ภายในใจอยากบอกแต่ก็เลือกที่จะนิ่งเฉย เพราะยังอยากอยู่ดูแลอย่างใกล้ชิดมากกว่าที่จะเข้าหน้ากันไม่ติดจนต้องหลบลี้หนีหน้าไป
“โอ๊ย! เจ็บนะ เบาๆ หน่อยสิกาย” อลิสหน้าเหยเกเมื่อกายทายาให้บริเวณข้อมือ
“เจ็บก็ดีแล้วนี่ ทีหลังจะได้เข็ด” กายตำหนิอย่างไม่จริงจังนัก
“เรื่องอะไรจะเข็ด นึกแล้วยังแค้นไม่หาย เพราะอีตาชีคบ้านั่นทีเดียวที่ทำฉันเขียวไปหมดทั้งตัว หนำซ้ำยังบังอาจมาจับ...” บ่นงึมงำก่อนจะหน้าแดงแล้วชะงักคำพูดทันที
“จับอะไร ชีคลาซิโอจับอะไรคุณ” กายคิ้วขมวด ถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น
“เออ...ก็จับตามแขนตามแขนนั่นแหละ ดูสิ...เขียวเป็นจ้ำๆ เต็มไปหมดเลย” อลิสเลี่ยงพร้อมทำหน้าตาย แสร้งชี้นิ้วไปตามแขนตามขา
“อลิส คุณเจ็บตรงไหนอีกบ้างหรือเปล่า ผมจะได้ทายาให้” สายตามองสำรวจทั่วตัวหญิงสาว
“ไม่ต้อง! เอ๊ย! ไม่เจ็บแล้ว” ใบหน้านวลใสแดงเรื่อรีบร้องปฏิเสธทันควัน เพราะรู้ดีแก่ใจว่าส่วนที่เจ็บนั้นอยู่ในร่มผ้าจะให้บุรุษทายาให้ได้อย่างไร
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ดูแปลก ๆ ยังไงชอบกล” กายคิ้วขมวดเมื่อเห็นท่าทีของหญิงสาว
“ป...เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร สงสัยคงจะเพลียมั้ง” อลิสออกอาการประสาทรั่วเล็กน้อย
“งั้น...ผมกลับเลยก็แล้วกันคุณจะได้พักผ่อน อ้อ..อย่าลืมทานยาล่ะ” ขยับตัวลุกขึ้นแต่ก็ยังอดที่จะเอ่ยปากออกไปด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“รู้แล้วน่า เฮ้! กาย ทำอะไรให้อย่างสิ” อลิสรับคำพร้อมทำจมูกย่น ก่อนจะร้องเรียกเพื่อนชายเมื่อนึกอะไรได้บางอย่าง
“หา! จะให้ผมโทรฯ ไปนัดสัมภาษณ์ชีคลาซิโอ ทั้งที่คุณเพิ่งจะเข้าจู่โจมเขาเมื่อคืนเนี่ยนะ แหวกหญ้าให้งูตื่นแบบนั้นเป็นใครก็ต้องระวังตัว มันคงไม่ง่ายอย่างที่คุณคิดหรอกมั้ง” ชายหนุ่มค้านในทันทีที่ได้ฟังแผนการของเพื่อนสาว
“กาย..ฉันมั่นใจว่านายทำได้ เคยได้ยินไหม? ไม่เข้าถ้ำเสือจะได้ลูกเสือได้ยังไง” น้ำเสียงจริงจัง โต้กลับเป็นสุภาษิตกลับไปบ้าง
อลิสทิ้งตัวจมกับหมอนใบนิ่มขณะครุ่นคิด แผนการที่เพิ่งขอร้องเพื่อนสนิทให้ช่วยจัดการ น่าจะได้ผลดีกว่าการใช้กำลังบุกเดี่ยวอย่างในค่ำคืนที่ผ่านมา จากเหตุการณ์ดังกล่าวนอกจากจะคว้าน้ำเหลว ยังรู้สึกตกเป็นเบี้ยล่างเพราะความตื่นตระหนกจนเกินเหตุ
การได้เห็นเรือนร่างไร้อาภรณ์ของบุรุษทำให้ขวัญผวา ถึงจะเคยเรียนวิชาเพศศึกษามาบ้างก็เถอะ แต่ของจริงจะจะกับตาแบบนี้เคยเห็นเสียที่ไหน ซ้ำร้ายหน้าอกหน้าใจที่ไม่เคยต้องมือชาย กลับโดนแตะต้องด้วยน้ำมือบุรุษแปลกหน้า
อลิสลุกขึ้นนั่งปลดกระดุมเสื้อดูร่องรอยที่ชีคลาซิโอฝากเอาไว้ เนินเนื้อขาวนวลด้านขวาเจ็บระบมไปทั่ว สีเขียวช้ำปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดทั่วบริเวณฐานอก หญิงสาวหยิบยามาทาไล้แต่เบามือ ขณะที่ก่นด่าผู้สร้างริ้วรอยด้วยความโมโห
“อีตาชีคบ้า! ขยำหน้าอกฉันซะเขียวเชียว คอยดูนะ...เจอเที่ยวหน้าแม่จะเตะให้สูญพันธุ์เลย”

..............................................................................................

ศุกร์นี้..พบกันที่ซีเอ็ดทุกสาขา ในแบบรูปเล่มนะคะ
ด้วยความขอบคุณจากใจ..ทิตภากร




Create Date : 26 พฤษภาคม 2552
Last Update : 30 พฤษภาคม 2552 18:43:48 น. 0 comments
Counter : 424 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

z-simlee
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่ห้อง..."ทิตภากร & พาสเวิร์ด"
คำเตือน... ลิขสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อกเป็นของผู้เขียนตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน
Cute Cursors from Dollielove.com
[Add z-simlee's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com