๑. Kiritsubo ส่วนที่ 1
๑ . เรือนคิริ
ในรัชสมัยของจักรพรรดิ์ซึ่งนามของพระองค์ไซร้มิได้เป็นที่ประจักษ์แก่พวกเราทั้งหลาย ยังมีหญิงที่ได้รับการโปรดปรานขององค์พระทรงศักดิ์เหนือสนมนางในทั้งปวงในราชสำนัก ถึงแม้ว่านางจะมีฐานันดรมิสูงศักดิ์อันใดนัก ดังนั้นจึ่งได้ถูกมองอย่างเหยียดหยามด้วยสายตาอันมาดร้าย จากหญิงอันสูงศักดิ์กว่า แต่ละนางต่างคิดคำนึงว่า เราต่างหากที่ควรเป็นที่โปรดปราน แลหญิงผู้มีศักดิ์เทียบทันหรือต่ำต้อยกว่านางต่างก็ขุ่นเคืองยิ่งนัก นานเพียงไรแล้วกับวันคืนที่พวกนางเผ้ารอคอยที่จะได้ถวายงานพระองค์
ด้วยสถานการณ์เยี่ยงนี้ ความกังวลที่นางจำต้องทนแบกรับมันมหาศาลและเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และอาจเป็นสาเหตุว่าทำไมสุขภาพของนางจึงได้รับการกระทบกระเทือนอย่างมากในที่สุด จนนางต้องลาพักราชการในราชสำนักบ่อยครั้งเพื่อพักฟื้น ณ เรือนของมารดา
บิดาของนาง เป็นถึงขุนนางตำแหน่งไดนะกอนนั้นได้วายชมน์ไปแล้ว ทว่ามารดาของนางผู้เป็นเมียเอก เป็นหญิงผู้มาจากตระกูลอันเก่าแก่และได้รับการศึกษามาอย่างดี จัดการส่งนางเข้าสู่ราชสำนัก และคิดว่านางสามารถทำให้ธิดาของนางไม่น้อยหน้าผู้ใด แต่ในความเป็นจริง ก็ยังต่างจากแม่หญิงผู้มีบิดามารดาอยู่พร้อมหน้าเพื่อสนับสนุนส่งเสริม เมื่อยามมีราชพิธีใดๆธิดาของนางถูกกันไว้ในตำแหน่งที่ไม่โดดเด่นเพราะไม่มีคนคอยสนับสนุนค้ำจุน จนนางต้องคร่ำครวญกับตำแหน่งอันต่ำต้อยมิอาจทำสิ่งใดได้
ด้วยความอาภัพของนาง ยิ่งทำให้พระจักรพรรดิ์ยิ่งเพิ่มพูนความเสน่หาต่อนางมากขึนทบทวี ถึงขนาดมีผู้เปรียบเปรยวิพากวิจารณ์เป็นนัย ว่าทรงลุ่มหลงราวกับจักรพรรดิจีนลุ่มหลงสนมหยางกุ้ยเฟย จนพาบ้านเมืองฉิบหายล่มสลาย
ในกาลต่อมา อาจกล่าวว่าเป็นพรอันศักดิ์สิทธิ์แห่งความเสน่หาอันจริงใจ เจ้าชายน้อยที่งดงามราวอัญมณีจึ่งมาจุติในครรภของนาง เจ้าชายองค์โตของพระจักรพรรดิประสูติจากพระสนมตำหนักโคคิ ผู้เป็นบุตรีของท่านอุไดจิน หรือ เสนาบดีฝ่ายขวา ไม่เพียงแค่เจ้าชายองค์โตทรงมีพระชนมายุมากกว่า แต่ญาติฝ่ายพระมารดาของพระองค์ยังมีอำนาจยิ่งใหญ่ ดังนั้นทรงจะได้สืบทอดตำแหน่งมกุฏราชกุมารโดยไม่มีผู้ใดทัดทานอย่างแน่นอน พระจักรพรรดิ์ทรงปฏิบัติต่อโอรสองค์โตอย่างเหมะสมแก่ฐานะ แต่ทรงโปรดองค์ชายน้อยแรกประสูติซึ่งเกิดจากความเสน่หาต่อแม่หญิงเรือนคิริอย่างเปี่ยมล้นยิ่งกว่าผู้ใด ฝ่ายพระราชมารดาของพระโอรสองค์โต จึงมีลางสังหรณ์ว่า โอรสแรกประสูติอาจจะเข้ามาแทนที่บุตรของนางในตำแหน่งมกุฏราชกุมาร นางเป็นสนมที่เข้าวังมาก่อนผู้ใดและมีโอรสธิดามากกว่าสนมนางใด พระจักรพรรดิ์ทรงเกรงใจนางมากกว่าผู้ใด และคำตำหนิของนางชาญฉลาดและมีอิทธิพลกว่าคำพูดของผู้ใด
ย้อนกลับไปที่คู่แข่งของพระสนมตำหนักโคคิ ซึ่งนั่นก็คือนางกำนัลเรือนคิริ ผู้มีสุขภาพร่างกายอันอ่อนแอ แวดล้อมไปด้วยศัตรู ที่ต่างสร้างรอยแผลที่บาดลึกในใจนาง ที่พำนักของนางคือเรือนคิริ ที่มีชื่อเรือนจากต้นคิริที่ปลูกทั่วบริเวณ ด้วยตำแหน่งของนางผู้สืบเชื้อสายจากขุนนาง ซึ่งมีใช่นางผู้รับใช้จึงไม่สามารถอยู่ในตำหนักส่วนประองค์ได้ นอกจากยามมีงานฉลองหรืองานพิธการต่างๆเช่น งานแสดงสังคีต บางครา เมื่อทั้งสองหลับไหลจนตื่นสาย พระองค์จะรัยสั่งให้นางอยู่กับพระองค์ต่อ โดยทรงมิยอมให้นางกลับไปที่เรือนพำนัก ทำให้นางถูกมองว่าสมควรกับการถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม เพราะพระจักรพรรดิ์เหมือนจะกระทำกับนางราวหญิงต่ำศักดิ์
การที่พระจักรพรรดิจะเสด็จมาเยือนนาง จำต้องดำเนินผ่านเรือนหลังอื่นๆมาก่อน โดยแม่หญิงที่พำนักในเรือนอื่นๆนั้นต่างพากันริษยา ยามถึงคราที่นางกำนัลเรือนคิริไปสวายงานพระจักรพรรดิ์ที่ตำหนัก บ่อยครั้งที่นางจะต้องถูกกลั่นแกล้งจากแม่หญิงเรื่อนอื่นๆที่นางต้องเดินผ่าน ตามจุดต่างๆของระเบียงทางเดินยาวสู่ตำหนักส่วนพระองค์ บางทีก็แกล้งทำชายชุดของนางติดตามของนางเปรอะเปื้อน บางทีก็แกล้งลั่นดานประตูของระเบียงยาวที่มิมีทางออกทางอื่น ขังนางเอาไว้ พวกนั้นสรรหาวิถีทางทุกอย่างเพื่อกลั่นแกล้งนาง
ในที่สุดพระองค์ก็ทรงรับรู้ถึงเรื่องนี้ จึงพระราชทานเรือนหลังใหม่ให้นางพำนักเป็นกรณีพิเศษ อยู่ในตำหนักโคโร ที่ค่อนข้างจะใกล้กับพระตำหนักส่วนพระองค์ ซึ่งเดิมที่มีแม่หญิงนางอื่นพำนักอยู่แต่ต้องย้ายออกไปเพราะการนี้ และมันได้สร้างความไม่พอใจและความคั่งแค้นอันสดใหม่ให้ประทุขึ้นมา เมื่อโอรสน้อยเจริญวัยได้สามชันษาได้มีราชพิธีฮะกะมะกิ พิธีสวมกางเกงให้เด็กเป็นสัญลักษณ์การเปลี่ยนจากทารกเป็นเด็กชาย มีการจัดการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่จะเป็นรองเพียงพิธีของมกุฏราชกุมารเท่านั้น ใช้ของล้ำค่าในราชพิธีไปอย่างเต็มที่ ผู้คนต่างกล่าวกันอื้ออึงถึงความไม่เหมาะสมนี้ แต่เมื่อเจ้าชายน้อนทรงเจริญวัยขึ้น ด้วยรูปโฉมอันงามสง่ายิ่งของพระองค์ ที่งามยิ่งกว่าผู้ใด ทำให้ไม่มีใครสามารถดูหมิ่นพระองค์ได้ ผู้คนต่างพากันฉงนว่า ตนเคยเห็นเด็กชายผู้งามล้ำเช่นนี้มาก่อนหรือไม่
และในคิมหันตฤดูปีเดียวกันนั้นเอง นางกำนัลเรือนคิริผู้ได้ยศอย่างไม่เป็นทางการว่าเป็นมิยาสุโดโกโระหรือเจ้าจอม ได้ล้มป่วยลง และปรารถนาจะลาราชการไปจากราชสำนัก พระจักรพรรดิผู้คุ้นชินกับการมีนางอยู่ข้างพระวรกาย ทรงคัดค้านต้องการจะเก็บนางไว้ ทว่าอาการป่วยไข้ของนางทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆทุกวัน นางดูซูบเซียวอ่อนแอลง จนนางเหลือแค่เค้าความงามเลือนลางในอดีต นางสนองต่อวาจาและการแสดงออกแห่งความรัก การสัมผัสด้วยความรักความอ่อนโยนของพระองค์ได้เพียงน้อยนิด ดวงตาของนางสลึมสลือ นางทอดกายนางราวกับมาลีที่โรยกลีบเหี่ยวเฉาลง และนางก็อ่อนแออย่างถึงที่สุดจนกระทั่งมารดาของนางขอเข้าเฝ้าพระจักรพรรดิเพื่ออ้อนวอนให้พระองค์ทรงอนุญาติให้นางได้ออกจากราชสำนักไป ด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง เสลี่ยงได้เตรียมพร้อมไว้เพื่อนำนางกลับไปสู่เรือนของนางเอง แต่เมื่อยามพระองค์เสด็จเยี่ยมที่ห้องของนาง พระองค์ทรงกรรแสงด้วยความสิ้นหวัง พลางตรัสว่า มิใช่ได้ผูกคำมั่นสัญญาว่าเราสองจะมิพรากแม้เพลา ผู้หนึ่งผู้ใดออกเดินบนถนนแห่งการเดินทางครั้งสุดท้ายของชีวิตหรอกหรือไร? ฤาเจ้าตระหนักในฤทัยว่าจะทิ้งเราไปในยามนี้เสียแล้ว ? ข้ามิอาจปล่อยเจ้าจากไป นางเงยหน้ามองพระองค์อย่างอ่อนโยนเศร้าสร้อย เอ่ยเอื้อนคำตอบด้วยลงหายใจอันขาดห้วง
ข้าจำพราก จากไปใน อนธกาล ทำท่านราน โศกฤทัย เดียวดายล้ำ หากเลือกได้ มิปรารถนา จะม้วยมรณ์ จะไม่จร ขออยู่เรียง เคียงพระองค์ !
( ณ ยามนี้จุดจบได้มาถึง และหม่อมชั้นก็แสนเศร้าอย่างสุดซึ้งที่เราต้องพรากจากกัน หากหม่อมชั้นเลือกทางเดินชีวิตได้ หม่อมชั้นจะเลือกทางที่สามารถมีชีวิตอยู่เคียงข้างพระองค์ )
หากหม่อมชั้นรู้ว่าจะทำเช่นไร......
ดูเหมือนว่านางมีอะไรจะเอื้อนเอ่ยมากกว่านั้น แต่หากอ่อนแอจนเกินจะกล่าววาจา พระองค์แทบจะอยากจะไปส่งนางด้วยพระองค์เองคอยเฝ้าดูนางจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต ด้วยความเศร้าแทบขาดใจ ในลางขณะก็ไม่อยากให้นางจากไปไหน อยู่ที่นี่จนวาระสุดท้าย ซึ่งตามโบราณราชประเพณี พระองค์มิอาจกระทำเช่นนั้นได้
ในที่สุด เธอต้องจากไปจากพระราชฐานอย่างรีบร้อน เพราะพิธีปัดเป่าโรคภัยได้กำหนดนัดจัดขึ้นที่บ้านของนางในยามบ่ายของวันนั้นเอง นางจากไปแล้ว ทิ้งโอรสน้อยไว้ในวัง ดั่งความปรารถนาของนาง กระทั่งในเวลานี้ การจากไปของนางทำอย่างเป็นส่วนตัวที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เป็นที่สังเกตของบรรดาคู่แข่งของนาง สำหรับองค์จักรพรรดิ ยามราตรีดูเศร้าหม่นอนธกาล จักรพรรดิมิอาจข่มพระเนตรบรรทมลง พระองค์ส่งคนนำสาร์นไปเพื่อรับทราบความคืบหน้า และมิอาจที่จะอดทนรอการกลับมาของคนนำสาร์นได้ ยามเที่ยงคืนมาถึงพร้อมสำเนียงคร่ำครวญ นางกำนัลเรือนคิริ สิ้นใจแล้วเมื่อยามเลยเที่ยงคืนมาเพียงเล็กน้อย ผู้เดินสาร์นมิอาจทำสิ่งใด รีบร้อนกลับมาส่งข่าวความจริงอันน่าสลด ความตายของแม่หญิงเรือนคิริ นับจากนาทีนั้น พระหฤทัยของพระองค์มืดหม่น ทรงขังพระองค์อยู่แต่ในตำหนักส่วนพระองค์ สิ่งที่พระองค์ทรงหลงเหลืออยู่คือพระโอรสน้อยผู้กำพร้าแม่ แต่การเก็บพระโอรสไว้กับพระองค์นั้นมิเคยมีเป็นเยี่ยงอย่างมาก่อน จำต้องส่งพระโอรสน้อยให้ท่านยายในยามไว้ทุกข์ เด็กน้อย ผู้ไม่รู้เรื่องราวอันใด ได้แต่เบิ่งมองพระพักต์เศร้าสร้อยขององค์พระจักรพรรดิ์และผู้คนรอบกายอย่างประหลาดใจ ความตายของบิดามารดาเป็นเรื่องที่โศกเศร้า แล้วครั้งนี้เป็นความเศร้าสุดพรรณา ยามเมื่อดรุณน้อยมิรู้ความกระทั่งความตายของมารดา
พิธีศพเริ่มขึ้น มารดาผู้โศกเศร้าจนแทบจะโดดกองไฟตายตามบุตรีไป นางยืนยันที่จะขึ้นรถเทียมวัวติดตามด้วยสตรีไว้ทุกข์ เพื่อทำพิธีปลงศพที่สุสานที่โอตางิ เริ่มต้นด้วยพิธีกรรมทางศาสนา นี่เป็นห้วงความคิดของมารดาที่ระทดใจรึ ? ภาพบุตรีของนางยังคงแจ่มชัดในหัวใจ ยังคงเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา นางต้องได้เห็นบุตรีของนางสลายกลายเป็นเถ้าก่อน จึงค่อยเชื่อว่า บุตรีของนางได้ตายจากไปเสียแล้ว
นางเอ่ยด้วยความโศกเศร้า จนกระทั่งความโทมนัสเข้าจู่โจมจิตใจนางจนถึงขีดสุด ทำให้นางแทบพลัดตกลงมาจากรถเทียมวัว นางผู้ไว้ทุกข์ที่อยู่ร่วมในรถต่างพากับร่ำไห้แล้วกล่าวว่า ข้ารู้ว่าท่านโศกเศร้าเพียงใด นางทั้งหลายไม่ทราบที่จะปลอมโยนนางเช่นไร
ระหว่างพิธีกรรม ผู้เชิญพระราชโองการมาถึงพร้อมกับการประกาศพระราชโองการจากจักรพรรดิ์ ท่ามกลางความเงียบงันของพิธีกรรม ว่าพระองค์ได้เลิอนขั้นของนางผู้วายชมน์เป็นขุนนางชั้นสาม ซึ่งเทียบเท่ากับตำแหน่งพระสนม ตำแหน่งที่ในยามนางมีชีวิตอยู่ พระองค์ทรงปวดร้าวมิอาจที่จะประทานให้นาง อย่างน้อยในยามนี้พระองค์ปรารถนาที่จะยกย่องนางขึ้นไป สู่ตำแหน่งอันทรงเกียรติ ซึ่งมันอาจจะดูเป็นการไม่เหมาะสมและมีการคัดค้าน ทว่า รูปโฉมน่าทนุถนอม ความอ่อนโยน ความอดทน ของนางในผู้เป็นที่รักยิ่งขององค์พรรดิ ในยามมีชีวิตทำให้นางต้องทนทุกข์ระทมกับความริษยาเกลียดชัง แต่ในยามที่นางสิ้นไปแล้ว ไหนๆนางก็ตายไปแล้ว ความทรงจำอันสวยงามนั้น กลับทำให้ผู้คนที่แม้เคยเป็นศัตรูกับนาง พลอยเวทนาสงสาร กระทั่งพระสนมตำหนักโคคิยังออกปากว่า ยามเมื่อคนผู้หนึ่งได้จากไป ความทรงจำเกี่ยวกับคนผู้นั้นช่างมีค่านัก ข้าคิดถึงนาง
to be cont.
Free TextEditor
Create Date : 04 มกราคม 2552 |
Last Update : 4 มกราคม 2552 14:15:44 น. |
|
0 comments
|
Counter : 291 Pageviews. |
|
|