Fly with L'Arc~Airline
 
๑. Kiritsubo จบ

ในปีนั้นเอง มารดาของนางกำนัลเรือนคิริสิ้นชีวิตลง ตามความปรารถนาที่จะติดตามธิดาของนางไปอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มีสิ่งเดียวที่นางยังอาวรณ์อยู่คือนางจำต้องพรากจากหลานชายสุดที่รักของนาง
นับจากนี้ไป พระโอรสน้อยทรงพำนักอยู่ที่พระราชวัง และในปีต่อมา ทรงเจริญวัยได้ 7 ชันษา ได้เริ่มทรงพระอักษรกับพระอาจารย์แขนงต่างที่พระบิดาทรงเลือกสรรมาเป็นอย่างดี และให้พระโอรสอยุ่ร่วมกับพระองค์ในตำหนักส่วนพระองค์ พระองค์กล่าวว่า “ไม่มีผู้ใดเกลียดเด้กคนนี้ได้ลงหรอก” เมื่อพระองค์พาโอรสน้อยไปพบพระสนมตำหนักโคคิ และตรัสว่า “เด็กคนนี้กำพร้าแม่แล้ว เจ้าจงอ็นดูบ้างเถิด” พระสนมตำหนักโคคิทรงออกปากทีเดียวว่า “ไหนๆแม่เค้าก็ตายไปแล้ว ให้เด็กน้อยได้มีความสุขใจบ้าง” ขนาดนักรบที่ใจหิน หรือ ศัตรูที่โหดเหี้ยม ยังต้องยิ้มออกมาเมื่อได้เห็นเด็กชายที่งามดังนี้ นับประสาอะไรกับพระสนมตำหนักโคคิ ที่ยังต้องอดเวทนากรุณามิได้ พระสนมมีพระราชธิดาสองพระองค์ ทั้งสองชอบเล่นกับพระโอรสน้อยที่เป็นพี่น้องกันครึ่งนึงมาก ทุกๆคนต่างยินดีที่จะได้พบพระองค์ คงเป้นเพราะพระกริยาชวนน่ารักน่าใคร่ชนะใจคนทุกผู้ได้ ทำให้ทุกคนปรีดาที่ได้เล่นกับองค์ชายน้อย แถมยังทรงมีพระปรีชาในด้านการศึกษาศาสตร์ต่างๆและการทรงดนตรีทั้งขลุ่ยและโคโตะสูงเยี่ยม

.ในช่วงเวลาราวๆนี้ มีพระราชทูตจากโคคูริว (เกาหลี) มาเยือน และในจำนวนนั้นมีโหรอยู่ด้วย เมื่อพระจักรพรรดิทรงรู้ถึงพระเนตรพระกรรณ พระองค์ปรารถนาให้โหรทำนายดวงชาตาพระโอรส แต่เนื่องจากเป็นกฏมณเทียรบาลที่ตราไว้โดยพระจักรพรรดิ์อุดะห้ามรับรองทูตหรือพวกต่างชาติต่างภาษาในพระราชฐาน ดังนั้นพระองค์จึงทรงส่งพระโอรสโดยอุไดเบนเป็นผู้พาไปที่ โคโรคัง ซึ่งเป็นสถานที่รับรองพระราชทูต โดยปิดบังฐานะว่าเป็นบุครของอุไดเบนซึ่งเป็นพระอาจารย์

เมื่อโหรเห็นเจ้าชายน้อย เค้ารู้สึกอัศจรรย์ใจ โคลงศรีษะไปมาในตอนแรกราวกับว่าไม่รู้จะทำนายออกมาอย่างไรดี แล้วก็กล่าวขึ้นว่า “ชะตาของเด็กคนนี้จะได้เป็นถึงบิดาของปวงประชา ได้ขึ้นมีตำแหน่งสูงเป็นประมุขของประเทศ แต่หากเป็นเช่นนั้น เขาจะต้องเผชิญกับความโชคร้ายใหญ่หลวง จะเป็นการดีกว่า หากเขาจะได้เป็นเพียงขุนนางใหญ่ผู้สนับสนุนค้ำจุนอังยิ่งใหญ่ของประเทศ ชะตาก็จะต่างออกไป”




อุไดเบนผู้นี้ท่านนี้เป็นปราชญ์ เขาสามารถนาสนทนาเรืองต่างๆกับทูตโคคุริวอย่างออกรส ทั้งถกกันเรื่องกวีจีน ทูตคนนึงกล่าวว่า เป็นความยินดีเป็นล้นพ้นที่เค้าได้พบการเด็กชายที่มีลักษณะพิเศษเช่นนี้ก่อนจะกลับประเทศ และเศร้าใจที่ต้องจากลา พวกทูตโคคุริวต่างพากันมอบของกำนัลมีค่าควรเมืองให้กับพระโอรส ผู้แต่งบทกวีอันเพราะพริ้ง ให้บรรดาทูตเช่นกัน อนึ่งพระจักรพรรดิมอบของกำนัลทรงค่าตอบแทนแก่คณะทูตเช่นเดียวกัน




ถึงแม้พระโอรสจะทรงเสด็จไปเป็นการลับ แต่ไม่วายข่าวนี้ก็รู้ถึงหูท่านอุไดจิน – เสนาบดีฝ่ายขวาเข้าจนได้ จนก่อความหวาดระแวงขึ้น ตามการตรวจดวงชะตาจากโหรของประเทศอินเดีย และโหรประจำราชสำนักอีกรอบ สอดคล้องกับความเห็นของพระจักรพรรดิ์ที่จะไม่สถาปนาตำแหน่ง พระราชโอรส ให้เจ้าชายน้อย เพราะจะเป็นภัยใหญ่หลวง ไม่เป็นประโยชน์ต่อโอรสน้อยเลย เพราะไม่มีญาติอันทรงอำนาจจากฝ่ายมารดาคอยหนุนหลัง อีกทั้งการครองราชสัมบัติของพระองค์อาจจะไม่ยืนยาว คงเป็นการดีกว่าที่จะสถาปนาให้โอรสน้อยเป็นสามัญชน ต้นตระกูลขุนนาง เพื่อเป็นตระกูลที่สนับสนุนราชบังลังค์ต่อไปในภายภาคหน้า

โอรสน้อยทรงมีพระปรีชาสามารถในการเรียนรู้ศาสตร์ทุกแขนง และยิ่งพระองค์ปรีชาสามารถ ยิ่งมีพรสวรรค์ ยิ่งน่าเสียดายที่จะเป็นได้เพียงสามัญชน ยิ่งกระพือข่าวลือเรื่องการจะแต่งตั้งพระองคืเป็น พระราชโอรส อย่างเป็นทางการ ทว่าที่ปรึกษาทั้งหลายขององค์จักรพรรดิไม่เห็นด้วยที่จะแต่งตั้งดอรสน้อยเป็นราชนิกูล ดังนั้นพระองค์จึงสถาปนาโอรสน้อย นาม เกนจิ เป็นต้นตะกูลมินาโมโตะต่อไปในภายหน้า
เดือนปีผ่านไป พระจักรพรรดิมิอาจลืมรักครั้งเก่า แม้สนมนางในหน้าใหม่ที่เข้ามาถวายตัวคนแล้วคนเล่า ก็มิอาจจะทดแทนหรือทำให้พระองค์ลืมเลือน

แต่ยังมีท่านหญิงอายุเยาว์ เป็นถึงพระธิดาองค์ที่สี่ของพระจักรพรรดิองค์ก่อน นางมีสิริโฉมงดงาม ได้รับการเลี้ยงดูประคบประหงมจากมารดาซึ่งเป็นอดีตจักรพรรดินีม้ายราวกับไข่ในหิน ไนชิโนะสุเกะผู้รับใช้ใกล้ชิดในรัชสมัยของอดีตจักรพรรดิที่ล่วงลับ สนิทสนมคุ้นเคยกับจักรพรรดินีม่ายและพระธิดา ได้กราบทูลขอให้องค์จักรพรรดิทรงลองพบปะกับพระธิดาสักครั้ง เพราะท่านหญิงมีความละม้ายคล้ายนางกำนัลเรือนคิริอย่างมาก

“ตอนนี้ข้าพอใจแล้ว” ไนชิโนะสุเกะเอ่ย “ข้ารับใช้ใกล้ชิดมาถึงสามรัชกาล และยังไม่เคยเห็นใครละม้ายนางผู้ล่วงลับไปมากกว่าพระธิดาของจักรพรรดินีม่ายอีกแล้ว และพระธิดาเองก็ทรงพระศิริโฉมนัก”

“อาจจะมีเค้าเป็นไปได้” พระองค์เริ่มสนพระทัยในพระธิดาแล้ว แต่สำหรับอดีตจักรพรรดินีม่าย ทรงไม่เห็นด้วย “จำมิได้หรือไร ความโหดเหี้ยมของพระราชมารดาของมกุฏราชกุมารทำกับนางเรือนคิริน่ะ !”

ถึงแม้นางจะคัดค้านความสัมพันธ์ระหว่างพระธิดากับองค์จักรพรรดิทุกวิถีทาง ทว่านางกลับด่วยสิ้นชีวิตไป ปล่อยให้พระธิดาเป็นกำพร้า พระจักรพรรดิทรงเข้ามาจัดการดูแลอย่างมีพระกรุณา และต้องการดูแลนางราวพระธิดาของพระองค์เอง ผู้ปกครองเป็นทางการของนางคือพี่ชายนาง เจ้าชายเฮียวบุเคียวโนะมิยะ ใตร่ตรองแล้วว่าชีวิตในราชสำนักน่าจะเหมาะสมและสร้างความสดใสให้ชีวิตของพระธิดามากกว่าการอยู่ในเรือนอย่างเงียบเหงา จึงส่งนางเข้าถวายตัว

เจ้าชายน้อนนาม เกนจิ ยังยังอยู่กับพระบิดาในตำหนัก เข้านอกออกในเรือนนางสนมกำนัลต่างๆ โดยเสรี จนมิมีสนมกำนัลใดสะเทิ้นเขินอายต่อเจ้าชายองค์น้อยๆอีกแล้ว ทุกนางต่างคุ้นชินกับเจ้าชายน้อยเพราะองค์มักประทับอยุ่กับพระบิดาเสมอ อีกทั้งสนมกำนัลทั้งหลายต่างผ่านเลยวัยสาวมาแล้ว มิเพียงพระสนมนางนึงเท่านั้นที่ยังสาวอ่อนวัย นั่นคือพระธิดาเรือนฟุจินั่นเองที่ดึงดูดความสนใจของเจ้าชายน้อยๆไว้ เจ้าชายไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับมารดา ยินเพียงเสียงบอกเล่าจากไนชิโนะสุเกะว่าพระธิดาละม้ายเหมือนมารดาของเขายิ่ง เด็กน้อยจึงติดพระธิดาและอยากอยู่ใกล้ๆเสมอ ราวกับต้องการเติมเต็มช่องว่างในหัวใจ

องค์จักรพรรดิทรงห่วงใยรักใคร่ทั้งคู่ยิ่งนัก ตรัสว่าพระธิดาไม่จำเป็นต้องปฏิบัติต่อเจ้าชายน้อยตามธรรมเนียมที่ห้ามชายใดเห็นนางจากพ่อพี่น้องและสามีเท่านั้น ”ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่อยากให้เจ้าอย่ามากมารยาท จงปฏิบัติต่อชายน้อยเสมอหนึ่งว่าเค้าเป็นลูกชายของเจ้า อย่าได้คิดว่าเด็กคนนี้ไร้มารยาท โปรดใจดีกับเขาให้มากๆ ทั้งใบหน้าและดวงตาเด็กคนนี้คล้ายมารดาของเค้ามาก แล้วเจ้าเองก็หน้าตาคล้ายมารดาเขาเข่นกัน ข้ารู้สึกว่าเป็นธรรมชาติที่พวกเจ้าจะอยุ่ด้วยกันแบบนี้” ด้วยความไร้เดียงสา เจ้าชายน้อยเกนจิ ไม่ทราบว่าจะบอกนางเช่นใดว่าเขาชอบนาง ทำได้เพียงเก็บเด็กใม้ใบหน้า ใบไม้แดงยามฤดูใบไม้ผลิ กำนัลนางเท่านั้น ความอบอุ่นค่อยแต่มแต้มและปลุกความรู้สึกอ่อนละมุนในใจเจ้าชายน้อยให้ตื่นขึ้น

เป็นเรื่องธรรมดาที่พระราชมารดาของมกุฏราชกุมารจะจงชังพระธิดาเรือนฟุจิ แถมคราวนี้ มันยังปลุกความเกลียดชังที่นางเคยมีต่อนางกำนัลเรือนคิริให้มาสู่ตัวของเจ้าชายเกนจิ ให้ฮือโหมขึ้นอีกครั้ง เพราะเจ้าชายเกนจิมีรูปโฉมงดงามเหนือกว่าองค์มกุฏราชกุมารอย่างเด่นชัดจนมิอาจเปรียบกันได้ ดวงหน้าที่แจ้มจ้าสว่างไสวงดงามเปล่งรัศมี จนผู้คนต่างเรียกขานกันว่า ฮิคารุ เก็นจิ โนะ คิมิ หรือ เจ้าชายเก็นจิ ผู้เจิดจรัส ประกอบกับเจ้าชายใกล้ชิดกับพระธิดาเรือนฟุจิเสมอ พระจักรพรรดิต่างรักใคร่ทั้งสองคนเป็นอย่างยิ่ง ผู้คนจึงขนามนามนางว่า พระธิดาแห่งแสงสุรีย์
พระจักรพรรดิทรงเอาใจเจ้าชายน้อยที่น่ารักน่าใคร่ทุกประการ จวบจนพระชนมายุได้ 12 จัดพิธีเก็มปุกุ หรือพิธิสามหมวกแสดงความเป็นผู้ใหญ่ ให้กับเจ้าชายเก็นจิ ราชพิธีจัดอย่างยิ่งใหญ่ หรูหรา ตระกานตาเท่าที่จะจัดหาได้ เพียงเป็นรองงานพิธีของมกุฎราชกุมารที่จัดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนที่ตำหนักชิชินเด็งเท่านั้น มีงานเลี้ยงเฉลิมฉลองโดยกำหนดให้ขุนนางหลายกรมกองป็นผู้รับผิดชอบ พระราชบังลังตั้งอยู่ ณ ปีกตะวันออกของตำหนักเซย์เรียวเด็น ซึ่งเป็นที่ประทับขององค์จักรพรรดิ และเบื้องหน้า เป็นที่นั่งของเหล่าผู้มีเกียรติในราชพิธี และ สะไดจิน – เสนาบดีฝ่ายซ้าย ผู้ที่จะเป็นคนสวมพระมาลาให้องค์ชาย
ราวๆสิบโมงเช้า หรือยามวอก เจ้าชายเก็นจิ ปรากฏพระองค์ ยังคงรวบพระเกศาไว้เป็นทรงมิซุระผูกเป็นแกละสองข้างไว้ข้างใบหน้าซึ่งเป็นทรงผมแบบเด็กชาย องค์จักรพรรดินึกเสียพระทัยว่านับจากนี้พระองค์จะมิได้ทอดเนตรชายน้อยในลักษณาการเช่นนี้อีกแล้ว ดวงพักตร์ขององค์ชายแจ่มจ้าด้วยความสดใสแบบเด็กๆ โอคุระเคียวคุระฮิโตะ หรือผู้ดูแลภายในวัง กำลังจัดแต่งทรงผมใหม่ให้เจ้าชาย เช่นเดียวกับที่จัดแต่งพระเกศาให้องค์จักรพรรดิ เค้าเสียดายที่จำต้องตัดผมอันนุ่มสลวยออกไป พระองค์ต้องสะกดใจไว้ หลังจากที่พระโอรสก้าวออกจากห้องแต่งตัวโดยสวมมาลาแสดงความเป็นผู้ใหญ่รวบรัดเกศาเป็นทรงแบบชายชาตรี พระองค์ทรงดำริว่า “อา หากเพียงแต่มารดาของบุตรชายข้าจะสามารถเห็นเขาในตอนนี้ล่ะก็” น้ำพระเนตรซึมออกมา เจ้าชายที่เปลี่ยนเครื่องทรงแล้วก้าวลงไปที่สวนด้านตะวันออกและถวายคำนับอย่างเคร่งขรึมเป็นพิธีการงามสง่าจนทุกคนอดชื่นชมมิได้ ทุกผู้น้ำตาซึมด้วยความปลื้มปิติ ความกริ่งเกรงว่าความงามขององค์ชายน้อยจะลดทอนลงไปเพราะเข้าพิธีแต่อายุยังน้อยนัก แต่มิได้เป็นเช่นนั้นเลย ความเปลี่ยนแปลงกับทำให้ความงามสง่าโดดเด่นขึ้น องค์จักรแทบควบคุมความทรงจำเก่าๆที่เคยอยู่ร่วมนางกำนัลเรือนคิริที่หลั่งไหลเข้ามามิได้
สะไดจินมีบุตรีที่เกิดจากภรรยาที่มีศักดิ์เป็นถึงพระธิดาเพียงหนึงนาง มกุฏราชกุมารหวังว่าจะได้นางมาเป็นคู่ครองทว่าบิดานางยังลังเล อยากยกนางให้กับเก็นจิมากกว่า เมื่อเขาทาบทามเรื่องนี้กับพระจักรพรรดิ พระองค์เองก็ทรงเห็นด้วย “ดีมาก ข้าเห็นด้วย เกนจิยังเล็กนักจะได้มีเพื่อนนอน จากนี้ไปไม่มีใครมาคอยดูแลลูกข้าเสียด้วย” เป็นผลดีที่พระโอรสผูยังไม่มีผู้มีอิทธิพลมาสนับสนุน ได้เป็นเขยของเสนาบดีฝ่ายซ้าย
บัดนี้งานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ได้เริ่มขึ้น เชื้อพระวงค์และขุนนางต่างมากันพร้อมหน้า ที่นั่งของเก็นจิอยู่ในอันดับท้ายสุดของบรรดาเจ้าชายทั้งหลาย และนั่งข้างๆสะไดจิน ทุกคนต่างพากันจิบสุรา ระหว่างงานเลี้ยง สะไดจินกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างที่หู แต่เก็นจินั้นยังเด็กนักเกินกว่าจะเข้าใจ และเขินอายเกินกว่าจะตอบ
บัดนี้สะไดจินหมอบกรานอยู่เบื้องหน้าพระจักรพรรดิ รับพระราชทานของกำนัลตามราชประเพณี โดยประทาน โออุจิกิ ผ้าคาดเอวสีขาว และ เครื่องทรงสตรี ผ่านทางนางกำนัล และทรงประทานจอกเหล้าของพระองค์ให้ด้วย พระองค์ตรัสออกมาว่า
เกศาเกล้ารวบขึ้นเป็นมุ่นมวย
ดั่งอำนายด้วยเชือกรักสมัครสมาน
( ลูกข้าเติบใหญ่แล้ว จะผูกพันเกี่ยวดองกับลูกสาวของท่านนับแต่นี้ไป )
ท่านสะไดจินก็ตอบคำว่า
เชือกแห่งรักภักดีได้ผูกพัน
สีม่วงเข้มดั่งคำมั่นมีจืดจาง
( เมื่อพระโอรสได้เกี่ยวดองเป็นเขยแล้ว ข้าจะสนันสนุนพระโอรสและภักดีกับพระองค์ตลอดไป )
ท่านสะไดจินก้าวลงสู่สวนและถวายคำนับในพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงอากัปเดียวกับที่เก็นจิได้ทำไปก่อนหน้านี้ รับพระราชทานอาชาจากคอกม้าหลวงและเหยี่ยวจากสำนักพระราชวัง ทั้งเหล่าราชนิกูลและเสนาบดีต่างยืนเรียงกันหน้าบันไดพระราชวัง รอรับพระราชทานของกำนัลที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคน ทั้งอาหารราคาแพง ผลไม้ หีบเสื้อผ้าอาภรณ์ ท่ามกลางการสั่งการของอุไดเบน และมีการแจกจ่ายโมจิ และของขวัญเหนือล้ำไปกว่างานราชพิธีเก็มปุกุของมกุฏราชกุมารเสียอีก
ในตอนค่ำเจ้าชายน้อยไปสู่คฤหาสน์ของท่านสะไดจิน โดยมีการจัดพิธีอภิเสกกับธิดาของสะไดจินและฉลองกันอย่างเอิกเกริก ความอ่อนเยาว์งดงามขององค์ชายถุกใจสะไดจินมาก แต่กับธิดาของเขา ท่านหญิงอาโออิ แล้ว นางมีอายุมากกว่าองค์ชาย นางละอายใจที่เค้าอายุน้อยและดูไม่เหมาะสมกับนางสักนิด
สะไดจินเป็นขุนนางที่พระจักรพรรดิทรงไว้วางพระทัย และภรรยาของเขามารดาของท่านหญิงอาโออิเป็นถึงพระขนิษฐาร่วมมารดาขององค์จักรพรรดิเอง ตัวสะไดจินนั้นมีภรรยาและบุตรธิดามากมาย หนึ่งในบุตรของเค้าที่เกิดกับพระธิดามีตำแหน่งเป็น คุรันโดะ โชโช-พลตรีผู้ดูแลวัง เป็นขุนนางหนุ่มที่มีอนาคต การที่ได้เกี่ยวดองกับเกนจิเช่นนี้ ถือเป็นการทานอำนาจอันยิ่งใหญ่ของอุไดจินซึ่งเป็นถึงตาของมกุฏราชกุมารองค์ปัจจุบันมิให้มีอำนาจล้นฟ้า
จากขั้วอำนาจที่แตกต่างระหว่างสะไดจินและอุไดจิน ต่างเป็นธรรมดาที่จะต้องมีการแก่งแย่งชิงดีกัน แต่อุไดจิยังผูกมิตรกับพลตรีหนุ่มอนาคตไกลบุตรชายของสะไดจิน หวังจะได้เค้ามาเป็นเขยให้กับธิดาคนที่สี่ของเค้า น้องสาวของสนมตำหนักโคคิ อุไดจินปฏิบัติต่อโชโชหนุ่มอย่างดีเยี่ยมเสมอเหมือน สะไดจินปฏิบัติต่อเก็นจิทีเดียว
เก็นจิยังคงอาศัยที่ในวัง ไม่ใคร่ที่จะอาศัยที่คฤหาสกฺของสะไดจินบ่อยนักเพราะองค์จักรพรรดิเรียกเข้าเฝ้าบ่อยครั้ง ในหัวใจในความคิดของเขาเห็นแต่เพียงความงามไร้ผู้ใดเปรียบปานของท่านหญิงเรือนฟุจิ เขาเฝ้าคิดแต่ว่า นี่ล่ะคือผู้หญิงแบบที่อยากแต่งงานด้วย ไม่มีใครสามารถมาแทนที่นางได้อีกแล้ว แม้ท่านหญิงอาโออิธิดาของสะไดจิน ภรรยาของเขา จะงดงามและได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี แต่เขาก็มิใคร่สนใจนางมากนัก เพราะเขาเสียหัวใจให้หญิงอื่นไปตั้งแต่วัยเยาว์เสียแล้ว นางเป็นทั้งความรักที่แอบซ่อน ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง ความขมขื่นของเขาตลอดกาล
หลายปีผ่านไป เก็นจิเติบใหญ่ขึ้นจนมิอาจเยี่ยมเยียนท่านหญิงเรือนฟุจิอย่างเป็นส่วนตัวที่ห้องของนางได้อีกต่อไป แต่เขาก็ยังพำนักอยุ่ในวัง เพราะมีความสุขเพียงได้ยินเสียงหวานล้ำของนางจำนรรจา หรือเสียงสังคีตขลุ่ยและโคโตะ ที่แว่วดัง ผ่านม่านบังตาที่กลางกั้นระหว่างกัน เพราะเหตุนี้ทำให้เขาไม่ใครเป็นเยือนบ้านของภรรยา บางทีไปวันสองวัน แต่อยู่ที่วังอีกห้าหกวันเลย


สะไดจินพ่อตาของเขาก็ไม่ได้เป็นกังวล ด้วยเห็นว่าเขายังอ่อนวัยนัก และยินดีต้อนรับลูกเขยหนุ่มเสมอเมื่อเขามาพักที่คฤหาสน์ ด้วยการเชิญเหล่าสหายที่รู้ใจมา และจัดหาการละเล่นที่เหมาะกับวัยมาสร้างความบันเทิง
ที่พำนักในพระราชวังของเก็นจิคือเรือนคิริ ที่พระจักรพรรดิรวบรวมบ่าวที่เคยรับใช้มารดาของเก็นจิมารับใช้เขาต่อไป อีกทั้งยังทรงโปรดให้ ชุริทะคุมิ – หน่วยซ่อมบำรุงหลวง ไปจัดแจงซ่อมแซมเรือน ชิเงย์สะ ที่มารดาของเก็นจิเคยพำนักให้อยู่ในสภาพอันงดงาม ต้นไม้ใบหญ้าในสวนสวยจัดแต่งอย่างงดงาม อีกทั้งยุงขุดลอกสระน้ำให้ใหญ่ขึ้นอีก เก็นจิทอดถอนใจ พลางคิดคำนึงว่า สักวันเขาคงมีคนที่รักจากใจจริงและได้มาใช้ชีวิตด้วยกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้
เล่าลือกันว่า นาม เก็นจิ ผู้เจิดจรัส นั้น ได้มาจากโหรชาวโคคุริวที่ได้ทำนายดวงชะตาของเขานั่นเอง


----------- ๑. เรือนคิริ จบ ------------


Create Date : 04 มกราคม 2552
Last Update : 4 มกราคม 2552 14:37:42 น. 2 comments
Counter : 450 Pageviews.

 
โอวเจ้ แปลเองเลยเรอะ ขยันโค่ดดดดดดดดด


โดย: perfect blue วันที่: 9 มกราคม 2552 เวลา:18:17:13 น.  

 
อ่ะ ลืม ปล.
background สวยนะ แต่ตาลายชะมัด


โดย: perfect blue วันที่: 9 มกราคม 2552 เวลา:18:17:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

ก่วยก๊วยตาลสด
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





MHWDAD : L'Arc~en~Ciel
a2a_hide_embeds = 0; a2a_prioritize=['twitter','facebook','digg'];a2a_linkname=document.title;a2a_linkurl=location.href;a2a_num_services=6;a2a_onclick=1;
[Add ก่วยก๊วยตาลสด's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com