ดอกเบี้ยสิเน่หา [กันต์ระพี] [ภาพปก + ตัวอย่างเนื้อเรื่อง + สนพ. Touch Publishing วางจำหน่ายแล้ว]






Free TextEditor

ดอกเบี้ยสิเน่หา ประพันธ์โดย..กันต์ระพี
ตีพิมพ์สนพ. Touch publishing
หาซื้อได้ที่ร้านซีเอ็ดทุกสาขาและร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป
เปิดตัววันแรก วรรณกรรมขายดีอันดับที่ 51
จาก TOP 100 รายวัน SE-ED ประจำวันที่ 30 กันยายน 2553

ดอกเบี้ยสิเน่หา

 


ประพันธ์โดย..กันต์ระพี

 


ตอนที่ 1

 


ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ...

 


‘ศิตา’ก้าวออกจากประตูผู้โดยสารขาเข้าด้วยใบหน้าหมองเศร้า นับตั้งแต่ได้ทราบข่าวเรื่องบิดาลาลับจากคุณนิวัตรทนายประจำตระกูล หญิงสาวก็ร่ำไห้จนน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด หากได้รับการแจ้งข่าวเร็วกว่านี้อีกสักนิด หล่อนก็คงจะละทิ้งความฝันในการเรียนต่อและเดินทางกลับเมืองไทยในทันที เพื่อจะได้พบหน้าบิดาอันเป็นที่รักอีกสักครั้ง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ตาม

 


ข้อความที่ระบุในจดหมายว่า ‘เสี่ยกมล’ กระทำอัตวินิบาตกรรม อันเนื่องมาจากมีหนี้สินล้นพ้นตัว เป็นสิ่งที่ศิตาไม่อยากเชื่อ เพราะครอบครัวของหล่อนค้าขายอัญมณีมานานหลายปี ธุรกิจที่สร้างเม็ดเงินมหาศาลนำมาซึ่งรายได้ จึงมีเงินทุนหมุนเวียนอยู่ในธนาคารหลายร้อยล้านบาท อีกทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่มากมาย ตลอดจนชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบายของหญิงสาว ก็ล้วนแล้วแต่มาจากผลกำไรตรงส่วนนี้

 


                ดวงตาคู่สวยที่เอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาแดงก่ำ ได้แต่นึกเสียใจและเฝ้าโทษตัวเองที่ตัดสินใจมาศึกษาต่อยังต่างประเทศ หากในช่วงเวลานั้นได้อยู่เคียงข้างบิดา เหตุการณ์น่าสลดใจก็คงจะไม่เกิดขึ้น เพราะคำปลอบโยนของหล่อนคงเป็นกำลังสำคัญฉุดรั้งให้ท่านลุกขึ้นสู้ยืนหยัดได้ใหม่อีกครั้ง และไม่คิดตัดช่องน้อยแต่พอตัวจนเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น

 


นอกจากศิตาจะสูญเสียบิดา หล่อนยังสูญสิ้นสถานภาพทางการเงิน จึงไม่ต่างจากคนสิ้นเนื้อประดาตัว บ้านราวคฤหาสน์ที่เคยอยู่ รถหรูหราที่เคยใช้ ทุกอย่างถูกยึดออกขายทอดตลาดจนหมดสิ้น เพื่อชดใช้หนี้สินของบุพการี แต่ก็นับว่าหญิงสาวยังโชคดีที่เหลือคอนโดฯ ที่บิดาซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ให้ก่อนที่จะไปศึกษาต่อ จึงไม่เดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัย มิเช่นนั้น...การเดินทางกลับมาเมืองไทยในครั้งนี้ หล่อนอาจต้องนอนตามศาลาวัดก็เป็นได้

 


ศิตาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งรถแท็กซี่ที่นั่งมาจากท่าอากาศยานเคลื่อนตัวฝ่าการจราจรที่แออัดมาจอดเทียบหน้าตึกสูงระฟ้าใจกลางกรุงอันเป็นที่หมาย จึงลากกระเป๋าลงจากรถก้าวเข้าไปภายในอาคารเพื่อพบทนายสูงวัย

 


“มันหมายความว่ายังไงกันคะคุณนิวัตร ที่ฉันจะไม่เหลืออะไรเลยสักอย่าง”

 


                “ก็อย่างที่เรียนให้ทราบนั่นแหละครับ ลำพังเงินเดือนผมก็ไม่ได้รับมาจะปีแล้ว ผมพูดแค่นี้คุณหนูคงจะเข้าใจนะครับ” ชายสูงวัยท่าทางภูมิฐานในชุดสูทเอ่ยเรียบ ๆ ก่อนจะหยิบเอกสารในแฟ้มยื่นให้หญิงสาว

 


                “ที่ผมต้องเรียกคุณหนูกลับก็เพราะสิ่งนี้ละครับ เสี่ยกมลได้ทำสัญญาเงินกู้ไว้ก่อนตายอีกฉบับ อาทิตย์ก่อนเจ้าหนี้โทรฯ มาเร่งรัด ผมก็ได้แต่ทำเรื่องขอผ่อนผัน แต่ทางนู้นเขาไม่ยินยอม” 

 


                “สิบล้าน!! ทำไมมันถึงได้มากมายขนาดนี้”

 


ศิตาร้องถามหน้าตาตื่น เมื่อเห็นจำนวนตัวเลขที่ระบุในหนังสือสัญญาเงินกู้

 


                “เท่าที่ทราบ...ก่อนที่คุณหนูจะไปเรียนต่อต่างประเทศ เสี่ยหันมาเข้าบ่อนเล่นการพนัน แรก ๆ ผมก็คิดว่าคงจะเล่นสนุก ๆ แต่หลัง ๆ เสี่ยหมกมุ่นเสียจนเงินทองเริ่มขาดมือ ตกหนักเข้าก็ต้องตากหน้าไปขอกู้ยืมเงินคนโน้นทีคนนี้ที ผมเห็นแล้วก็ได้แต่เศร้าใจ” คุณนิวัตรระบายลมหายใจอีกครั้ง ไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องดังกล่าวให้คนฟังต้องเจ็บปวดใจ

 


“ฉันเข้าใจดีค่ะ ไม่โกรธ และก็ไม่โทษคุณหรอกค่ะ” ศิตาหลุบสายตาลงต่ำมองมือตนเอง

 


“ผมคิดว่าที่เสี่ยฆ่าตัวตายก็คงเป็นเพราะสาเหตุนี้แหละครับ”

 


                “คุณนิวัตรคะ คุณพ่อก็ตายไปแล้ว เขาจะมาเรียกร้องอะไรอีก”

 


                “ครับ เสี่ยเสียชีวิต เรื่องหนี้สินก็น่าจะจบ แต่ที่มันไม่จบ ก็เพราะในสัญญาระบุอย่างชัดเจน ว่าคุณหนูยินยอมจะชดใช้หนี้สินดังกล่าว” ชายสูงวัยเอ่ยพลางจรดปลายปากกาไปตามข้อความที่ระบุในสัญญา

 


                ‘หากข้าพเจ้านายกมล อภิญญาสวัสดิ์ มีอันต้องเสียชีวิตไปก่อนที่สัญญาจะสิ้นสุด นางสาวศิตา อภิญญาสวัสดิ์ บุตรสาวของข้าพเจ้ายินยอมจะชดใช้หนี้สินดังกล่าวแทนจนครบจำนวนตามที่สัญญาระบุ’

 


สายตาหวาดหวั่นไล่ไปตามปลายปากกา จดจำลายมือหวัด ๆ และลายเซ็นคุ้นตาของบิดาได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อเลื่อนสายตาลงต่ำจากลายเซ็นยุ่งเหยิงนั่น ศิตาก็หน้าขาวซีด รู้สึกวิงเวียนเหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้ เมื่อเห็นลายเซ็นเป็นระเบียบของตนกำกับอยู่อย่างชัดเจน เพียงเท่านั้น...หญิงสาวก็รับรู้ชะตากรรมของตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องให้คุณนิวัตรทนายประจำตระกูลมานั่งอธิบายอะไรอีก

 


ลายเซ็นของหล่อนอยู่ในสัญญาฉบับนี้ได้ยังไงกัน?

 


ศิตาย้อนนึกถึงวันก่อนจะเดินทางไปเรียนต่อ วันนั้นหล่อนยุ่งกับการจัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องพัก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่บิดาได้นำเอกสารอะไรบางอย่างมายื่นให้ตรงหน้า พอรับมาได้ก็เซ็นชื่อลงไปแล้วส่งคืน โดยไม่ได้สนใจที่จะอ่านข้อความเสียด้วยซ้ำ เพราะคิดไปว่าเป็นเอกสารการประชุม ที่ผู้ถือหุ้นบริษัทสามสิบเปอร์เซ็นต์อย่างหล่อนต้องเซ็นเป็นประจำอยู่แล้ว

 


ศิตาไม่คิดเลยว่าการตรวจสอบเอกสารไม่ละเอียดถี่ถ้วนในครั้งนั้นจะนำความเดือดร้อนมาสู่ตัว แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีคำต่อว่าต่อขานใด ๆ หลุดจากเรียวปาก นอกจากหยาดน้ำตาที่รินไหลจากดวงตาคู่สวย ด้วยนึกน้อยใจในการกระทำของบิดา เสมือนหนึ่งยอมรับชะตากรรมที่ไม่ได้ก่อโดยดุษณี

 


                “ฉันจะติดต่อเจ้าหนี้รายนี้ได้ยังไงคะ

 


น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยถามทนายสูงวัยราวกับปลงแล้วในทุกสิ่ง

 


                “นี่ครับ” คุณนิวัตรเปิดลิ้นชักหยิบนามบัตรก่อนจะยื่นให้หญิงสาว

 


                “ทศพักตร์ อภิรักษ์บดินทร์ ประธานกรรมการบริษัท ที พี แอนด์ เอ จิวเวอรี่”               

 



 


ตึกสูงระฟ้าใจกลางกรุงเทพฯ        

 


ศิตาร้อนใจเกินกว่าจะกลับคอนโดฯ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยโทรนัดเจราจากับเจ้าหนี้รายนี้ จึงตัดสินใจลากกระเป๋าเดินทางมาพบทศพักตร์ที่บริษัทตามนามบัตรที่คุณนิวัตรให้ไว้ ด้วยต้องการจะอธิบายความจริงให้รับรู้ ว่าหล่อนไม่ได้ยินยอมพร้อมใจที่จะเซ็นสัญญาฉบับดังกล่าว แต่ถึงกระนั้นก็ยินดีที่จะชดใช้หนี้สินแทนบิดาอย่างไม่มีเงื่อน หากเขาจะกรุณายืดเวลาการชำระหนี้ให้คนที่เหลือแต่ตัวอย่างหล่อนบ้าง

 


“สวัสดีค่ะ ดิฉันมาขอพบคุณทศพักตร์ค่ะ”                                

 


“ไม่ทราบว่านัดไว้หรือเปล่าคะ เลขาหน้าห้องเอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

 


“เออ...ไม่ได้นัดหรอกค่ะ ต้องขอโทษจริง ๆ บังเอิญดิฉันมีธุระด่วน ก็เลยไม่ทันได้แจ้งล่วงหน้า” ศิตาเอ่ยตามตรงแบบไม่เต็มน้ำเสียงนัก เพราะทราบดีว่าเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก ที่จู่ ๆ ก็มาขอพบบุคคลระดับผู้บริหารโดยไม่ได้โทรนัดหมายล่วงหน้า

 


“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะลองสอบถามคุณทศให้นะคะ ว่าจะอนุญาตให้เข้าพบหรือไม่ ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าจะให้ดิฉันเรียนว่าใครมาขอพบคะน้ำเสียงหวาน ๆ เอ่ยกลับมาอย่างมีน้ำใจ ทำให้หญิงสาวละลักละล่ำตอบกลับไป

 


“ศิตาค่ะ ศิตา อภิญญาสวัสดิ์”

 


“รอสักครู่นะคะ”

 


“คุณทศคะ คุณศิตา อภิญญาสวัสดิ์ มาขอพบค่ะ” คุณเลขาคนสวยยิ้มเยือนให้หญิงสาว พลางฉวยโทรศัพท์กดหมายเลขภายใน ก่อนจะกรอกเสียงหวานลงไป

 


“อะไรนะ? สี่ตาเหรอ ผมไม่รู้จัก บอกให้กลับไปก่อนก็แล้วกัน วันนี้ผมอารมณ์ไม่ค่อยดี ไว้วันหลังค่อยมาใหม่ คนบ้าอะไรวะ! ชื่อสี่ตา” เสียงดุ ๆ ที่โวยวายลั่นโทรศัพท์ก่อนจะสบถออกมาไม่เบานักในตอนท้าย ทำให้หญิงสาวใจคอไม่ดี แต่ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะเข้าพบให้ได้ จึงเอ่ยขัดขึ้นมากลางลำก่อนที่ชายหนุ่มจะวางสาย

 


“เออ...คุณคะ ช่วยเรียนคุณทศพักตร์ด้วยค่ะ ว่าดิฉันมีธุระด่วนจริง ๆ ยังไงก็จะรอค่ะ”

 


“ค่ะ...ได้ค่ะ” แม้สีหน้าคุณเลขาจะไม่สู้ดีนัก แต่ก็พยายามกรอกเสียงหวาน ๆ บอกความต้องการของหญิงสาวผ่านกระบอกหูโทรศัพท์

 


“เออ...คุณทศคะ คุณศิตาเธอบอกว่ายังไงก็จะรอค่ะ”

 


“โธ่โว้ย! ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง เอาเถอะ...ถ้ายัยสี่ตาอะไรนั่นอยากรอก็ปล่อยให้รอไป ผู้หญิงบ้าอะไร ตื้อชะมัด ชื่อประหลาดอย่างเดียวไม่พอ นิสัยยังประหลาดอีก” เจ้าของน้ำเสียงดุ ๆ โวยวายหนักกว่าเก่า แล้วกระแทกหูโทรศัพท์ลงกับแป้นวาง

 


“เออ...คุณทศ ให้เรียนว่า...” คุณเลขาทำหน้าไม่ถูก พูดไม่ออก เมื่อเหลือบตาขึ้นมองแล้วพบว่าหญิงสาวที่มาขอพบเจ้านายยังยื่นอยู่ตรงหน้า

 


“ดิฉันทราบแล้วค่ะ”

 


ศิตาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบเสมือนหนึ่งไร้ความรู้สึก ก่อนจะเดินเก็บอาการไปนั่งคอยที่โซฟาแล้วหยิบนิตยสารมาอ่านฆ่าเวลา หญิงสาวทำราวกับว่าไม่ใส่ใจในคำว่ากล่าวของชายหนุ่ม ทั้งที่ภายในใจนึกก่นด่าเจ้าของน้ำเสียงดุ ๆ นั่น

 


ผู้ชายอะไร มารยาททรามชะมัด!

 






Free TextEditor




 

Create Date : 27 กันยายน 2553   
Last Update : 1 ตุลาคม 2553 8:10:26 น.   
Counter : 609 Pageviews.  



z-simlee
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่ห้อง..."ทิตภากร & พาสเวิร์ด"
คำเตือน... ลิขสิทธิ์งานเขียนทุกชิ้นในบล็อกเป็นของผู้เขียนตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน
Cute Cursors from Dollielove.com
[Add z-simlee's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com